จัดฮวงจุ้ยปีเสือ 2553 รับมือทิศร้าย




ในปีพ.ศ. 2553 หรือปีขาลนี้ คงเป็นปีที่น่าห่วงยิ่งนัก โดยเฉพาะเรื่องของการเมืองในประเทศ ที่ส่อเค้าวุ่นวายไม่รู้จบ เหตุการณ์ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร หากดูกันตามสถานการณ์ทั่วไปคงเดาออกยาก แต่หากมองด้วยโหราศาสตร์แล้วบอกได้คำเดียวว่า น่าห่วงอย่างมาก สัญญาณอันตรายมีอยู่หลายเดือนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เมษายนที่กำลังจะถึง และช่วงปลายปี ส.ค. ก.ย. ต.ค. น่าห่วงหนัก อีกทั้งดวงผู้นำเองก็มีแนวโน้มชีวิตต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่น่าห่วงพอๆกับดวงประเทศ


แต่ไม่ว่าดวงเมือง ดวงผู้นำ จะเป็นอย่างไร หากว่าเราเตรียมที่จะรับมือกับเรื่องราวต่างๆที่จะเกิดกับตัวเราได้ก็คงจะดี วันนี้ผมจึงอยากจะบอกและแนะนำเกี่ยวกับทิศร้ายประจำปี 2553 ที่ผู้อ่านควรต้องระมัดระวัง เลี่ยงการไปกระตุ้นพลังงาน เคาะ ตอก เจาะ กระทบกระเทือน หรือกระจายพลังจากจุดนั้นๆให้ส่งผลรุนแรง อย่างน้อยแม้สถานการณ์ภายนอกจะดูเลวร้าย หากภายในเราตั้งรับ ฮวงจุ้ยส่งเสริมสนับสนุน เราก็ยังมีโอกาสในวิกฤตินั่นเอง


ทิศร้ายประจำปี 2553 ที่ควรเลี่ยง


ทิศเหนือ – ทิศอสูรปีขาล ร้ายอันดับหนึ่ง


ปีนี้ทิศอสูรของปีสถิตย์อยู่ทิศเหนือ (องศาที่ 315-45) โดยอยู่ร่วมกับดาวธาตุไม้ พลังความคิดสร้างสรรค์ การศึกษา วิชาการ เสน่ห์ ความสัมพันธ์ แม้พลังดาวที่สถิตย์จะเป็นดาวดี แต่ด้วยทิศอสูรหากก่อกวนด้วยฤกษ์ยามที่ไม่เหมาะสมจะเกิดเรื่องราววุ่นวาย ร้ายแรงให้ปวดหัว 3 เรื่อง แต่หากไปก่อกวนในเดือน วัน หรือยามที่มีอสูรทับซ้อนด้วยแล้ว อากจะต้องเจอเรื่องราวมากกว่า 3 เรื่องอย่างแน่นอน


เมื่อทิศเหนือเป็นทิศอสูร หากไปกระทบกระเทือนในทิศนี้ จะเหิดผลลบที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ การศึกษา วิชาการ เสน่ห์ ความสัมพันธ์ เช่น อาจจะโดนลงโทษให้ต้องไปเรียนหนักเพิ่มขึ้น หรือการเรียนมีปัญหาอุปสรรคอย่างมาก การฝึกงาน เทรนงานต่างๆไม่ราบรื่น งานวิจัยถูกขัดขวาง เสน่ห์ส่งผลร้าย เช่น ไปถูกใจคนที่ไม่ชอบ และโดนตามตื้อต้องปวดหัว ถูกใส่ร้ายป้ายสีเรื่องไม่ดีไม่งาม ทำให้ถูกมองในเรื่องไม่ดี ความสัมพันธ์มีปัญหา คนรอบข้างไม่ชอบหน้า


ที่ยกตัวอย่างเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อาจจะได้เจอเรื่องร้ายเหล่านี้ แต่การแก้ไขก็ต้องดูว่าเรื่องร้ายเกิดครบ 3 ครั้งรึยัง หากครบแล้ว ไม่ต้องแก้ไขก็ได้ แต่ถ้าไม่สบายใจอยากแก้ไขก็เพียงแต่หาโคมไฟสีแดงๆ สว่างๆ ทำให้โดดเด่นตั้งไว้ในมุมทิศเหนือของบ้าน หรือห้อง หรือจุดเทียน ตั้งไฟ ในทิศนี้ ทิ้งไว้อย่างน้อย 18 ชม.  ก็จะช่วยแก้ไรเรื่องร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นอีกได้




ทิศตะวันตกเฉียงใต้ – ทิศร้าย ซ้อนทับทิศแตกประจำปี 53


ทิศร้ายอันดับสอง ต้องยกให้ทิศตะวันตกเฉียงใต้(องศาที่ 202.5-247.5) เพราะปีนี้นอกจากเจอดาวเบญจภูติ ที่ร้ายแรงส่งผลร้ายกับทุกเรื่องแล้ว ยังซ้อนทับเจอทิศแตกประจำปี ที่นำมาซึ่งความวุ่นวาย อลม่าน ปัญหาที่มองทางแก้ไขไม่ออก ต้องพบเจอกับปัญหาที่วุ่นวายปั่นป่วน เมื่อสองความร้ายมาเจอกัน จึงร้ายอย่างน่าห่วงจริงๆ ดาวเบญจภูติ สามารถส่งผลร้ายได้ทุกเรื่อง เรียกว่า ทำอะไรก็ผิดไปหมด คิดอะไรก็ผิดจังหวะ ตัดสินใจก็พลาด จึงนำมาซึ่งปัญหาวุ่นวาย หากเจอทิศแตกเข้าไปด้วย นอกจากจะตัดสินใจผิดพลาดแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องสับสนวุ่นวาย ไม่ปกติสุข จากที่วางแผนการทำงาน หรือวางแผนการรับมือแก้ไขไว้เป็นอย่างดี แต่เจอทิศแตกนี้เข้าไป รับรองวุ่นวายไม่ทันได้ดึงแผนต่างๆมาใช้แทบไม่ทัน หรือทันก็ไม่ตรงตามแผนที่เตรียมไว้ซะนี่


วิธีแก้ไขหากเจอเรื่องร้ายจากทิศนี้คือ ควรหาซ์้อเกลือจำนวนนึง โรยบริเวณพื้นห้อง หรือพื้นบ้านในมุมนี้ ทิ้งไว้อย่างน้อย 5-6 ชม. พร้อมทั้งกวาดออกไปทิ้งนอกบ้าน นอกจากนี้ยังต้องหาโลหะจำนวนมากๆ มาตั้งไว้สลายพลังร้ายในทิศนี้ด้วย


แต่ปรัชญากล่าวไว้ว่า “ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี” แม้ทิศนี้จะร้ายแรกในปี 2553 แต่ก็เป็นทิศที่สามารถดึงเอาพลังโชคลาภเข้าบ้านได้เช่นกัน หากว่าได้ฤกษ์ยามที่ถูกต้อง คำนวนให้เหมาะสม จะแปรเปลี่ยนพลังร้ายให้กลายเป็นโชคลาภได้อย่างดี


ทิศตะวันออกเฉียงใต้ – ร้ายอันดับสาม ด้านโจรขโมย แก่งแย่ง ชิงสมบัติ


ทิศร้ายอันดับสามผมยกให้กับทิศนี้ไปครอง ทิศตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง(องศาที่ 112.5-157.5) เนื่องจากเป็นดาวเสื่อมแห่งยุค 8 นี้ จึงส่งผลร้ายได้รุนแรงไม่แพ้ดาวเบญจภูติ ทิศนี้เดิมปีที่แล้วเป็นโชคลาภ แต่ปีนี้เป็นทิศร้ายด้านความเสื่อม ถูกแก่งแย่ง ชิงทรัพย์สิน ข้าวของเสียหาย ต้องซ่อมแซม ถ้าใครในปีนี้ของหายบ่อยๆ หรือทำของพังง่ายบ่อยๆ ซ่อมแล้วซ่อมอีก หรือกำลังมีเรื่องฟ้องร้อง คดีความ ให้มองหาทิศนี้ในบ้านได้เลย หากพบเจอวัตถุที่ไม่สวยงาม สภาพที่ไม่น่าดู เช่น ปูนแตก น้ำรั่ว น้ำซึม เหล็กงอ ลวดหนาม สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งผลให้มากขึ้น รีบไปนำออกมาจากจุดนั้น หรือแก้ไขให้เรียบร้อย ทั้งนี้ยังจะส่งผลต่อผู้หญิงอายุ 29-42 ปีที่อาศัยในบ้านนี้ด้วยจะเจอปัญหาต่างๆเหล่านี้ นอกจากนี้อาจจะทำให้ผู้หญิง 29-42 ปี กับหญิงสาวรุ่นเล็ก 1-14 ปี ทะเลาะเบาะแว้ง หรือแก่งแย่งสมบัติกันด้วย  นำมาซึ่งข้าวของเสียหาย เกิดคดีความ หรือปัญหาระหว่างกันไม่สิ้นสุดตลอดทั้งปี


หากเจอเรื่องร้ายเหล่านี้ ให้รีบแก้ไขภูมิทัศน์ในทิศนี้ให้ดี สวยงาม ตั้งอ่างน้ำสีฟ้า วางนิ่งๆไว้ที่พื้น ก็จะช่วยลดปัญหาได้มากทีเดียว


ทิศใต้ – ร้ายอันดับสี่ มีปากเสียง


ทิศต่อมาคือทิศใต้ (องศาที่ 157.5-202.5) ปีนี้นำเรื่องร้ายเกี่ยวกับการทะเลาะเบาะแว้ง ปากเสียง การไม่ลงรอยกัน ปากก่อเหตุทั้งสิ้น อาจจะเกี่ยวกับทำให้ขามีปัญหา ระวังอุบัติเหตุเกี่ยวกับช่วงล่าง คอ ตับ  การว่าร้าย นินทา มีคู่แข่ง เกิดการแข่งขัน ถูกกระตุ้นให้ต้องทำงานอย่างหนัก ปัญหาที่ต้องเจอเรื่องราวจากคู่แข่ง การแข่งขัน ผู้หญิงอายุ 15-28 ปี ให้ระวังมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นกับตนเองมากที่สุด


ทิศนี้แก้ไขด้วยโคมไฟแดงๆ โดดเด่นตั้งแก้ไขเรื่องร้ายให้บรรเทาลง ก่อนการแข่งขัน แย่งชิง หรือก่อนไปเจรจาต่อรองกรณีเกิดปัญหามาแล้ว ให้ตั้งโคมไฟแดงไว้ก่อนอย่างน้อย 5-6 ชม. ในทิศนี้ แล้วจึงค่อยไปเจรจา จะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น


ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – ร้ายอันดับห้า ป่วย เสื่อม ม่าย


ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(องศาที่ 22.5-67.5) ในปีนี้ต้องเจอเรื่องราวเกี่ยวกับการเจ็บป่วย เสื่อมถอยของชีวิต จิตใจ และร่างกาย ใครที่ป่วยอยู่แล้ว ไม่ควรนั่งนอนทำงานในทิศนี้ตลอดทั้งปี จะป่วยไม่หาย หรือหายก็จะกลับมาเป็นอีกทั้งปี ความเสื่อมต่างๆนำมาซึ่งปัญหาระยะยาว แม้ทิศนี้จะไม่ทำให้ชีวิตวุ่นวายเหมือนดังทิศอื่นๆที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อคิดอะไรก็ผิด ขี้เกียจครอบงำ ความเสื่อมถอยของร่างกายทำให้ไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น ทิศนี้ก็จึงส่งผลร้ายได้เช่นกัน โดยเฉพาะคู่ครองที่มีปัญหาความสัมพันธ์หมางเมิน ไม่สนใจกัน ลองดูในทิศนี้ ว่าในปีนี้สภาพดูสวยงามดีหรือไม่ หรือมีวัตถุสิ่งชองหรือรอยแตกร้าวในทิศนี้บ้างหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว มิฉะนั้นอาจจะต้องมีปัญหาเลิกรากันไปได้โดยไม่รู้ตัว


ถ้าป่วยไม่สบาย ลองหาน้ำเต้ามาแขวนไว้เพื่อลดอาการเจ็บป่วยของคนในบ้านได้ครับ


สำหรับที่กล่าวมานี้เป็นเพียงภาพรวมทั้งปี 53 แต่  “ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี” แม้ในภาพรวมจะไม่ดี แต่บางเดือนดาวดีวนเวียนเข้ามาในทิศที่ไม่ดี ก็จะช่วยให้ส่งผลดีได้บ้าง หากท่านปรึกษาซินแสฮวงจุ้ยก็ควรจะเรียนรู้การปรับแต่งหน้าร้านค้าเพื่อรับพลังงานที่เข้ามาปากทางร้านค้าของคุณได้ จะช่วยลดทอนปัญหาที่เกิดขึ้นได้ และช่วยเสริมให้โชคลาภและสิ่งดีๆส่งผลมากขึ้นเช่นกัน



สำหรับท่านที่พลาดบทความก่อนหน้านี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมทางด้านฮวงจุ้ยที่ได้เคยลงไปในฉบับที่ผ่านมาแล้ว สามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่เวบไซต์ //www.fengshuix.com


FENGSHUIX.COM







 

Create Date : 16 มิถุนายน 2553    
Last Update : 16 มิถุนายน 2553 14:03:26 น.
Counter : 1060 Pageviews.  

ฮวงจุ้ย… ทิศร่ำรวยประจำปีวัวดิน 2552

(ลงในนิตยสารช่องทางทำมาหากิน ฉบับเดือน ก.พ.-มี.ค. 52)


เพื่อ
เป็นการต้อนรับปีใหม่ และเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคุณผู้อ่าน
ฉบับนี้ผมจึงขอเสนอแนวทางการปรับฮวงจุ้ยบ้านและร้านค้ารับพลังงานโชคลาภ
ประจำปี 2552 ซึ่งก็คือ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2552 ไปจนถึงวันที่ 4 ก.พ.
2553



ท่านผู้อ่านที่เคยอ่านบทความของผมมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
คงจะได้รับทราบถึงแนวทางการปรับแต่งฮวงจุ้ยแบบง่ายๆ
เอาไปดัดแปลงใช้เองได้ที่บ้าน
ส่วนผลที่ได้รับจะดีมากน้อยแค่ไหนอย่างไรนั้น คงตามแต่ละคนละกันนะครับ
อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า การปรับแต่งฮวงจุ้ย
ก็คือการบริหารพลังงานธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวเรา
เพื่อเหนี่ยวนำพลังงานที่ดีเข้ามาเสริมเพิ่มความเจริญรุ่งเรืองให้กับครอบ
ครัว และตัวเราเอง และหลีกเลี่ยงการไปยุ่งเกี่ยวข้องกับพลังงานที่ไม่ดี
เพราะอาจจะนำไปสู่ความยุ่งยากวุ่นวาย และพบเจอปัญหาต่างๆมากมาย



ในการหาจุดโชคลาภของบ้าน หรือร้านค้านั้น
มีความซับซ้อนกว่าที่จะบอกแบบรวมๆในที่นี้ได้ เพราะในแต่ละบ้าน
แต่ละมุมองศาของประตูบ้านนั้น
ส่งผลให้จุดและตำแหน่งโชคลาภคลาดเคลื่อนได้เช่นกัน ซึ่งในวันนี้
ผมจะไม่กล่าวถึงขั้นตอนนี้ แต่สิ่งที่จะพูดถึงทิศโชคลาภประจำปีวัวดิน 2552
นี้ คือ
การคำนวนพลังงานที่ส่งเสริมด้านโชคลาภของช่วงปีเพื่อดูว่ามาจากทิศใด
และเราจะต้องเตรียมตัวจัดสิ่งของและตกแต่งบ้านเพื่อรับพลังงานนั้นให้เข้า
สู่ตัวบ้าน และตัวเราได้อย่างไร


อันดับแรก บ้านที่ดี มีโชคลาภ ควรโล่ง โปร่ง และมีอากาศถ่ายเทได้ดี เพราะ
การที่จะให้พลังงานที่ดีเข้าสู่ตัวบ้านหรืออาคารนั้น
ควรมีการทำให้เกิดกระแสหมุนเวียนเกิดขึ้น เปรียบเสมือน ตุ่มน้ำ
หากว่าตุ่มนั่นเต็มตลอดเวลา ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายของเก่าออกไป
ก็จะไม่สามารถเติมน้ำใหม่เข้าไปได้ การปรับพลังงาน
หรืออากาศของบ้านก็เช่นกัน การให้อากาศหมุนเวียนถ่ายเทเป็นสิ่งจำเป็นมาก
ควรปรับให้มีการหมุนเวียนอากาศได้ดี สิ่งของเครื่องใช้ที่ไม่ใช้แล้ว
ควรเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย ไม่วางอยู่ทั่วไป
ของเก่าเก็บควรแยกพื้นที่เก็บออกจากส่วนที่ใช้งานประจำ
เฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่มีเยอะจนเกินไป ควรหาโอกาสเอาออกไปบ้าง อย่าให้รก
วิธีสังเกตุง่ายๆ ว่าบ้านเราโปร่งโล่งดีแล้วหรือยัง ให้คุณลองเปิดหน้าต่าง
ประตู ทั้งบ้านให้หมด แล้วลองไปยืนตรงกลางประตูบ้าน
ถ้าหากสังเกตุว่ารู้สึกมีลมอ่อนๆ พัดโชยเข้ามาในบ้าน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
มีพลังงานหมุนเวียนได้  แต่หากว่าไปยืนแล้ว ไม่มีลมพัดเลย
นั่นแสดงว่าบ้านคุณยังโล่งโปร่งไม่ดีพอ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นไปได้ว่า
บ้านของคุณอยู่ในจุดอับของพลังงานบริเวณนั้น เช่น
อยู่ใกล้อาคารสูงใหญ่เกินไป หรืออยู่ในซอยที่เล็กมากจนอากาศหมุนเวียนลำบาก


ส่วนถ้าเจอลมกรรโชกแรงมาก ก็ถือว่าไม่ดี ควรปรับปิดหน้าต่าง ประตูจนกว่าจะหาจุดที่ลมไหลเอื่อยๆจึงจะดี



อันดับที่สอง หลีกเลี่ยงสิ่งเน่าเหม็น  สิ่งปฏิกูล ของเสียต่างๆ
พึงระวังไว้ว่า สิ่งเน่าเหม็นและของเสียเหล่านั้น
จะนำมาซึ่งเชื้อโรคต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน สุขภาพของคุณจะย่ำแย่
การเงินจะมีปัญหาโดยตลอด
ทำธุรกิจจะเจอแต่คนคดโกงหลอกลวงให้เสียชื่อเสียทรัพย์

อากาศที่คุณหายใจเข้าไปในแต่ละครั้ง ส่งผลต่อความคิด จิตใจ
และร่างกายของคุณเอง การที่รับเอาของเสียเข้าร่างกาย
จึงเป็นที่มาของการที่มีจิตใจย่ำแย่ตามไปด้วย  เมื่อจิตใจย่ำแย่
การคิดตัดสินใจ ย่อมเสียหาย บกพร่อง ขาดสติมากเป็นพิเศษ
ย่อมทำให้ผลที่ได้รับมักจะมีปัญหาบ่อยๆ
นอกจากนี้ของเสียยังเป็นตัวที่สื่อถึงสิ่งชั่วร้าย อบายมุข และกิเลสของคน
หากว่าทำธุรกิจอาจจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ ทำอะไรที่ผิดกฏหมาย
ล่อแหลม และเกิดเรื่องกามกิเลสมาเกี่ยวข้องกับคนในบ้าน
ดังนั้นถ้าไม่อยากให้บ้านของคุณพอเจอปัญหาตามที่กล่าวมานี้
แนะนำว่าควรปรับปรุงพื้นที่เน่าเสียใหม่ ทำให้ดี ดูแลอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ให้เน่าเสียได้ก็จะดีมาก


อันดับที่สาม มีห้องโถงกลางที่กว้าง โล่ง เก็บกักพลังงานไว้ได้
จากข้อแรกที่กล่าวถึงความโล่งโปร่งสบาย
ถ่ายเทสะดวกเป็นจุดเริ่มต้นของการดึงเอาพลังงานที่ดีเข้าบ้าน
แต่เมื่อมีพลังงานที่ดีเข้ามาสู่ตัวบ้านแล้วควรที่จะเก็บกักพลังงานไว้ได้
ด้วย ไม่ให้พลังงานเข้ามาแล้วก็จากไปโดยเร็ว ซึ่งนั่นหมายถึง
เงินทองที่เข้ามา และหายจากไปเร็วนั่นเอง
บางบ้านอาจจะมีห้องรับแขกไว้หน้าบ้าน หรือกลางบ้านแล้วแต่การออกแบบ
ห้องโถงนี้เองเป็นสิ่งสำคัญ เปรียบเสมือนท้องของคนเรา เมื่อกินเข้าไปแล้ว
จะเก็บกักสิ่งต่างๆไว้ที่นี่ กินของดีมีประโยชน์ก็ร่างกายแข็งแรง
กินของเสียต่อร่างกายก็สุขภาพแย่ พลังงานที่ดีเมื่อเข้าสู่ตัวบ้าน
ควรจะให้พลังงานชี่นั้นถ่ายเทมาถึงห้องโถง
ซึ่งควรจะเป็นห้องที่เราใช้อยู่อาศัย พักผ่อนที่ห้องนี้มากที่สุดห้องนึง
รองจากห้องนอน ดังนั้นเมื่อห้องนี้มีพลังงานที่ดีเก็บกักไว้
เมื่อเราใช้พักผ่อนเมื่อเลิกงาน หรือใช้ทำกิจกรรมอื่นๆทั่วไป
พลังงานที่ดีเหล่านั้นก็จะส่งเข้ามายังตัวเราให้ได้รับผลนั้นตามไปด้วย
นึกถึงเหมือนห้องโถงคือตัวประจุพลังแบตเตอรี่ก้อนใหญ่
ระหว่างวันห้องโถงจะเป็นตัวประจุพลังที่ดีร้ายเอาไว้ในห้องนี้จนเต็ม
เมื่อเรากลับมาถึงบ้านนั่งพักผ่อนเพียงชั่วครู่
ประจุพลังดีร้ายต่างๆก็จะไหลเวียนเข้าสู่ตัวเราได้มากกว่าพลังจากห้องอื่นๆ
ซึ่งเปรียบเหมือนพลังแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า เมื่อชาร์จไฟให้เราก็ส่งผลน้อย
หรือไม่ชัดเจนเสียที
แต่ทั้งนี้ต้องมีการคำนวนพลังงานแล้วว่าเป็นพลังงานที่ดี จึงจะส่งผลดี


อันดับสี่ มีพลังชีวิตที่ดี มีคนอยู่อาศัย สม่ำเสมอ ไม่ทิ้งให้รกร้างว่างเปล่า
ร้านค้า บ้านเรือนที่ดี
ควรมีพลังชีวิตคอยส่งเสริมให้พื้นที่นั้นๆมีชีวิตตามขึ้นมาด้วย
เมื่อเราอยู่ในที่รกร้าง หรือสถานที่ที่ขาดสิ่งมีชิวิต
เราจะรู้สึกขาดชีวิตชีวา ขาดความสดชื่นกระปี้กระเปร่า
ทำอะไรก็ดูจืดชืดไร้เรี่ยวแรง และไม่มีแรงจูงใจในการกระทำการใดๆ
แตกต่างจากเวลาที่เราไปเที่ยวภูเขาที่มีต้นไม้สูงๆเยอะแยะมากมาย
สิ่งมีชีวิตของป่าไม้ จะทำให้เรากระชุ่มกระชวย
มีชีวิตชีวาและรู้สึกมีพลังงานขึ้นกับตัวเองโดยอัตโนมัติ
แม้ไม่มีคนอยู่ที่นั่นก็ตาม หรือเวลาที่เราเดินห้างสรรพสินค้าที่มีคนเยอะๆ
เราจะรู้สึกว่าสถานที่นั่นน่าเดินเล่น น่าช๊อปปิ้ง
และเราก็จะตื่นตาตื่นใจตามไปด้วย แตกต่างจากห้างสรรพสินค้าที่คนเดินน้อยๆ
แม้จะดูร้านค้ามีการตกแต่งสวยงามเลิศหรูอย่างไร
เรากลับไม่รู้สึกถึงการอยากจับจ่ายใช้สอย
และมีความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นนั่นเอง ดังนั้นร้านค้าหรือบ้านที่ดี
ควรเสริมพลังชีวิตให้สถานที่นั้นอย่างสม่ำเสมอ จัดให้มีคนอยู่อาศัย
เดินไปมา เข้าออกเสมอๆ ซึ่งจะเป็นการนำพาพลังงานจากภายนอกเข้ามาสู่ตัวบ้าน
และเป็นการนำพลังงานจากในบ้านออกไปยังข้างนอกโดยใช้คนเป็นตัวนำได้เช่นกัน
หรือบางร้านค้าเมื่อปรับปรุงร้านค้าใหม่ หรือเปิดร้านใหม่ยังไม่มีคนรู้จัก
ไม่มีคนเดินเข้าออก ก็อาจจะต้องอาศัยเพื่อนฝูงมาเยี่ยมเยือนเสมอๆ
บ่อยๆถี่ๆในช่วงแรก
หรือบางร้านอาจจะถึงขั้นต้องจ้างคนมาเดินเข้าร้านเพื่อให้เกิดบรรยากาศและ
เติมพลังชีวิตนั่นเอง


อันดับที่ห้า เรียนรู้ทิศทางที่ดี ที่นำโชคลาภมาให้
นอกจากหลักพื้นฐานดังที่กล่าวมาแล้วสำหรับปรับปรุงสถานที่เพื่อต้อนรับโชค
ลาภเข้ามาสู่ตัวบ้าน
แต่การที่จะดึงเอาพลังงานโชคลาภเข้าบ้านได้นั้นต้องเรียนรู้ทิศทางของแต่ละ
ปีแต่ละเดือนว่าโชคลาภอยู่ที่ใด สำหรับในปีวัวดิน 2552 นี้
ครอบคลุมช่วงวันที่ 4 ก.พ. 52 – 4 ก.พ. 53
โดยมีทิศที่เป็นโชคลาภอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ (องศาที่ 112.5 – 157.5
องศา) ซึ่งในทิศนี้ปี 52 นี้จะมีพลังงานดินโชคลาภแฝงตัวอยู่
ให้ไปดูว่าบ้านของคุณในมุมทิศนี้จัดพื้นที่เพื่อรับโชคลาภดังที่กล่าวมาสี่
ข้อก่อนหน้านี้ดีแล้วหรือยัง หากยังไม่ได้จัด
ควรจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมและจัดบริเวณนั้นให้มีพลังงานเข้ามายังตัวบ้าน
ได้ ซึ่งเป็นการเชิญเอาโชคลาภเข้ามานั่นเอง หากว่าบริเวณนั้นทึบ
มีกำแพงควรทำให้โล่งมากที่สุด ไม่เอาข้าวของเครื่องใช้มาวางทับ
หรือทำให้รกตรงจุดนี้ เพราะจะทำให้พลังโชคลาภไม่ทำงาน ไม่ส่งผล
ถ้าเป็นมุมมืดมุมอับ ควรหาไฟสีแดง เหลือง หรือส้ม มาเปิดให้สว่าง
เพราะสีแดง เหลือง ส้ม เป็นตัวแทนของธาตุไฟ และดิน
ซึ่งเป็นธาตุส่งเสริมธาตุดินโชคลาภนี้ให้แสดงผลมากขึ้น


การกระทบ เคาะ ตอก
เจาะ ทุบ รื้อของ หรือการก่อสร้าง ก่อกวนพลังงานใดๆในมุมนี้
ในปีนี้ถือว่าดี
เพราะจะยิ่งช่วยเพิ่มการกระตุ้นให้พลังโชคลาภมีกำลังส่งผลมากขึ้น
อันจะเป็นการเพิ่มพูนโชคลาภมาให้คุณนั่นเอง



ร้านค้าห้างร้าน ในบริเวณนี้ ควรหาสีแดง โคมไฟแดง หรือวัสดุที่ทำจากดิน
หรือพลาสติก และมีสีแดง มาตกแต่งจะดีมาก
หาพัดลมมาตั้งเพื่อพัดลมโชคลาภจากจุดนี้ให้กระจายทั่วทิศต่างๆในบ้านก็จะ
ยิ่งดี อย่าเอาของมาวางกั้นในทิศนี้ ร้านค้าที่เคยวางของในทิศนี้
ปีนี้เปลี่ยนที่วางใหม่ อย่าเอามาขวางโชคลาภ ถ้าร้านค้าใด
มีทางเข้าร้านในทิศนี้ ถือว่าเป็นโชคดีของคุณ
ปีนี้มีโอกาสกอบโกยรายได้มากกว่าปกติ ต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
ขยันขันแข็งทำมาหากิน


ถ้ามีถนน ซอย
หรือช่องลมที่พุ่งเข้ามาที่บ้านเราในทิศนี้ ในปี 52 นี้
ถือว่าดีมากกว่าเสีย แต่ทางที่พุ่งมาต้องลาดเข้ามาหาเราด้วย
หากลาดออกถือว่าเสียทรัพย์มากเป็นพิเศษต้องระวังครับ


ข้อควรระวังสำหรับการกระตุ้นโชคลาภในปี 52
นี้ในทิศตะวันออกเฉียงใต้(องศาที่ 112.5 – 157.5 องศา)
เนื่องจากปีนี้ทิศโชคลาภ
ซ้อนทับทิศอสูรซึ่งเป็นทิศร้ายแรงอย่างนึงของทางฮวงจุ้ย
ซึ่งในปีนี้ซ้อนทับครึ่งนึงของทิศตะวันออกเฉียงใต้ คือ ช่วงองศาที่
112.5-135 องศา
ดังนั้นการปรับแต่งฮวงจุ้ยเพียงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ยังคงจัดได้ตามที่
กล่าวมา เพียงแต่การไปกระตุ้นด้วยเคาะ ตอก เจาะ ทุบ รื้อ
สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้พลังทิศอสูรร้ายก่อตัวขึ้นมาแสดงผลร้ายกับเราได้
หากต้องการกระตุ้นด้วยการ เคาะ ตอก เจาะ แนะนำว่าควรปรึกษาอาจารย์ฮวงจุ้ย
หรือผู้ที่เรียนรู้หลักการเลี่ยงพลังอสูรจะดีกว่า หากต้องการตั้งพัดลม
แนะนำว่าควรอยู่ในทิศองศาที่ 135-157.5 องศา จะปลอดภัยกว่าครับ



สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการปรับแต่งฮวงจุ้ยคือ การหาเข็มทิศมาไว้ใช้ในการหามุม
และทิศทางต่างๆของบ้าน
เพราะลำพังเพียงแค่การคาดคะเนด้วยสายตามีความผิดพลาดสูงมาก
แนะนำให้ไปศึกษาวิธีการใช้งานเข็มทิศ
และมีติดตัวไว้จะเป็นประโชยน์สำหรับทุกท่านดีทีเดียวครับ



สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำตัวเองให้มีความเจริญรุ่งเรือง คือ
การยึดหลักคุณธรรม หลักธรรมะในการดำเนินชีวิต รู้จักพอเพียง
พึงพอใจในสิ่งที่เรานั้นมีอยู่ และไม่เบียดเบียนผู้อื่น


คุณธรรมเปรียบเสมือนเกราะป้องกันภัยร้ายต่างๆที่เข้ามาทำร้ายเรา
คนดีมีคุณธรรม แม้ไม่ร่ำรวย แต่ชีวิตมักผาสุข อายุยืนยาว
ดังนั้นสำหรับในปีใหม่นี้
ผมจึงขออวยพรอวยชัยให้ท่านผู้อ่านได้ประสบพบเจอรสิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต
ยึดหลักธรรมในการดำเนินชีวิต
ฮวงจุ้ยเป็นเพียงศาสตร์นึงในการช่วยให้ชีวิตสุขสมหวัง
แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ขอให้ทุกท่านมีสติและเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป
สวัสดีปีใหม่ 2552 ครับ

สำหรับท่านที่พลาดบทความก่อนหน้า
นี้
หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมทางด้านฮวงจุ้ยที่ได้เคยลงไปในฉบับที่ผ่านมาแล้ว
สามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่เวบไซต์
//www.fengshuix.com




Free TextEditor




 

Create Date : 12 เมษายน 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2552 22:55:57 น.
Counter : 445 Pageviews.  

ฮวงจุ้ย…”ส่วนเว้าแหว่งของอาคาร…กับผลต่อพนักงานแต่ละคน”

(ลงในนิตยสารช่องทางทำมาหากิน ฉบับเดือน ม.ค. 52)
โดย
ส่วนใหญ่รูปทรงของที่ทำงานปัจจุบันที่อยู่ในเมือง
มักจะเป็นการเช่าพื้นที่ตึกสูงซะส่วนใหญ่
และด้วยเหตุนี้เองที่แผงผังของรูปทรงของสถานที่ทำงาน
จึงมีความแตกต่างกันออกไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่า
การที่รูปทรงของที่ทำงานเว้าแหว่งขาดหายไปนั้น
สามารถส่งผลดีร้ายต่อพนักงานหรือแม้แต่ตัวของคุณเองได้เช่นกัน


สำหรับอาคารตึกสูงโดยทั่ว
ไป มักจะมีข้อจำกัดทางด้านการออกแบบโครงสร้าง
และข้อจำกัดทางด้านความคุมค่าของพื้นที่
ทำให้รูปทรงของตัวพื้นที่ที่ได้เปิดให้สำนักงานเช่าหลายๆแห่ง
มีรูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วน และเหตุนี้เอง
สำนักงานบางแห่งจึงมักมีปัญหาเรื่องพนักงานบางส่วนมีปัญหาไปเป็นประจำเสมอๆ
แม้ว่าจะเปลี่ยนกี่คนต่อกี่คนก็ตาม เราลองมาดูกันนะครับว่า
รูปทรงที่ขาดหายไปของพื้นที่ทำงานนั้นมีผลต่อใครอย่างไรบ้าง


ทิศที่เว้าแหว่งนั้นเป็นทิศเหนือ จะส่งผลร้ายต่อ พนักงานผู้ชายอายุระหว่าง 16-30 ปี
มักจะมีปัญหาอยู่เสมอๆ ลางานบ่อย ขาดงานประจำ
ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ไม่มีสมาธิในการทำงาน
ส่งผลเสียต่องานที่รับผิดชอบด้อยประสิทธิภาพ
หรือพนักงานคนใดที่ทำงานในตำแหน่งที่รับผิดชอบเรื่องดังนี้ เช่น
งานที่ต้องวางแผน งานที่ต้องเดินทางเสมอ งานร้านอาหาร ธุรกิจบริการกลางคืน
งานที่เกี่ยวกับฝ่ายซ่อมบำรุง นักเขียน ที่ปรึกษาบริษัท
จะส่งผลเสียต่องานเหล่านี้
บุคคลใดที่มีตำแหน่งที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้มักจะทำงานออกมาได้ไม่ดี
หรือมีปัญหาโดยตลอด


ทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะส่งผลร้ายต่อพนักงานหญิงอายุ 46 ปีขึ้นไป
หรือพนักงานที่ให้บริการประชาชน พนักงานที่ต้องใช้แรงงาน
หรือต้องเกี่ยวข้องกับแรงงานจะมีปัญหา งานด้านเกษตรกรรม ช่างสวน ครู
การศึกษา ฝ่ายเทรนนิ่งอบรมมักจะไม่มีผลงาน งานที่ทำเพื่อสังคมจะออกมาไม่ดี
ทำแล้วมีปัญหามากกว่าสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กร


ทิศตะวันออก จะส่งผลร้ายต่อ พนักงานผู้ชายอายุระหว่าง 31-45 ปี
(ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้บริการองค์กรระดับผู้จัดการ)
ผลเสียจะทำให้พนักงานกลุ่มนี้ขาดความมีชีวิตชีวาในการทำงาน
ขาดความกระตือรือร้น ไม่อยากแย่งชิงเอาชนะ
ชอบอยู่เฉยๆเฉื่อยๆไปเรื่อยๆดีกว่า หรือคนที่ต้องรับผิดชอบดังนี้
งานที่เกี่ยวกับไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า กีฬา ทหาร ครู
กลุ่มวิทยากร ผู้นำกิจกรรมสันฐนาการต่างๆ กลุ่มนักดนตรี นักร้อง ช่างไม้
ช่างสี พ่อครัว คนขับรถ ที่ปรึกษา นักประดิษฐ์ วิศวกร นักเขียน นักข่าว
กลุ่มคนเหล่านี้การงานจะทำให้คุณตกต่ำ แม้ว่าจะขยันเพียงใด
แต่ปัญหามักจะมีเสมอๆ รวมไปถึงพนักงานที่กล่าวมานี้
ไม่มีความรู้สึกในการอยากที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
หรือขาดผลงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน


ทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะส่งผลร้ายต่อพนักงานหญิงอายุ 31-45 ปี
หรืองานด้านประชาสัมพันธ์องค์กร การเผยแพร่ข่าวสาร งานวิชาการ
เทรนนิ่งอบรม สื่อโฆษณาไม่ได้ผล งานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การบิน
นักขาย นักการตลาด นักข่าว วิทยากรอมรม
พนักงานเหล่านี้จะทำงานแต่ขาดชื่อเสียง ขาดการรับรู้จากภายนอก
ทำงานดีอย่างไรก็จะไม่ค่อยโด่งดัง
หากเป็นหญิงบางทีจะมีปัญหาเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้องในที่ทำงาน
ต้องระวังอย่าให้มีน้ำเน่าเสียตรงจุดนี้ หรือมองออกไปเจอจุดน้ำเสียภายนอก
จะทำให้มีปัญหาชู้สาวในที่ทำงานเกิดขึ้นได้


ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะส่งผลร้ายต่อผู้ชายอายุ 46 ปีขึ้นไป หรือผู้บริการระดับสูงขององค์กร
ทิศนี้บ่งบอกถึงผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในบริษัท
หรือผู้ที่ทำงานที่ต้องรับผิดชอบในงานที่ต้องประสานกับผู้บริการระดับสูง
ติดต่อราชการทหาร ข้าราชการ คนที่มียศศักดิ์อำนาจ พระ นักบวช นักแปล
ช่างกล ช่างเหล็ก นายธนาคาร นักจิตวิทยา
กลุ่มคนเหล่านี้จะประสบปัญหาในการบริหารงานที่ไม่มีอำนาจ
ขาดการเชื่อฟังจากลูกน้อง ทำตัวดีอย่างไรลูกน้องก็ไม่นับถือ
หรือไม่เห็นคุณค่า ขาดการเกรงใจ หรืออีกนัยหนึ่งคือ
ผู้บริหารจะเป็นคนที่ไม่มั่นคง มีปัญหาทางด้านสมอง ศีรษะ ปอด กระดูก

ทิศตะวันตก จะส่งผลร้ายต่อพนักงานหญิงที่อายุไม่เกิน 15 ปี
ในธุรกิจทั่วไปอาจจะไมมีกลุ่มคนเหล่านี้
แต่ในบางธุรกิจอาจจะมีการรับมาเป็นพนักงานในร้านชั่วคราวก็มีบ้าง
หรือพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย การธนาคาร ร้านอาหาร โรงแรม บาร์
งานด้านบันเทิง นักบัญชี นักบริหารองค์กร หรือผู้จัดการ นักออกแบบ
กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ นักตกแต่งภายใน ทีมงานด้านการออกงานต่างๆ เช่น พริตตี้
PR นักแสดงต่างๆ


ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะส่งผลร้ายต่อพนักงานชายอายุไม่เกิน 15 ปี
(ในบางธุรกิจอาจจะมีการจ้างงานชั่วคราว)
หรืองานที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องจัดการสินค้าคงคลัง นักสืบ ตำรวจ
งานที่ทำเพื่อสังคม ฝ่ายรปภ. นักดนตรี นักเต้น
ฝ่ายที่ต้องประสานงานกับการเมือง นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ฝ่าย
R&D ขององค์กรจะประสบปัญหา ไม่สามารถคิดค้นสินค้าใหม่ๆที่น่าสนใจ หรือประสบความสำเร็จได้


ทิศใต้ จะส่งผลเสียต่อพนักงานหญิงอายุระหว่าง 16-30 ปี หรือพนักงานที่ต้องใช้ความสวยงาม เช่น PR พริ
ตตี้ หรือพนักงานด้านการอบรม ผู้ที่ดูแลด้านการตลาด
การประชาสัมพันธ์องค์กร องค์กรขาดชื่อเสียง ไม่มีคนกล่าวถึง ไม่เด่นดัง
ขาดความน่าสนใจต่อผู้บริโภค งานด้านการแสดงไม่ว่าจะเป็น นายแบบ นางแบบ
นักออกแบบเสื้อผ้า ช่างภาพ สถาปนิก คนเหล่านี้ทำงานได้ไม่นาน
ทำแล้วผลงานไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจเพียงพอ


จุดกึ่งกลางอาคารที่มีการเว้าแหว่ง จะส่งผลต่อผู้บริการสูงสุดขององค์กร ผู้ที่กุมอำนาจมากที่สุด ขาดการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ ขาดอำนาจบารมีที่เกรงขามต่อลูกน้อง
ทิศ
ต่างๆดังที่ได้บอกไปนี้
เพื่อให้ทราบถึงผลร้ายเสียต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องดังที่กล่าวมา
อยากให้ท่านผู้อ่านลองกลับไปเทียบกับแผนผังที่ทำงานของท่านเอง
และจะเห็นได้ว่าองค์การมีจุดบกพร่องด้านใดบ้าง
และควรส่งเสริมและใส่ใจงานในด้านใดมากเป็นพิเศษ
และการแก้ไขก็เพียงแต่เติมเต็มส่วนที่หายไป หรืออาจจะนำตู้
เฟอร์นิเจอร์มาวางให้เติมเต็มไม่ให้ดูขาดหายไปก็พอช่วยได้

หากจะดูให้ละเอียดกว่านี้จะมีเรื่องพลังงานในแต่ละช่วงแต่ละอาคารที่ส่งผลมากเป็นพิเศษแตกต่างกันได้อีก
ท่านที่ต้องการอ่านบทความย้อนหลังอ่านได้ที่ //www.fengshuix.com





Free TextEditor




 

Create Date : 12 เมษายน 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2552 22:48:54 น.
Counter : 505 Pageviews.  

ฮวงจุ้ย… “ทิศอสูร…ทิศร้ายที่ควรระวัง”

ฮวงจุ้ย… “ทิศอสูร…ทิศร้ายที่ควรระวัง”


(ลงในนิตยสารช่องทางทำมาหากิน ฉบับเดือน พ.ย. 51)


เมื่อพูดถึง “ ทิศอสูร”
หลายๆคนคงนึกถึงหลายๆคนอาจจะนึกถึงทิศที่มีผีร้าย หรือวิญญาณ
แต่ในหลักวิชาฮวงจุ้ยแล้ว
หมายถึงทิศที่ส่งผลร้ายเมื่อมีการไปกระทบกระเทือน
ซึ่งท่านผู้อ่านควรศึกษาและรู้เอาไว้เพื่อเลี่ยงทิศดังกล่าวในเวลาที่มีการ
ปรับแต่งบ้านหรืออาคารใหม่ทุกๆครั้ง


ทิศอสูร ในหลักวิชาฮวงจุ้ยนั้นต้นกำเนิดมาจากหลักการพิฆาตกันของธาตุทั้ง 5 หรือจะเรียกว่าการชง หรือ ปะทะกัน ดังที่เคยกล่าวไว้เมื่อฉบับเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งจะขอสรุปสั้นๆดังในภาพวงจรการพิฆาตในรูปที่ 1



เริ่มจาก ไม้ พิฆาต ดิน, ดิน พิฆาต น้ำ, น้ำ พิฆาต ไฟ, ไฟ พิฆาต ทอง, ทอง พิฆาต ไม้


ในหลักคำนวณหาทิศอสูรปี
นั้น คือ การหาทิศที่มีพลังงานที่ปะทะกันในแต่ละปี โดยเมื่อมีการพิฆาตกัน
หรือปะทะกันของพลังงาน หากเราไปก่อกวนในทิศนั้นๆ
หรือไปกระทบกระทั่งทำให้พลังงานบริเวณนั้นมีการแผ่ขยายออกมา
ก็จะส่งผลให้พลังงานที่ร้ายๆกระจายตัวส่งผลร้ายต่อผู้ที่อยู่อาศัยได้
ซึ่งจะต้องรู้ก่อนว่าในปีใด มีพลังงานธาตุใด และทิศไหนเป็นทิศที่ถูกพิฆาต
ซึ่งผมพอจะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้


- กลุ่มไตรภาคีน้ำ กลุ่มนี้ประกอบด้วยปีนักษัตร วอก, ชวด, มะโรง พลังทั้ง 3 ปีนี้จะปะทะกับธาตุไฟ (ทิศใต้) ในปีนักษัตรเหล่านี้จึงมีทิศใต้เป็นทิศอสูร
- กลุ่มไตรภาคีไฟ
กลุ่มนี้ประกอบด้วยปีนักษัตร ขาล, มะเมีย, จอ พลังทั้ง 3
ปีนี้จะปะทะกับธาตุน้ำ (ทิศเหนือ)
ในปีนักษัตรเหล่านี้จึงมีทิศเหนือเป็นทิศอสูร

- กลุ่มไตรภาคีทอง
กลุ่มนี้ประกอบด้วยปีนักษัตร มะเส็ง, ระกา, ฉลู พลังทั้ง 3
ปีนี้จะปะทะกับธาตุไม้ (ทิศตะวันออก)
ในปีนักษัตรเหล่านี้จึงมีทิศตะวันออกเป็นทิศอสูร

- กลุ่มไตรภาคีไม้
กลุ่มนี้ประกอบด้วยปีนักษัตร กุน, เถาะ, มะแม พลังทั้ง 3
ปีนี้จะปะทะกับธาตุทอง (ทิศตะวันตก)
ในปีนักษัตรเหล่านี้จึงมีทิศตะวันตกเป็นทิศอสูร

- ส่วนกลุ่มไตรภาคีดิน ไม่มี


ดังนั้นขอยกตัวอย่างในปี 2552 คือ ปีนักษตรฉลู เป็นกลุ่มไตรภาคีทอง ในปีหน้า (ปี 2552) จึงมีทิศตะวันออก(ธาตุไม้) เป็นทิศอสูร
และในปี 2553 เป็นปีนกษัตรขาล เป็นกลุ่มไตรภาคีไฟ ในปี 2553 จึงมีทิศเหนือ(ธาตุน้ำ) เป็นทิศอสูร เป็นต้น


ซึ่งจากที่กล่าวมาผมจะสรุปเป็นตารางเพื่อเอาไว้ดูประกอบง่ายๆ ดังนี้




จากภาพจะสังเกตได้ว่าทิศอสูรนั้นครอลคลุม 90 องศาในทิศนั้นๆ เช่น ปี
พ.ศ.2551 มีทิศใต้เป็นทิศอสูร ดังนั้น เมื่อแบ่งทิศเป็นทิศทั้ง 4 ทิศ
จะได้ทิศใต้ทั้งหมด หรือ ถ้าแบ่งเป็น 8
ทิศตามที่เคยได้บอกเอาไว้ในฉบับก่อนหน้านี้


ทิศอสูร จะครอบคลุมทิศใต้ทั้งส่วน รวมไปถึงครึ่งนึงของทิศตะวันออกเฉียงใต้ และอีกครึ่งนึงของทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วย (ดังแสดงในภาพ)




อย่างที่เคยบอกนะครับ การเปลี่ยนแปลงปีจากปีเก่าสู่ปีใหม่
ในหลักวิชาฮวงจุ้ยจะเริ่มนับจากวันที่ 4 ก.พ. ของทุกปี ไม่ใช่ 1 ม.ค.
แจ้งเตือนไว้อีกทีกลัวเข้าใจผิดครับ

เมื่อ
เราทราบถึงการหาทิศอสูรกันแล้ว
เราก็ควรจะรู้ว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องรู้และควรระวังกันขนาดนั้นเชียวหรือ
ลองจนตนาการดูว่า หากเราอยู่ในสถานที่ที่มีการปะทะกันของคนสองคน
ถึงแม้ว่าในห้องนั้นเราจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายใดเลย
แต่ผลที่เกิดจากทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันนั้น อย่างน้อยก็อาจจะรบกวนสมาธิ
หรือทำให้เราไม่สามารถนั่งทำงานในบริเวณนั้นอย่างมีความปกติสุขได้ เช่นกัน
ในทิศอสูร คือทิศที่มีการปะทะของพลังงาน พลังงานในทิศอสูรนั้น
ก็จะรบกวนไม่ให้เราสามารถทำงานอย่างมีสมาธิ
หรือหากมีการตัดสินใจใดๆก็อาจจะทำให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายขึ้นกว่า
เดิม


ดัง
นั้นในทิศอสูรนี้
หากเราทราบแล้วควรหลีกเลี่ยงการไปกระทบกระทั่งพลังงานในบริเวณนั้น
ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งซ่อมแซม ต่อเติม เคาะ ตอกตะปู เจาะผนัง ขุดหลุม
เปิดหน้าดิน หรือย้ายข้าวของที่ต้องมีการสั่นสะเทือนของพลังงานเกิดขึ้น
สิ่งเหล่านี้จะเป้นการไปกระตุ้นพลังงานให้กระจายสู่พื้นที่ข้างๆ อัน
จะส่งผลให้เหตุการณ์ที่ไม่ดี
หรือเหตุร้ายต่างๆเกิดขึ้นกับผู้อยู่อาศัยภายใน 3-7 วัน หรือไม่เกิน 120
วัน และมักจะเกิดขึ้น 3 เรื่องติดต่อกัน
ถ้าผู้อยู่อาศัยเป็นช่วงที่ธาตุถูกพิฆาตด้วย หรือดวงชะตาอ่อนกำลัง
อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยเช่นกัน


ทั้งนี้ความรุนแรงของ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
ขึ้นอยู่กับว่าการกระทบกระเทือนนั้นรุนแรงมากน้อยแค่ไหน
ยิ่งกระทบรุนแรงมากเหตุการณ์ร้ายก็จะยิ่งรุนแรงมากตามไปด้วย
และถ้ามีการคำนวณอย่างละเอียดถึงวันเดือนปีเกิดของบุคคลในบ้านด้วยแล้ว
จะสามารถคำนวณได้ด้วยว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับใครในบ้าน
และเป็นเหตุร้ายเรื่องอะไร
ทั้งหมดล้วนมีหลักการและเหตุผลในหลักวิชาทั้งสิ้น
ไม่ใช่เรื่องงมงายดังที่หลายคนเข้าใจ


นอกจากการไปกระทบกระทั้งในทิศอสูรแล้ว สิ่งที่ควรระวังคือ
ทิศหลังบ้านไม่ควรพิงทิศอสูร(ดูทิศหน้าบ้าน
จากแหล่งพลังงานทางเข้าหลักของบ้านส่วนใหญ่จะยึดประตูเป้นทิศหน้าบ้าน
ส่วนทิศตรงข้ามกับประตูจะเรียกว่าทิศหลังบ้าน)
ถ้าบ้านหลังใดมีทิศหลังบ้านพิงทิศอสูร ในปีนั้นๆให้ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

ห้ามมีการย้ายเข้าบ้าน สร้างซ่อมแซมบ้าน รื้อถอนอาคาร ต่อเติมใหม่
หรือเคาะ ตอก เจาะ
ใดๆไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของบ้านทั้งภายในและภายนอกบ้าน
หรือการย้ายเข้าที่ทำงานใหม่ ห้องทำงานใหม่ก็ควรระวัง
นอกจากจะได้รับฤกษ์ที่ถูกต้องเพื่อหาวันเวลาที่ดีในการเลี่ยงพลังงานร้าย
ทั้งหมด ก้จะสามารถเข้าไปตกแต่ง ซ่อมแซม หรือย้ายเข้าได้


ส่วน
บ้านที่หลังบ้านพิงทิศอื่น
ก็เพียงแต่ให้ระวังไม่ไปกระทำการที่บริเวณทิศอสูรก็เท่านั้นพอ
และต้องคอยระวังไม่ให้ผู้อื่น คนในบ้านไปกระทำการในทิศนั้นด้วย


ผล
ที่เกิดขึ้นความรุนแรงอยู่ที่การกระทำกับทิศร้าย มีตั้งแต่ เสียทรัพย์
อุบัติเหตุ พิการ อัมพาธ เจ็บป่วยไม่ทราบสาเหตุ โรคเรื้อรังกำเริบ โจรขโมย
หรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต


ใน
การหาทิศอสูรนั้น หากต้องการคำนวณให้ละเอียดลึกลงไปอีก
จะสามารถคำนวนทิศอสูรประจำเดือน ทิศอสูรประจำวัน และทิศอสูรประจำยาม
ได้อีกด้วย
ซึ่งทิศอสูรเดือน วัน ยาม เหล่านี้
ล้วนมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับทิศอสูรปีเช่นกัน
เพียงแต่ความรุนแรงอาจจะน้อยลงไปบ้าง ยิ่งสามารถคำนวณได้ละเอียด
และหาวันเวลาที่เลี่ยงพลังงานร้ายเหล่านี้ได้ การกระทบกระทั้ง
หรือต่อเติมในครั้งนั้นก็จะไม่ส่งผลร้ายต่อผู้อยู่อาศัย
ส่วนสุตรการหาอสูรเดือน อสรูวัน อสูรยาม ก็ใช้หลักการดูนักษัตรประจำเดือน
ประจำวัน และประจำยาม เช่นเดียวกันกับการหาทิศอสูรปีนั่นเอง
แต่ต้องระลึกไว้ว่าในการเปลี่ยนพลังงานของเดือนต่างๆ จะอยู่ที่วันที่ 4-8
ของแต่ละเดือน(วันที่แน่นอนหาดูได้ในปฏิทินจีน)


การ
เลี่ยงเหตุร้ายจากทิศอสูร
ทำได้โดยคำนวณเพื่อหาทิศที่ปลอดภัยก่อนกระทำการใดๆอันส่งผลให้มีการกระทบ
กระทั่ง หรือ ถ้าสามารถคำนวณหาฤกษ์ยามที่ดีได้

ในหลักวิชาฮวงจุ้ยการหาฤกษ์ยามขั้นสูงนั้น
จะสามารถคำนวณหาช่วงวันเวลาที่เหมาะสม ทั้งคน บ้าน และทิศทางพลังงาน
เพื่อเลี่ยงพลังร้ายทั้งหมดได้ แม้ว่าจะต้องไปกระทำการใดๆที่ทิศอสูร
หากใช้วันเวลาที่คำนวณในชั้นสูงแล้ว ก็จะไม่เกิดผลร้ายใดๆเกิดขึ้น
ซึ่งขอย้ำว่าจะต้องมีการศึกษามาก่อนแล้วเท่านั้น การหาฤกษืยามตามปฏิทินจีน
ไม่สามารถใช้หลีกเลี่ยงทิศอสูรได้
พึงระลึกไว้เพื่อไม่ให้เกิดภัยโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์



fengshuix-column-11-2008-direction-time


ท่านที่ต้องการอ่านบทความย้อนหลังอ่านได้ที่ //www.fengshuix.com





Free TextEditor




 

Create Date : 12 เมษายน 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2552 22:46:19 น.
Counter : 831 Pageviews.  

ฮวงจุ้ย… Case Study : เพิ่มยอดร้านขายเสื้อผ้าตลาดนัด เพียงข้ามคืน!

(ลงในนิตยสารช่องทางทำมาหากิน ฉบับเดือน ต.ค. 51)


สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากจะขอยกตัวอย่างการนำฮวงจุ้ยไปใช้งาน และปรับแต่งร้านค้าของลูกค้าท่านนึงที่ผมได้นำหลักวิชาฮวงจุ้ยที่เรียนรู้มาไปช่วยเพิ่มยอดขายให้ ซึ่งเป็นกรณีศึกษาตัวอย่างหยิบยกมาให้ท่านผู้อ่านได้เรียนรู้ และได้เห็นแนวทางการเอาไปใช้งานจริง และเห็นผลจริง


ร้านนี้เป็นร้านค้าแบบแผงลาย ขายเสื้อผ้าแฟชั่นสำเร็จรูปสำหรับผู้หญิง มีทั้งเสื้อ กระโปรง ผ้า กระเป๋า อยู่ในตลาดนัดกลางคืน ที่วางขายอยู่ริมฟุตบาท โดยพื้นที่ข้างๆจะเป็นทางเดิน และร้านแผงลอยอื่นๆ และด้านหลังเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีคนพลุ่กพล่าน เดิมทีการจัดวางราวแขวนผ้าสำหรับโชว์ และหุ่นตั้งโชว์ จะจัดวางดังรูปที่ 1.



 


จากภาพที่ 1 จะเห็นว่า ด้วยเนื้อที่ถูกจำกัดทำให้เดิมที่เจ้าของร้าน อยากเพิ่มพื้นที่ให้ลูกค้าภายในร้าน โดยจัดหุ่นโชว์ให้มีการเอียงออกไปตามทางเดิน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อของในร้าน ได้มีพื้นที่มากขึ้น แต่คนที่สัญจรผ่านไปมาจะมีทางเดินแคบลง


โดยความเชื่อเดิมของเจ้าของร้าน คือ ถ้าเอาหุ่นโชว์ ยื่นออกมามาก จะทำให้คนที่เดินไปมามองเห็น และสนใจมากขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มยอดขายมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อพิจารณาถึงหลักการของกระแสพลังชี่ที่ไหลเวียนมาบริเวณนี้แล้ว


จะเห็นได้ดังภาพที่ 2 คือ กระแสถูกบีบออกด้านข้างร้านค้าไปโดยไม่เกิดกระแสไหลเข้าร้าน (ดูรูปที่ 2 ประกอบ)



 


  



 


และอีกเหตุผลนึงที่ต้องวางหุ่นโชว์ให้ออกมาก็เพื่อให้ลูกค้ามีพื้นที่ในการเลือกชม และลองชุดได้มากขึ้น


จากโจทย์ที่ได้รับมาคือ ต้องการเพิ่มยอดขายรายวัน เนื่องจากช่วงที่ไปจัดร้านให้ เป็นช่วงที่เพิ่งเกิดการยุบสภาฯใหม่ๆ เศรษฐกิจแย่มาก ยอดขายจากปกติวันธรรมดาคืนละ 4-5 พันบาท เหลือเพียง 2-3 พันบาท หรือในช่วงต้นเดือนก็ได้เพิ่มมานิดหน่อยเท่านั้น


เริ่มวิเคราะห์ปัญหา


อันดับแรก ที่ต้องปรับแต่งแผงร้านค้านี้ คือ การจัดวางหุ่นโชว์ด้านหน้า ให้มีการรับและดึงกระแสเข้าสู่ภายในบริเวณร้าน ทั้งนี้เพราะรูปแบบเดิมนั้น แม้ว่าจะดูโดดเด่นจริง แต่การวางเฉียงทำให้รับพลังงานไมได้เต็มที่ และเป็นการดันกระแสออกด้านข้าง จึงขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร


อันดับแรก จึงปรับการวางหุ่นโชว์ด้านหน้าให้ตั้งฉากกันสองด้าน และเป็นการเพิ่มพื้นที่ด้านหน้าให้โล่งขึ้น หรือที่เคยบอกท่านผู้อ่านไปฉบับก่อนหน้านี้ที่เรียกว่า “เหม่งตึ๊ง” ซึ่งเมื่อปรับให้ตั้งฉากกันแล้วจะเป็นการกั้นกระแสคนเดินที่มาจากทั้งสองข้าง ให้เข้ามาปะทะหุ่นโชว์โดยตรง ไม่ว่าจะเดินมาจากทางใดก็จะมองเห็นหุ่นโชว์อย่างชัดเจน และชวนให้น่าเดินเข้าไปดูใกล้ๆมากกว่า เดินเลี่ยงออกด้านข้าง (ดังรูปที่ 3)



 


  



 


จากรูปที่ 3 เมื่อปรับให้ตั้งฉากกันแล้ว เนื้อที่ภายในร้านจะน้อยลง อันนี้เป็นปัญหา เพราะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกน้อยลง แต่ยังคงสามารถเดินไปมาดูสินค้าในร้านได้ ซึ่งผมจะแก้ไขในขั้นตอนต่อไป


ลำดับต่อมา หลังจากปรับหุ่นโชว์ให้ตั้งฉากกันแล้ว ผมได้กำหนดจุดที่สำคัญภายในร้าน 4-5 จุดเพื่อการปรับเปลี่ยนแก้ไขดังนี้


จุด A เป็นจุดภายในร้านค้า ซึ่งเป็นจุดที่ดูทิศทางแล้วว่าเป้นจุดที่ดี ควรมีการเคลื่อนไหว ผมจึงให้เจ้าของร้านหาพัดลมมาหนึ่งตัว ตั้งที่จุดนี้ และเปิดให้มีลมพัดเบาๆ ออกไปทางจุดคนเดิน ซึ่งข้อนี้อาจจะดูขัดแย้งกับการดึงกระแส เพราะแทนที่จะเป่าเข้าร้าน แต่เป็นการเป่าออกจากร้าน เพราะผมเห็นแล้วว่าเพียงแค่มีการเคลื่อนไหวก้ใช้งานได้แล้ว และเพื่อเทคนิคการขาย หากคนเดินไปมาได้รับลมเย็นบริเวณหน้าร้านหลังจากการเดินเลือกซื้ออาหารร้อนๆจากตลาดมาแล้ว มาเจอลมเย็นๆจะทำให้มีการหยุดพัก หรือเดินช้าลง ซึ่งเป็นผลดีต่อการให้ลูกค้าได้แวะพักสายตาเลือกชมสินค้าในร้านด้วย


จุด B, C เป็นจุดที่วางราวแขวนเสื้อผ้าสำหรับโชว์ 2 จุดนี้มีความสำคัญมาก เพราะในหลักฮวงจุ้ยจะเป็นจุดที่พลังเข้ามาปะทะโดยตรงรองจากหุ่นโชว์ด้านหน้า ดังนั้น ผมจึงเลือกให้เอาเสื้อผ้าที่สีสันสดใส สวยงาม มาโชว์ให้เด่นๆที่สุดที่ 2 จุดนี้ และในหลักการจัดร้านแล้ว 2 จุดนี้ก็จะเป้นจุดที่สายตาคนเดินเท้าจะมองเห็นก่อนจุดอื่นๆ ดังนั้นจึงควรเลือกที่น่าสนใจมาไว้ที่นี่ (ในการแก้ไขจริงผมได้คำนวณหาด้วยว่าเสื้อผ้าจุด B ควรใช้สีอะไร และจุด C ควรใช้สีอะไรจึงจะเหมาะสมสอดคล้องกับฮวงจุ้ยมากที่สุด)


จุด D เป็นจุดที่ไม่สูงมากนัก เพื่อไม่บังจุด B, C แต่ก็สำคัญมากเช่นกัน หุ่นที่ตั้งโชว์จุดนี้ ต้องทำให้หันหน้าทำมุมตั้งฉากกัน และทำให้ดูสวยงามโดดเด่น และร่นเข้ามาให้มีพื้นที่ทางเดินด้านหน้ามากขึ้น เพื่อให้มีลานเก็บกักกระแสมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งจะสรุปการปรับแต่งร้านค้าดังรูปที่ 4


 


การปรับปรุงการจัดวางใหม่แทบไม่มีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขฮวงจุ้ยเลย เนื่องจากร้านแบบแผงลอยสามารถย้ายและปรับเปลี่ยนได้เลย ไม่ต้องรื้อทุบอะไรใหม่ ผลการปรับแต่งร้านค้า ก่อนที่ผมจะวัดว่าการปรับแต่งสำเร็จหรือไม่ ผมต้องทำการเทียบเคียงกับยอดขายเดิมก่อน ซึ่งทราบมาว่าก่อนหน้านี้ 1-2 เดือนยอดขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมคืนละ 6-8 พันบาทในช่วงต้นเดือน เป็นเหลือเพียง 4-5 พันบาทเท่านั้น และช่วง 1-2 อาทิตย์ก่อนที่ผมจะไปแนะนำให้ยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่คืนละ 2-3 พันบาทเท่านั้น ซึ่งสาเหตุส่วนนึงก็มาจากเป็นช่วงสิ้นเดือน



สรุปการจัดแต่งร้านค้า และผลการปรับแต่งฮวงจุ้ย


วันนั้นผมถามเล่นๆกับเจ้าของร้าน ว่าเคยขายช่วงต้นเดือนสูงสุดที่ เท่าไหร่ก็ได้คำตอบว่าสุงสุดที่เคยเปิดร้านมาคือ 8-9 พันบาทในคืนเดียว ผมจึงพูดไปว่า ถ้าผมปรับสำเร็จ คืนนี้น่าจะได้หนึ่งหมื่นบาทในคืนเดียว ผมยังจำภาพของเจ้าของร้านหัวเราะแบบไม่เชื่อในคำพูดผม คงคิดว่าผมพูดเล่นไปงั้นๆ


คืนแรกหลังจากปรับฮวงจุ้ย สามารถขายได้ถึง 2 พันกว่าบาท ภายในเวลาเพียง 3 ชม. กว่าๆ แต่เนื่องจากฝนตก คืนแรกจึงยังวัดยอดขายโดยรวมไม่ได้ แต่ก็สามารถทำยอดขายได้เทียบเท่ากับวันก่อนๆที่ผ่านมาที่ขายทั้งคืน(ปกติใช้เวลาขายคืนละ 8-9 ชม.) และเสื้อผ้าที่ค้างสต๊อกนานกว่า 2-3 เดือนสามารถขายได้ในวันนั้น


คืนที่ 2 เริ่มจัดร้านค้าตั้งแต่ช่วงเย็น คืนนี้มีเวลาขายเต็มที่ทั้งคืน จนถึงเที่ยงคืน คืนนี้เองที่ผมได้รับโทรศัทพ์มาดังตอนเที่ยงคืน เสียงตามสายบอกว่า “คืนนี้เหนื่อยมาก ขายดีทั้งคืน เหลือเพียง 400 บาทก็ครบหนึ่งหมื่นพอดี แต่ไม่ไหวแล้ว จะเก็บร้านแล้ว เพราะเหนื่อยมากพรุ่งนี้ว่ากันใหม่….”


หลังจากคืนนั้น ผมเองก็ใจจดใจจ่อ รอดูว่าจะการรายงานผลอีกหรือไม่ หรือว่าจะขายดีเพียงแค่วันเดียว ปรากฏว่า หลังจากคืนนั้น ยอดขายก็เพิ่มขึ้นมาจากเดิมหลายพันบาทต่อคืน บางคืนขายได้ถึงหนึ่งหมื่นบาทเลยทีเดียว


แม้จะไม่ใช่ทุกคืน แต่ถ้าเทียบกับสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาขณะนั้น และเทียบกับความเป็นไปได้ในช่วงเวลาต้นเดือน บวกกับการตัดวางฮวงจุ้ยอย่างถูกวิธี ก็สามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้บ้าง และได้วัดผลแล้วว่า ได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจริง เพราะสามารถทำยอดขายสูงสุดที่เคยทำได้ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว


กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างจากหลายๆรายที่ผมได้มีโอกาสไปปรับแต่ง และแนะนำการจัดวางร้านค้าเท่านั้น จะเห็นได้ว่า การปรับแต่งอวจุ้ยไม่ใช่เรื่องยาก หรือต้องเสียเงินทองมากมาย เพียงแต่เราต้องเข้าใจหลักการ วิธีการ และยิ่งสามารถเรียนรู้เทคนิคชั้นสูง เช่นการคำนวณหาพลังงานในแต่ละจุด และปรับแต่งครบทุกองค์ประกอบด้วยแล้ว ก็ยิ่งมั่นใจได้มากขึ้นว่า ผลที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งผลดีจริง และผลที่ได้นั้น ไมได้หมายความว่ายอดขายจะต้องเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเสมอ บางครั้งก็มีความเกี่ยวพันกับปัจจัยอื่นๆภายนอกด้วย เช่น สภาพเศรษฐกิจ และสภาพสังคมในช่วงนั้นๆ เพียงแต่ถ้าปรับแต่งถูกต้อง ช่วงจังหวะที่ควรทำกำไรมากมาย คุณก็จะมีโอกาสได้รับผลนั้นมากกว่าปกติ เช่นนั้นเอง


ท่านที่ต้องการอ่านบทความย้อนหลังอ่านได้ที่ //www.fengshuix.com หรือสอบถามเพิ่มเติม ที่อีเมล์ fs@fengshuix.com หรือโทร.089-697-4500 หากคำถามของท่านมีประโยชน์จะนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป


Fengshuix.com






Free TextEditor




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2551    
Last Update : 28 ธันวาคม 2551 17:40:04 น.
Counter : 959 Pageviews.  


Batt
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Batt's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.