Baby-Sing-and-Sign

Discipline

( this is more like a note for myself)

Discipline : the most precious gift you can give a child

ก่อนเจ้ามะกอกจะครบหนึ่งขวบ เค้าเริ่มมีความคิด เริ่มมีความต้องการอยากได้ อยากทำโน้นทำนี้ด้วยตัวเค้าเอง แบบอย่างที่เค้าต้องการ ในเวลาที่เค้าต้องการ แม่หนิงจึงเริ่มจัดวางกฏวินัยคร่าว ๆ ตอนนั้นหัวหมุนอยู่พักใหญ่ๆ เส้นความอดทนขาดไปหลายครั้ง ปัจจุบันแม้จะไม่หัวฟูเท่าก่อน แต่ก็ยังมีโดนลองของเป็นพักๆ

อันนี้ไปอ่านเจอมา บางอันก็ทำอยู่แล้ว แต่บางอันแม่หนิงไม่ได้ทำ เห็นว่าดี จะเก็บไว้อ่านเตือนตัวเอง

- ก่อนอื่นต้องคิดก่อนว่า สิ่งที่ทำคือการสอนเรื่องระเบียบวินัยภายในบ้าน ไม่ใช่การลงโทษ ไม่ใช่การแข่งขันที่มีแพ้ชนะ ถ้าลูกทำอย่างที่พ่อแม่ต้องการคือพ่อแม่ชนะ บางครั้งต้องประนีประนอม ยอมกันคนละครึ่งทาง แต่เมื่อเป็นกฏแล้ว ห้ามหันหลังกลับ ไม่อย่างนั้นเด็กจะสับสน เดื๋ยวได้ เดี๋ยวไม่ได้

- เป้าหมายของการสอนคือให้เค้ารู้จักการวางตัวเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ให้รู้จักกฏเกณฑ์ของสังคม และรู้จักให้ความเคารพ นับถือคนอื่นรอบข้าง

- เด็กจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อรู้ชัดเจนว่า เราต้องการอะไรจากเค้า อะไรคือประพฤติดี และอะไรคือไม่ดี และถ้าเค้าประพฤติไม่ดีผลที่จะได้รับคืออะไร

- สิ่งที่สำคัญคือต้องทำอย่างต่อเนื่อง และด้วยความรัก ความเอาใจ

- แรงจูงใจที่ดีที่สุดสำหรับเด็กคือ ความรักและความสนใจ เอาใจใส่ของพ่อแม่

how to

- Be specific เวลาขอให้เด็กทำอะไรให้จำเพาะเจาะจงลงไป อย่าได้พูดโดยรวมเช่น เป็นเด็กดีน่ะลูก ให้เปลี่ยนเป็น ไม่ส่งเสียงดังน่ะครับ เป็นต้น

- ดูว่าสิ่งที่เราให้เค้าทำเกินกำลังหรือเปล่า เช่น เก็บของเล่นด้วยครับ (เริ่มจากตรงไหนล่ะนี้) ให้เปลี่ยนเป็น เอารถใส่กล่องด้วยครับ , หนังสือใส่กล่องด้วย เรียกชื่อของที่ละชิ้นเป็นการสอนชื่อสิ่งของไปในตัว

- เมื่อเด็กทำตามที่เราขอ ให้ตอบสนองเค้าในทันที ด้วยคำชม หอม กอด

- เมื่อเด็กให้ความสนใจจะเล่นในสิ่งของที่ไม่ควรเล่น ( อย่างเช่นหนังสือสุดรักของแม่หนิง ดีวีดีสุดหวงของพ่อ) ให้พูด "ไม่" พร้อมเหตุผล และเสนอของเล่นอย่างอื่นให้เล่น (สอนกันอยู่หลายอาทิตย์ ตอนนี้ของบนโต๊ะแม่หนิง เจ้ามะกอกไม่เล่นแล้ว ไม่สนุกดูอย่างเดียว แตะไม่ได้ หนังสือบนชั้นแม่หนิงก็ไม่ยุ่ง ซีดีวางซ้อนๆกันบนพื้นก็ไม่ยุ่ง )

- แต่ก็อย่า "ไม่" บ่อยจนเกินไปน่ะค่ะ เด็กเค้าต้องการที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวเค้า เจ้ามะกอกมีซีดีเก่าๆ ไว้เล่นเพราะแม่หนิงไม่ให้แตะซีดีของแม่หนิง มีดีวีดีของตัวเองไว้จะกัด จะแทะ จะทำอะไรก็ได้ตามใจ แต่ต้องไม่แตะดีวีดีของแดดดี้ มีแมกกาซีนเก่าๆ ไว้ให้ฉีกเล่นแทนหนังสือของแม่หนิงบนหิ้ง

- ถ้าเด็กมีอาการเหนื่อย หิว หรืองอแง ก็หยุดก่อนน่ะค่ะ ไว้เริ่มกันใหม่เมื่ออารมณ์ดีกันทั้งแม่ทั้งลูกเนอะ

- เมื่อเส้นความอดทนของแม่เริ่มตึงใกล้ขาด ก็อย่าลืม Give yourself a break น่ะค่ะ

- ในเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัย, สุขภาพ อันนี้ไม่มีการประนีประนอม ต้องทำตามที่พ่อแม่กำหนดเท่านั้น และอธิบายให้เค้ารู้ว่าเพราะอะไร แต่อาจให้เค้ามีส่วนรวมเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการแปรงฟันก็ให้เลือกแปรงสีฟัน ยาสีฟัน เป็นต้น

- Focus on good behaviour and ignor the bad one. อย่างที่บอกว่าเด็กจะทำทุกอย่างที่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่ หากพ่อแม่ให้ความสนใจเมื่อเค้าโยนอาหารลงบนพื้นมากกว่าหยิบเข้าปาก เค้าก็จะเรียนรู้ที่จะทำอันนั้น เพราะฉะนั้นจงชม จงปรบมือเชียร์ จงกอดหอม เมื่อเค้าเป็นเด็กดีมาก และเพิกเฉยเมื่อเค้าทำเด็กดีน้อย :P


อย่างที่บอกว่าเป็นโน้ตไว้เตื่อนใจตัวเองมากกว่า เพราะแม่หนิงเองบางวันก็ทำสำเร็จ บางวันก็ปวดหัวจนต้องพึ่งพารา และคงต้องปวดหัวต่อไปอีก 19 ปี (กะว่าอายุ 20 แม่เตะออกจากบ้านเลยลูก อุอุอุ) ยังต้องโดนเจ้ามะกอกลองของไปเรื่อยๆ

ตอนแม่เลี้ยงเรามาเหนื่อยอย่างนี้มั้ยน้า




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2551   
Last Update : 12 กรกฎาคม 2551 4:20:19 น.   
Counter : 719 Pageviews.  

High Fever

เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้ามะกอกไม่สบาย เป็นไข้ อุณหภูมิขึ้นสูงถึง 39.2 องศาซี เริ่มเป็นเมื่อคืนวันเสาร์ ก็ให้ทานยาลดไข้จนกระทั่งวันจันทร์ตอนบ่ายๆ ให้ยาไปแล้วหนึ่งชม. ไข้ก็ไม่ลดสักที ก็เลยโทรหา NHS DIRECT ซึ่งเป็นบริการของรัฐ เค้าสอบถามข้อมูลเบื้องต้น แล้วก็ให้คำแนะนำว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งหลังจากทำตามที่เค้าแนะนำแล้วอุณหภูมิก็ลดลงจนแค่อุ่นๆ แล้ววันนี้ (วันพฤหัส) เค้าก็หายเกือบจะเป็นปกติแล้ว

ที่เค้าแนะนำก็คือ
1. ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอุณหภูมิร่างกายที่ขึ้นสูงเนี้ย มันดีน่ะค่ะ เพราะเป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่ต่อสู้กับเชื้อโรค ฆ่าเขื้อโรคด้วยอุณหภูมิสูงขึ้นจากปกติ ยิ่งถ้ามีน้ำมูกแสดงว่าร่างกายกำลังทำงานสร้างภูมิคุ้มกัน ดีค่ะ
2. มันดีก็จริง แต่ก็ต้องคอยจับตามองไม่ให้ขึ้นสูงจนถึง 40 องศาซี เพราะไม่อย่างนั้นเด็กที่ครอบครัวมีประวัติชัก อาจจะชักได้
3. เมื่ออุณภูมิขึ้นสูงให้ถอดเสื้อผ้าเด็กออกให้หมด ย้ำ หมดค่ะ ให้เหลือแต่ผ้าอ้อม แม้แต่เวลานอนก็ไม่ให้ใส่อะไรเลย ถ้าคุณแม่กังวลว่าเค้าจะหนาวก็ให้คลุมด้วยผ้าห่มผืนบางๆ บางที่สุด
4. ไม่แนะนำให้ใช้ยาลดไข้ทั้งนี้เพราะการลดอุณหภูมิลงด้วยยาจะทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้นทางอื่นเพื่อฆ่าเชื้อโรค
5. ไม่แนะนำให้เช็ดตัวเด็กเพราะจะทำให้เด็กหนาวสั่น
6. ไม่ต้องกังวลถ้าเด็กไม่ทานอาหาร แต่ต้องให้เด็กได้รับน้ำเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นในรูปน้ำเปล่า น้ำผลไม้ หรือนม ถ้าเค้าไม่ฉี่แสดงว่าน้ำไม่พอ ต้องพยายามให้เค้าดื่มมากๆ

อันนี้ขอเพิ่มเติมว่าอุณหภูมิเด็กในแต่ละช่วงของวันจะไม่เท่ากัน ถ้าคุณพ่อคุณแม่ว่างๆ ลองวัดอุณหภูมิเจ้าตัวน้อยตอนสบายดีในแต่ละช่วงของวันเก็บไว้น่ะค่ะ จะได้เอาไว้เทียบว่าไข้สูงขึ้นมาเท่าไร

เจ้ามะกอกก็เลยลงเอยแบบนี้แหละค่ะ






 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 30 พฤษภาคม 2551 3:16:04 น.   
Counter : 441 Pageviews.  

Dream Feed

เทคนิคนี้มาจากหนังสือ ชื่อ "Secret of the baby whisperer" ในหัวข้อเรื่อง Sleeping Through the Night

เค้าว่าไว้ว่า เมื่อเบบี้เริ่มคุ้นเคยกับ routine ได้สักระยะหนึ่งแล้ว และมีน้ำหนักในเกณฑ์ดี คือประมาณ 4.5 kg และได้รับนมในตอนกลางวันรวมครั้งก่อนคุณแม่เข้านอนเพียงพอ ประมาณ 875-1000 ml (30-35 oz) หรือให้นมแม่ได้ประมาณ 4-5 ครั้งในตอนกลางวัน และอีก 2-3 ครั้งในตอนกลางคืนก่อนคุณแม่เข้านอน ถ้าคุณแม่จะหัดให้หนูน้อยหลับทั้งคืนก็มีวิธีดังนี้ค่ะ

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เบบี้นั้นไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน ดังนั้นคุณแม่ต้องสอนให้เค้ารู้ถึงความแตกต่างนั้น

1. ไม่ปล่อยให้ลูกหลับในช่วงกลางวันรวดเดียวนานกว่า 3 ชม.

การหลับของเด็กแรกเกิด จะประมาณ 16-20 ต่อวัน แบ่งเป็น งีบหลับตอนกลางวัน 1 ชม. ในทุกๆ 3 ชม. และในตอนกลางคืนประมาณ 5-6 ชม.

การหลับของเด็ก 1-3 เดือน จะประมาณ 15-18 ชม. แบ่งเป็น งีบหลับตอนกลางวัน 3 ครั้ง ๆละประมาณ 1.5 ชม. และในตอนกลางคืน 8 ชม.

เด็ก 4-6 เดือน จะประมาณ 15-18 ชม. แบ่งเป็น งีบหลับ ตอนกลางวัน 2 ครั้งๆละ 2-3 ชม. และในตอนกลางคืน 10-12 ชม.

เด็ก 6-8 เดือน จะประมาณ 15-18 ชม. ต่อวัน แบ่งเป็นงีบหลับตอนกลางวัน 2 ครั้ง ๆ ละประมาณ 1-2 ชม. และตอนกลางคืน 12 ชม.

เด็ก 8-18 เดือน ประมาณ 15-18 ชม. ต่อวัน แบ่งเป็นงีบหลับกลางวัน 2 ครั้งๆละ 1-2 ชม. หรือครั้งเดียว 3 ชม. และตอนกลางคืน 12 ชม.

2. ใช้ Dream Feed เป็นมื้อสุดท้ายของวัน ก่อนคุณแม่เข้านอน สมมุติว่า ให้นมมื้อเย็น 6 โมง และอีกมื้อตอน 2 ทุ่ม ก่อนที่คุณแม่จะเข้านอนให้ Dream Feed เค้า ให้สังเกตุว่าเค้าจะตื่นขึ้นมาหิวนมมื้อถัดไปเมื่อเวลาเท่าไร อย่างเช่นหนูน้อยตื่นร้องไห้หิวเมื่อ 4 ทุ่มครึ่งเกือบทุกวัน คุณแม่ก็ให้ Dream Feed เค้าสัก 4 ทุ่มหรือ 4 ทุ่ม 15 นาทีก่อนที่เค้าจะตื่น
วิธีคือให้นมก่อนที่เค้าจะตื่นเข้ามา ไม่ต้องปลุกเค้านะค่ะ อุ้มเค้าขึ้นมาแล้วก็ให้นมเค้า เค้าจะทานแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น พอให้เสร็จก็วางเค้าลงนอนเลยไม่ต้องอุ้มเรอ แล้วเค้าก็จะหลับไปนานเพราะการหลับของเค้าไม่ได้ถูกรบกวนด้วยความหิว

3. หลังจากมื้อ Dream Feed ถ้าเค้าตื่นขึ้นมาร้องไห้ ก็ให้ใช้ Dummy แทนการให้นม สัก 2-3 วันเค้าก็จะรู้ค่ะว่า รอไปตื่นเช้าเลยดีกว่า ไม่เหนื่อย

4. ในตอนกลางคืนไม่ว่าคุณแม่จะทำอะไร ให้นม หรือเปลี่ยนผ้าอ้อม ให้ทำด้วยความอ่อนโยนแต่ไม่เล่นกับเค้าน่ะค่ะ คุยกับเค้าเท่าที่จำเป็นให้เค้ารู้ว่าเวลานี้คือเวลานอน

สุดท้ายให้รักลูกน้อยของคุณอย่างที่เค้าเป็นน่ะค่ะ อย่าได้เปรียบเทียบลูกคุณกับเบบี้คนอื่น อย่าได้คิดว่าลูกคนโน้นอายุแค่ 2 เดือนเองหลับรวดเดียวทั้งคืนเลย ลูกเราเป็นหนึ่งเดียวในโลกใบกว้างนี้ ไม่เหมือนใครและจะไม่มีใครเหมือนเค้าอีก ที่เราทำได้คือปูทางให้เค้า แล้วเค้าจะก้าวเดินไปตามทางนั้นเหมือนเค้าพร้อมค่ะ

ถ้าคุณแม่สามารถหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านได้ แม่หนิงขอแนะนำค่ะ เพราะเพื่อนแนะนำมาแล้วแม่หนิงไม่ผิดหวัง ได้เล่มนี้ช่วยชีวิตแม่มือใหม่หัวฟูเอาไว้ก็อยากจะแนะนำต่อ ว่าดีจริงๆค่ะ






 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 3:56:16 น.   
Counter : 2336 Pageviews.  

Secret of the baby whisperer

แปะเรื่อง Dream Feed ไว้ก่อนน่ะ

ถ้ามีคนว่า "เลี้ยงลูกตามตำราเชียวน่ะ" แม่หนิงจะยิ้มรับแล้วก็บอกว่า "ถ้าไม่ได้ตำราพวกนี้ แม่หนิงก็ประสาทกินไปหลายรอบ"

ถ้าใครจะใช้ตำราในการเลี้ยงลูก ขอให้อ่านตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนคลอดน่ะค่ะ เพราะคลอดแล้วคุณจะหัวหมุนมาก หยิบจับอะไรไม่ค่อยจะถูก แล้วก็เลือกเอาสักเล่มหนึ่งที่พอใจ และเห็นพ้องในวิธีของคนแต่งนั้นๆ เพราะแต่ละคนก็จะมีวิธีการเลี้ยงเด็กที่แตกต่างกันไป ที่นี้สำหรับเด็กเบบี้เลยก็จะมีTracy Hogg กับ Gina Ford

แม่หนิงเลือกตำราของ Tracy Hogg ชื่อ "Secret of the baby whisperer" เป็นหลัก เค้าว่าเสียงร้องไห้ของเด็กเบบี้แรกเกิดเนี้ยจะแตกต่างกันไปตามความต้องการของเค้า ที่แม่หรือพ่อต้องทำคือแยกแยะเสียงร้องและตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของเบบี้ เพราะถ้าเวลาผ่านไประยะหนึ่งเด็กไม่ได้รับการตอบสนองตามที่เค้าต้องการ เสียงร้องจะเปลี่ยนไปเป็นเสียงเดียวกับทุกๆปัญหา

จำไม่ได้แล้วว่าเอามาจากไหน แต่ประมาณว่า
NEH - เน เสียงจะออกเป็นตัว น หนู นำ แปลว่า หิว
OWH - อาว เสียงคล้ายๆ หาว แปลว่า ง่วง
HEH - เฮะ เสียงร้องมีตัว ฮ คล้ายถอนใจสั้นๆ แปลว่า ไม่สบายตัว, ผ้าอ้อม
EAIR - แอ้ เสียงร้องยาวๆ แบบร้องไห้ แปลว่า ปวดท้อง
EH - เอ๊ะ เสียงร้องสั้นๆ คล้ายลมออกจากปาก แปลว่า ให้อุ้มเรอ

แม่หนิงสอบตกค่ะ เพราะแยกเสียงร้องไห้ของเจ้ามะกอกไม่ออก ฟังทีไร มันก็ แงงงงงงงงงงง ทุกที ก็เลยจัดการเลี้ยงเจ้ามะกอกแบบ routine ให้ทานนม - นอน - เล่น เป็นเวลา ในหนังสือเค้าจะใช้แบบ E.A.S.Y คือ Eat Activity Sleep Yourself แต่แม่หนิงสลับเป็น Eat Sleep Yourself Activity แทน

ด้วยความที่เลี้ยงเจ้ามะกอกด้วยนมขวด จึงรู้ชัดเจนว่าเค้าดื่มนมไปกี่ออนซ์ จะหิวอีกเมื่อไร แม่หนิงจะมีเวลาให้นมค่อนข้างชัดเจน พอเจ้ามะกอกทานนมเสร็จก็จะนอน แม่หนิงก็นอนบ้าง (หรือวันไหนมีแรงก็จะทำงานบ้านบ้าง) ตื่นมาก็เปลี่ยนผ้าอ้อม เล่นโน้น จับนี้ไปตามเรื่อง แล้วก็ทานนม แล้วก็นอน เป็นวัฏจักรไป

อย่างหนึ่งที่ชอบในหนังสือเล่มนี้คือ เค้าแนะนำว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรกับลูกให้บอกเค้าก่อน ให้คิดว่าเค้าเป็นคนคนหนึ่ง ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆที่เราจะจับโน้นทำนี้ได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนผ้าอ้อม ซึ่งจะต้องยกก้นเค้า พลิกโน้น ทานี้ ต้องบอกเค้าก่อนตลอด ให้เค้ารู้ตัว เค้าจะได้ไม่กลัวการเปลี่ยนผ้าอ้อม ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ เจ้ามะกอกไม่เคยร้องไห้เวลาเปลี่ยนผ้าอ้อมเลย เรื่องอื่นๆ ก็เหมือนกัน บอกเค้า คุยกับเค้าตลอดว่าเราจะทำอะไรกับเค้า เหมือนๆกับขออนุญาตเค้าอ่ะค่ะ

อีกอันหนึ่งคือ เวลาส่วนตัวของเด็ก บ้างครั้งเด็กเค้าต้องการเวลาส่วนตัวเหมือนกันน่ะค่ะ ถ้าแม่ๆ สังเกตุดีๆ บางวันคุณลูกตื่นมาแล้วไม่ได้ร้องหาคุณแม่ในทันที แต่อาจจะเล่นส่งเสียง หรือขยับแข้ง ขยับขา หรือจ้องโมบายสักพักก่อนจะร้องเรียกหาแม่ อันนี้ก็ต้องให้เค้าค่ะ อย่าเพิ่งไปรบกวนเค้า จะเล่นเกมส์ จะกระตุ้นอะไรเค้า ต้องรอสัญญาณไฟเขียวจากเค้าด้วยน่ะค่ะ

เพราะฉะนั้นใครว่า แม่หนิงเลี้ยงลูกตามตำรา ก็เอาเถอะค่ะ




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 20 พฤษภาคม 2551 4:36:05 น.   
Counter : 634 Pageviews.  

วิธีงดนมมื้อกลางคืน

วันนี้มาคุยกันเรื่องนมมื้อดึกกันดีกว่าน่ะค่ะ ตอนเจ้ามะกอกเล็กๆเนี้ยมื้อสุดท้ายของเค้าคือ dream feed ประมาณ 4-5 ทุ่ม (ขอแปะไว้ก่อน หัวข้อหน้าจะคุยกันเรื่อง Dream feed) ก่อนแม่หนิงเข้านอน แล้วก็โน้นเลยค่ะ 6 โมงเช้า แต่ตอนนี้โตแล้ว จะขวบแล้ว มื้อสุดท้ายก็คือก่อนเข้านอนแล้วตื่นเช้าก็ทานอาหารเช้า นมจะเป็นเบรกระหว่างมื้อ สาเหตุที่เลิกนมมื้อดึกได้คืออย่างนี้ค่ะ

แม่หนิงเข้าคลาสคลอดของ NCT ที่อังกฤษ เมื่อคลอดเสร็จแล้วก็จะมีนัดรวมเจอกันอีกครั้งหนึ่งกับคนที่สอนเพื่ออัพเดทเรื่องราวต่างๆ ตอนนั้นที่ไปเจ้ามะกอกอายุได้ 2เดือน ให้นมขวดแล้ว ตอนกลางคืนยังให้นมอยู่ 2 ครั้งคือ dream feed ก่อนแม่หนิงเข้านอน แล้วก็อีกทีก็ประมาณ ตี 2-3 แล้วแต่เค้าจะตื่นหิวนมเมื่อไร

ในมีทติ้งคนที่สอนเค้าแนะนำว่า น้ำหนักเจ้ามะกอกอยู่ในเกณฑ์ดีถ้ายูต้องการลดนมมื้อดึก เค้ามีวิธีแนะนำ yessss pleaseeee

1. ถ้าจะหักดิบเลยก็คือ เมื่อเค้าตื่นร้องจะกินนม ให้ใช้จุกนมปลอดแทน ให้เค้าดูด ช่วงแรก ๆ อาจจะต้องตื่นมาให้จุกนมปลอมบ่อยหน่อย แต่ทำไปแล้วเด็กเค้าจะรู้ว่า ตื่นมาก็ไม่ได้กินนม รอตื่นทีเดียวเช้าดีกว่า (เค้ารู้จริงๆน่ะค่ะ เด็กฉลาดออก)
2. ถ้าไม่ใจแข็งที่จะหักดิบก็ให้น้ำเปล่าเค้าดื่มแทนนม สักคืน สองคืน แล้วค่อยใช้จุกนมปลอม แล้วเค้าก็จะเรียนรู้เหมือนกัน

แม่หนิงใช้วิธีที่สองเพื่อที่จะเลิกนมตอนตี 2-3 คือยังให้ dream feed ก่อนเราเข้านอนอยู่เป็นขวดสุดท้าย คืนแรกให้น้ำ คืนที่สองให้จุกนมปลอม คืนที่สามรู้ตัวอีกที อ้าวเช้าแล้วเจ้ามะกอกไม่ตื่นมากินนม

เด็กบางคนอาจจะปรับตัวเร็ว บางคนอาจจะปรับตัวใช้เวลานิดหนึ่ง เราต้องตามเค้าน่ะค่ะ ค่อยๆทำกันไป

แม่หนิงเลิก dream feed ตอนเจ้ามะกอกทานอาหารเสริม 2 มื้อในหนึ่งวัน ถือว่าเค้าได้รับอาหารเพียงพอแล้วในเวลากลางวัน ซึ่งวันแรกที่หยุดให้ เจ้ามะกอกก็ไปตื่นเช้า 6 โมงเลย ดีจังลูก เกิดมาเป็นลูกแม่หนิงต้องอดทน และทนอดน่ะลูกน่ะ อิอิอิ


แม่หนิงและเจ้ามะกอก





 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 6 พฤษภาคม 2551 3:23:55 น.   
Counter : 1241 Pageviews.  

1  2  

crazywitch
Location :
London United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add crazywitch's blog to your web]