ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ ร่วมประชาสัมพันธ์งานอาร์ตที่ MRT พหลโยธินสู่การท่องเที่ยวแบบ One day Trip



BEM จับมือ BMN เปิดตัว "เมโทร อาร์ต" ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท
บูมจุดขาย อาร์ต เดสทิเนชัน แห่งใหม่ใน รถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน
ตั้งเป้าดันผู้โดยสารทั้งไทยเทศใช้บริการเพิ่มขึ้น 20%
เชื่อมโยงการท่องเที่ยวอย่างมั่งคั่งและยั่งยืน
โดยมี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร
ร่วมประชาสัมพันธ์ อาร์ต เดสทิเนชัน MRT พหลโยธินสู่การท่องเที่ยวได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน





BEM จับมือ BMN เปิดตัว “เมโทร อาร์ต” ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท
บูมจุดขาย อาร์ต เดสทิเนชัน แห่งใหม่ในรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน
โดยตั้งเป้าดันผู้โดยสารทั้งไทยเทศใช้บริการเพิ่มขึ้น 20%



บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง
จับมือ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN)
ผู้ให้บริการสื่อโฆษณาและพื้นที่จัดกิจกรรมในระบบรถไฟฟ้า MRT
ทุ่มงบกว่า 30 ล้าน เปิดตัว “เมโทร อาร์ต” (Metro Art) สถานีพหลโยธิน
เนรมิตพื้นที่กว่า 1,000 ตรม. ให้เป็นอาร์ต สเปซแห่งใหม่ล่าสุด
ในสถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน
ชูจุดขายด้านการเป็น อาร์ต เดสทิเนชัน และแลนด์มาร์คใหม่
บุกขยายฐานลูกค้ามุ่งเป้าคนที่รักศิลปะทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
มั่นใจดันยอดใช้บริการเพิ่มขึ้น 20%
พร้อมผนึกกำลังพาร์ทเนอร์ด้านศิลปะชั้นนำ ศิลปินคนดังทั้งแนวโมเดิร์นอาร์ตและแนวคลาสสิค
จัดแสดงผลงานแสดงตลอดปี 2566



































นางวัฒนา สิทธิไวทยาภรณ์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ งานพัฒนาเชิงพาณิชย์และสื่อสารองค์กร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
หรือ BEM
เปิดเผยว่า “BEM" มีแนวคิดที่อยากเห็นสังคม ชุมชน และครอบครัว
ได้มีการใช้เวลาในการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
จึงได้ร่วมกับ รฟม. ททท. และ BMN
ปรับปรุง MRT สถานีพหลโยธิน
เพื่อเป็นศูนย์รวมงานด้านศิลปะของศิลปินระดับโลก
รวมถึงเปิดโอกาสให้กับศิลปินหน้าใหม่ได้มีโอกาสแสดงผลงาน
นอกจากนี้ยังจัดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านศิลปะ (Art Learning Center)
ให้กับนักเรียน นักศึกษาและผู้ที่สนใจ โดยในแต่ละวันจะมี Work Shop งานศิลปะ
และการแสดงดนตรีของศิลปินหน้าใหม่ที่ต้องการหาพื้นที่ในการแสดง
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ซึ่งถือเป็นการแสดงศิลปะภายในระบบรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกของประเทศไทย
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ BEM ที่มีโอกาสได้ตอบแทนสังคมอีกด้วย





นายวิทสุวัฒน์ อำคาเพท
กรรมการผู้จัดการบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN)
เปิดเผยว่า
รถไฟฟ้า MRT เป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้โดยสารใช้บริการกว่า 4 แสนเที่ยวคน/วัน
เป็นตัวกลางสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมของกรุงเทพมหานคร
ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพื้นที่สร้างสรรค์งานศิลปะ
ประกอบกับบริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
เพื่อสร้างความตื่นเต้นและประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT มาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดกับการสร้างปรากฏการณ์ใหม่
ในการผสานศิลปะเข้ากับระบบรถไฟฟ้า MRT
จึงได้เปิดตัว “Metro Art”
ณ สถานีพหลโยธิน บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร
โดยใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท ขึ้นเพื่อเป็น Art Space
และ Art Destination แห่งใหม่ใจกลางเมืองในสถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน
ที่เชื่อมต่อการเดินทางไปได้ในทุกพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ซึ่งบริษัทมุ่งหวังให้ผู้ใช้บริการทุกคนได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ดียิ่ง
และความประทับใจสูงสุดที่ได้ใกล้ชิดกับศิลปะ รวมทั้งชม
และสนับสนุนผลงานของศิลปินไทย
ผ่านการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วของรถไฟฟ้า MRT อีกทางหนึ่งด้วย



นายวิทสุวัฒน์ อำคาเพท
กรรมการผู้จัดการบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN)
ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
หตุผลหลักที่เลือกพื้นที่ของสถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน
เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ
อีกทั้งยังอยู่ในตำแหน่งใจกลางเมืองที่สามารถเดินทางออกไปถึงชานเมืองได้
ดังนั้นสถานีนี้จึงมีศักยภาพในการขยายความน่าสนใจและดึงดูดผู้ใช้บริการ MRT เพิ่มมากขึ้น
ประกอบกับ BMN มีแผนที่จะปรับปรุงสถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธินอยู่แล้ว
ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจากการเปิดตัว Metro Art อย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มกราคมศกนี้
ผนวกกับการระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว
และรัฐบาลเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
จะทำให้ Metro Art สถานีพหลโยธิน เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ของกรุงเทพมหานคร
ที่ชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าชมอย่างไม่ขาดสายแน่นอน
คาดว่าจะทำให้ยอดการใช้บริการรถไฟฟ้า MRT เพิ่มขึ้นถึง 20%
หรือเพิ่มขึ้นจาก 25,000 เที่ยวคนต่อวัน เป็น 30,000 เที่ยวคนต่อวัน
นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และสร้างยอดขายให้กับร้านค้าใน Metro Mall
และพื้นที่โดยรอบสถานีฯ อีกด้วย



นายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร
เปิดเผยว่า
การที่ BEM จับมือ BMN เปิดตัว "เมโทร อาร์ต"
ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท บูมจุดขาย "อาร์ต เดสทิเนชัน"
แห่งใหม่ในรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน
นับเป็นโครงการฯ ที่น่าสนใจมาก เพราะนำศิลปะสมัยใหม่และคลาสสิคนำมาไว้ด้วยกัน
มีการทำ workshop
มีการจัดแสดงผลงานศิลปะโดยศิลปินที่กำลังเป็นดาวรุ่งและกำลังมีชื่อเสียง
จะเห็นได้ว่าตอนนี้ศิลปินไทยเริ่มไปโด่งดังและมีชื่อเสียงในต่างประเทศ
และศิลปินที่เป็นดาวรุ่งก็มีมากมายหลายคน
และศิลปิน POP ART ในสถานี MRT พหลโยธินแห่งนี้
ผมต้องเรียนให้ทราบว่าถ้าท่านได้มาชมมาดูท่านจะรู้สึกชอบมากเป็นอย่างยิ่ง
ผลงานที่นำแสดงที่นี่จะจัดแสดงให้ชมตลอดทั้งปี 2566
เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม เป็นต้นไปจนถึงสิ้นปีนี้
และทุกๆ สามเดือนจะมีการเปลี่ยนศิลปิน เปลี่ยน collection
ท่านสามารถจะมา update ได้ในทุกสามเดือน

ภายในกิจกรรมนี้จะมีจุดถ่ายภาพสวยๆ ชิคชิคมากมาย
มาร่วม workshop ฟรี มีผลงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงอยู่มาก
และหากชอบผลงานศิลปะชิ้นไหนสามารถซื้อกลับบ้านได้
เพราะฉะนั้นการจัดงาน METRO ART ที่สถานีรถไฟใต้ดิน MRT พหลโยธิน
เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

สำหรับชาวประเทศ ททท.นอกจากจะวางแผนประชาสัมพันธ์ภายในประเทศแล้ว
ยังมีการวางแผนประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศอีกด้วย
เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยนิยมใช้รถไฟใต้ดิน MRT ในการเดินทาง
สิ่งนี้จะเป็นดัชนีชี้วัดในการ update
เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทย
ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากขับรถออกไปท่องเที่ยวที่ไหนไกลๆ
ผมขอนำเรียนให้ทราบว่าในแนวของรถใต้ดิน MRT
มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่ไม่ไกลจากรถไฟใต้ดินหลายแห่ง
สถานีรถไฟใต้ดินสวยๆ เป็นอย่างยิ่ง อาทิ สถานีสนามไชย, สถานีวัดมังกร ฯลฯ
นอกจากสถานีพหลโยธินที่มีการจัดแสดงผลงานศิลปะแล้ว
นับเป็นการเดินทางที่สะดวกมาก
วันนี้ผมจะพาสื่อมวลชนนั่งรถไฟใต้ดินข้ามไปดูงานศิลปะที่ซ่อนอยู่
ถือเป็น UNSEEN ART ในย่านบางขุนนท์
ซึ่งจุดหมายที่เราจะไปนั้นเดินเข้าไปอีกนิดหนึ่งก็จะเจอ "วัดทอง" หรือ วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร
เป็นวัดที่สวย และมีศิลปะจิตรกรรมฝาผนังที่ซ่อนอยู่ภายในวัดนั้น
ขอเชิญชวนทุกท่านไปชมงานศิลปะกันเป็นงานศิลปะที่เกิดจากการแข่งขันของศิลปิน 2 ท่านในยุคนั้น
เป็นการ Battle กันในยุคแรกๆ ของงานศิลปะของไทย

จากนั้นไปชมการทำ "ขันลงเงินบ้านบุ" ณ ชุมชนบ้านบุ
ถัดจากนั้นไปดูผลงานศิลปะ "หัวโขนลูกพระพาย"
ทำจากปูนปาสเตอร์ของนายพิชิต บุญจินต์ (นก)
เป็นการท่องเที่ยวด้วยรถไฟใต้ดิน MRT ที่สามารถเดินทางกันอย่างง่ายๆ
แล้วมีแหล่งท่องเที่ยว แหล่งกิน อยู่ในละแวกรถใต้ดินมีอยู่มากมาย

ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร ขอเชิญชวนทุกท่านให้ออกมาใช้เวลาว่างในวันหยุด
หากท่านไม่อยากเดินทางไกลไปต่างจังหวัด
กรุงเทพมหานครของเรามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย
เดินทางสะดวกด้วยรถไฟใต้ดิน MRT ไปถึง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร โทร.1672







สำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นที่ Metro Art สถานีพหลโยธิน
มีไฮไลต์สำคัญที่การจัดแสดงงานของศิลปินคนดัง
ทั้งแนวโมเดิร์นอาร์ตและแนวคลาสสิค ที่หาชมได้ยากสับเปลี่ยนไปทุกๆ เดือน
โดย 2 ศิลปินคนดังกลุ่มแรกที่มาจัดแสดงงานหลังเปิด Metro Art อย่างเป็นทางการ
ได้แก่ PRJ และ The Jum













นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมศิลปะอยู่มากมาย
ไม่ว่าจะเป็น Art Learning Centre หรือ ศูนย์การเรียนรู้ทางศิลปะ
โดยร่วมกับ เครือข่ายสีน้ำนานาชาติ หรือ IWS Thailand
(International Watercolor Society Thailand)
ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับเรียนรู้ทางศิลปะในแขนงต่างๆ
รวมทั้ง IWS Gallery และ IWS Shop
โชว์รูมสำหรับการแสดงงานและขายผลงานศิลปะที่มีมูลค่าสูงนับล้านบาท

















และยังได้รับความร่วมมือจาก Galleria Benetti
ที่จะมาจัดทำโซน Paint Here Alright
ที่จะนำสินค้าไลฟ์สไตล์มาให้ทุกคนได้สร้างสรรค์ในแบบของตัวเอง
ตลอดจน Art Market
ตลาดนัดงานศิลป์ที่ได้ 10ML เข้ามาบริหารจัดการ
รวมไปถึงการแสดงดนตรีสดอีกมากมายจากศิลปินที่มีชื่อเสียงตลอดทั้งปี 2566
โดย BEM และ BMN หวังว่า สถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน
จะเป็น The Inspiring District แห่งแรกของประเทศไทยที่อยู่ในสถานีรถไฟฟ้า



MRT Metro Art เปิดให้ผู้ที่สนใจงานศิลปะ เข้าชมและร่วมกิจกรรมต่างๆได้
ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2566 เวลา 07.00 -21.00 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Metro Mall







จากนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร
นำโดยนายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร
และนายชาญศักด์ พันธ์ทองดี วิทยากร มัคคุเทศก์รางวัลกินรี
พานั่งรถไฟใต้ดิน MRT จากสถานีพหลโยธินมายังสถานีบางขุนนนท์
เพื่อนำสื่อมวลชนมาชมการทำ "ขันลงหินบ้านบุ" หนึ่งเดียวในสยาม
ที่สืบเชื้อสายการทำมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา



บ้านบุเป็นหนึ่งในชุมชนเก่าแก่ที่อพยพมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สมัยก่อนคนในชุมชนทำอาชีพนี้เลี้ยงครอบครัวกันทั้งหมู่บ้าน
แต่ตอนนี้เหลือช่างแค่ 6-7 คนเท่านั้น
เรียกว่าเป็นช่างฝีมือรุ่นสุดท้าย
งานหัตถกรรมเครื่องทองลงหินของช่างบุ
เป็นการผลิตที่ยังอนุรักษ์การผลิตด้วยมือทุกขั้นตอน



เครื่องทองลงหิน หรือทองสำริดขัดเงา
นับเป็นงานหัตถกรรมไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์ของความเงางาม
และเสียงก้องกังวานเฉพาะตัวของชาวชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
ปัจจุบันช่างเหลือเพียงไม่กี่รายช่างฝีมือที่ยังทำอยู่อายุเฉลี่ย 60–70 ปี
ช่วยกันทำภายในครอบครัว
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และทรงคุณค่าที่สืบทอดภูมิปัญญากันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

ส่วนการลงหิน คือ ชื่อขั้นตอนการใช้หินขัดจนกลายขึ้นเงาตามกรรมวิธีแบบโบราณ
ตั้งแต่การหลอมทองแดงและดีบุกเข้าด้วยกันในเตาถ่านไม้ซาก
เทโลหะผสมที่ได้ลงบน ดินงัน นำก้อนทอง
มาเผาแล้วตีซ้ำแล้วซ้ำอีกจนได้รูปร่างตามความต้องการ
ก่อนจะใช้ความร้อนเผาจนหลอมละลายสู่กระบวนการขัดเป็นอย่างสุดท้าย
จึงพร้อมจำหน่าย









ขันลงหิน มีต้นกำเนิดตั้งแต่เมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา
ซึ่งนิยมใช้ขันลงหินเป็นขันล้างหน้า ขันน้ำมนต์ ขันใส่น้ำดื่ม
หรือใช้ในงานพิธีมงคลต่างๆ
การใช้ขันลงหินจึงมักใช้กันในราชสำนัก
และนิยมใช้กันในกลุ่มเจ้าขุนมูลนาย พ่อค้า คหบดีเท่านั้น
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา การผลิตขันลงหินโดยใช้ “ทองม้าล่อ”
ที่นำเข้ามาจากเมืองจีน
ในสมัยโบราณการทำขันลงหิน นิยมใช้ทองที่นำมาจากเมืองจีน
เรียกว่า "ทองม้าล่อ"
ซึ่งทำมาจากทองแดงผสมดีบุกและเศษ
เครื่องดนตรีจีน
จำพวกฉาบ โหม่ง หรือ ใช้เครื่องโลหะที่ทำจากสำริด
เป็นวัสดุหลักในการผลิตขันลงหินขึ้นใช้งาน ผ่านกรรมวิธี
แล้วใช้หินเป็นก้อนขัดภาชนะจนขึ้นเงาจึงเรียกว่า “เครื่องทองลงหิน”
ขันลงหิน จึงเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล
ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นหัตถกรรมอันประณีต
ที่ยังคงสืบสานขั้นตอนการผลิตด้วยมือทั้งหมดเป็นงานหัตถกรรม ที่รวบรวมงานช่างจากหลายแขนง
มารังสรรค์จนเป็น “ขันลงหิน”ที่มีรูปแบบอัน วิจิตรงดงาม
สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาการผลิต
ภาชนะของคนโบราณสืบต่อมาจนถึงในปัจจุบัน











ปัจจุบันขันลงหิน "เจียม แสงสัจจา"
ณ ร้านขันลงหินบ้านบุ ริมคลองบางกอกน้อย บางขุนนนท์
ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ผลิตผลงานเพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนเท่านั้น
แต่ยังเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้งานหัตถศิลป์
เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและศิลปะ
หัตถกรรมที่สำคัญของชาติ
1 เดียวในสยาม





จากนั้นผอ.ชาญยุทธ เศวตสุวรรณ
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร
และพี่ชาญศักด์ พันธ์ทองดี วิทยากร มัคคุเทศก์รางวัลกินรี
ก็พาเดินมาชมงานศิลปะบน หัวโขนจำลอง หรือเรียกแบบคุ้นปากว่า "หัวโขนจิ๋ว"
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งศิลปะแห่งชุมชนบ้านบุ





เป็นงาน workshop ตุ๊กตาปูน หัวโขนปูน ที่ได้มาลงสีตามแบบตัวเองและได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมของไายเรา
อีกทั้งเป็นการส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชนอีกด้วย
#หัวโขนลูกพระพาย ณ ชุมชนบ้านบุปากซอย3 ริมคลองบางกอกน้อย ซอยจรัญฯ32













สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเพิ่มเติมได้ที่ นายพิชิต บุญจินต์ (นก)
หัวโขนลูกพระพาย โทร.0846818382



จากนั้นน้องแพทบอก...คุณน้าไปตลาดไร้คานต่อค่ะ
อร๊ายยยย เรียกอุ้มสีว่าน้า...เขาไม่เรียกยายก็ดีเท่าไหร่นะ
บอกน้องเขาว่า...เรียกพี่อุ้มสี...





ตลาดวัดทอง แต่ชาวบ้านชอบเรียกว่า "ตลาดไร้คาน"
เนื่องจากโครงสร้างของหลังคาไม่มีคาน
นับเป็นตลาดที่มีความงามทางด้านสถาปีตยกรรมเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ปรากฏว่า "ตลาดไร้คาน" สร้างขึ้นเมื่อไรแต่สันนิษฐานสร้างมากกว่า 80 ปี
เชื่อว่าเป็นแหล่งตลาดค้าขายของชาวจีนย่านบ้านบุ
ปัจจุบันไม่มีการขายของ





วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร หรือนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า "วัดสุวรรณาราม"
เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร
ปัจจุบันตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 32 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงข้ามกับแยกบางขุนนนท์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม.
โดยติดอยู่ริมคลองบางกอกน้อย

พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 1
สร้างแบบฐานโค้งปากสำเภา
เป็นศิลปสมัยอยุธยาตอนปลายผสมผสานระเบียบแบบแผน
ที่เป็นพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 1
โดยโครงสร้างพระอุโบสถคล้ายวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
แต่ต่างกันตรงที่อุโบสถวัดสุวรรณารามไม่มีเฉลียงรอบพระอุโบสถ
ส่วนฐานเป็นลวดบัวฐานปัทม์ทรงอ่อนโค้งปากสำเภา
ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย สันนิษฐานว่าอัญเชิญมาจากสุโขทัย



วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เดิมชื่อ "วัดทอง"
ที่มีลักษณะเป็นลานกว้างขวาง
ในสมัยกรุงธนบุรีเป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
มีพระราชดำรัสให้นำเชลยศึกพม่าจากค่ายบางแก้วไปประหารชีวิต
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1
ทรงรับมาอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์และสถาปนาขึ้นใหม่
ทั้งพระอารามและพระราชทานนามว่า "วัดสุวรรณาราม"
ทั้งนี้เนื่องจากพระองค์มีพระนามเดิมว่า "ทองด้วง" เช่นเดียวกับชื่อวัด
นอกจากนี้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
ได้มีพระราชศรัทธาสร้างเมรุหลวงสำหรับใช้ในการพระราชทานเพลิงศพเจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่
ซึ่งตามประเพณีต้องนำไปฌาปนกิจนอกกำแพงพระนครชั้นนอก
เมรุหลวงนี้ใช้มาจนถึงในสมัยรัชกาลที่ 5



ภายในพระอุโบสถ นอกจากความงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้ว
ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระศาสดา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย
ฝีมือช่างเดียวกันกับพระศรีศากยมุนีที่วัดสุทัศน์
ฝีมือช่างสุโขทัยที่มีชื่อว่า "พระศาสดา"
สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปที่อัญเชิญมาแต่กรุงสุโขทัย
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1
ที่มีความเชื่อและความศรัทธาในพระศาสดาว่า มีความศักดิ์สิทธิ์
และสามารถดลบันดาลให้สมหวังสมปรารถนาได้ตามที่ขอ
โดยเฉพาะเรื่องการทหารเกณฑ์ ในช่วงนี้จนถึงก่อนเดือนเมษายนของทุกปี
และเมื่อสมหวังหยิบได้ใบดำ
จึงนิยมมาแก้บนด้วยการนำผ้าขาวม้ามาผูกเอวและวิ่งวนรอบพระอุโบสถ 3 รอบ
พร้อมกับส่งเสียงเหมือนม้าร้องไปด้วย เรียกว่า "วิ่งม้า"
เนื่องจากมีเรื่องเล่าว่าในอดีต มีผู้พบเห็นม้าสีขาวตัวหนึ่งวิ่งวนรอบพระอุโบสถ จึงเชื่อกันว่าพระศาสดาคงโปรดม้าเป็นแน่แท้



ในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดสุวรรณาราม
และให้ช่างเขียนภาพฝาผนังในพระอุโบสถด้วย มีงานของหลวงวิจิตรเจษฎา (ทองอยู่) ผู้เขียนเนมิราชชาดก
กับหลวงเสนีย์บริรักษ์ (คงแป๊ะ) ผู้เขียนมโหสถชาดก
ซึ่งเป็นจิตรกรขึ้นชื่อในยุคนั้น
ทั้งคู่เขียนด้วยการประชันกัน
โดยใช้ผ้าคลุมและเปิดออกเผยให้เห็นเมื่องานเสร็จแล้ว
นับเป็นจิตรกรรมฝาผนังในยุครัตนโกสินทร์ที่สวยงาม
มีความละเอียดอ่อนของลายเส้นและรายละเอียดเล็กน้อยที่น่าสนใจ
และมีความสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครและประเทศไทย



ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ
นับว่าเป็นสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของวัด
โดยเฉพาะภาพเขียนของจิตรกรเอกสมัยรัชกาลที่ 3
อาจารย์ทองอยู่ หรือหลวงวิจิตรเจษฎา เขียนภาพเนมีราชชาดก
อาจารย์คงแป๊ะ เป็นคนจีน เขียนภาพมโหสถ
ซึ่งได้ดัดแปลงเทคนิคแบบจีนมาใช้
โดยเฉพาะการใช้พู่กันปลายเรียวแหลมที่เรียกว่าหนวดหนู ตัดเส้น
การใช้สีอ่อนแก่ รวมทั้งการเขียนแรเงาบาง ๆ ทำให้ภาพแสดงการเคลื่อนไหว
และมีสีที่สดใส



ต้องขอขอบคุณ นายชาญศักด์ พันธ์ทองดี
ที่เป็นวิทยากร มัคคุเทศก์รางวัลกินรี
เล่าอรรถาธิบายได้ชัดเจนและเข้าใจง่ายมากค่ะ













"วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร" เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เดิมชื่อ "วัดทอง" ลักษณะเป็นลานกว้างขวาง ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ตรงบริเวณตรงนี้พระองค์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็น "ลานประหารชีวิตเชลยศึกพม่า"
ที่คุมตัวมาจากค่ายบางแก้ว
ต่อมาในรัชสมัย "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" รัชกาลที่ 1
พระองค์ทรงรับมาอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม
พร้อมกับพระราชทานนามว่า "วัดสุวรรณาราม"
ทั้งนี้เนื่องจากพระองค์มีพระนามเดิมว่า "ทองด้วง" เช่นเดียวกับชื่อวัด

ต่อมา "สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท" (วังหน้า)
ทรงมีพระราชศรัทธา "สร้างเมรุหลวง" สำหรับใช้ในการพระราชทานเพลิงศพเจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่
เมรุหลวงนี้ใช้มาจนถึงในสมัยรัชกาลที่ 5
มีเรื่องเล่าลือกันว่า "วัดนี้มีผีดุ"
เนื่องจากเป็นวิญญาณของทหารพม่าที่ถูกประหารชีวิต
เป็นจำนวนมากในสมัยกรุงธนบุรียังคงวนเวียน
จึงได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระตากสินมหาราช
ประดิษฐานไว้ตรงนี้
และยังได้ตั้งศาลเพียงตาหนึ่งขึ้น
ภายในเป็นรูปวาดของทหารไทยโบราณ 3 นาย
เรียกว่า "ศาลเสด็จพ่อสามพระยา"
ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นนายทหารผู้ที่ควบคุมเชลยศึกพม่ามาแต่ครั้งนั้น







จากนั้นนั่งรถใต้ดินมาลงที่สถานีมังกร เพื่อมาสักการะที่วัดมังกรหรือวัดเล่งเนยยี่ที่เยาวราช



นายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร
อวยพรในเทศกาลตรุษจีนว่า
สำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีนในช่วงนี้
ททท.ได้ไปจัดโคมไฟที่วงเวียนโอเดี้ยนในย่านเยาวราช
ช่วงเทศกาลตรุษจีนหลังจากที่ท่านได้กราบไหว้ตามศาสนาตามความเขื่อของท่านแล้ว
ททท.ขอเชิญชวนให้ทุกท่านออกมาท่องเที่ยวกัน
ผมถือโอกาสนี้อวยพรให้ทุกท่าน "มั่งมีศรีสุข"
มีความสุข และร่ำรวยเงินทอง รอดพ้นจากภัยอันตรายใดๆ ทั้งปวง
ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้







วัดเล่งเน่ยยี่ ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง
ระหว่างซอยเจริญกรุง 19 และ 21 ภายในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
เป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย
ซึ่งชื่อของวัดนั้นมาจากคำ 3 คำ ได้แก่
คำว่า "เล่ง" ในภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า มังกร
คำว่า "เน่ย" แปลว่า ดอกบัว และ "ยี่" แปลว่า วัด
หรือรวมคำแปลที่หลายคนมักคุ้นหูว่า "วัดมังกร"
ส่วนชื่อทางการของวัด
เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
นั่นคือ "วัดมังกรกมลาวาส"



วัดเล่งเน่ยยี่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2414 ใช้เวลาการสร้างกว่า 8 ปี วัดจึงแล้วเสร็จ
ภายในวัดมีการออกแบบสถาปัตยกรรมแบบจีนตอนใต้
ตามแบบฉบับช่างสกุลแต้จิ๋ว
ที่เน้นการวางแปลนตามแบบวัดหลวง กล่าวคือ มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก
ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ข้างหลังพระอุโบสถเป็นวิหารเทพเจ้า
การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลัก
ปัจจุบัน "วัดเล่งเน่ยยี่" จึงกลายเป็นศูนย์กลางในการจัดงานของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนในเทศกาลต่างๆ













เมื่อเดินเข้าไปภายในวัดจนถึงวิหารจะพบ "ท้าวโลกบาล"
ที่เป็นเทวรูปเทพเจ้าทั้ง 4 พระองค์
ในชุดนักรบชาวจีน พร้อมถืออาวุธ พิณ ดาบ ร่ม เจดีย์
ซึ่งชาวจีนเรียกว่า "ซี้ไต๋เทียงอ้วง"
หมายถึงเทพเจ้าที่ปกปักรักษาคุ้มครอง
ถัดจากนั้นจะเป็นส่วนของ "อุโบสถ"
ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระประธานของวัด คือ พระโคตมพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธะ พระไภษัชยคุรุพุทธะ
ทั้งหมด 3 องค์ หรือ "ซำป้อฮุกโจ้ว"
พร้อมพระอรหันต์อีก 18 องค์ หรือที่เรียกว่า "จับโป๊ยหล่อหั่ง"
ซึ่งทางด้านขวามีเทพเจ้าต่างๆ หลายองค์
อาทิเทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา หรือ "ไท้ส่วยเอี้ย"
เทพเจ้าแห่งยาหรือหมอเทวดา "ฮั่วท้อเซียงซือกง"
และที่นิยมไหว้ขอพรมากคือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่ซิงเอี้ย"
เทพเจ้าเห้งเจีย หรือ "ไต่เสี่ยฮุกโจ้ว"
พระเมตไตรยโพธิสัตว์ หรือ "ปู๊กุ่ยฮุกโจ้ว" ซึ่งคล้ายกับพระมหากัจจายนะ
"กวนอิมผู่สัก" หรือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ "แป๊ะกง" และ "แป๊ะม่า"
รวมเทพเจ้าในวัดจะมีทั้งหมด 58 องค์

สำหรับขั้นตอนการไหว้พระ
เริ่มต้นด้วยการทำบุญธูป เทียน และดอกไม้ ซึ่งมีบริการอยู่ด้านหน้าวัด
โดยทางวัดได้จัดที่สำหรับจุดธูป เทียน ถวายดอกไม้ และอื่นๆ
ไว้บริเวณด้านหน้าวัด
จากนั้นเมื่อไหว้ขอพรเสร็จเรียบร้อยให้เดินเข้ามาข้างใน
ซึ่งจะมีเทพเจ้าหลายองค์ให้กราบไหว้
สำหรับคนที่จะสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงก็สามารถเข้าไปทำพิธีด้านในได้
ซึ่งทางวัดเปิดให้สะเดาะเคราะห์แก้ปีชงทุกวัน



















นายชาญศักด์ พันธ์ทองดี
วิทยากร มัคคุเทศก์รางวัลกินรี
เล่าให้อุ้มสีฟังว่า
นับเป็น One day Trip ที่ผมเดินทางมากับ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร
ร่วมกับ MRT ร่วมกันพาเดินท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร
ตามเส้นทางของรถไฟใต้ดินของ MRT

ซึ่งวันนี้โปรแกรมของเราเริ่มจาก MRT สถานีพหลโยธิน
แล้วเรามาลงที่สถานีบางขุนนท์ เดินเท้ากันต่อเป็นลักษณะการเดินเที่ยว
จุดแรกที่แวะกันก็คือ "ชุมบ้านบุ"
ซึ่งเป็นชุมชนเก่าที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
ที่เมื่อครั้นกรุงแตก พวกเขาอพยพกันมาแบ้วมาตั้งเป็นขุมชนขึ้น ใ
นอดีตมีหลายบ้านที่ทำการ "บุขันลงหิน"
แต่ปัจจุบันเหลือเพียงบ้านเดียวเพราะว่าช่างก็หายาก

หลังจากนั้นเราพาไปดูการทำ workshop การทำหัวโขนจิ๋ว
ซึ่งเป็นของชุมชนบ้านบุ ที่เป็นชุมชนที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
แม้จะทำจากปูนปาสเตอร์แต่มีการเขียนลวดลายอย่างสวยงาม
หลังจากนั้นไปชมวัดสำคัญตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา
มาบูรณะในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1, รัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 4
มาชมภาพจิตรกรรมฝาผนังของคุณครูทองอยู่
และคุณครูทองแป๊ะ
ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมที่หาชมได้ยาก
ไม่ว่าจะเป็นภาพ "เนมิราชชาดก" ซึ่งเขียนโดยอาจารย์ทองอยู่
หรือภาพเขียนภาพมโหสถ ที่เขียนโดยคุณครูทองเแป๊ะ
นับวันภาพจะเลอะเลือนลาง
ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นเราเดินทางต่อด้วยรถไฟใต้ดิน MRT
โดยมาขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานีวัดมังกร
โดยเรามาเที่ยวชมที่วัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่
เป็นวัดจีนนิกาย ซึ่งเป็นคนรู้จักทั่วไปซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ
มีบรรดาพระและเทพมีทั้งหมด 58 รูป
สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ พระประธานภายในพระอุโบสถของวัดมังกรกมลาวาส
ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน 3 องค์
นั่นก็คือ "พระศรีศากยมุนี" อยู่ตรงกลาง
ฝั่งขวาเป็น "พระอมิตาภพุทธเจ้า"
และ "พระธยานิพุทธเจ้าผู้สถิตอยู่ในดินแดนสุขาวดี
(และเป็นที่มาของการพูด “อามิตาพุทธ”)
ที่ทุกคนต้องมากราบไหว้และขอพร

หลังจากนั้นเราเดินกันต่อมายัง "ถนนแปลงนาม"
เดินตามถนนเยาวราชมาที่ "ประตูเมือง" นั่นก็คือ
"ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา”
หรือ “ซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีน" ของพ่อหลวงในหลวงรัชกาลที่ 9
ซึ่งเป็นประตูที่มีความสำคัญของชุมชนชาวจีน
เป็นจุดศูนย์รวมของจิตใจซึ่งเป๋นจุดหนึ่งที่ผมอยากจะให้ทุกท่านได้มา
และตอนนี้ ททท.ททท.ได้จัดโคมไฟที่วงเวียนโอเดี้ยนในย่านเยาวราช
ผมขอเชิญชวนทุกท่านออกมาท่องเที่ยวกันนะครับ
ออกมาหาของรับประทานที่เยาวราชที่มีแต่ของอร่อยๆ ที่สตรีทฟู้ดเยาวราช
ที่ต้องบอกว่า ติดอันดับหนึ่งของโลกเหมือนกัน
เชิญชวนออกมาท่องเที่ยวกันครับ





ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” หรือ “ซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีน”



ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” หรือ “ซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีน”
เดิมที บริเวณนี้เคยเป็นวงเวียนน้ำพุ หรือ “วงเวียนโอเดียน”
ซึ่งเป็นการเรียกชื่อตามโรงภาพยนตร์โอเดียนที่ตั้งอยู่ใกล้
ต่อมามีการปรับปรุงพื้นที่ และสร้างเป็นซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีนขึ้นมา
โดยมีชาวไทยเชื้อสายจีน และหน่วยงานราชการต่างๆ
ร่วมใจกันจัดสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในปี พ.ศ. 2542
ซุ้มประตูแห่งนี้เป็นจุดตัดของถนนเจริญกรุง ถนนเยาวราช และถนนมิตรภาพไทย-จีน
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเยาวราชและเปรียบเสมือนเป็นประตูสู่เยาวราช

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เฉลิมฉลอง 48 ปี
สานความสัมพันธ์ไทย-จีน ประดับไฟถนนเยาวราชรับเทศกาลตรุษจีนปีเถาะ
โดย ททท. ได้รับความร่วมมืออย่างดีในการร่วมจัดเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทย
จากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สาธารณรัฐประชาชนจีน
ตลอดจนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย
มาเป็นประจำทุกปี
และที่สำคัญปีนี้ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน
นอกสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ใหญ่ที่สุด

ททท. จึงจัดกิจกรรมการประดับไฟ
เนรมิตบรรยากาศแต่งแต้มสีสันแห่งสิริมงคลรับปีใหม่จีน
ภายใต้แนวคิด “สิริมงคล รุ่งเรือง โชคดี ปีกระต่าย”
จัดซุ้มอุโมงค์ไฟความยาว 45 เมตร และโคมไฟประดับถนนกว่า 500 โคม
บริเวณย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร
ถนนสายวัฒนธรรมชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสามารถมาเดินแชะ ชิล ข้อป
ชมการตกแต่งประดับไฟในเทศกาลตรุษจีนได้ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2566
เวลา 18.00 - 24.00 น.
ณ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (วงเวียนโอเดียน)
และตลอดจนถนนเยาวราช

ทั้งนี้ ททท. มุ่งหวังว่าการจัดงานเทศกาลตรุษจีนในปี 2566
จะเป็นโอกาสที่ดีในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศไทย
ในการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ
รวมถึงแสดงความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกครั้ง
และกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนให้กลับมาคึกคัก
อันจะช่วยการกระจายรายได้สู่ชุมชนและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว
รวมถึงเป็นการส่งมอบความสุขในโอกาสขึ้นปีใหม่ตามธรรมเนียมจีน
หลังจากสภาวะโควิด-19 คลี่คลายลง





























สำหรับมื้อค่ำอิ่มอร่อยที่ภัตตาคารตั้งใจอยู่ เยาวราช กทม อร่อยเลิศ
ขอขอบคุณ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร
#เที่ยวสายArtกับMRT #MetroArt #TrendyMaHaNaKhon #Tatbangkok #MRTพหลโยธิน
#TheHappyCommercialHubOfMRT
#HappyJourneywithBEM























นับเป็น One day Trip ที่มีความสุข ที่สามารถไปไหนมาไหนคล่องตัวด้วย MRT แหล่มเลยค่ะ



ขอขอบคุณ

นางวัฒนา สิทธิไวทยาภรณ์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ งานพัฒนาเชิงพาณิชย์และสื่อสารองค์กร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

นายวิทสุวัฒน์ อำคาเพท
กรรมการผู้จัดการบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด

การท่องเที่ยวเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพฯมหานคร

นายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร

นายชาญศักด์ พันธ์ทองดี
วิทยากร มัคคุเทศก์รางวัลกินรี



เพลง : อวยพรตรุษจีน
BG : คุณลักกี้ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat
ของแต่ง BLOG : ป้ามด-ดอกหญ้าเมืองเลย-ชมพร-ญามี่-เนยสีฟ้า



Create Date : 19 มกราคม 2566
Last Update : 22 มกราคม 2566 16:17:57 น. 29 comments
Counter : 1121 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณทนายอ้วน, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณปัญญา Dh, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณกะว่าก๋า, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกิ่งฟ้า, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณJohnV, คุณtanjira, คุณ**mp5**, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณNENE77, คุณkae+aoe


 
ดีจัง
ไว้เปิดงาน 26 มค.เป็นต้นไป
จะตามไปเที่ยว
แล้วนำมาเขียน Art blog ฝากเพื่อนค่า


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 19 มกราคม 2566 เวลา:7:25:16 น.  

 
หวัดดีปีใหม่ครับ


โดย: wicsir วันที่: 19 มกราคม 2566 เวลา:9:04:38 น.  

 
ตอนนี้เหลือแค่ 23 ตัว ค่ะคุณอุ้ม

รุ่นๆสามคอกเกิดใหม่ ซนสุดๆ ไปหลงท้ายไร่ หายไปสองวัน ไปช่วยมาได้ เถาวัลพันตัว หญ้าพันคอ ซนเกินจริงๆค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 19 มกราคม 2566 เวลา:10:49:38 น.  

 
น่าสนใจและน่าไปเดินเที่ยวมากๆเลยครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2566 เวลา:11:55:06 น.  

 
งานเค้าใหญ่จริงๆ สีสันสดใส น่าไปเดินมากค่ะ

สวัสดีตอนบ่ายค่ะพี่อุ้ม


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 19 มกราคม 2566 เวลา:15:52:34 น.  

 
ฟาไฉสุกี้ เอ้ย กง สี่ ฟา ฉาย ^^


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 19 มกราคม 2566 เวลา:23:10:21 น.  

 
ภาพสวยจังค่ะ
น่าเที่ยวมากค่ะคุณอุ้ม


โดย: Sweet_pills วันที่: 20 มกราคม 2566 เวลา:0:14:30 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2566 เวลา:5:33:59 น.  

 
มอร์นิ่ง


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 20 มกราคม 2566 เวลา:8:11:28 น.  

 
ขอบคุณครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2566 เวลา:11:25:51 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายค่ะ พี่อุ้ม


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 20 มกราคม 2566 เวลา:13:48:51 น.  

 
โห มองภาพจนตาเหล่เลยครับ 555


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 20 มกราคม 2566 เวลา:15:56:41 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องอุ้มมาชมภาพสวยๆค่ะตรุษจีนปีนี้คงจะคึกคักมากมายนะคะหลังจากเงียบมานานเพราะพิษโควิด
Travel Blog

ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจบล็อกขนมกุยช่ายนะคะ




โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 20 มกราคม 2566 เวลา:18:25:06 น.  

 
สวัสดีครับคุณอุ้ม
ขอบคุณกำลังใจนะครับ
และขอบคุณที่นำทริปดีดีมาให้ชมกัน น่าไปตามรอยมากเลยครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 20 มกราคม 2566 เวลา:22:47:26 น.  

 
สุขสันต์วันตรุษจีน รวยๆ เฮงๆ สุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆนะครับ




โดย: JohnV วันที่: 21 มกราคม 2566 เวลา:0:15:00 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2566 เวลา:4:58:34 น.  

 
สวัสดีวันตรุษจีนค่ะคุณอุ้ม

ขอให้เฮงๆรวยๆมีความสุขนะคะ



โดย: tanjira วันที่: 21 มกราคม 2566 เวลา:7:35:58 น.  

 
สุขสันต์วันตรุษจีนครับ


โดย: **mp5** วันที่: 21 มกราคม 2566 เวลา:9:10:45 น.  

 
สุขสันต์วันตรุษจีน..

เฮงๆรวยๆปังๆจร้า..



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 21 มกราคม 2566 เวลา:10:44:25 น.  

 
ขอบคุณครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2566 เวลา:11:41:54 น.  

 
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ใช้บริการ MRT เท่าไหร่ เลยไม่มีโอกาสได้แวะชมพวกนี้เลย

เดี๋ยวมาอีกที


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 มกราคม 2566 เวลา:16:48:16 น.  

 
ตามไปเที่ยวทิพย์ด้วยครับ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 21 มกราคม 2566 เวลา:22:54:07 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2566 เวลา:5:59:31 น.  

 
น่าสนุกค่ะ



โดย: NENE77 วันที่: 22 มกราคม 2566 เวลา:10:16:02 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2566 เวลา:20:33:51 น.  

 
สวัสดีครับ คุณ อุ้ม...


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 22 มกราคม 2566 เวลา:21:15:36 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2566 เวลา:5:12:19 น.  

 
ดีเลยค่ะ น่าสนุก


โดย: kae+aoe วันที่: 23 มกราคม 2566 เวลา:8:18:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

ตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยนะคะ..

สุดยอด..



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 23 มกราคม 2566 เวลา:8:30:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อุ้มสี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 119 คน [?]






ผล BlogGang Popular Award #16
จากวันที่ 1 ม.ค. 63 - 31 ธ.ค. 63
ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสี


ผล BlogGang Popular Award #15
จากวันที่ 1 ม.ค. 62 - 31 ธ.ค. 62
ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสี



ขอบคุณหัวใจ 266 ดวง
ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.60





ขอบคุณผลโหวต
BlogGang Popular Award # 12
ปี พ.ศ.2560


ขอบคุณหัวใจ 499 ดวง
ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.59


ขอบคุณผลโหวต
BlogGang Popular Award # 11
5 มีนาคม 2559



กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2558
กราบขอบพระคุณทุกท่าน
แปะหัวใจให้ถึง 351 ดวง


ปี พ.ศ. 2558
BlogGang Popular Award # 10


ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน



กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2557
กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

คลิกที่นี่:: Interview .. the Blogger :: ~ อุ้มสี ~



ปี พ.ศ.2557
BlogGang Popular Award # 9
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน




ปี พ.ศ.2556
BlogGang Popular Award # 8
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน




Group Blog
 
<<
มกราคม 2566
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 มกราคม 2566
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อุ้มสี's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.