เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
27 เมษายน 2557
 
 
นิรโทษรัก บทที่ 6- ขู่พยาน

นิรโทษรัก
บทที่ 6
ขู่พยาน


เมญาดารู้สึกปลอดภัยขึ้นมากหลังจากที่คนร้ายถูกจับกุมตัว ตำรวจทำเรื่องฝากขังและยื่นสำนวนให้อัยการฟ้องศาลเสร็จและไม่ให้ประกันตัวโดยใช้เวลาเพียงสามวันหลังจากจับกุมตัวได้ ระหว่างนั้นตำรวจได้เข้าหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านคนร้ายแต่ยังไม่พบปืนที่ใช้ฆาตกรรมและพระซึ่งถูกชิงไป

เวลาผ่านไปเกือบเดือนแล้วยังไม่มีเรื่องร้ายใดใดเกิดกับเมญาดาตามคำขู่ เธอยังคงไปทำงานตามปกติโดยที่รองสารวัตรธีร์ตามมาคุ้มกันเธอไม่ห่าง อาจมีบ้างบางวันที่ตำรวจหนุ่มต้องเข้าประชุมรายงานผล แต่เขาจะส่งตำรวจนายอื่นมาคุ้มครองแทน การมีตำรวจหน้าตาดีมาอยู่ในออฟฟิศ กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นของพนักงานสาวๆ และทั้งเช้า กลางวันเย็น โต๊ะประจำที่ให้ตำรวจหนุ่มนั่งจะมีขนม น้ำ กาแฟ จากสาวแท้สาวเทียมมาบริการตลอดเวลา

‘คุณทำให้ผมอ้วนขึ้น’
ตำรวจหนุ่มส่งข้อความให้เมญาดาระหว่างที่เธอนั่งทำรูปภาพหน้าคอมพิวเตอร์กับกันต์

‘เมญ่าเกี่ยวอะไรด้วยค่ะ’
เธอตอบข้อความกลับไป ก่อนจะหันไปมองตำรวจผิวเข้มที่นั่งอีกฟากใกล้ๆห้องพี่ดาโดยไม่รู้เลยว่ากันต์กำลังอ่านข้อความของเธอที่คุยกับรองสารวัตรธีร์

‘ตั้งแต่มาดูแลคุณ ได้ทานของอร่อยตลอด เพราะคุณผมถึงอ้วนขึ้น คุณต้องรับผิดชอบนะครับ’

คำตอบของเขาทำให้เธอหน้าแดง แม้จะไม่เคยคบใครจริงจังแต่ก็ถูกผู้ชายเกี้ยวพาราสีอยู่บ่อยครั้ง เมญาดาจึงไม่ไร้เดียงสาจนไม่เข้าใจว่าตำรวจหนุ่มกำลังสนใจเธอ แต่ก่อนที่จะตอบข้อความเขากลับไป กันต์ดึงโทรศัพท์มือถือของเธอมาใส่กระเป๋ากางเกงของเขาไว้

“ผมไม่มีสมาธิทำงาน ถ้าคุณยังคุยกับตำรวจนั่นอยู่แบบนี้”
กันต์กล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงเตือน ทำให้เธอชักสีหน้าใส่เขาพลางทำท่าจะแย้งโทรศัพท์คืนมา

“เอาโทรศัพท์เมญ่าคืนมานะคุณกันต์”
เมญาดาพยายามจะล้วงกระเป๋ากางเกงของชายหนุ่มจนหน้าเข้าไปแนบกับอกของเขาโดยไม่รู้ตัว กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายเขาไม่ทำให้เธอรู้สึกอยากอาเจียน เหมือนเวลาเธอได้กลิ่นจากคนอื่นๆ

กันต์ดึงมือเธอออกจากกระเป๋ากางเกง จับมือเล็กของเธอไว้แน่น ก่อนจะก้มหน้ามาใกล้และกระซิบด้วยน้ำเสียงดุๆ “ตอนนี้คุณควรตั้งใจทำงาน กรุณาไปจีบกับตำรวจนั่นหลังเลิกงานครับ!”

“บ้า!” เมญาดาพูดใส่หน้าคนที่กำลังดูหมิ่นเธอพร้อมสะบัดมือเขาออกแล้วหันมานั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ต่อโดยไม่มองหน้าชายหนุ่มที่พูดแทงใจดำ แม้คู่หูหนุ่มจะพูดถูกแต่ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธและน้อยใจกับคำพูดแรงๆของเขา…

หลังเลิกงานรองสารวัตรธีร์พาเมญาดาไปทานข้าวเย็น เป็นวันแรกที่เธอคัดค้านการติดตามของช่างภาพคู่หู และช่างภาพหนุ่มเองก็ไม่ทักท้วงขอตามไปเหมือนทุกครั้งเพราะโกรธที่เมญาดาบอกว่าอยากจะอยู่กับรองสารวัตรธีร์สองต่อสอง ทั้งๆความเป็นจริงเมญาดาเพียงพูดประชดเพราะรู้อยู่แล้วว่ารองสารวัตรธีร์จะพาขวัญจันทราลูกสาวของคนที่ถูกฆาตกรรมมาแนะนำตัวให้เมญาดารู้จัก

ขวัญจันทราเป็นสาวสวยผมยาวสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวแก้มแดงระเรื่อด้วยวัยเพียงยี่สิบห้าปี ขนตาเป็นแพงอนยาว รับกับใบหน้ารูปไข่ที่เล็กราวกับนางเอกในทีวี เวลาเธอเดินดูสง่าในฐานะลูกนักธุรกิจแต่ในขณะเดียวกันก็ดูอ่อนหวานสมวัย

“ขอบคุณพี่เมญ่ามากๆ เลยค่ะ ถ้าไม่ได้พี่เมญ่า ก็คงไม่รู้ว่าใครคือฆาตกร”
เธอกล่าวขอบคุณเมญาดาทั้งๆที่น้ำตาเอ่อเล็กน้อย เมญาดาไม่แปลกใจมากนักที่สาวน้อยจะยังเสียใจอยู่ เพราะเวลาผ่านไปยังไม่ถึงสองเดือนตั้งแต่วันที่คุณพ่อของเธอถูกฆาตกรรม

“พี่เมญ่าเป็นคนดีมากค่ะ ถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวไม่กล้าเป็นพยานให้ ขวัญไม่รู้จะตอบแทนพระคุณอย่างไรเลย”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณขวัญ พี่ยินดีเป็นพยานให้ค่ะ” เมญาดาจับมือของขวัญจันทราเพื่อส่งความรู้สึกเห็นอกเห็นใจให้กับอีกฝ่าย

“ขวัญอยากให้พี่เมญ่าอ่านพินัยกรรมของคุณพ่อมากๆค่ะ หลังจากงานศพของคุณพ่อ ทนายความเอาพินัยกรรมมาให้ ยิ่งขวัญได้ทราบสิ่งที่คุณพ่อทำไว้ ขวัญยิ่งรู้สึกเจ็บใจ ผิดหวังและเสียใจแทนคุณพ่อมากๆค่ะ” หญิงสาวหยิบสำเนาพินัยกรรมออกจากกระเป๋าให้เมญาดา เธอหยิบมาอ่านเงียบๆ โดยไม่ถามคำถามใดๆ

เมื่ออ่านจบเธอสบตากับสาวรุ่นน้อง รู้สึกเศร้าแทบจับใจ ขวัญจันทราส่งสมุดบันทึกเก่าๆ สีน้ำตาลให้เธออ่าน นั่นยิ่งทำให้รู้สึกว่าการตัดสินใจเป็นพยานของเธอเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะจากสมุดบันทึกทำให้เธอทราบว่าฆาตกรกับผู้ตายเป็นเพื่อนที่รักกันมากยาวนานเกือบสี่สิบปี เขาฆ่าได้แม้กระทั้งเพื่อนรัก ฆาตกรช่างชั่วร้ายและเลือดเย็นที่สุด!!

หลังจากมื้อเย็นรองสารวัตรขับรถพาเมญาดากลับที่พัก ความเศร้าใจทำให้เมญาดายังอยู่ในความเงียบ สงสารพ่อของขวัญจันทราที่ถูกเพื่อนทรยศหักหลังขนาดนี้เพียงเพื่อพระแค่องค์เดียว

“ขึ้นชื่อว่าคนก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับคุณเมญ่า ผมเป็นตำรวจพบมามาก” รองสารวัตรธีร์ทำลายความเงียบก่อนจะเปิดเพลงในรถเบาๆให้เธอฟังผ่อนคลาย ตำรวจหนุ่มเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนจนเธอประทับใจช่างต่างกับคู่หูใจร้ายของเธอ

“ลูกบางคนฆ่าพ่อแม่เพื่อหวังทรัพย์สมบัติ บางคนยิงคนรักเพราะขอเงินแล้วอีกฝ่ายไม่ให้ บางคนทำร้ายเพื่อนสนิทเพราะแย่งแฟนกัน บางคนฆ่าพี่น้องเพราะแย้งมรดก…ด้านมืดของคนที่ทำกับคนใกล้ตัวเกิดขึ้นได้เสมอในยุคที่กิเลสมีมากกว่าศิลธรรม”

“ ก็จริงค่ะ ยิ่งกับคนที่สนิทด้วยแล้วยิ่งทำได้ง่ายเพราะคิดว่าท้ายที่สุดเขาจะให้อภัยตัวเอง"

เมญาดาเสริมความคิดแลกเปลี่ยนกับตำรวจหนุ่ม ในโลกที่มีแต่การแข่งขัน การถูกสอนให้เป็นที่หนึ่งอาจยิ่งทำให้ความอยากพุ่งทยาน ความอยากได้ อยากมี อยากเหนือผู้อื่นแม้แต่คนที่รักทำให้ใครบางคนเลือกทำสิ่งร้ายๆ จนมีคดีฆาตกรรมแบบนี้มากมายให้รู้สึกสะเทือนใจ

“ผมดีใจที่คุณเมญ่ายอมเป็นพยานให้โดยไม่กลัวอันตราย คุณเมญ่าเป็นคนดีแบบนี้ จนผมรู้สึกว่าถ้ามีคนรักดีๆแบบคุณเมญ่า ผมคงจะมีความสุขมาก”

“อะไรนะคะ?”
เมญ่าตกใจที่จู่ๆตำรวจหนุ่มพูดเรื่องความรักขึ้นมา รู้สึกราวกับถูกสารภาพรัก เธอยอมรับว่ารองสารวัตรธีร์เป็นคนดี อ่อนโยน หน้าตาบุคลิกดูดีมากแต่ก็คงไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรหรือจะตอบอย่างไรถ้าถูกเขาจู่โจมบอกรัก

“ผมพูดจริงๆครับ ผมคงจะมีความสุขมากถ้าคุณเมญ่า..”

“อุ๊ย ถึงคอนโดแล้ว! เร็วจังค่ะ”
เมญาดารีบขัดจังหวะรองสารวัตรเพราะเธอรู้สึกเขินถ้าจะถูกบอกรักทั้งๆที่ยังต้องให้เขาคุ้มครองเธอไปอีกนาน เธอบอกให้เขาจอดที่ถนนใหญ่ไม่ต้องเลี้ยวเข้าไปในคอนโด เพราะคิดว่าปลอดภัยแล้วและเมญาดาเองก็อยากลงจากรถให้เร็วที่สุด เธอกล่าวคำลาก่อนจะรีบเดินเข้าซอย

“เมญ่าเอ้ย! เกือบไปแล้วนะ!”
เมญาดาบ่นกับตัวเอง ตั้งแต่เธอเป็นสาวสะพรั่ง มีผู้ชายหลายคนเข้ามาหยอดคำหวานและตามตื้อแต่เธอไม่เคยตกลงปลงใจกับใครเลย นั่นอาจเพราะยังต้องการอิสระ เธอรักการถ่ายภาพ ยังอยากออกไปหาที่ถ่ายรูปในวันหยุดมากกว่าการดูแลคนรักหรือตัวติดอยู่กับคนรักตลอดเวลาเหมือนคู่อื่นๆ ดังนั้นการที่ตำรวจหนุ่มจู่โจมบอกรัก อาจจะยิ่งทำเธออึดอัดมากกว่าดีใจ

ซอยเข้าคอนโดเป็นซอยไม่กว้างนัก เวลาสี่ทุ่มแบบนี้จึงไม่มีคนเดินเข้าออกสวนทาง แต่มันใกล้มากไม่ถึงห้าสิบเมตรดังนั้นการเดินคนเดียวจึงไม่ทำให้เธอหวั่นใจ แสงไฟดวงเล็กๆวิ่งส่องสวนทางมาทำให้แสบตา เมญาดามองเห็นไม่ชัดว่าคนขับเป็นใคร เธอเอามือป้องตาไว้เพื่อรอให้แสงจากรถมอร์เตอร์ไซด์ผ่านไปก่อน แต่ตรงกันข้ามรถมอร์เตอร์ไซด์กลับชะลอความเร็ว ทำให้เธออดแปลกใจไม่ได้ เมญาดารีบจ้องไปที่คนขับ น่าจะเป็นชุดสีดำ มือขวาถืออะไรบางอย่างเล็งมาทางตัวเธอ ตาพร่าจากแสงไฟหน้ารถแต่เดาได้ไม่ยากว่านั่นคือ…

“เมญ่า!!!!!!”
ใครบางคนตะโกนชื่อเธอดังจากด้านหลังพร้อมกับมือใหญ่กระชากเอวเธอให้หลบ

“ปัง!!!!!!”
เสียงปืนดังก้องจนหูอื้อราวกับปืนนั้นจ่ออยู่ข้างหู เท้าของชายหนุ่มซึ่งช่วยเธอไว้ถีบไปที่รถมอร์เตอร์ไซด์ก่อนปืนนัดที่สองจะดัง
“ปัง!!!!”
เมญาดาร้องกรี๊ดดังลั่น เธอหันไปมองไปที่รถมอร์เตอร์ไซด์ซึ่งคว่ำกระเด็นไปไม่ถึงสองเมตร คนที่ช่วยเธอวิ่งไปยังคนขับรถมอร์เตอร์ไซด์ เขาเตะปืนกระเด็นมาทางเมญาดา ก่อนจะเตะและต่อยไปที่หน้าและท้องของมือปืนหลายครั้ง มือปืนชักมีดออกมาสู้ คนช่วยเธอกำลังพลาดท่าจะถูกแทง เมญาดาจึงรีบหยิบปืนส่องไปที่คนร้าย ค่อยๆเดินเข้าไปแม้จะตัวยังสั่นอยู่ก็ตาม

“หยุดนะ ไม่อย่างนั้นฉันยิง!”
แม้จะกลัวแค่ใหนแต่สติก็ทำให้เมญาดากล้าที่จะเล็งปืนโดยทำท่าเหมือนไม่กลัวและทำเหมือนยิงปืนเป็นทั้งๆที่เธอไม่เคยจับปืนมาก่อน!

เสียงรปภวิ่งออกมาจากคอนโดเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนว่า “ถ้าแกไม่อยากตาย ให้ถอนตัวจากการเป็นพยานซะ!!!”ก่อนที่จะจับรถมอร์เตอร์ไซด์ยกขึ้นแล้วรีบขับหนีไปทิ้งคนช่วยเธอฟุ๊บลงกับพื้น

“คุณ! เป็นอะไรมากไหมค่ะ”
เมญาดารีบวิ่งเข้าไปดูชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง

“คุณกันต์!”
เธอรู้สึกตื่นเต้นปนดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นหน้าเขา ปากชายหนุ่มแดงไปด้วยเลือด คิ้วมีรอยฟกช้ำคงเพราะโดนด้ามมีดทุบระหว่างต่อสู้กัน รปภเข้ามาสอบถามและช่วยพาชายหนุ่มไปที่ห้องของเธอ เมื่อมาถึงที่สว่างทำให้เธอเห็นว่าไม่ใช่แค่ปากและคิ้วที่บาดเจ็บ แต่ทั้งมือและแขนก็ฟกช้ำเป็นจ้ำแดงๆ ที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวในวันรุ่งขึ้น เธอนำชุดปฐมพยาบาลมาทำแผลให้เขา

“คุณมาได้ยังไงคะ ”
เมญาดาถามระหว่างทำแผลที่ปากสวยของเขาซึ่งตอนนี้มีรอยแตกอยู่หลายที่

“ผมลืมคืนคุณ เลยตามมาคืนให้”
ชายหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกงเอามือถือของเธอขึ้นมา ทำให้เมญาดานึกขึ้นมาได้ว่าเธอเองก็ลืมเช่นกันเพราะมัวแต่จะประชดเขาเมื่อตอนเย็น

“ทำไมไม่ให้ตำรวจนั่นเข้าไปส่งในคอนโด”
เขาทำเสียงดุเหมือนจะหาเรื่องคนขับรถมาส่งเธอซึ่งไม่อยู่ตอนนี้

“เมญ่าเห็นใกล้ๆ คงไม่เป็นอะไร เลยขอลงที่ถนน รองสารวัตรธีร์เขาไม่ผิดหรอกค่ะ”

“เข้าข้างว่าที่คนรักจริงๆเลยนะ”
คำพูดประชดของเขาทำให้เมญาดารู้สึกหงุดหงิดจนเผลอทำรุนแรงกับปากเล็กของชายหนุ่ม

“โอ๊ย! คุณ เบาๆหน่อยสิ”
กันต์คว้ามือเมญาดาก่อนเธอจะทำแผลแรงกว่านี้

“สมน้ำหน้า ปากดีแบบนี้เมญ่าจะทำแรงๆ เลย”
เมญาดาสบตากันต์อย่างงอนๆ ก่อนจะดึงมือออกและทำแผลในส่วนอื่นให้เขาต่อ

“คนจ้องจะทำร้าย คอยหาช่องตลอดดังนั้นห้ามประมาทถ้ารองสารวัตร์ธีร์ปกป้องคุณไม่ได้ ผมจะเป็นคนขับรถรับส่งคุณเอง!”
เมญาดารู้สึกดีอย่างประหลาดเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้าร้อนผ่าวทั้งๆที่เป็นคำพูดที่ไม่ได้แฝงนัยยะอะไรแต่เธอกลับประทับใจจนต้องแก้เขินด้วยการเอายาแก้อักเสบ ยาแก้ปวดให้เขากินเพื่อบรรเทาอาการอักเสบจากการฟกช้ำ

เธอทำแผลให้เขาเสร็จแล้ว จึงโทรไปหารองสารวัตรธีร์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ตำรวจหนุ่มจะมาหาทันทีแต่เมญาดาห้ามไว้ก่อนเพราะเห็นว่าจะดึกเกินไป ปืนที่คนร้ายใช้ เธอเก็บเอามาใส่ตู้นิรภัยที่ห้องไว้เรียบร้อย เชื่อว่าจะไม่หายไปไหน และขอร้องให้เขามาในวันพรุ่งนี้แทน เขารับปากจะมาแต่เช้า

เมื่อเมญาดากลับมาในห้องรับแขกก็พบว่าคู่หูหนุ่มเผลอหลับไปแล้ว เธอจึงหยิบหมอนและผ้าห่มมาคลุมให้เขา กันต์เป็นผู้ชายที่ดูผิวเผินเหมือนเจ้าสำอางเพราะผิวขาวขนตายาวปากเรียวเล็กแต่ทุกครั้งที่มีเรื่องเขาจะต่อสู้อย่างกล้าหาญสมเป็นชายและไม่เคยหนีอันตรายเลยสักครั้ง เมญาดามองหน้าเขาอยู่นานระหว่างที่เอาหมอนมารองศรีษะของเขา ชายหนุ่มหน้าตาเหมือนใครสักคนที่เธอเคยเจอแต่คิดไม่ออกว่าคือใคร…

เช้าวันรุ่งขึ้นรองสารวัตรธีร์พาตำรวจอีกสองนายเข้ามาสอบปากคำพร้อมเก็บหลักฐานปืนและลูกกระสุนในที่เกิดเหตุ ลูกกระสุนนัดหนึ่งฝังเข้าที่กำแพงผนังตึก อีกนัดตกอยู่ใกล้ๆทางเข้า ตำรวจถ่ายรูปร่องรอยล้อรถ ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบปากคำ รปภ พบว่าคนร้ายใช้รถมอร์เตอร์ไซด์สีน้ำเงินมาจอดหน้าทางเข้าหลายวันโดยบอกว่ามารอแฟน รปภจำหน้าคนร้ายได้จึงให้ตำรวจสเก็ตหน้าคนร้ายเพื่อติดป้ายประกาศจับ แต่เสียดายที่ รปภ จำทะเบียนรถมอร์เตอร์ไซด์ไม่ได้ ตำรวจให้เมญาดาและกันต์ดูรูปสเก็ตแต่เพราะความมืดของเมื่อคืนทั้งคู่จึงไม่แน่ใจว่าใช่คนคนเดียวกันหรือไม่

“หมายศาลนัดสืบพยานออกแล้วนะครับคุณเมญ่า”
รองสารวัตรธีร์กล่าวหลังเก็บหลักฐานของเมื่อคืนนี้เสร็จเรียบร้อย

“วันที่ 7 พฤศจิกายน ครับ”
เมญาดารับหมายศาลมาอ่าน เดือนนี้ต้นเดือนสิงหาคม นั่นหมายความว่าอีกสามเดือน!

“อีกตั้งสามเดือนเลยเหรอค่ะ?”
ทั้งๆที่เป็นคดีฆาตกรรมแต่กว่าศาลจะนัดสืบพยานก็ใช้เวลานานมาก ซึ่งระหว่างนี้เธออาจจะถูกทำร้ายได้ หรือหลักฐานที่เหลืออาจจะถูกทำลายอีกก็ได้

“ใช่ครับ ความจริงนี่ถือว่าเร็วนะครับคุณเมญ่า บางคดีเกือบครึ่งปี หรือเกือบปีกว่าจะนัดสืบพยาน”

รองสารวัตรอธิบายถึงสาเหตุที่ล่าช้าโดยอธิบายเพิ่มเติมว่าทนายฝ่ายจำเลยก็ต้องหาหลักฐานมาแก้ต่างว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุฆาตกรรมเขาอยู่ที่ใหน และนำพยานฝ่ายจำเลยมาอ้างอิงด้วยเช่นกัน กว่าคดีจะจบจนตัดสินความผิดได้อาจใช้เวลานานกว่าสองปี

“นานเชียว แบบนี้รองสารว้ตรธีร์ก็ต้องคุ้มกันเมญ่าอีกหลายปีเลยสิคะ คงมีแต่คนอิจฉาเมญ่าแน่ๆที่มีตำรวจอยู่ติดตัวตลอด”

คำพูดของเมญ่าทำให้ทั้งเธอและรองสารวัตรธีร์ต่างหัวเราะชอบใจในขณะที่กันต์กลับดูเงียบขรึมไม่ขัดจังหวะเหมือนเคย…


...........................................

จบตอนที่ 6 แล้วค่ะ

เรื่องราวเริ่มจะเข้มข้นมากขึ้นแล้วค่ะ
ในตอนหน้าเรื่องราวต่างๆจะเปิดเผยมากขึ้น โปรดติดตามในอาทิตย์หน้านะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ


Create Date : 27 เมษายน 2557
Last Update : 27 เมษายน 2557 12:58:57 น. 0 comments
Counter : 488 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

สมาชิกหมายเลข 1115965
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม้จะเป็นผลงานฝึกหัดแต่วรรณกรรมนี้ได้รับการคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามทำซ้ำดัดแปลงหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตินะคะ

จะเข้ามาเขียนและหรือลงรูปทุกๆวันอาทิตย์ค่ะ ยังไงแนะนำกันด้วยนะคะ เพิ่งหัดเขียน หัดถ่ายรูป
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1115965's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com