แต่ละสถาบันคิดค่าเรียนแตกต่างกัน มีตั้งแต่หลัก 8,000 ไปถึงหลักหมื่นต้น ๆ  จำนวนชั่วโมงเรียนต่อคอร์สมีตั้งแต่ 40, 60 และ 80 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น วิธีการที่ดีคือ เอาจำนวนค่าเรียนต่อคอร์สหารจำนวนชั่วโมง แล้วคุณจะเห็นค่าเรียนคิดเป็นต่อชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่าคุณพร้อมจะจ่ายหรือไม่

สถาบันบางแห่งมีจำนวนนักเรียนต่อชั้นมาก บางแห่งน้อย ยิ่งจำนวนนักเรียนน้อย ยิ่งหมายความว่านักเรียนแต่ละคนมีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ผู้สอนได้มากขึ้น  แต่อย่างไรก็ตามยิ่งนักเรียนน้อย ค่าเรียนอาจจะแพงขึ้น ถ้าเรียนตัวต่อตัวยิ่งแพงขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าค่าเรียนถูกมาก แต่จำนวนนักเรียนต่อชั้นเยอะมาก ก็อาจจะไม่คุ้มค่าก็เป็นได้

ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ว่าหลักสูตรใดที่เหมาะกับเด็ก ส่วนใหญ่หลาย ๆ สถาบันจะมีการทดสอบวัดระดับผู้เรียนก่อนลงทะเบียนเรียนอยู่แล้ว ข้อสอบมักประกอบด้วยข้อสอบข้อเขียน และการสอบสัมภาษณ์กับอาจารย์ผู้สอน  บางสถาบันจะคิดค่าทดสอบนี้ด้วย บางแห่งก็ไม่คิด คุณควรตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ด้วยว่า แต่ละหลักสูตร “สัญญา” ว่าจะทำให้ลูกคุณมีพัฒนาการทางภาษาอย่างไรบ้าง บางสถาบันมีให้ทดลองเรียน หรือให้คุณเข้าไปสังเกตการเรียนการสอนอีกด้วย

ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ว่าอาจารย์ผู้สอนเป็นอาจารย์ชาวอะไร? จำเป็นหรือไม่ว่าต้องเป็นเจ้าของภาษาเท่านั้น? มีประสบการณ์การสอน มีประกาศนียบัตรรับรองว่าได้รับการฝึกฝนการสอนภาษาอังกฤษให้ชาวต่างชาติหรือไม่? แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ย่อมไม่อยากให้ลูกได้เรียนกับเจ้าของภาษาที่ขาดประสบการณ์ หรือไม่ได้รับการฝึกเรื่องการสอนมาเลย

คุณอยากให้ลูกเรียนช่วงเย็นวันธรรมดา หรือว่าช่วงวันเสาร์ อาทิตย์? ถ้าช่วงวันธรรมดาลูกคุณจะเหนื่อยจากการเรียนปกติที่โรงเรียนมาแล้วหรือไม่? แต่ไม่ว่าเรียนวันไหน ทั้งคุณ และลูกก็ต้องเตรียมใจว่า ต้องเสียเวลาครอบครัวไปส่วนหนึ่ง สถานที่ตั้งของสถาบันก็เป็นเรื่องสำคัญ ว่าคุณต้องใช้เวลาเดินทางไปรับส่งลูกนานแค่ไหน