 |
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
 |
30 ตุลาคม 2553 |
|
 |
 |
|
 |
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
 |
|
จับได้ไล่ทันผู้รับเหมาตัวแสบ
จับได้ไล่ทันผู้รับเหมาตัวแสบ สำหรับผู้ที่คิดจะสร้างบ้านหรือซื้อบ้าน ควรศึกษาหาข้อมูลการก่อสร้างบ้านไว้มาก ๆ จะได้ไม่ถูกพวกผู้รับเหมาตัวแสบ แอบลักไก่
ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จริงที่ได้เจอกับตัวเอง ในขณะที่สร้างบ้านของตัวเอง ซึ่งใช้เวลาการก่อสร้างนานมาก และต้องคุมพวกผรม.ทุกวัน จึงอยากแนะแนวทางและวิธีการ การก่อสร้างบ้านตามแบบฉบับชาวบ้าน ที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
เริ่มกันเลยครับ...
เสาเข็ม
เราจะทราบได้อย่างไรว่า เสาเข็มนั้น ๆ มาตรฐานแค่ไหน - อันดับแรกให้ดูที่สัญลักษณ์ มอก. เสาเข็มที่มาตรฐานต้องมี มอก. ทุกต้น - ดูวันที่ที่ผลิต ปกติเสาเข็มที่นำมาใช้ควรมีอายุอย่างน้อย 30 วัน เพื่อให้ปูนเซ็ทตัวเต็มที่ - ดูรอยร้าวที่เสาเข็ม โดยวางเสาเข็มบนขอนไม้ แล้วสังเกตให้ทั่วว่ามีรอยร้าวตรงไหนบ้าง ถ้ามีก็เปลี่ยนใหม่
เราจะทราบได้อย่างไรว่า เสาเข็มที่ตอกนั้น ตอกตรงไหม วิธีการสังเกตก็คือ ยืนห่างจากเสาเข็มประมาณ 10-20 เมตร แล้วใช้เหล็กเส้นงอปลายด้านบน 90 องศา งอปลายซัก 15-20 ซ.ม. ตอกลงดิน แล้วยืมลูกดิ่งของช่างมาผูกที่ปลายเหล็กที่งอไว้ ถ้าไม่มีให้หาเชือกแล้วผูกด้วยหินหรืออิฐที่หาได้จากบริเวณนั้น มาผูกที่ปลายเหล็กแทน ทำแบบนี้ทางด้านข้างและด้านหลังรถตอกเสาเข็ม คือตอกเหล็กเส้นให้ทำมุม 90 องศา กับเสาเข็ม หลังจากทำเสร็จแล้ว ให้มองผ่านเชือกหรือเอ็นที่มีอิฐถ่วงอยู่ เสาเข็มต้องขนานกับเชือกหรือเอ็นที่ผูกไว้ เสาเข็มต้องขนานกับเชือกทั้งด้านข้างและด้านหลัง
เราจะทราบได้อย่างไรว่า เสาเข็มที่ตอกนั้น ตอกถึงดินดาน วิธีการสังเกตก็คือ ลองดูสลิงค์ที่ยึดตุ้มเหล็กที่รถตอก เวลาเริ่มตอกสลิงค์จะหย่อน ให้สังเกตตอนที่ตุ้มเหล็กกระทบกับหัวเสาเข็ม ช่วงที่ตุ้มเหล็กกระทบหัวเสาเข็มสลิงค์จะหย่อน ในขณะเดียวกัน เมื่อตอกไม่ลงแล้ว เวลาตอกนั้นสลิงค์ต้องหย่อนเหมือนเดิม ถ้าสลิงค์ไม่หย่อนแสดงว่าผรม. ไม่ยอมต่อเสาเข็มให้ โดยให้คนขับรถตอกเสาเข็มแบบยั้งมือ คือ ตอกให้เหมือนกับตอกไม่ลง จะได้ไม่ต้องต่อเสาเข็มให้
เหล็กเส้น
เหล็กเส้นควรใช้เหล็กบลส. ไม่ว่าจะเป็นเหล็กเส้นธรรมดาหรือข้ออ้อย ให้สังเกตที่เหล็กจะมีคำว่า บลส. เป็นเหล็กของเครือซีเมนต์ไทย เหล็กเส้นที่ใช้ทำเสา คาน ต้องงอปลาย 90 องศา หรือ งอเป็นตะขอ ความยาวของปลายเหล็กที่งอควรยาวอย่างน้อย 5 ซ.ม. ขึ้นอยู่กับขนาดเหล็ก ยิ่งงอมากเท่าไรยิ่งดี การผูกเหล็กปลอกเสา ปลอกคาน (ส่วนใหญ่ใช้เหล็ก 2 หุน) ควรให้เหล็กปลอกสลับกัน และต้องผูกให้แน่น และควรผูกลูกปูนกับเหล็กเส้นไปด้วยเลย (ลูกปูนคือปูนที่หล่อขึ้นขนาดประมาณ 5 ซ.ม. x 5 ซ.ม.x 2.5 ซ.ม. ฝังลวดไว้ตรงศูนย์กลางไว้สำหรับผูกกับเหล็กเส้น มีไว้สำหรับกันเหล็กติดแบบหล่อคอนกรีต) เหล็กต้องไม่เป็นสนิม สนิมมี 2 ชนิด คือ สนิมทั่วไป มีลักษณะเป็นฝุ่นสีส้มอ่อน สามารถใช้แปรงลวดขัดออกได้ ส่วนอีกชนิดคือ สนิมขุม เป็นสนิมที่กันกินถึงเนื้อเหล็กแล้ว มีสีส้มเข้ม ขัดไม่ออก จะมีสะเก็ดเป็นแผ่นเล็ก ๆ ถ้าเป็นสนิมขุมไม่ควรนำมาใช้เด็ดขาด เพราะถ้าใช้เหล็กที่เป็นสนิมขุมทำเสาหรือคาน จะทำให้ปูนที่หุ้มเหล็กระเบิดได้ในอีกหลายปีข้างหน้า เหล็กต้องไม่เปื้อนน้ำมัน ห้ามทาสีกันสนิม วิธีรักษาเหล็กไม่ให้เป็นสนิมคือ หาไม้หนุนเหล็กให้พ้นพื้น ห้ามถูกฝน หรือน้ำ หรือใช้น้ำผสมซีเมนต์แล้วราดที่เหล็กให้ทั่ว ก็จะทำให้เหล็กเป็นสนิมน้อยลงได้
การทำแบบหล่อคอนกรีต
แบบหล่อคอนกรีตมีทั้งแบบไม้และแบบเหล็ก ไม่ว่าเป็นแบบไหนต้องไม่บิดเบี้ยว ไม่มีคราบน้ำมัน แบบหล่อต้องไม่ติดกับเหล็กเส้น โดยใช้ลูกปูนหนุนด้านข้าง และด้านล่าง
คอนกรีต
คอนกรีต คือ ปูนซีเมนต์+หิน+ทรายหยาบ+น้ำ คอนกรีตสำหรับทำเสา คาน เสาเอ็น ทับหลัง ควรใช้ปูนซีเมนต์ปอตแลนด์ ของตราช้าง ยิ่งดี ถ้าใช้คอนกรีตผสมเสร็จแนะนำให้ใช้ของซีแพค เพราะมาตรฐาน มีใบรับรองกำลังอัดของคอนกรีต แต่ต้องบอกทางซีแพคเขาก่อนว่า ต้องการตรวจสอบกำลังอัด ทางซีแพคเขาจะทำการเก็บลูกปูนก่อนการเทปูน แล้วนำไปทดสอบแรงอัด แล้วออกใบรับรองให้ ระหว่างการเทปูน ต้องมีเครื่องจี้ปูนด้วย ต้องจี้ขณะกำลังเทปูน ควรจี้ตามแนวตั้ง จี้นานประมาณ 5 วินาที แล้วยกออกจี้ที่อื่น เพราะถ้าจี้นานไปจะทำให้หินตกไปอยู่ด้านล่าง แต่ถ้าไม่จี้ก็จะมีฟองอากาศมาก ปูนจะไม่แน่น ถ้าไม่มีเครื่องจี้ปูนก็ให้หาไม้หรือเหล็กมากระทุ้งปูนขณะเท และใช้ฆ้อนเคาะที่แบบหล่อไปด้วย คอนกรีตผสมเสร็จห้ามเติมน้ำเด็ดขาด เพราะกำลังอัดจะลดลงทันที คอนกรีตที่ผสมเองไม่ควรเหลวเหมือนโจ๊ก ควรหนืดเหนียวไม่ข้นเป็นก้อน
การบ่มคอนกรีต
การบ่มคอนกรีต คือ อะไร บ่มเพื่ออะไร การบ่มคอนกรีต คือ การใช้พลาสติคพันรอบเสาและคาน เพื่อไม่ให้น้ำจากคอนกรีตระเหยออกมา (ควรพันหลาย ๆ รอบ) หรือ ใช้กระสอบป่านคลุมเสา คาน แล้วราดน้ำให้โชก เช้า กลางวัน เย็น ควรบ่มอย่างน้อย 7 วัน ยิ่งบ่มนานยิ่งดี เพราะน้ำในคอนกรีตที่หล่อเสา คาน จะระเหยช้า ทำให้เสาคานรับน้ำหนักได้เต็มที่ ถ้าไม่บ่มคอนกรีต จะทำให้เสา คาน รับน้ำหนักได้น้อยลงครึ่งหนึ่งเลยเชียว ส่วนพื้นก็ควรบ่มเหมือนกัน โดยการใช้กระสอบป่านคลุมที่พื้นแล้วราดน้ำให้โชก หรือ ใช้ดินเหนียวกันขอบพื้นทั้งสี่ด้าน แล้วขังน้ำเอาไว้ อย่างน้อย 7 วัน เหมือนกัน
พื้นห้องน้ำ พื้นระเบียง พื้นห้องน้ำกับระเบียงและดาดฟ้า ต้องเทคอนกรีตอย่างเดียว ห้ามใช้แผ่นพื้นสำเร็จเด็ดขาด เพราะถ้าใช้พื้นสำเร็จปูล่ะก็ จะทำให้เกิดปัญหาน้ำรั่วได้
งานก่ออิฐ
ก่อนการก่ออิฐให้ลาดน้ำอิฐให้เปียกเพื่อไม่ให้อิฐดูดน้ำปูนจากปูนก่อ เพื่อความแข็งแรงของผนังก่ออิฐ อิฐแต่ละก้อนควรก่อห่างกันประมาณ 2 ซ.ม. การก่ออิฐไม่ควรก่อเกินครั้งผนังต่อวัน ควรมีเอ็นขึงแนวดิ่งและแนวระนาบ
Create Date : 30 ตุลาคม 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 30 ตุลาคม 2553 22:21:50 น. |
Counter : 7046 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: อิงสวน IP: 222.123.115.100 31 ตุลาคม 2553 10:24:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: กันตจารี IP: 192.168.29.209, 203.113.86.139 12 พฤศจิกายน 2553 14:28:36 น. |
|
|
|
| |
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|
ขออนุญาติ add เป็น frein blog ครับ
เพราะผมมี แปลนก่อสร้างในอนาคต อาจต้องมาอ่านซ้ำ