ความรัก ความหวัง (และหนังเรื่องหนึ่ง)

ความรัก ความหวัง (และหนังเรื่องหนึ่ง)

ประภัสสร เสวิกุล


นวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวชีวิตของแทนนักศึกษาชาวไทยที่หมดเวลาไปกับการเรียนและการทำงานกะดึกที่ร้านเช่าวีดิโอบนถนนคอร์ตนี่ย์เพลซ ประเทศนิวซีแลนด์ วัฏจักรชีวิตของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงเมื่อเขาได้พบกับคาโอรุ หญิงสาวลึกลับที่มาที่ร้านเช่าวีดีโอในเวลาเดิมทุกวัน เพื่อจะเช่าหนังเพียงเรื่องเดียว ซึ่งเธอจำได้แต่เพียงว่าแอนน์ แฮ็ททะเวย์ เป็นนางเอก ขณะที่พระเอกคือ เจ. โทร ทว่าไม่เคยมีหนังฮอลลีวู้ดเรื่องดังกล่าวมาก่อนเลย ด้วยความมุ่งมั่นของเธอ ทำให้แทนลงทุนเขียนบทหนังเรื่องนี้ขึ้นมาตามคำยุของเพื่อน และเมื่อแทนพบปะพูดคุยกับคาโอรุมากเท่าใด เขาก็ยิ่งระลึกถึงชีวิตรักระหว่างเขากับแคนาดาอดีตหญิงสาวคนรักที่เขายังรักและคิดถึงเธอ แม้ว่าเธอจะทิ้งเขาไปกว่าสามปีแล้วก็ตาม

ความน่าสนใจประการแรก คือ ประภัสสรสามารถนำคำสำคัญ 3 คำที่เป็นชื่อเรื่องมาสร้างเป็นโครงเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้ได้อย่างน่าสนใจ อันแสดงให้เห็นถึงการผสานระหว่าง ความรักความหลัง และหนังเรื่องหนึ่งได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว ขณะที่อ่านแต่เพียงชื่อเรื่องดูประหนึ่งว่า “หนังเรื่องหนึ่ง”(ซึ่งอยู่ในวงเล็บ) น่าจะเป็นความสำคัญระดับรอง แต่ในความเป็นจริงกลับปรากฏว่า “หนังเรื่องหนึ่ง” ซึ่งไม่เคยมีบนแผ่นฟิล์มฮอลลีวู้ดเรื่องนี้ กลับกลายเป็นโครงเรื่องหลัก อันเป็นจุดกำเนิดของความผูกพันที่พัฒนาต่อมาเป็นความรักซึ่งแทนมีต่อคาโอรุ ขณะเดียวกัน หนังเรื่องนี้ยังมีส่งผลให้แทนได้ย้อนทวนและทำความเข้าใจกับความหลังครั้งเก่าระหว่างเขากับแคนาดาเพราะเมื่อเขาลงมือเขียนบทภาพยนตร์ เรื่องราวความรักครั้งเก่าที่เขาไม่อาจลืมนี้กลายมาเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญไปโดยปริยาย

นิยายเรื่องยังได้กล่าวถึงหนังเรื่องอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งหนังอมตะ หนังเก่าเรื่องต่างๆในอดีตที่มีประวัติมายาวนาน และ หนังใหม่ๆ ซึ่งหนังเหล่านั้นกลายเป็นเครื่องมือการเขียนที่สำคัญ ทั้งนำมาเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ความหลังความหวัง และความรักของตัวละครต่างๆ ในเรื่อง รวมทั้งการสอดแทรกและให้ข้อมูล เกร็ดที่น่าสนใจ ทั้งที่เกี่ยวกับเรื่องราวและการวิพากษ์วิจารณ์หนังในหลากหลายแง่มุม ทั้งเนื้อหาและประวัติความเป็นของหนังเรื่องต่างๆ รวมถึงเรื่องราวของนักแสดงและผู้กำกับด้วย อันแสดงให้เห็นความรอบรู้ในเรื่องหนังและการทำการบ้านมาเป็นอย่างดีของประภัสสรเพราะหนังเป็นแก่นแกนและส่วนผสมสำคัญของนวนิยายเรื่องนี้

ในมุมมองของความรักและความหลัง(ซึ่งมักเกี่ยวพันกับความรัก) นั้น ประภัสสรไม่เพียงแต่นำเสนอเรื่องราวความรักของแทนเท่านั้น แต่เขายังนำเสนอมิติความรักและความหลังไว้อย่างหลากหลาย ทั้งต่อบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศริวเกียวของคาโอรุ ประเทศที่ต่อสู้เพื่อเป็นอิสระจากการครอบครองของรัสเซีย ต่อครอบครัวที่สะท้อนผ่านความไม่เข้าใจกันระหว่างแทนกับแม่ ซึ่งต่างจากความรักที่แทนมีต่อยาย ความรักความผูกพันระหว่างกิ๊ดเจ็ด(หลานสาว)กับปู่ที่ทวีมากขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าปู่เป็นมะเร็งและจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว หรือความรักและความหลังระหว่างแม่กับลูกชาย ที่เสนอผ่านคุณนายสจ๊วร์ต (เจ้าของบ้านเช่าของแทน) ที่เฝ้าคิดว่าตนรู้จักชาร์ลีลูกชายของเธอดีในทุกด้าน แต่แล้วเธอก็เพิ่งทราบความจริงว่า หลังจากที่เขาเสียชีวิตมานานหลายปีแล้ว แท้ที่จริงแล้วเธอไม่รู้จักลูกชายเธอเลยว่า จริงๆแล้วเขาต้องการอะไร รวมไปถึงความรักระหว่างชายและหญิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักระหว่างแทนกับแคนาดาแทนกับคาโอรุ หรือแม้แต่คาโอรุกับเคนอิโระ(ผู้นำกลุ่มนักรบกู้ชาติชาว
ริวเกียว)

ส่วนกลวิธีการเขียนจะพบว่า ประภัสสรผสานกลวิธีการเขียนที่หลากหลาย อันช่วยสร้างความน่าสนใจและน่าติดตามให้กับนวนิยายเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตัวละครปริศนาอย่างคาโอรุ และค่อยๆเปิดเผยเรื่องราวและตัวตนของคาโอรุไปทีละน้อยๆ จนท้ายที่สุดทั้งแทนและผู้อ่านเข้าใจได้ว่าเธอคือใคร มีความเป็นมาอย่างไรและหนังเรื่องที่เธอพยายามตามหาอย่างมุ่งมั่นนี้มีคุณค่าและความสำคัญต่อเธออย่างไร ขณะเดียวกันประภัสสรยังสอดแทรกเทคนิคการเขียนที่น่าสนใจไว้เป็นระยะๆ ผ่านการเป็นนักเขียนบทมือใหม่ของแทน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตัวละคร บทสนทนา เหตุการณ์ ปมปัญหา และ ความน่าสนใจต่างๆ นับเป็นเกร็ดการเขียนที่สำคัญสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเป็นนักเขียนมือใหม่ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ นอกจากนี้ การจบเรื่องแบบปลายเปิด ไว้ในหลายประเด็น ทั้งบทสรุปของการต่อสู้กู้ชาติของคาโอรุ ความรักระหว่างแทนกับคาโอรุ และผลตอบรับของบริษัทภาพยนตร์เกี่ยวกับบทภาพยนตร์ของแทน แต่อย่างไรก็ดี การจบเป็นปลายเปิดนี้ เป็นการส่งมอบหน้าที่จากนักเขียนไปยังผู้อ่าน โดยให้อิสระแก่ผู้อ่านเขียนต่อเอาเองว่าอยากให้เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้จบลงในรูปแบบใด

ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งที่มักพบได้เสมอในงานเขียนของประภัสสรคือ คมความและรสคำในภาษาเขียนของเขา อันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความละเมียดในการเลือกสรรถ้อยคำเพื่อสื่อความและสื่ออารมณ์ความรู้สึกของเรื่องและตัวละครได้เป็นอย่างดี จนทำให้ยิ่งอ่านผ่านไปมากขึ้นเท่าใด ก็ทวีความประทับใจกับการสื่อความผ่านภาษาของประภัสสรยิ่งขึ้น เพราะมีคำเด็ดๆ และวลีคมๆ ไว้หลากตอน ซึ่งช่วยให้ฉุกคิดและหันมาทบทวนการดำเนินชีวิตของตัวเองไปพร้อมกันได้ อาทิ

ใครสักคนเคยบอกว่า ความเคยชินเป็นมิ่งมิตรที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งยวดของมนุษย์ เพราะทุกครั้งที่คิดว่าเราเห็นหรือทำสิ่งนี้สิ่งนั้นมานับครั้งไม่ถ้วนจนแทบจำได้ขึ้นใจ หรือหลับตาก็ทำได้นั้น เรากำลังเผอเรอและละเลยบางเรื่องไปโดยไม่รู้ตัว เพราะทุกๆความเหมือนนั้นจะแต่งแซมด้วยความแตกต่าง ทุกความละม้ายย่อมมีความไม่คล้ายคลึงคละเคล้าอยู่ด้วยเสมอ (หน้า78)

หรือ

เพราะเรามัวแต่คิดเรื่องของตัวเอง ถึงไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องของสิ่งอื่นๆ ทั้งๆที่มันไม่ได้อยู่ห่างไกลไปจากเราเลย ... จริงๆ แล้วยังมีความทุกข์และความสุข ความน่าเกลียดและสวยงามอีกมากมายในโลกนี้ที่เราไม่เคยได้รู้จักมันเลยด้วยซ้ำ ทำไมเราถึงต้องหมดเปลืองเวลาในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย เพื่อยุ่งอยู่กับตัวเอง แทนที่จะเปิดหู เปิดตา เปิดโลกออกไปพบสิ่งต่างๆ บ้าง (หน้า214)

นวนิยายเรื่องนี้ จึงไม่เพียงแต่เปิดให้ผู้อ่านดำดิ่งไปในโลกแห่งความรักและความรักของตัวละครเท่านั้น แต่ยังเพลินเพลินไปกับการระลึกถึงหนังดังในอดีตจำนวนมาก ซึ่งต่างแฝงแง่คิดและมุมมองที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตในโลกปัจจุบันนอกเหนือจากโลกของนวนิยายได้ด้วย





Create Date : 21 สิงหาคม 2557
Last Update : 21 สิงหาคม 2557 15:44:57 น.
Counter : 1748 Pageviews.

3 comments
  
ชื่อเรื่องน่าสนใจครับ
โดย: อุ้มสม วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:18:25:54 น.
  
เรื่องนี้จำได้ว่าเคยเห็นผ่านๆค่ะ ชื่อเรื่องดึงดูดมาก อ่านรีวิวแล้วน่าสนใจ ขอจดๆลงลิสนะคะ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ
โดย: kunaom วันที่: 22 สิงหาคม 2557 เวลา:12:31:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เสี้ยวป่า
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



New Comments
สิงหาคม 2557

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog