ลำนำรักสายลม ตอนที่ 2.2 โดย อลินน์
อัจจิมารู้สึกตัวตั้งแต่ตะวันยังไม่ทันส่องฟ้า ลุกผลุงจากที่นอนแล้วย่องกริบไปยังชานเรือนหลังบ้านซึ่งยายใช้เป็นครัวไฟ หม้อข้าวถูกยกขึ้นตั้งอย่างเบามือ แม้แต่กระเทียมยังไม่กล้าทุบ ได้แต่ใช้สันบังตอกดหนักๆ เพราะกลัวเสียงตุบตับแล่นปลุกคนในห้อง ถ้าน้าอินตื่น ทุกอย่างคงจบกัน! อัจจิมารีบทอดเจียวไข่ หล่อนเทไข่เหมือนกลัวกะทะเจ็บ กลิ่นกับข้าวหอมกระจายไปทั่ว แต่ในห้องนอนเล็กยังเงียบเชียบ น้าสาวไม่ตื่นตามคาด งานเสิร์ฟอาหารเป็นงานหนัก คนกลับบ้านเที่ยงคืนตื่นเมื่อตะวันตรงหัวทุกที กินข้าวแล้วเผ่นไปทำงานกะบ่ายต่อ ทิ้งหลานสาวอยู่บ้านหรือเฝ้าแผงมาลัยตามลำพังเสมอ คว้าฝาชีครอบกับข้าวได้ ใจดวงน้อยก็แทบโลดออกจากตัว สไบสีทับทิมประดับดิ้นเงินทองวาววับ หล่อนไม่เคยเห็นสไบผืนไหนสวยเท่าผืนเมื่อวานมาก่อน ผ้าเนื้อมันสีแดงและเขียวสด ปักลวดลายละเอียดยิบเข้ากับผ้ายกเยียรบับลงแป้งจนเนียนสวย ยิ่งเมื่อสวมทับทรวงและเครื่องประดับอื่นๆ ความละเอียดของสไบยิ่งฉายเด่น เสียแต่ว่าเสื้อข้างในหลวมโครก ยายเตยสัญญาว่าจะเย็บให้เข้าตัวและสั่งให้ไปลองชุดแต่เช้า มันอยู่ในสายเลือด ปู่แสงสรุปหลังจากนั่งลุ้นการซ้อมจนถึงมืดค่ำ ทั้งแม่อิ่ม แม่อร ล้วนเป็นนางรำเลื่องชื่อทั้งคู่ แต่ใครว่าแม่อิ่มรำสวยแล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าแม่อรรำสวยกว่า แม่อรน่ะหรือจ๊ะรำสวย เออ ไม่เคยเห็นล่ะสิ อัจจิมาส่ายหน้า นอกจากไม่เคยเห็นรำแล้ว มารดายังปรามไม่ให้ลูกสาวรำอีกด้วย อ้างว่าอยากให้ตั้งใจเรียนอย่างเดียว จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนยาย เหมือนแม่ ปู่เคยเห็นเหรอ ปุดโธ่ ทำไมจะไม่เคย ปู่ตีระนาดให้ทั้งยายเอ็งทั้งแม่เอ็ง สมัยยายเอ็งสาวๆ นะ ถ้าลองแม่อิ่มรำล่ะก็ ละครชาตรีวิกนั้นคนดูเต็มโรงทั้งพูหญิงพูชาย แกรำตั้งต๊ะเริ่มสาวจนล่วงเกือบสี่สิบ หาเงินส่งลูกเรียนนาฏศิลป์จนได้ แต่แม่อรรำไม่กี่ปีเท่านั้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเลิกพร้อมกันทั้งแม่ลูก น่าเสียดายฝีมือฝีไม้ อัจจิมาจดปลายเท้าย่องเข้าห้องเพื่อผลัดเสื้อ ที่ฟูกมุมห้องยังเห็นร่างน้าสาวขดตัวในผืนผ้านุ่งเก่าซึ่งใช้แทนผ้าห่ม หันหน้าให้ฝาเรือน หล่อนดีใจจนอดยิ้มไม่ได้ น้ายังหลับ ยายยังไม่กลับ และแม่อยู่อยุธยา หนทางปลอดโปร่งเสียกระไร อีกไม่กี่ชั่วโมง ฉุยฉายน้อยจะได้ออกโรง คนดูจะชอบหล่อนและเขาจะให้ทิปมากๆ เด็กหญิงฝันเฟื่องขณะย่องกลับไปที่ประตู ยายยังไม่กลับหรือ! เสียงลอยมาจากขดผ้านุ่ง อัจจิมาสะดุ้ง! ฝันหวานถูกเหวี่ยงหล่นมากองแทบเท้า!!!! ********************************************** หน้าซีดเหมือนเห็นผี คนถูกคิดว่าหลับสนิทลุกขึ้นมานั่งหลังตรง เป็นไรรึเปล่า ไม่เป็นไรนิ เด็กหญิงส่ายหน้าในความมืด น้าอินนอนต่อเหอะ หนูกินข้าวเสร็จแล้วจะไปรีบไปเฝ้าแผง ไปทำไมแต่ไก่โห่ คนถูกคะยั้นคะยอให้นอนหรี่ตาเหมือนเวลาซักคะแนนสอบหลาน วันนี้เขาว่าจะมีคนมาทำบุญศาลเจ้าแม่แต่เช้า หนูไปล่ะนะ น้าจะได้นอน อัจจิมาแสดงน้ำใจระหว่างจ้ำไปที่ประตู ถ้าเป็นเรื่องเฝ้าแผงล่ะขยันจริงนะ การบ้านเสร็จแล้วรึ มือแตะกลอนชะงัก ทำให้คนเพิ่งตื่นอดไม่ได้ นี่ถ้าตะวันจับฟ้ากว่านี้ คงจะได้เห็นใบหน้าเล็กสลดเป็นมะลิค้างคืน การบ้านเสร็จแล้วก็ดี แต่ถ้าไม่เสร็จก็เอาไปทำต่อ อย่าเอาแต่วิ่งเล่น น้าสาวดักคอขณะม้วนที่นอนตั้งชิดฝา ปากสอนต่อว่า มีเวลาว่างก็หัดอ่านหนังสือหนังหา คะแนนจะได้กระเตื้องขึ้นบ้าง แม่เขาจะได้ไม่เป็นห่วง น้าอิน ถามอะไรหน่อยสิ คนรอเวลาเผ่นเปลี่ยนใจเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ อินทิราลอบยิ้ม ถ้าลองเจ้าตัวเล็กถาม มันก็ไม่วายเรื่องเรียนนั่นล่ะ ถึงอัจจิมาจะไม่ใช่คนเรียนดีเด่น แต่ถ้าหมั่นถามน้านุ่ง ไม่ปล่อยปละความสงสัยให้ละลายไปกับเวลา ก็พอจะชื่นใจอยู่หรอก แต่ความชื่นใจของอินทิรามีแค่ชั่วประเดี๋ยวเท่านั้น ทำไมยายและแม่ไม่ชอบให้ไปคณะยายเตย ลูกไฟลูกเล็กร่วงลงตรงหน้า สว่างวาบพอได้เห็นความผิดปกติบางอย่าง ก่อนจะเลือนลับดับไปในวินาทีต่อมาเมื่ออินทิราสั่งตัวเองให้ตอบสั้นที่สุด น้อยที่สุด เท่าที่ทำได้ เขาไม่ใช่ไม่ชอบ ไม่เกี่ยวกับคณะยายเตยหรอก เขาอยากให้ตั้งใจเรียน คะแนนของเรามันดีนักนิ หนูไปเที่ยวแถบตลาดหรือที่อื่น แม่กับยายไม่เคยว่า แต่ถ้าเฉียดใกล้คณะยายเตยเมื่อไหร่ ยายต้องเอ็ดทุกที ตอนเด็กๆ หนูแอบไปเรียนรำกับยายเตย ยายจับได้คว้าไม้มะยมจะเฆี่ยน ดีที่น้าอินห้ามไว้ เขาคงอยากให้ตั้งใจเรียนนั่นแหละ หนูตั้งใจเรียนนะ การบ้านส่งครบ แต่คณะยายเตยไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องเรียนสักหน่อย หนูแค่ไปดูเขาซ้อมรำเพลินๆ แรกๆ แค่ดูเอาเพลิน ตอนหลังก็อยากรำกับเขาใช่ไหมล่ะ อินทิราลากเสียง พร้อมเอามือจิ้มหน้าผากมนของคนช่างสงสัย ของสวยงามมีใครบ้างไม่ชอบ ได้แต่งตัว ได้มีคนมองเป็นจุดเด่น ไม่ใช่อย่างงั้นสักหน่อย เตือนเพราะหวังดีน่า ไม่ต้องทำหน้าหุบ ไอ้อาชีพรำมันไม่ยั่งยืนหรอก นึกดูดีๆ เคยเห็นนางรำคณะไหนแก่บ้าง แต่คนเราต้องแก่ใช่ไหม เพราะอย่างนี้ใช่ไหม ยายและแม่ถึงเลิกรำ ใครเล่าล่ะ หน้าผากอินทิราย่นยับ ตาพินิจหลานขณะผลัดเสื้อโดยสะบัดผ้าถุงใช้ห่มนอนแล้วสวมทับอย่างชำนาญเพื่อเปลี่ยนเป็นกางเกงและเสื้อยืดรัดกุม คนเขาพูดกันทั้งนั้นล่ะ จำไว้นะ ถึงคราจะต้องปิดการสนทนาเสียแล้ว อินทิราจึงทำอย่างที่เห็นมารดามักทำเสมอ คือเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจังเพื่อปรามและหยุดการสนทนาไปในตัวว่า ใครจะพูดอะไรช่างเขา คนเรามีปากก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ ขอแค่ได้พูดเพราะปากพาไป อย่าเอาเวลาไปขลุกกับพวกนางรำมาก รู้ไหมล่ะ พวกนั้นว่างเมื่อไหร่ไม่แคล้วนินทาเมื่อนั้น แต่ละเรื่องไร้สาระ ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้ชายก็เป็นเรื่องของคนอื่น ขายมาลัยเสร็จแล้วรีบกลับบ้าน อย่าลืมล่ะ ********************************************** ยายเตยขนเสื้อผ้าชุดใหญ่ออกมาวางเรียงบนตั่งไม้ในห้องนอน หรือห้องเก็บสมบัติตามคำเรียกของพวกนางรำ แกแยกทุกอย่างเป็นหมวดหมู่ ตั้งแต่มงกุฎ ทับทรวง ปั้นเหน่ง กำไลข้อมือข้อเท้าสีทองอร่ามประดับกระจกวับวาว ไปจนถึงเสื้อ ผ้านุ่ง และสไบนางสีทับทิมปักดิ้นเงินดิ้นทองฝีมือประณีตผืนนั้น ความงดงามของเครื่องแต่งกายทำให้อัจจิมาถึงกับลืมหายใจชั่วขณะ สวยจังจ๊ะยาย ร้อยมาลัยเสร็จแล้วรึ ยายเตยรับไหว้ ถามแล้วจ้องหน้าอัจจิมาเงียบๆ ก้อนน้ำลายเหนียวแล่นจุกคอ บางที การซ้อมเมื่อคืนคงไม่ดีนัก มีอะไรหรือจ๊ะ ยายเตยละสายตากลับมาที่ตั่ง ช่วยยายเก็บของใส่หีบแล้วยกลงไปข้างล่าง หญิงชราสั่งเสียงเรียบราวกับพื้นเรือน เด็กหญิงยิ้มแหย วางอุบะมาลัยสดที่ตนร้อยมาเองอย่างถนอมมือ การซ้อมเมื่อวานอาจแย่มากจนถึงขั้นเลวร้าย ยายเตยจึงกำลังสองจิตสองใจว่าจะเปลี่ยนเป็นรำถวายมืออย่างที่ปรึกษาปู่แสงไว้ หรือตามนุชกลับมารำดี ใจดวงน้อยรัวเป็นจังหวะกลองแขกเบิกโรง ขาแข้งพาลสั่นไปหมด อัจจิมาฝืนยกหีบลงเรือนตามหลังเจ้าของคณะ ลานโล่งใต้ถุนบัดนี้มีนักดนตรีตามมาสมทบเกือบครบวง ปู่แสงนั่งเด่นหลังระนาดเอก ถัดไปเป็นพี่เป่ง มือกลองแขก อาเชื่อม มือฆ้อง อาป้อม คนเป่าปี่ แล้วหล่อนก็เห็นนุช! ********************************************** อ้าว! มาด้วยรึอัจ นุชหยุดคุยกับเพื่อนและหันมาทักอัจจิมาพร้อมรอยยิ้ม หล่อนผ่านยิ้มนั้นไปให้ยายเตย อัจจิมาอดเสียใจไม่ได้ที่ไม่เห็นสีหน้าเจ้าของคณะ เดาได้จากสีหน้าระรื่นของนุชว่าแกคงยิ้มตอบ หรืออย่างแย่ก็ตีหน้าเฉย ไม่แสดงความขัดเคืองจากเหตุการณ์เมื่อวาน นุชผละจากเพื่อนนางรำตรงเข้ามาหา ร่างมีเนื้อนวลสาวผุดผาดในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีบานเย็นตัดกับผิวสีน้ำผึ้ง แล้วนุชก็ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน คือยกมือลูบศีรษะเด็กหญิงด้วยกริยาผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก ชอบจริงนะเรื่องละเม็งละคอน มีรำทีไรต้องหนีขายมาลัยมานั่งเป๋อเหลอทุกที อย่าให้ยายอิ่มกะแม่อรรู้เข้าล่ะ ไปนั่งตรงมุมเสานั้นไป๊ จะได้ไม่เกะกะผู้ใหญ่เขา พี่นุชมาแต่เช้าเหมือนกันนะ เป่งแทรกขึ้นด้วยกริยาคันปาก พี่น่าจะได้เห็นเจ้าอัจรำฉุยฉายยอพระกลิ่นเมื่อเย็นวาน มันรำได้งามแท้ๆ ผู้ใหญ่บางคนเห็นแล้วยังอาย เสียงจอแจใต้ถุนเรือนอันตรธานฉับพลัน นุชหน้าเจื่อนไปนิด แล้วปากเคลือบสีชมพูจัดก็คลี่ยิ้ม ได้ข่าวแล้วล่ะ เห็นเขาว่ายายเตยต้องจ้ำจี้จำไชหลายชั่วโมง พี่ฟังแล้วนึกสงสาร แต่ตอนไปไม่สงสาร? เป่งลอยหน้าถาม นางรำหลายคนมองหน้ากัน หลายคนเบือนหน้าซ่อนยิ้ม เป่งและนุชถือว่าปากร้ายติดอันดับต้นๆ ของคณะ ฟังทั้งคู่ปะคารมน่าสนุกกว่าชมละครหลังข่าวเสียอีก แหม ไอ้เป่ง พี่งอนไปอย่างนั้นล่ะ รู้นิสัยกันอยู่ ใครจะทิ้งยายเตยให้บากหน้าคนจ้างอยู่ได้ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา คำพูดนวลฟังแล้วงงเพราะไม่รู้ใครเกื้อกูลใคร เจ้าของคณะเกื้อกูลลูกจ้าง หรือลูกจ้างที่สู้ทนรำ ยายเตยไม่โต้ตอบ แกหันหลังไปง่วนกับหีบสมบัติ หยิบของมาวางทีละชิ้นสมทบกับชุดใหญ่ที่เอามาเรียงไว้แล้ว ต๊าย ยายจ๋า สไบผืนนั้นงามจริง ฉันใส่คงขับผิวแย่ เดี๋ยวจะรำให้สุดฝีมือเลย วันนี้ถ้าได้ทิปนะ ฉันจะยกให้ยายกับปู่แสงหมดเพราะถูกใจชุดจริงๆ ว่าแต่คนจ้างมาหรือยังจ๊ะปู่ ระหว่างนั้น ยายเตยยังเรียงข้าวของไม่หยุด สไบหลายผืนถูกนำมาวาง แกหยิบชุดพราหมณ์ดิ้นเงินขึ้นมากางแล้วนำมาวางเคียงกับสไบสีทับทิม แทนที่จะเก็บกลับลงหีบ น้ำลายเหนียวๆ ฝืดคอเด็กหญิง คงยังมั๊ง นี่เพิ่งแปดโมงเช้า ปู่แสงตอบ แกขึงผืนระนาดเข้ากับตะขอ ตรวจตราว่าแน่นแข็งแรงดีแล้ว จึงไล่เสียงทีละลูก เมื่อครบ ก็เริ่มซ้อมมือด้วยเพลงคุ้นหู นุชหันรีหันขวาง ยายเตยยังจัดของไม่เสร็จ ปู่แสงรึก็แสดงชัดว่าแกไม่อยากคุย นุชจึงหันมาทางเด็กหญิง ร้อยมาลัยเสร็จแล้วรึ ได้หลายพวงแล้วจ๊ะ ดีจริง งั้นอัจรีบไปร้อยเพิ่มเหอะ วันนี้น่าจะขายดี ได้ข่าวว่าคนจ้างรำแก้บนคนนี้รวยมาก สามีเป็นคนใหญ่โตจากกรุงเทพฯ อัจจิมายิ้มเจื่อน น้ำลายเหนียวตอนนี้ฝืดหนึบยิ่งกว่าแบะแซทำขนม ยายเตยคงตามพี่นุชกลับมาแน่ ไม่อย่างนั้น เจ้าตัวจะกล้าออกปากเป็นเชิงไล่หรือ แล้วดูสิ ทั้งยายเตย ทั้งปู่แสง ทุกคนพากันหลบตากันหมด ไปเหอะ รีบไปร้อยมาลัยให้เสร็จ เดี๋ยวยายกลับมาจะถูกเอ็ด นุชคะยั้นคะยอ ทั้งคำเตือนและอาการพยักเพยิดทำให้อัจจิมาตัดใจ หล่อนไหว้ลาปู่แสงและคนอื่น ก่อนจะหันไปหายายเตย ยกมือจะไหว้ลาเป็นคนสุดท้าย อัจ มาใกล้ๆ ยายนี่! ยายเตยไม่รับไหว้แต่กวักมือเรียก โถยาย! จะเรียกเด็กมันไว้ทำไมอีก นุชแย้งเสียงจี๊ด เสียเวลาร้อยมาลัยมันเปล่าๆ เดี๋ยวยายอิ่มรู้เข้าได้เอ็ดตะโรเท่านั้น เขายิ่งไม่ชอบให้หลานมาขลุกที่นี่ แล้วได้ข่าวว่านังอัจมันยังรำไม่ถูกใจยายไม่ใช่หรือ ฉันถึงได้มาช่วย ไม่อยากให้เสียลูกค้า ข้าจะเรียกมันช่วยเรียงเครื่องละคอน น้ำเสียงขัดใจของนุชหยุดหมับ อ้อ งั้นรึ... ดีเหมือนกัน ยายจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ไอ้ฉันเมื่อคืนกว่าจะได้นอนเกือบสว่าง ไปทำอะไรมาล่ะ คนถามไม่ใช่ยายเตย แต่เป็นขาประจำ...เป่ง นั่งหารือกับพวกพี่เรือง คนเสียงจี๊ดเปลี่ยนโทนเป็นอ่อนหวานเอางานเอาการยิ่ง เรืองที่นุชพูดถึงคือหนุ่มขับรถสองแถว วิ่งเส้นทางระหว่างตลาดและอำเภอเมือง หน้าตาคมคาย แววตาระยับอยู่เสมอ และเป็นคนเดียวกับที่เคยมาตามตื้ออินทิรา จนถูกตอกหน้าเข้าจังๆ จนเผ่นแน่บ เขาจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนแถวนิคมอุตสาหกรรมอยุธยาเพื่อหาช่องทาง หางานตามโรงงานหรือ ไม่รู้เพราะเสียงคุยทำลายสมาธิเสียแล้ว หรือเพราะความสนใจส่วนตัว ปู่แสงละมือจากระนาด นุชยิ้มกว้าง ตอบปู่ด้วยเสียงที่ได้ยินทั่วทั้งลานว่า โอยยย ปู่ ฉันไม่เอาหรอกงานโรงงานอย่างแม่เจ้าอัจน่ะ ลำบากจะตาย ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าจนมืด แต่งตัวปอนเหมือนผู้ชาย ผมเผ้าหน้าตาไม่ได้แต่ง ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่เจ้าของรวยคนเดียว ฉันอยากมีร้านเป็นของตัวเอง จะได้กลับมารำให้ยายเตยได้ แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะทำมาหากินอะไรถ้าไม่ทำงานโรงงาน ขายอาหารไหมล่ะ เห็นว่าคนงานแถบนั้นเยอะเอาการ คนมันต้องกินต้องใช้ ขายอาหารไม่มีวันอดตายหรอก ยี้ นุชหน้าเบ้ ขายอาหารเหนื่อยพอๆ กับทำงานโรงงานนั่นแหละ ดูอย่างอินสิ ไปช่วยเจ๊เพ็ญเสิร์ฟอาหารหน้าเป็นมันจนจะขึ้นคานรอมร่อ แถมวันไหนแม่ครัวขาด ยังต้องเข้าครัวอีก ไม่เอาหรอก ฉันเกลียดน้ำผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ไหนจะน้ำมันเดือด มือไม้พังหมด อินมันหน้าตาดีนะ ได้ข่าวว่าไอ้เรืองเคยตามอยู่ไม่ใช่หรือ แต่อินมันไม่สนใจ ยายเตยเสริม ทุกคนจึงสังเกตว่าแกจัดของเสร็จแล้ว เครื่องรำเป็นประกายจับแสงเด่นอยู่บนตั่ง สวยจนน่าตะลึง แต่นุชไม่ทันสนใจเครื่องรำที่ว่า เสียงจี๊ดขึ้นมาอีกรอบ ยายเอาที่ไหนมาพูด พี่เรืองหรือจะสนใจคนหน้าจืด พูดจาห่ามอย่างอิน ถึงอินมันจะพูดจาห่าม แต่มันก็เป็นคนสวย ยายเตยหันมาหาหลานสาวคนเดียวของอินทิรา จับคางเล็กหมุนเพื่อพิจารณาถนัดถนี่ คนสวย ไม่ต้องแต่งมากมันก็สวย ผู้ชายอย่างไอ้เรือง ได้ยินว่าใครสวย มันก็ระริกระรี้ตามไปดอมดมเหมือนแมลงวันตอมขี้ อินมันดูออกถึงไล่เปิงไป มือเหี่ยวของยายเตยว่องไวเกินอายุ แกรวบผมเด็กหญิงตึง มัดเป็นหางม้าแน่นด้านหลัง แล้วผัดแป้งลงบนหน้าอย่างคล่องแคล่ว ยาย! นุชกรีดเสียง บ้านช่องพี่เรืองเค้าพอมีฐานะ ไม่เหมือนพวกคนขับรถสองแถวทั่วไปหรอก รถเป็นของเขาเอง ไม่ได้เช่าเหมือนคนอื่น ไปเปรียบเขาเป็นแมลงวันตอมขี้ได้ไง แล้วพี่เรืองเขาเป็นคนมีอัธยาศัยดี พูดเก่ง บางคนสำคัญผิดว่าเขาจีบ แล้วนั่นยายแต่งหน้าให้อัจมันทำไม ยายเตยยิ้มในหน้า เพิกเฉยคำถามจากนางเอกประจำคณะ หยิบเสื้อนางตัวในสีครีมส่งให้อัจจิมา แม่ยอพระกลิ่น เดี๋ยวยายจะแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยจนจำไม่ได้เลยทีเดียว แต่ไม่แต่งเข้มหรอกนะ เรามันสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องประโคมพอกโปะเหมือนคนอื่นเขา แต่งพองามพอ ยายเตยเน้นแต่ละคำราวจะกระจายให้ได้ยินทั่วกัน เมื่อแต่งชุดสวมมงกุฎแล้ว อย่าลืมตนหลุดเข้าไปในละคอนล่ะ ยายพูดพลางขยับกระบังฉุยฉายซึ่งเคลือบทองประดับกระจกสีให้เข้าที่ แล้วสวมช้องนางคลุมหางม้าจนเป็นมวยผมเรียบสวยอีกชั้น ปิดท้ายด้วยอุบะดอกไม้สดฝีมือเจ้าตัว ปากก็ว่า เท้าเหยียบดินให้มั่นเพื่อเตือนตนไม่ให้เพริดไปกับเงา อย่าทะนงว่าตนเป็นคนสวย จะประกอบอาชีพไหนก็ตาม หากทำด้วยความสุจริต ตั้งมั่นในมานะแห่งสัจจาอาชีพ มันเจริญรุ่งเรืองได้ทั้งนั้น ความสวยไม่ใช่ข้อดีเสมอไปหรอก หลานเอ๊ย จำไว้ให้ดี เอ๊า นั่งตะลึงอ้าปากค้างอยู่นั่นแล้ว รีบไปเถอะ แล้วมารำให้ยายดูอีกหน่อยก่อนแสดง **********************************************
Create Date : 13 สิงหาคม 2555 |
| |
|
Last Update : 13 สิงหาคม 2555 9:30:07 น. |
| |
Counter : 480 Pageviews. |
| |
|
|