หลากหลายคำถามสำหรับการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่ต่างก็พรั่งพรูโต้ตอบซึ่งกันและกัน เด็กหนุ่มอีกคนขอตัวแยกทางเพราะถึงเส้นทางแยกที่จะไปบ้านเขาแล้วคงเหลือแต่เรากับ Krissana เพื่อนใหม่ที่ชื่อดันมาเหมือนกันกับชื่อลูกหาบที่โปขราอีกแล้ว ท่าทางชื่อ Krissana ที่เนปาลคงจะฮอตฮิตไม่ต่างจากชื่อสมชาย สมศักดิ์บ้านเรากระมัง
Krissana บอกว่ารู้สึกถูกชะตากับเราตั้งแต่เดินตามหลังมาบนสะพานข้ามแม่น้ำบักมาตีแล้วแต่เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าเราเป็นชาวต่างชาติ จึงไม่ได้พูดคุย แต่พอเราเข้าไปถามทาง เขาถึงรู้และดีใจที่จะได้มีเพื่อนใหม่ เขาบอกว่าเขาชอบพูดคุยกับนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นการฝึกภาษาอังกฤษและต้องการเรียนรู้ความคิดความอ่านแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้คนจากต่างแดน
"My house is on the way to Bodhanath. Would you like to go to my house?" Krissana ชวนเราแวะบ้านของเขา ซึ่งเป็นทางผ่านไปยัง Bodhanath พอดี แต่ถึงแม้จะเป็นคนลุยขนาดไหนแต่กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่นาที เราก็ไม่ควรตามน้ำจนเกินควร จึงตอบปฏิเสธน้ำใจของ Krissana ไป
พวกเรายังคงเดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงประตูทางเข้าบ้านของ Krissana ในขณะเดียวกันแบตเตอรี่กล้องก็เริ่มมีปัญหา เอาละซิทีนี้ แบตเตอรี่ดันมาหมดเอาดื้อ ๆ เราเริ่มรู้สึกกังวลเพราะนี่เป็นสถานที่สุดท้ายและถือเป็นไฮไลต์อีกแห่งหนึ่ง หากต้องกลับบ้านโดยไม่ได้เก็บภาพ Bodhanath เราคงไม่มีทางให้อภัยตัวเองแน่ๆ เอายังไงดีหว่า Krissana เองก็คงสังเกตุเห็นความกังวลของเราไม่น้อย
Do you have a charger?
No,I leave it in my room at Thamel.
Poor!
Ummm! How should I do? เราบ่นเบา ๆ
Just take a look. I think you will love it. เขาหมายถึงไปดูเฉย ๆ ก็ได้ นายน่าจะชอบน่า
Yes,of course. I will love it but I have to take a photo anyway. :(
Krissana ไม่รู้จะทำยังไงต่อ แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม คงเพราะไม่ต้องการให้เราเสียโอกาสที่จะได้ไปชมสถูป Bodhanath
Can you wait me for few minutes? I will leave my bag then will take you to Bodhanath.
Krissana บอกให้เรารอเขาที่หน้าบ้าน แล้วเขาจะเป็นคนพาไปที่ Bodhanath เอง
ท่าทางของ Krissana เป็นเด็กหนุ่มที่สุภาพและเป็นมิตรไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร สีหน้าและคำพูดของเขา เรารู้สึกได้ถึงความจริงใจและมีน้ำใจอย่างเหลือล้น แต่เราไม่อยากเสียเวลาเพราะตอนนั้นกำลังสองจิตสองใจว่าจะไป Bodhanath เพื่อเดินดูเฉย ๆ หรือว่าจะกลับไปชาร์จแบตที่ Thamel ก่อนแล้วค่อยกลับมาดี เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบบ่ายสามโมงแล้วถ้ากลับไปแล้วกลับมาก็เกรงว่าจะมืดค่ำเสียก่อน อีกอย่างก็ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับ Thamel ด้วยวิธีไหนดี แต่เราก็ตัดสินใจบอกกับ Krissana ไปว่า
"No,problem. I might back to Thamel then will come here later. Thank you my friend"
Krissana ทำหน้างง แต่ก็รีบวิ่งเอากระเป๋าหนังสือไปเก็บ ส่วนเราก็เดินมุ่งหน้าต่อไปพลางในใจก็ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดีหว่า
"ไม่ได้ซิ เราต้องเก็บภาพไปให้ได้" เราตัดสินใจเดินกลับหลัง มุ่งหน้าหาทางกลับ Thamel เพื่อไปชาร์จแบตเตอรี่กล้องถ่ายรูป โดยที่ ณ ห้วงเวลานั้น Krissana ก็ยังไม่รู้ว่าเรามุ่งหน้าเดินทางต่อไปยัง Bodhanath หรือหันหลังกลับสู่ Thamel... |