โลกสวยได้ถ้าเราร่วมมือกัน

นิทานลดโลกร้อน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลจากสังคมเมืองกรุงโดยมีระยะทางหลายพันกิโลเมตร โดยบริเวณรอบหมู่บ้านนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกที่หนาจัดและยังล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่และพืชพรรณต่างๆเป็นจำนวนมากมาย นอกจากนั้นยังมีทะเลอันกว้างใหญ่อยู่ทางตะวันออกซึ่งเต็มไปด้วยฝูงปลานานาชนิด โดยในทุกๆเช้าจะมีเด็กสาวคนหนึ่งออกมาเดินเล่นรอบๆหมู่บ้านทุกวัน เธอจะเดินไปยังสวนหลังหมู่บ้านก่อนเป็นอันดับแรก สวนนี้เธอเป็นคนที่ริเริ่มปลูกเองจากสวนเล็กๆพอนานๆไปก็มีชาวบ้านเข้ามาช่วยปลูกช่วยดูแลจนตอนนี้กลายเป็นสวนที่ใหญ่ที่ใครๆก็ชอบออกมาเดินเล่นเช่นเดียวกับเธอ

“ดีจ้าสาวน้อย” ดอกทานตะวันทักทายเธอ

“คุณยายของหนูเป็นยังไงบ้างจ๊ะหายเป็นไข้หรือยัง ??”

“หายแล้วค่ะ แล้วเป็นไงบ้างค่ะ วันนี้สบายดีไหม” เด็กสาวทักทายตอบ

“สบายดีจ้าแต่ช่วงนี้ดูอากาศจะร้อนกว่าทุกวันๆนะ” ดอกทานตะวันบอกปนสงสัยเล็กน้อย

“ใช่ ฉันก็รู้สึกร้อนขึ้นเช่นกัน” ดอกกุหลาบที่อยู่แถวนั้นพูดขึ้น

“เธอก็รู้สึกร้อนเหมือนกันใช่ไหมละ สาวน้อย” ดอกกุหลาบและดอกทานตะวันพูดขึ้นพร้อมกัน

เธอคิดในใจ “อากาศก็ร้อนขึ้นจริงๆนะหรือจะเป็นเพราะว่า....” แต่เธอก็ไม่ได้คิดต่อและบอกกับดอกทานตะวันและดอกกุหลาบว่า

“หนูไปก่อนนะค่ะจะลองเดินเข้าไปในป่าแห่งฤดูกาล เผื่ออาจจะรู้สาเหตุว่าทำไมเดี่ยวนี้อากาศถึงได้ร้อนขึ้น” เธอบอกพร้อมกับรอยยิ้ม

“จ้า เข้าไปก็ระวังด้วยนะ เพราะเจ้าเสือโคร่งราเอล มันชอบออกอาละวาดบ่อยๆ” ทั้งสองพูดเตือนเธอ

“ค่ะ หนูจะระวังตัว ไปก่อนนะคะ” เธอบอกลาพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง

หลังจากนั้นระหว่างที่เธอกำลังเดินจากสวนแห่งนั้นมา เธอก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก มันเหมือนกับสิ่งที่เธอเคยได้ยินจากผู้เฒ่าเต่าเมื่อนานมาแล้ว เธอรีบมุ่งหน้าไปที่ป่าแห่งฤดูกาลทันที




ป่าแห่งฤดูกาล คือป่าที่มีสภาวะอากาศแบบต่างๆอยู่ตามเขตพื้นที่ของป่าซึ่งมีอยู่ 5 สภาวะ กล่าวคือ เมื่อเดินผ่านทางเข้าไปแล้ว พื้นที่แรกที่จะได้เจอคือ สภาวะอากาศหนาวจัด พื้นที่สองจะมีสภาวะอากาศร้อนสูง พื้นที่สามจะมีสภาวะอากาศอบอุ่น พื้นที่สี่จะมีสภาวะอากาศค่อนข้างชื้นและฝนตกปรอยๆแต่จะมีฟ้าร้องตลอดเวลา และพื้นที่สุดท้าย.............จะมีสภาวะอากาศไม่แน่นอนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้ และจะเป็นทางออกไปสู่ทะเลล้านปี




เธอไม่ได้เดินเข้ามาในป่าแห่งนี้หลายเดือนแล้ว เนื่องจากครั้งก่อนที่เธอเดินเข้ามาเพื่อจะไปที่ทะเลล้านปีนั้น ขณะนั้นเธออยู่ที่พื้นที่สุดท้ายแต่อยู่ดีๆอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเดี๋ยวร้อนจัด..เดี๋ยวหนาวจัด...เดี๋ยวฝนตกหนักทำให้เธอไม่สบายเป็นไข้ตัวร้อนอยู่หลายวัน ตอนนี้เธอเดินมาถึงหน้าทางเข้าป่าแล้ว หน้าทางเข้านั้นมีแผ่นป้ายเล็กๆถูกแกะสลักด้วยไม้เขียนไว้ว่า

“ป่าแห่งนี้ คือ ป่าแห่งฤดูกาล จงระวังภัยธรรมชาติไว้ให้ดี”

หลังจากที่เธออ่านป้ายเสร็จเธอรีบเดินเข้าไปในป่าทันที แต่เมื่อเธอได้เข้าไปที่ส่วนพื้นที่แรกของป่า เธอก็ต้องตกใจมาก!!! เพราะสภาวะอากาศจากที่จะต้องหนาวจัด แต่ ณ ตอนนี้ สภาวะอากาศกลับกลายเป็น.....ร้อนจัด !!!

“เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่นะ !!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก

จากพื้นที่ป่าอันเหน็บหนาว บัดนี้พื้นที่เหล่านั้นได้เปลี่ยนไปโดยปริยาย สิ่งแวดล้อมรอบๆในพื้นที่นั้นต่างกำลังถูกเปลวไฟแผดเผา ทันใดนั้นเธอก็มองไปที่ภูเขาน้ำแข็งที่แต่ก่อนมีหิมะปกคลุมแต่ตอนนี้มันได้กลายสภาพเป็นเพียงภูเขาที่ไร้ซึ่งความเหน็บหนาวเป็นเพียงภูเขาธรรมดาๆเท่านั้น

“สาวน้อยเธอรีบหนีออกไปจากที่นี่เสียเถอะนะ” นกเพนกวินที่นอนอยู่ข้างๆภูเขาพูดขึ้น

“คุณบาดเจ็บนี่คะ” สาวน้อยพูดไปพลันเดินไปหานกเพนกวิน

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกเธอรีบหนีออกไปจากพื้นที่นี้เถอะ อีกไม่นานภูเขานี้จะปล่อยไฟลาวาไหลลงมาแล้วนะ” นกเพนกวินกล่าวเตือน

“มันเกิดอะไรขึ้นกับที่นี้กันนะ ทำไมสภาวะอากาศถึงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างนี้นะ ?? ” สาวน้อยพูดอย่างสงสัย

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่เพียงว่า อากาศร้อนขึ้น ร้อนขึ้น ร้อนขึ้น ร้อนขึ้นเรื่อยๆ” นกเพนกวินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า

สาวน้อยไม่รอช้า เธอรีบอุ้มนกเพนกวินอย่างรวดเร็วและรีบพาไปที่พื้นที่ที่สองทันที เธอรู้แต่เพียงว่าเธอจะต้องช่วยนกเพนกวินตัวนี้ไว้ให้ได้ ระหว่างทางเธอได้เห็นนกเพนกวินหลายร้อยตัวนอนตายอยู่รอบๆพื้นที่ของป่า หลังจากที่เธอเดินอยู่ได้ซักพักเธอก็เดินทางมาถึงพื้นที่ที่สองเพราะว่าในบริเวณนั้นมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถช่วยแพนกวินตัวนี้ให้หายอาการบาดเจ็บได้ หลังจากที่เธอได้ช่วยแพนกวินตัวนั้นแล้วเธอออกเดินทางต่อมาเรื่อยๆและได้ไปพบฝูงลิงจำนวนมากที่กำลังมีอาการตกใจเพราะว่าฝูงลิงเหล่านั้นได้ยินเสียงคำรามของเจ้าเสือโคร่งราเอลที่อยู่ห่างไปไม่ไกลแต่เธอก็ไม่ได้สนใจในพฤติกรรมลิงเหล่านั้นเธอจึงเดินต่อไปเรื่อยๆจนมาพบกับเจ้าเสือโคร่งราเอล เธอจึงได้รีบเดินหนีออกไปหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง


ในขณะนั้นเสือโคร่งราเอลก็วิ่งเข้ามาดักรออยู่ตรงหน้าถ้ำแล้วและพูดกับเธอว่า


“ไม่ต้องกลัวข้าหรอก ข้าไม่ทำอันตรายเจ้า ข้าจะมาช่วยเหลือเจ้าตังหาก เจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับป่าแห่งนี้”


“หนูไม่รู้ค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หนูรู้สึกว่าสภาพอากาศในป่าแห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก” เธอกล่าวอย่างแปลกใจ


“ข้าจะตอบคำถามของเจ้าให้ว่าป่าแห่งนี้และพื้นที่ต่างๆนั้นเกิดอะไรขึ้น การที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้มันเกิดจากภาวะที่เรียกว่า ภาวะโลกร้อน” เสือโคร่งราเอลพูดอย่างเยือกเย็น


“ภาวะโลกร้อน มันคืออะไรเหรอค่ะ ???? ” เธอสงสัย


“ภาวะโลกร้อน หมายถึง ภาวะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อนอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝน ระดับน้ำทะเล และมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ ”


“แล้ววิธีการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนเหล่านี้จะแก้ได้ยังไงคะ” สาวน้อยถามเสือโคร่งราเอลด้วยความอยากรู้


เสือโคร่งราเอลจึงหัวเราะเสียงดังและตอบกลับไปว่า “ฮ่าๆๆๆ ข้าก็ไม่รู้วิธีแก้ปัญหาโลกร้อนหรอก แต่มีข้ารู้ว่าเจ้าต้องไปถามใครถึงจะได้คำตอบเหล่านี้”


“ถามใครเหรอคะ?”


“เจ้าต้องไปหาคำตอบนี้จากผู้เฒ่าเต่าที่อาศัยอยู่ในทะเลล้านปี”


“อ๋อ ผู้เฒ่าเต่า หนูรู้จักค่ะ ขอบคุณคะที่ช่วยเหลือ หนูขอตัวออกเดินทางต่อนะคะ” สาวน้อยกล่าวลาเสือโคร่งราเอล


“เจ้าจะไปเดินทางต่อไปยังละ? กว่าจะเดินทางผ่านป่าทั้งสามพื้นที่ไปนั้นสภาพของเจ้าคงไปไม่ไหวเแน่” เสือโคร่งจึงบอกต่อไปอีกว่า “ข้ามีทางลัดให้เจ้า เดี๋ยวข้าจะนำทางให้เอง” สาวน้อยจึงเดินตามเสือโคร่งไปยังทางลัดที่จะพาออกไปสู่ทะเลล้านปี


ทะเลล้านปี คือ ทะเลที่มีแต่เหล่าสัตว์ดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่อายุของสัตว์เหล่านั้นล้วนแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านปีเกือบทุกตัว และทะเลนี้ยังเชื่อมต่อกับแหล่งน้ำทั่วโลก ทำให้มีสัตว์สายพันธ์แปลกใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ก็มีข้อจำกัดมากมายในการที่สัตว์ทั่วไปจะเข้ามาในทะเลล้านปีนี้ทำให้ยากแก่การค้นพบของมนุษย์


“เอาละเรามาถึงกันแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนและข้าขอฝากอนาคตของที่นี้ไว้ที่เจ้าด้วยละ” เสือโคร่งราเอลกล่าวลาสาวน้อย


สาวน้อยยิ้มให้เจ้าเสือโคร่งราเอลพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณนะคะ”


เธอไม่เคยมาที่นี่เลย และคงเป็นครั้งแรกของเธอที่ได้เข้ามาในดินแดนของทะเลล้านปีแห่งนี้ เธอมองไปรอบๆบริเวณของทะเลนี้และพูดเบาๆว่า “สวยงามจัง ไม่เคยเห็นทะเลที่ไหนสวยเท่าที่นี่มาก่อนเลย”


“สวยงามงั้นเหรอ” เสียงแหลมๆแสบแก้วหูดังขึ้นมา


“อะหรือเธอคือปลา…” สาวน้อยเอ่ยคำพูดพร้อมกับความสงสัย


“รู้จักข้าด้วยรึ ใช่ข้าคือ ปลาดาวเจ็ดสี”


“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี้สาวน้อย เธอไม่สมควรมาที่แห่งนี้ กลับไปซะ” ปลาดาวพูดเสียงดัง


“คือหนูต้องการมาพบท่านผู้เฒ่าเต่า หนูกลับไปไม่ได้หรอกคะ” สาวน้อยพูดพร้อมน้ำเสียงของความตั้งมั่น


“หึหึ เจ้าคิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างนั้นเหรอ??” ปลาดาวถามด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิงกับสาวน้อย


“คุณรู้ !!!” สาวน้อยทำท่าตกใจเล็กน้อย


“ใช่ข้ารู้เจ้าไม่มีทางช่วยเหลือโลกใบนี้ได้หรอก เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้และการที่เกิดปัญหาโลกร้อนขึ้นก็เกิดจากฝีมือมนุษย์อย่างพวกเจ้าทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจงกลับไปซะ” ปลาดาวพูดด้วยน้ำเสียงโมโห


“แต่ มันต้องมีวิธีแก้ใช่ไหมคะ”


“หึหึ มี แต่...ข้าว่าเจ้าทำไม่ได้หรอก ไม่มีทางทำได้” ปลาดาวพูดจาดูถูกสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า


“หนูมั่นใจค่ะ ว่าหนูต้องทำได้แน่ๆ ขอร้องละเพื่อทุกๆคนบอกมาเถอะนะค่ะ วิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนได้” เสียงสาวน้อยอ้อนวอนปลาดาว


“ได้ ข้าจะพาเจ้าไปหาท่านวาฬผู้รอบรู้”


“ท่านวาฬผู้รอบรู้เหรอค่ะ”


“ใช่ ท่านรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเจ้าจะเข้าใจ ว่าเจ้าน่ะ ทำอะไรไม่ได้หรอก” ปลาดาวยังไม่เลิกที่จะบอกสาวน้อยว่าทุกอย่างมันสายเกินแก้แล้ว


หลังจากที่เจ้าปลาดาวเจ็ดสีพูดเสร็จ สภาพแวดล้อมรอบๆบริเวณนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่....สีของท้องฟ้าจากสีฟ้าอ่อนก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆนั้นต่างก็เริ่มแห้งและเหี่ยวเฉาไปตามๆกัน รวมถึงน้ำทะเลก็เริ่มเปลี่ยนสีเช่นกัน


“เกิดอะไรขึ้นนะ” สาวน้อยทำหน้าสงสัย


“ไม่ต้องตกใจไปหรอก นี้คือผลกระทบจากภาวะโลกร้อนไงละ” ปลาดาวบอกสาวน้อยด้วยความเคยชินกับบรรยากาศแบบนี้


“แล้วอีกไม่นานสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้ก็จะต้องตายกันหมด มันคือชะตากรรม” น้ำเสียงของปลาดาวบอกด้วยความสั่นเครือ


“ชะตากรรม??” สาวน้อยสงสัยในคำพูดของปลาดาว


“มันคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องชดใช้กับสิ่งที่ได้ทำไป”


สาวน้อยสงสัยในคำพูดของปลาดาว มนุษย์เป็นต้นเหตุของปัญหาโลกร้อนนะหรือ?? เธอฟังปลาดาวพูดต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งสีของน้ำทะเลเปลี่ยนไปเป็นสีแดงจนหมดทั้งผืนน้ำ!! และในขณะที่เธอจ้องมองลงไปที่ผืนน้ำนั้น ก็มีบางสิ่งบางอย่างกำลังโผล่ขึ้นมาจากใต้ผืนน้ำ....เธอมองไปด้วยความสงสัย


“ไม่ต้องสงสัยหรอกสาวน้อยเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง” ปลาดาวหันไปบอกสาวน้อยที่กำลังยืนทำหน้างงๆ


เสียงนี้ดังขึ้นมาจากใต้ผืนน้ำดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ ทันใดนั้นสาวน้อยเห็นกลุ่มก้อนสีทองเลือนๆอยู่ในผืนน้ำขนาดใหญ่ แล้วสาวน้อยเหลือบไปเห็นดวงตาคู่นึงที่โผล่ขึ้นมาเหนือนน้ำในกลุ่มก้อนสีทองนั้น


“สวัสดีท่านปลาวาฬผู้รอบรู้ ข้าไม่ได้เจอท่านนานแล้ว ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เจอท่านอีกครั้ง” ท่าทางของปลาดาวที่กำลังแสดงออกถึงความเคารพต่อท่านวาฬผู้รอบรู้


“สวัสดีเจ้าปลาดาวเจ็ดสี สบายดีใช่ไหม”


“ข้าสบายดี แต่วันนี้ข้ามีเหตุที่ต้องการจะพบท่านเพราะเรื่องของสาวน้อยคนนี้”

“สวัสดีสาวน้อย ไม่ต้องตกใจกลัวข้าหรอกนะ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะถามอะไรจากข้า” ท่านวาฬผู้รอบรู้กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


“ท่านรู้เหรอค่ะ ถ้าอย่างนั้น วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนนั้น..ช่วยกรุณาบอก..ด้วยนะค่ะ”


“เจ้ารู้ไหมว่า...สิ่งที่เจ้าต้องการรู้นั้นมันแทบไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย??? ”


“เอ๊ะ!! ทำไมเหรอคะ ถ้าเรารู้วิธีแก้ไขก็น่าจะช่วยโลกนี้ได้ทันนิคะ”


“โลกนี้นะ ไม่มีเวลาที่จะช่วยและแก้ไขได้อีกแล้ว โลกนี้จะต้องถูกหลอมละลายด้วยไฟแห่งความร้อนจากน้ำมือของพวกมนุษย์”


“เอาล่ะข้าจะอธิบายถึง สาเหตุของการเกิดปัญหาภาวะโลกร้อนเหล่านี้ ”


"มหันตภัยร้ายที่กำลังคุกคามโลกอยู่ขณะนี้ คือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ปริมาณมหาศาลที่มนุษย์เป็นผู้ก่อ ถูกปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกหนาขึ้นเท่าไร ก็จะเป็นตัวการกักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ไม่ให้คายออกไปสู่บรรยากาศ ก็จะส่งผลให้อุณหภูมิของบรรยากาศโลก สูงขึ้นจนถึงระดับอันตรายผืนน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือและธารน้ำแข็งบนภูเขาทั้งหมดทั่วโลกค่อยๆ ละลายลงเรื่อยๆ และอาจจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นถึง 20 ฟุต


ตัวอย่างที่มนุษย์ก่อขึ้นมาเพื่อทำลายโลกใบนี้ก็คือ การตัดไม้ทำลายป่า การใช้สารซีเอฟซีในอุตสาหกรรมต่างๆ การสร้างโรงงานปรมาณูและระเบิดนิวเคลีย์ การใช้รถยนต์-จักรยานยนต์กันเป็นจำนวนมาก และการใช้เทคโนโลยีเกิดความจำเป็น ฯลฯ "



“ไม่น่าเชื่อว่าสาเหตุต่างๆที่ทำให้โลกร้อนขึ้นนั้นสาเหตุเกิดมาจากน้ำมือมนุษย์” สาวน้อยแสดงน้ำเสียงออกมาดัวยความเสียใจ


“ในเมื่อเหตุการ์ณแบบนี้เกิดขึ้นแล้วแล้วข้าจะหาทางแก้ไขได้อย่างไรบ้างคะ”


“สำหรับวิธีแก้ไขปัญหาโลกร้อน ข้าก็มีวิธีทีช่วยแก้ไขได้แต่เวลานี้ไม่เพียงพอที่จะแก้ไขได้แล้ว”


ทันใดนั้นเสื้อโคร่งราเอล ท่านผู้เฒ่าเต่า นกแพนกวิน และบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่สาวน้อยเคยช่วยเหลือก็ปรากฎตัวขึ้น และเสือโคร่งาราเอลจึงพูดขึ้นว่า “ข้าอยากจะทราบวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ถึงแม้ว่าระยะเวลาที่เหลือจะไม่เพียงพอแล้วก็ตาม แต่ข้าก็อยากจะให้ปัญหาที่เกิดขึ้นบรรเทาลง” จากนั้นบรรดาสัตว์ต่างๆก็ช่วยขอร้องให้ท่านวาฬรอบรู้ช่วยบอกวิธีแก้ไข หลังจากท่านวาฬเห็นสัตว์ต่างๆส่งเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆท่านวาฬจึงบอกว่า “เอาล่ะๆ ในเมื่อพวกเจ้าต้องการรู้วิธีการแก้ปัญหาโลกร้อนกันมากขนาดนี้ ข้าจะบอกให้ก็ได้แต่.......... ”

“พวกเจ้าเหลือเวลาที่จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น!!! เพราะความร้อนที่โลกใบนี้ได้รับนั้นไม่อาจจะต้านทานได้อีกต่อไปแล้ว โลกนี้อาจจะต้องแตกสลายไป” หลังจากปลาวาฬกล่าวประโยคนี้จบ สัตว์ต่างๆที่ส่งเสียงดังอยู่นั้นก็เงียบกันหมดด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน หลังจากนั้นเสียงก็เริ่มกลับมาดังอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นเสียงตะเบงเซงแซ่ของบรรดาสัตว์ต่างๆที่พูดคุยกันในเวลาที่เหลือ สาวน้อยได้ยินท่านวาฬผู้รอบรู้บอกกับบรรดาสัตวต่างๆนั้น ทำให้สาวน้อยเกิดคิดถึงคุณยาย และคนในหมู่บ้าน เธอคิดในใจต่อว่า “หากมนุษย์เรามีความสามัคคี ลดความเห็นแก่ตัว แก่งแย่งชิงดีกันและเห็นประโยชน์ส่วนรวมกันมากกว่านี้ ปัญหาโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นคงจะไม่ร้ายแรงถึงเพียงนี้” ในระยะเวลาที่เหลือหลังจากท่านวาฬบอกเวลาของโลกที่กำลังจะหมดไป สาวน้อยและบรรดาสัตว์ทุกๆตัวก็ฟังวิธีการแก้ไขจากท่านวาฬผู้รอบรู้รวมถึงผลกระทบจากปัญหาจากภัยโลกร้อนนี้





23 ชั่วโมงที่เหลือ

ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ
- สภาพอากาศแปรปรวนมากยิ่งขึ้น
- ความชื้นในอากาศเพิ่มมากขึ้นเนื่องด้วยการระเหยของน้ำที่มากขึ้น
- ความไม่มั่นคงของอุณหภูมิ

ผลกระทบต่อทะเลและมหาสมุทร
- ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งตามทั่วโลกละลาย
- น้ำทะเลสูงขึ้น
- อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรสูงขึ้น
- การเปลี่ยนสภาวะของน้ำเป็นกรด
- การหยุดไหลของกระแสน้ำอุ่น

ผลกระทบต่อมนุษย์
- เกิดการขาดแคลนน้ำดื่ม
- เกิดการอพยพย้ายที่อยู่อาศัยเนื่องจากโดนน้ำท่วม
- เกิดโรคร้ายเพิ่มขึ้น



17 ชั่วโมงที่เหลือ


วิธีที่จะช่วยลดปัญหาโลกร้อน จาก An Inconvenient Truth

1. เปลี่ยนหลอดไฟ
การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้เป็นฟลูออเรสเซนต์หนึ่งดวง จะช่วยลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 150 ปอนด์ต่อปี

2. ขับรถให้น้อยลง
หากเป็นระยะทางใกล้ๆ สามารถเดินหรือขี่จักรยานแทนได้ การขับรถยนตร์เป็นระยะทาง 1 ไมล์จะปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ 1 ปอนด์

3. รีไซเคิลให้มากขึ้น
ลดขยะของบ้านคุณให้ได้ครึ่งนึงจะช่วยลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 2400 ปอนด์ต่อปี

4. เช็คลมยาง
การขับรถโดยที่ยางมีลมน้อย อาจทำให้เปลืองน้ำมันขึ้นได้ถึง 3% จากปกติน้ำมันๆทุกๆแกลลอนที่ประหยัดได้ จะลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 20 ปอนด์

5.ใช้น้ำร้อนให้น้อยลง
ในการทำน้ำร้อน ใช้พลังงานในการต้มสูงมาก การปรับเครื่องทำน้ำอุ่น ให้มีอุณหภูมิและแรงน้ำให้น้อยลง จะลด คาร์บอนไดออกไซด์ ์ได้ 350 ปอนด์ต่อปี หรือการซักผ้าในน้ำเย็น จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ปีละ 500 ปอนด์

6. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์เยอะ
เพียงแค่ลดขยะของคุณเอง 10 % จะลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 1200 ปอนด์ต่อปี

7. ปรับอุณหภูมิห้องของคุณ(สำหรับเมืองนอก) ในฤดูหนาว ปรับอุณหภูมิของ heater ให้ต่ำลง 2 องศา และในฤดูร้อน ปรับให้สูงขึ้น 2 องศา จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 2000 ปอนด์ต่อปี

8. ปลูกต้นไม้
การ ปลูกต้นไม้ หนึ่งต้น จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ตลอดอายุของมัน

9. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้
ปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ใช้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้นับพันปอนด์ต่อปี และอย่างสุดท้าย




8 ชั่วโมงที่เหลือ


13วิธีง่ายๆที่จะช่วยป้องกันโลกร้อน จาก //www.vcharkarn.com/include/article/showarticle.php?aid=18345

1.ลดการขับรถ แล้วใช้อย่างอื่นแทน หรือ จะแชร์รถร่วมกันก็ได้ แต่ไม่ใช่รถร่วมกตัญญูนะ


2.เลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบประหยัดไฟแทน ประหยัดทั้งตังค์ ประหยัดทั้งไฟ


3.ทำความสะอาดแอร์เดือนละครั้ง ถ้าสามารถก็ทำเองก็ได้นะ แต่ถ้าเจ๊งก็เสียตังค์เพิ่ม


4.เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เลือกแบบประหยัดไฟมาใช้แทน แต่คอยบำรุงไม่ให้เสียแล้วก็ไม่ให้กินไฟจะประหยัดกว่านา


5.ลดการท่องเที่ยวโดยใช้เครื่องบิน โบกรถ นั่ง บขส. เดิน กลิ้ง จะประหยัดนำมันกว่าเยอะ


6.ซักผ้าเองด้วยน้ำเย็นและตากโดยใช้วิธีผึ่งแดด ไม่เปลืองไฟเครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำร้อน แล้วก็เครื่องอบ


7.ใช้ฝักบัวที่น้ำไหลช้าๆ จะได้ใช้น้ำน้อยลง แต่อย่าใช้เวลานานขึ้นหล่ะ


8.ลดการทิ้งถุงพลาสติก


9.ถอดปลั๊กของเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อไม่ใช้งาน จะได้ไม่เปลืองไฟ ไอ้พวกออนเอ็มแต่ away หรือbusy แล้วไม่ใช้คอม ก็ช้วยปิดด้วย


10.ใช้เครื่องซักผ้าหรือเครื่องล้างจานเมื่อต้องซักหรือล้างทีละมากๆเท่านั้น ไม่ต้องใช้บ่อยมันเปลืองงงงงง


11.ปลูกต้นไม้ ต้นไม้หนึ่งต้น เลื่อนระยะเวลาที่น้ำจะท่วมโลกออกไปอีกถึง2ปี


12.ใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบไม่มีสารพิษ


13.ใช้กระดาษแบบ Re-cycle ได้





              




และ1นาทีที่เหลือ……..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามไม่ว่าพวกเราและเหล่าสรรพสิ่งทั้งหลายจะต้องถูกหลอมละลายไปกับเปลวไฟ หรือเกิดเหตุวิบัติใดๆก็ตามพวกเราก็ไม่กลัวอีกต่อไปแล้วเพราะพวกเราได้ทำเต็มที่ ที่สุดแล้ว แม้ว่า…………….สิ่งที่ทำไปนั้นจะไม่ทันการ์ณที่จะช่วยเหลือโลกของเราก็ตาม




 




1วินาทีที่เหลือ


.......................................................................


............................................................


...............................................


...................................


......................


...........


....


.




















และแล้วเวลาในโลกแห่งความจริงก็ดังขึ้นมา……..ติ๊ดๆๆๆๆๆ เสียงนาฬิการ้องบอกถึงเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งดังขึ้น


“เอาละ เด็กๆแม้ว่าเวลาในโลกแห่งนิยายจะได้จบลงไปแล้วก็ตาม แต่เวลาในโลกแห่งความเป็นจริงยังไม่ได้จบไป พวกเรายังมีเวลาที่จะช่วยเหลือโลกใบนี้ได้อยู่…หวังว่านิยายที่ครูเล่าให้ฟังในวันนี้จะให้ข้อคิดและเตือนใจพวกเราทุกคนให้หันมารักษาสิ่งแวดล้อมของโลกนี้กันนะ”

หลังจากนักเรียนทุกคนออกจากห้องเรียนกำลังเดินทางกลับบ้านนั้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่ได้ฟังนิยายจากคุณครูนั้นก็รีบวิ่งกลับไปที่บ้านทันทีเธอรีบเข้าไปในห้องนอนของเธอและบอกกับดอกไม้ที่เธอปลูกอยู่ในกระถางข้างๆหน้าต่างของเธอว่า “ฉันขอโทษด้วยนะที่ดูแลเธอไม่ดี ทำให้เธอต้องเหี่ยวเฉา ต่อไปนี้ฉันขอสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุดเลยนะ” หลังจากนั้นเธอก็ลงไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อไปปิดไฟที่ไม่ได้มีคนใช้และไปตรวจสอบในบ้านและบริเวณบ้านของเธอว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนได้อย่างไร………………




คนเราแก้อดีตไม่ได้ แต่อาจเปลี่ยนอนาคตได้
we can't correct the past, But we might change the future.


คำคมจากวรินทร์ เลียววาริณ


แล้วตัวคุณละพร้อมจะช่วยเหลือโลกใบนี้หรือยัง ???? Smiley



               




Free TextEditor




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2551    
Last Update : 27 มิถุนายน 2551 13:37:56 น.
Counter : 10844 Pageviews.  

ยินดีต้อนรับทุกๆคนครับ

อยู่ในขั้นทดลองการทำบล็อคครับ

หลังจากคล่องแล้วจะทำการเขียนบล็อคเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆต่อไป




 

Create Date : 26 มิถุนายน 2551    
Last Update : 26 มิถุนายน 2551 16:18:06 น.
Counter : 391 Pageviews.  


kmitl_Pu
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kmitl_Pu's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.