สวัสดีครับ หลังจากหายไป 3 วัน เดี๋ยวจะมาอัพเดตวันที่ 4 กัน กับทริป "ไม่ได้ตั้งใจชวนเพื่อนไปเพื่อนก็ไม่ไปเลยต้องมาคนเดียว" ทริปเดี่ยวที่สังขละบุรี... แล้วจะเป็นยังไงต่อ?
วันนี้เป็นวันที่ผมฝันสลายที่สุด เสียใจที่สุด ลุ้นสุดสุด ตลอด 3 วันที่ผ่านมา... เพราะอะไร ทำไม เหตุใด ไฉน เดี๋ยวไปดู
วันที่ 4 : เสียใจที่สุดดดด
ผมตื่นมาตอน 10 โมง พร้อมกับความฟิต "วันนี้จะเที่ยวให้ทั่วสังชละเลย!!" ...หลังจากเมื่อคืนได้ดื่มด่ำกับงานเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่ จนจุใจ หน่ำใจ วันนี้ก็เลยว่าจะเที่ยวให่ทั่วสังขละฯ แล้วนอนค้างที่นี้อีกสักคืน "ก็มันน่าอยู่อ่ะ!"
ผมอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินออกมา มุ่งตรงไปยังเคาท์เตอร์โรงแรม แล้วถามถึง ตู้กดเงินกรุงเทพฯ เพราะตอนนี้เงินผมหมดแล้ว.. "ตู้กดเงินกรุงเทพฯ อยู่ตรงไหนหรอครับ" แล้วคำตอบที่ถูกต้องคือ!! "ไม่มีครับ" ผมอยากจะบอกว่า "ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบ!!!!!" เพราะมันไม่มีตู้กดเงินกรุงเทพฯบนสังขละบุรีครับ คือตอนแรกผมยังไม่เชื่อ เลยขับรถไปถามตำรวจที่ดูแลพื้นที่... "ไม่มีครับ" พระเจ้าพระรามเก้าพระรามแปดพระรามเจ็ดพระรามหกพระรามห้าพระรามสี่
แล้วทำไมหรอครับ? ก็เพราะว่าบัตรกรุงเทพฯมันกดได้เฉพาะตู้กรุงเทพฯไงครับ มันกดตู้อื่นไม่ได้! คราวนี้ก็เป็นคราวซวยของผมแล้วครับ จะโทษตู้ก็ไม่ได้ จะโทษตัวเองก็ไม่ได้เหมือนกันเพราะตู้กดเงินกรุงเทพฯ ล่าสุดก็ตอนที่อยู่ในเมือง ระหว่างทางไม่เจอตู้กรุงเทพฯเลยสักตู้ จะโทษใครหล่ะครับ! ตอนนี้ต้องมาคิดก่อนว่าจะเอายังไงต่อไป
ผมต้องเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมก่อนเที่ยง เพราะผมไม่มีตังจ่ายค่าพักต่อแล้ว... ผมเหลือเงินติดตัวอยู่แค่ 60 บาท
เป็นไงหล่ะครับ ผมถ่ายความอนาถของตัวเองมาให้พี่ๆน้องๆดู ก่อนออกจากสังขละผมมีเงินติดตัว 60 บาท ตู้กดเงินล่าสุดจำได้ว่าอยู่ในเมือง ระยะทางเกือบ 100 โล "วัดจมน้ำ"ก็ไม่ได้ไป มันต้องนั่งเรือไป ไม่มีตังจ่ายค่าเรืออีกเก็บไว้เติมน้ำมันรถดีกว่า ผมเฟลและผมเฟลและก็ไม่อยากเที่ยวต่อ ผมตัดสินใจกลับบ้านทันที...
นี่เป็นโรงแรมที่ผมพักครับ ติดถนนใหญ่เลย แต่เดินไปสะพานมอญไม่ไกล้ไม่ไกล
ผมเช็คเอาท์จากโรงแรมและที่แรกที่ไปก็คือ! สะพานมอญนั่นแหละครับ เพราะเมื่อคืนผมไปแต่ตอนกลางคืน เลยอยากจะเห็นบรรยากาศตอนกลางวันบ้าง แล้วก็ขับรถไปไม่ถึง 3 นาที
ทางลงไปสะพานมอญนะครับ จากนี้ต้องจอดรถแล้วเดินเท้าลงไป
ชื่อจริงของสะพานมอญ
ร่องรอยความเสียหายจากเมื่อคืน เวทียังเก็บไม่เสร็จ
ต่อจากภาพบน หันมาทางซ้าย
บรรยากาศบนสะพานบ้าง
อันนี้ถ่ายจากบนสะพานลงมา ทางเดินไม้นั้นน่าจะเป็นจุดปล่อยเรือไปวัดจมน้ำ ที่ที่ผมไม่ได้ไปเพราะตังหมด ส่วนทางเดินไม้เล็กๆนั้น เป็นที่ที่ผมนั่งกินเบียร์แล้วก็ยืนถ่ายคลิปอยู่ในตอนที่ 3 คร้าบบ
บ๊ายบายย สะพานมอญ ถึงแม้จะยังไม่อยากไปก็ตาม
แล้วผมก็ต้องลาจากสังขละบุรีในวันนี้ ถึงแม้จะยังไม่อยากไปเลย ผมยังไม่ได้เที่ยวสังขละบุรีเลย ทำไงได้ ไม่มีตัง!! ตั้งแต่จุดสตาร์ทผมมีน้ำมันเกือบเต็มถังเหลือพอที่จะไปถึงในเมืองกาญฯแน่ๆ ฉนั้นผมเลยถือโอกาสหาป้ายสีน้ำเงิน(ป้ายสีน้ำเงินคือป้ายสถานที่ท่องเที่ยว) ผ่านที่ไหนแวะที่นั้นไปเลย!!! Go Go Go!!
ผมซัดออกมาจากสังขละฯโดยที่มือซ้ายผมยกขึ้นมาปาดน้าตาบนหน้าที่กระทบกับแสงแดดเบาๆ แล้วพูดเบาๆกับตัวเองว่า "ลาก่อนสังขละฯ" ตู้มมมมมมมม!!!! (ฉากจบเป็นระเบิด) ระหว่างก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เหมือนกับขามาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากไปกว่านี้แล้ว แต่รู้สึกเมื่อยตูดมากกว่า เลยต้องหาที่พักซะหน่อย นี่เลยย
จุดบริการประชาชนช่วงปีใหม่
ที่นี่ก็จะมี กาแฟร้อนต้มจากกาเลยทีเดียว M150 น้ำส้ม โค้ก เป็ปซี่ สปอนเซอร์มีหมด! แถมจะเอาไปเท่าไหร่ก็ได้!! แปลกที่คนไม่ค่อยกล้าเข้ากันหรือเพราะว่าไม่รู้ แต่ผมรู้55 ผมตอดกาแฟ M150 น้ำส้มดีโด้ อันนี้แค่เบาะๆ ยังถือว่ามีความเกรงใจอยู่บ้างนิดนึง พี่ๆตำรวจหทารก็คุยดีทุกคน "มาเลยน้องๆ เอาไปเลย" ตำรวจก็มาถาม รถสวยนะ ไปเอามาจากที่ไหน ขับดีมะ ถามอย่างกับผมเพิ่งไปขโมยรถใครมา ถามอะไรลึกซึ้งขนาดนี้
ออกจากจุดบริการประชาชนมา ผมก็ขับรถตามทางไปแบบเรื่อยๆ มีการร้องเพลง หรือคุยคนเดียวบ้าง เล็กน้อยยย ผมขับมาได้สักพักผมเจอกลุ่มมอไซค์กลุ่มนึง ไม่ใช่บิ๊กไบค์แต่เป็นเด็กแว้น ลักษณะบอกชัดเจนรวมถึงการยกล้อ ไม่รู้ว่าบนเขาห่างไกลยังมีเด็กแว้น ผมก็กลัวผมก็ขับแบบชิดซ้ายเลยครับทำหน้าหงิมๆ ก็ยังมีสก๊อยที่สภาพดูไม่ออกว่าอายุเท่าไหร่กันแน่ หันมาทำเล่นกับผม ผมได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ได้โดนกระทืบเล๊ยยย หลังจากนั้นเหมือนข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นเพราะไอพวกนั้นมันจอดรถกันดูข้างทางทำไม ผมขับผ่านไปก็มองไปแวบบบ พวกนั้นตกไปอยู่ข้างทางสองคัน 5555555
และนี้เป็นที่แรกที่ผมแวะครับ "สำนักปฏิบัติธรรม ถ้ำสุโข" อยู่ระหว่างทางบนเขานั้นแหละครับ ผมแค่เห็นว่ามันแปลกดีครับเลยแวะมาดูแต่ผมไม่กล้าเข้าไปข้างใน คือมันจะเป็นถ้ำเลยครับที่มีภูเขาสูงๆแล้วมีถ้ำอยู่ตรงกลางเขา แบบนั้นเลย ผมถ่ายได้แค่นี้แล้วก็ขอจังหวะพักตูด พักรถ ด้วยเลย
มาลุยกันต่อ! หลังจากออกจากถ้ำสุโขมา ผมก็ขับไปเรื่อยๆ ระหว่างทางไม่มีอะไร ตอนนี้ให้ถือว่าอยู่ตีนเขาสังขละบุรีเลยแล้วกัน ตรงตีนเขาก็ยังมีทางสามแยกให้ไปอีกคือ เลี้ยวขวาไปปิล๊อค เลี้ยงซ้ายกรุงเทพฯ ผมอยากไปปิล๊อคมากครับ แต่ตังที่ผมมีอยู่ตอนนี้มันน้อยมาก และผมไม่รู้ว่ามันจะมีตู้กรุงเทพฯหรือป่าว ผมต้องตัดใจจากปิล๊อค แล้วมุ่งหน้าไปกรุงเทพฯ เฮ้อ
แล้วนี้ก็เป็นที่ที่สองของผม... น้ำพุร้อนหินดาด!!!
แต่ทำไมในป้ายเขาเขียนว่า "พุน้ำร้อน" หรือว่ามันเป็นชื่อนี้อยู่แล้ว เอ๊ะๆ
ทางขวามือผมบนสะพานที่คนแน่นๆอะนะครับ เป็นจุดผ่านทางต้องจ่ายตังค่าเข้าไปแช่น้ำพุนะครับ ถึงจะขึ้นไปเดินบนสะพานนั้นได้(สังเกตุด้านบนของรูปมีบ้านอยู่หลังนึง)
แต่ผมเป็นโจร ผมไปทางนี้ครับ555 ซึ่งที่จริงผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นทางเชื่อมกันกับน้ำพุร้อนครับ สังเกตุรูปแรกด้านบนของภาพมีบ้านอะไรสักอย่างอยู่ ผมเดินเข้าไปทางสะพานไม้นี้แล้วมันดันไปโผล่ด้านหลังน้ำพุร้อนเฉยเลยครับ ตรงบ้านหลังนั้น ผมไม่ต้องเสียตังเข้าสักบาท
นี่ครับ ดูป้ายได้ ผมกำลังจะไปหลุมหลบภัยคือสะพานไม้ข้างบนรูปนี้ และน้ำพุร้อนต้องตรงไปอีก
ผมเดินผ่านสะพานไม้มาแล้ว มันจะเป็นทางชันครับเหมือนเดินขึ้นเขา เดินขึ้นมาสักระยะพอได้เหงื่อ ก็ยังเจอป้าย หลุมหลบภัย หลุมขุดทอง บลาๆ แต่มันไม่มีสักอย่างเลยครับ!! ผมเดินขึ้นไปได้อีกสักพักผมก็เจอบ้านหลังนั้น แต่ไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนจะเป็นบ้านร้างด้วยซ้ำ และผมก็มองลงมา "อ้าวน้ำพุร้อนนี้หว่า"
นี่ไงผมยืนอยู่บนสะพานของรูปแรกแล้ว สะพานที่ต้องเก็บค่าผ่านทาง สรุปแล้ว หลุมหลบภัย หลุมขุดทอง ไม่มีเลย! ดันมาโผล่น้ำพุร้อนแบบงงๆ 555
เดี๋ยวผมขอจบวันที่ 4 นี้ เป็น Part1 ก่อนแล้วกันครับ ผมง่วงนอนแล้วก็ปวดตา ผมไม่รู้ว่าจะได้มีเวลามานั่งเขียนอีกเมื่อไหร่ เลยขอลงเป็น Part1 ไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวกลับมาเขียนเป็น วันที่ 4 Part2 ต่อ คร้าบบบ ขอบคุณคร้าบบบ