แค้นสีกุหลาบ (The Tea Rose)
ผู้แต่ง: Jennifer Donnelly
ผู้แปล: วิธารา
สำนักพิมพ์: นานมีบุ๊คส์
พิมพ์ เมษายน 2548
ราคา 465 บาท
กลิ่นชาที่หอมหวาน
สีสันแห่งกรุงลอนดอนที่ละลานตา
ฉับพลัน
กลายเป็นกลิ่นคาวเลือด เลือดและความตาย
กลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมในมหานครนิวยอร์ค
ต้องล้างแค้น ต้องกลับไป
ต้องกลับไปเล่นเกมล้างแค้น
เพราะการล้างแค้นช่างเย้ายวนใจนัก
เรื่องราวการล้างแค้นที่หอมหวาน
ความรักที่ต้องฟันฝ่า และกลิ่นชาที่หอมกรุ่น
[จากปกหลัง]
เรื่องย่อ: เรื่องราวของเด็กสาวชาวอังกฤษ ฟิโอน่า ฟินเนแกน ที่เคยใช้ชีวิตในลอนดอนตะวันออกอย่างสุขใจ แต่กลับมีเหตุให้ต้องระหกระเหินหนีตายไปสหรัฐอเมริกา พร้อมกับความแค้นฝังใจที่ต้องสะสาง
เธอต้องเริ่มตั้งต้นชีวิตใหม่ในดินแดนแปลกที่แสนไกลจากบ้านเกิด จากไม่มีอะไร จนมีร้ายขายของชำ ร้านขายใบชา ร้านน้ำชาเดอะทีโรส และมากกว่านั้น ปมแค้นเหล่านี้จะถูกชำระความด้วยวิธีใด เธอจะทำสำเร็จหรือไม่
* * * * * * * *
เป็นเรื่องยาวเกี่ยวกับความรักความแค้น สไตล์แบบที่เราเคยดูเป็นละครทีวีช่อง 3 สมัยยังเด็กมาก ประเภท ชั่วฟ้าดินสลาย และอีกหลายเรื่องที่จำชื่อไม่ได้
ตอนเห็นเล่มนี้เป็นเวอร์ชั่นอังกฤษ จขบ. อ่านบทนำแล้วปิ๊งมาก รีบซื้อทันที แต่ไม่มีปัญญาฟันฝ่าอ่านให้จบเล่มเสียที จนนานมีแปลออกมา...ในรูปเล่มค่อนข้างใหญ่ น่าอ่าน แถมยังคงใช้รูปปกคลาสสิคไว้ตามต้นฉบับ ถูกใจยิ่งนัก โอลัลล้า~ รีบยืนอ่านในร้านทันที (อ้าว?)
หลังจากนั้น เมื่อเจอลดถูก ๆ จึงค่อยซื้อมาเก็บ (ราคาปกเล่มนี้คือ 465 บาท หนา 800 กว่าหน้า) และเพิ่งหยิบมาอ่านจบอีกรอบเมื่อคืน
ฉากในเรื่องเป็นยุคปลายศตวรรษที่ 18 จึงอาจ "ไม่ทันใจ" นักอ่านยุคใหม่ แต่ยังคงเสน่ห์แบบนิยายยุคเก่าไว้ได้เป็นอย่างดี ในเรื่องมีตัวละครที่คุณอาจคุ้นชื่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เจ.พี. มอร์แกน, แวนโก๊ะ, โมเนต์, โกแกง ฯลฯ แต่เนื้อเรื่องเพียงแต่พูดถึงผ่าน ๆ ยกเว้นชื่อเดียว..แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ฆาตกรโหดแห่งไวท์ชาเปิล ที่มีบทบาทเด่นในเรื่องนี้
เนื้อเรื่องเริ่มโฟกัสที่ฟิโอน่า ฟินเนแกน เด็กสาวยากจนในอีสต์ลอนดอน ผู้มีฝันอันยิ่งใหญ่ว่าจะเปิดร้านกับโจ บริสโตว์..คนรักที่โตมาด้วยกัน ทั้งคู่ร่วมกันเก็บเงินเพื่อความฝันนี้ แต่มีมารผจญ..ตามสไตล์ อุปสรรคนานับประการเริ่มโผล่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อตั้งสหภาพที่ส่งผลกับครอบครัวนางเอก การออกอาละวาดของฆาตกรโหด และลูกสาวเอาแต่ใจของมหาเศรษฐีที่มาหลงรักโจ ทั้งหมดนี้จะเบี่ยงเบนเส้นทางชีวิตของสองหนุ่มสาวออกไปอย่างที่คุณนึกไม่ถึง
หนังสือแบ่งเป็น 3 ภาค ภาคหนึ่งก็เน้นไปที่ช่วงเวลาหนึ่ง ห้วงอารมณ์หนึ่งของตัวละคร จึงเหมาะจะใช้เป็นจุดหยุดพักการอ่านได้พอดี (ยิ่งให้ความรู้สึกคล้ายดูละครแล้วหนังจบ รอติดตามตอนต่อไป)
ต้องชมว่าเดินเรื่องได้น่าติดตามมาก อ่านแล้วเอาใจช่วยตัวละครจนวางไม่ลง บรรยายฉากสภาพแวดล้อมได้เห็นภาพดี พล็อตไม่ได้มีแค่ สองคนนี้จะลงเอยกันไหม? แต่แตกแขนงข้ามทวีปออกไปเป็นเรื่องราวของแต่ละคน เปิดโอกาสให้พล็อตย่อยและความรักใหม่ที่เราก็อ่านไปลุ้นไป (ว่าพระเอกมันใครกันแน่) เรียกว่าอ่านจนเมื่อยตา
เนื้อเรื่องมีทั้งฉากชิงรักหักสวาท สายใยในครอบครัว ปริศนาฆาตกรโหด รักแท้ที่คลาดกันไปแค่นิดเดียว การแก้แค้น และตำนานการก่อร่างสร้างตัวตามสไตล์ยุคนั้น
ตัวละครมีเสน่ห์ตามแบบฉบับนิยายแนวนี้ ซึ่งมักให้นางเอกสวย เก่งกล้า เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ส่วนพระเอกเป็นคนหนุ่มไฟแรง ยึดมั่นในรัก ตัวประกอบอื่น ๆ ก็วาดภาพได้น่าสนใจ เป็นภาพย่อของชนชั้นแรงงานในยุคนั้น
ข้อติประการเดียวของหนังสือเล่มนี้คือ การตรวจทานแย่มาก การตัดช่องไฟไม่เรียบร้อย มีบางจุดที่ถ้อยคำขาด ๆ เกิน ๆ (มี แก โผล่มาติดกับชื่อคน) แต่นั่นยังไม่แย่เท่าการใช้สรรพนามผิด! แถมผิดอย่างไม่น่าผิด ...จนผู้อ่านไม่อยากเชื่อว่าคนแปลแปลผิด (อาจมีการแก้ไขคำด้วยโปรแกรมในช่วงตรวจทาน ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น?) เช่น
ผมรอนานกว่านั้นไม่ได้ คุณมั่นใจเหรอคะว่าไม่มีอะไรเหลือ... [หน้า 240] คนพูดแปลงเพศกลางประโยค
อีกฉาก นางเอกกำลังลองเสื้อใหม่แล้วส่องกระจก
... นิ้วของเธอสัมผัสกับนิ้วของคนแปลกหน้า นี่คือผมจริง ๆ หรือ ฉันสงสัย [หน้า 244]
และผิดตรงคำว่า "ผม" คล้าย ๆ กันแบบนี้อีก 2 ที่ตรงหน้า 164
ความจริง ผิดแบบนี้ ถ้าอ่านก่อนส่งปรู๊ฟให้โรงพิมพ์ก็รู้แล้ว แสดงว่านี่ไม่ได้ตรวจทานเลย?
สำนวนแปลเป็นแบบสำนวนแปลฝรั่ง ถ้าคุณอ่านนิยายแปลจนชินแล้วคงไม่สะดุดอะไรและอ่านรู้เรื่องดี เพราะยืนยันว่าตัวเนื้อเรื่องน่ะ..สนุก เป็นเรื่องยาวสไตล์เก่าที่ไม่ค่อยมีให้อ่านนานแล้ว หาเรื่องแปลแนวนี้ที่อาจเคยพิมพ์ออกมาสมัยก่อนยิ่งยากใหญ่ จึงอ่านเล่มนี้ได้จนจบ พยายามไม่เอาเรื่องแปลสรรพนามผิดมาเป็นอารมณ์นัก ความจริง อ่านถึงตอนท้าย ๆ ก็ลืมสนใจเรื่องพิมพ์ผิดถูกไปแล้วล่ะ มัวแต่ลุ้น
แต่เบื่อเนอะ หนังสือที่พิมพ์ผิดน่ะ อ่านแล้ว เซ็งอารมณ์มาก ๆ