ลางานอย่างมืออาชีพ


เราเขียนบล็อกมาหลายปีหนีเที่ยวก็หลายรอบ ไม่เคยเรื่องการลางานอย่างมืออาชีพ วันนี้นึกได้ว่าจะลาคลอด เลยจะเขียนไว้ให้อ่านเป็นแนวทาง

บางคนอาจจะสงสัยว่าเป็นฟรีแลนซ์ ต้องเตรียมการก่อนลาด้วยเหรอ ต้องสิ ฟรีแลนซ์เก่งๆ เขามีลูกค้าประจำ อยู่ๆ จะหนีหายไป ติดต่อไม่ได้ลูกค้าก็หายเหมือนกันนะ

1. วางแผนก่อนว่าจะลาตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน ลาไปทำอะไร  เช่นลาพักร้อนเดินทางไปยุโรป 1 เดือนในเดือนสิงหาคม  ลาคลอด 3 เดือนแรกหลังคลอดลาบวชสัก 1 พรรษา  พอรู้วันแล้วถ้าสามารถ ให้รีบทำงานโกยเงินก่อนลา เผื่อตอนลาจริงไม่สามารถรับงานได้เลย กรณีตั้งครรภ์  ทำเท่าที่ไหว(แต่เรากระซิบบอกลูกว่า ขอทำงานเก็บเงินนะลูก เอาไว้ซื้อตั๋วพาหนูกลับไทยสิ้นปีอย่างอแง อย่าทำให้แม่แพ้ท้อง)

2. ช่วงที่ลา จะรับงานหรือไม่ หากรับงาน รับงานวันละกี่ชั่วโมงหรือกี่คำ  อย่างเราตอนเดินทางไปยุโรปช่วงปีก่อนๆจะไปครั้งละ 1 เดือน ช่วงนั้น รับงานแต่จะแบ่งเวลา เช่น capacity ปกติ 4,000 คำ ต่อวัน จะลดเหลือ 1,500 –2,000 คำต่อวัน หรือลดจากแปลวันละ 6 ชั่วโมงเหลือ 2 ชั่วโมง  พอคำนวณได้อย่างนี้แล้วก็จะรู้ว่าจะรับหรือไม่รับงานที่ลูกค้าส่งมาให้

3. ระหว่างที่ลา จะมีช่องทางใดให้ลูกค้าติดต่อหรือไม่  บางคนลาพักร้อนก็เลือกที่จะพักจริงๆไม่รับงานเลย และไม่ตอบอีเมลด้วย (เป็นเรื่องที่ควรทำเพราะการพักจริงๆคือต้องไม่ทำงานเลยถึงจะพักได้เต็มที่) แต่อย่างเราเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ มีลูกค้าน่ารักๆใครจะลอยแพลูกค้าได้ลงคอ เลยส่งอีเมลแจ้งลูกค้าล่วงหน้าเป็นระยะเวลาอันสมควร เช่นจะลาพักร้อน 1 เดือน ควรแจ้งล่วงหน้าสัก 2-3 สัปดาห์  ส่วนครั้งนี้เราจะลาคลอดเราส่งอีเมลแจ้งล่วงหน้า 1 เดือน ข้อความในอีเมลก็จะระบุรายละเอียดตาม1 และ 2 ด้านบน

4. เตรียมแผนให้ลูกค้าด้วย เพราะลูกค้าบางรายอาจถามกลับมาว่า กรณีที่มีงานแล้วไม่สามารถทำได้จะแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างไร  ตรงนี้นักแปลอาจต้องเตรียมหาตัวช่วยนั่นคือเพื่อนร่วมอาชีพที่จะมาแบ่งโหลดงานหากจำเป็น  บางกรณีถ้าลูกค้าประจำส่งงานมามีจำนวนคำเกินกว่าที่จะรับได้ในช่วงที่ลา  อาจจะขอลูกค้าว่าให้เพื่อนร่วมทีมช่วยแปลได้ไหมเพื่อให้ส่งงานได้ทันกำหนด หรืออาจใช้วิธีให้เพื่อนร่วมทีมแปลแล้วเราเป็นคนตรวจงานก่อนส่งให้ลูกค้าซึ่งเป็นการทำ QA ประกันคุณภาพงานให้ลูกค้าไปในตัว  

บางคนอาจจะเริ่มใช้ CAT Tools เพื่อประหยัดเวลาแปล ให้เครื่องมันแปลออกมาก่อนแล้วตัวเองก็ทำ post-edit จะไวขึ้น หรืออาจใช้วิธีแปลแบบ sight translation คืออ่านต้นฉบับอัดเสียงใส่ dictaphone แล้วให้เพื่อนร่วมทีมถอดเทปส่งกลับมาตรวจแก้ก่อนส่งงานให้ลูกค้า  

ไม่ว่าจะใช้ตัวเลือกไหนแน่นอนว่า กำไรลดเพราะต้นทุนเพิ่ม (ค่าซอฟท์แวร์ ค่าจ้างคน ค่าเครื่องมือ)แต่ข้อดีคือ ส่งงานได้ตามกำหนดและเป็นการรักษาลูกค้า

กรณีของเรายากมากเพราะงานที่ลูกค้าส่งมาเป็นงานปราบเซียน งานง่ายๆ ไม่ค่อยมาทางเรา มาแต่งานที่คนไม่ทำกัน แล้วเราจะส่งใครทำเพราะในทีมก็ไม่ได้แม่นกันขนาดนั้น

5. เมื่อถึงวันลาจริงให้ตั้งค่า Out of office auto reply ในอีเมล ใช้ข้อความมาตรฐาน(ค้นจากอินเทอร์เน็ตได้) เช่น

Thank you for your email. I’m out of the office and will be back on (Date of Return). 

During this period, I will have limited access to my email. For immediate assistance please contact me on my cell phone at (your cell phone number).

กรณีเป็นการลายาวๆอย่างลาคลอด อาจจะระบุไปเลยว่า maternity leave เพื่อตัดข้อสงสัยว่าหายไปไหนนาน  บางทีถ้าบอกว่าลาบวช เผลอๆลูกค้าใส่ซองร่วมทำบุญด้วยนะเออ

6. จัดสรรเวลา  ถ้าคิดจะรับงานระหว่างลาให้กะคร่าวๆ ว่าจะหาเวลาช่วงไหนทำ ตอนเราเที่ยวยุโรป  เราแบ่งเวลาคือเที่ยว 2 วัน ทำงาน 1 วันแล้วก็จัดตารางเที่ยวตามนี้  หรือถ้าเที่ยวติดๆกันหลายวัน ก็จะจัดเวลาทำงานตอนเย็นหลังกินข้าวสัก 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน  แต่ต้องนึกด้วยว่าถ้าเป็นงานที่เนื้อหาซับซ้อนเวลาทำงาน 2-3 ชั่วโมงมันไม่พอ  ทำๆ ไปแล้วค้าง มันจะติดอยู่ในหัว เอาไปคิดนอนไม่หลับ  ควรจะเลือกรับงานที่เป็นชิ้นเล็กๆทำเสร็จได้ใน one go และมีเวลาเหลือตรวจคำแปลก่อนส่งลูกค้าด้วย

แล้วถ้าจะรับงานแปลระหว่างเดินทางต้องคำนึงถึงเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ปริ้นท์เตอร์ คอมพิวเตอร์ สถานที่ทำงาน เวลาเราเที่ยวยุโรป เราจะนอนโรงแรมเล็กๆหรือบางทีก็โฮสเทลเลย ซึ่งอาจจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวให้ทำงาน หรือวายฟายโรงแรมไปไม่ถึงห้องพักต้องออกมานั่งทำในห้องนั่งเล่นรวม อย่างนี้ไม่ค่อยเหมาะเพราะไม่ควรให้ใครเห็นเอกสารของลูกค้า ยิ่งไปนั่งทำงานร้านเน็ตทั่วไป ยิ่งไม่เหมาะ 

กรณีลาคลอดตารางจะยุ่งเหยิงมาก เช้าปั๊มนม ให้นมลูก ตัวเองกินข้าวเช้า อาบน้ำ ลูกหลับแอบทำงานสักชั่วโมง ลูกตื่น  ปั๊มนมให้นมลูก ตัวเองกินข้าวกลางวัน แอบทำงานสักชั่วโมง ลูกตื่น  ปั๊มนม ให้นมลูก ถึงเวลาทำอาหารเย็นให้สามีกินเสร็จแล้วล้างจาน  ลูกตื่นงวดนี้ให้พ่อชงนมขวดป้อน จะได้นอนยาว  ลูกหลับแม่ก็ทำงานสัก 2 ชั่วโมง อาบน้ำ นอน (สรุป ทำงานบ้านตอนไหน?)  ถึงเวลาจริงมันจะไม่ใช่อย่างนี้อ่ะสิ  ลูกอาจจะแผลงฤทธิ์ไม่นอนเลย งอแงตลอด  แม่ที่รับงานแปล ต้องเผื่อเวลาในการส่งงานด้วยเช่น งานชิ้นหนึ่งปกติใช้เวลาแปล 2 วัน ก็จะบอกลูกค้าว่า 3วัน ให้มี buffer ส่งงานเร็วกว่ากำหนดไม่มีปัญหาแต่ส่งงานช้า เสียชื่อตลอดกาล

7. เคลียร์งานที่ค้างอยู่ อย่างช่วงนี้เป็นเทศกาลส่งภาษีของออสเตรเลียเราก็รีบยื่น ภ.ง.ด. ของออสเตรเลีย ชำระเรียบร้อย ปีนี้เสียภาษีเบาๆ 63,xxx บาท (สามีเราเสีย 6 แสนกว่าบาท ทุกปี)  ส่วนภาษีนิติบุคคลของไทย ก็ได้กำหนดยื่นงบครึ่งปีเพื่อคำนวณภาษีให้คุยกับฝ่ายบัญชีเรื่องประมาณการรายได้และนำจ่ายภาษีที่เกี่ยวข้อง

ไล่ดูเอกสารแปลที่ค้างส่งว่าลูกค้าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อเช็คใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพว่ามีใบใดใกล้ถึงกำหนดต่ออายุหรือไม่ให้รีบเตรียมเอกสารต่ออายุก่อนคลอด

เช็คสวัสดิการรัฐว่าระหว่างคลอดมีอะไรให้บ้างเช่น ประกันสังคมของไทยให้เงินสงเคราะห์บุตรแก่ผู้ประกันตนในอัตราเดือนละ 600 บาท จนกว่าบุตรจะอายุครบ 6 ปี  ปัจจุบันผู้ประกันตนมาตรา 39 ต้องส่งเงินสมทบเดือนละ 432 บาท ถ้าขอรับเงินสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนจะได้กำไรเป็นเวลา 6 ปี ชาวต่างชาติก็ขอได้หากส่งเงินสมทบครบตามกำหนด และประกันสังคมของไทยให้เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน (ฐานเงินเดือนสูงสุด 15,000 บาท)  ประกันตนเองก็เบิกได้ นอกจากนี้เงินประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนได้รับจากกองทุนประกันสังคม (รวมถึงกรณีคลอดบุตรและสงเคราะห์บุตร) ได้รับการยกเว้นการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(25) 

ส่วนของออสเตรเลียก็มีเงินช่วยเหลือกรณีลางานคือแม่จะได้รับเงินตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำประมาณสัปดาห์ละ $600 เป็นเวลา 18 สัปดาห์ แต่ข้อเสียคือต้องเอาเงินส่วนนี้ไปรวมคำนวณภาษีประจำปีด้วย เรียกว่าเก็บทุกเม็ด  ถ้าเสียภาษีอัตรา 32% รับจริงจะเหลืออยู่ $408 (สรรพากรออสเตรเลียเอาไปสัปดาห์ละ 5 พันกว่าบาท) 

(รอว่างๆ จะเขียนเรื่องประกันสุขภาพเมดิแคร์ออสเตรเลียเทียบกับประกันสุขภาพของไทยเห็นคนไทยชอบอวยต่างชาติ จะบอกว่าระบบประกันสุขภาพของไทย ไม่ได้ขี้เหร่เลยนะ)

8. ปล่อยวาง เชื่อว่าหลายคนทำใจไม่ได้ที่เห็นงานรายได้งามหลุดมือไปเพราะติดว่าอยู่ในช่วงลา  อยากให้มองอีกด้านว่า หากรับมาแล้วทำไปกังวลใจงานอาจจะออกมาไม่ดีอย่างที่เคย เสียชื่อเสียง เสียลูกค้า ถึงช่วงที่ลาจะมีเงินน้อยลงแต่ก็มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ได้ทำอะไรที่อยากทำหรือต้องทำตาม priority ของเรานี่ก็งานเริ่มซาเพราะบังเอิญมีเหตุให้ต้องตัดลูกค้าที่เป็นเอเจนซี่แปล 3-4 รายออกจากรายชื่อลูกค้าเนื่องจากเงื่อนไขการจ้างงานที่เราไม่ตกลงด้วยคือให้นักแปลรับผิดในงานแปลโดยไม่จำกัดจำนวน ถ้าอ้างว่ามีธรรมภิบาลเงื่อนไขไม่เป็นธรรมอย่างนี้ ไม่ควรจะอยู่ในสัญญาด้วยซ้ำ  CIOL UK เองยังเตือนนักแปลที่รับงานแบบไม่เช็คเงื่อนไขความรับผิดว่าเสี่ยงมาก 

ทิ้งท้ายช่วงเดือน ส.ค. และ ก.ย.เราอาจจะไม่ได้เขียนบล็อกเท่าไหร่ถ้ายุ่งกับตัวเล็กอ่ะนะ แต่จะมีบทความที่พี่อ้อย วชิราวรรณ แปลหรือสรุปความไว้แล้วนำมาลงให้อ่าน 




Create Date : 10 สิงหาคม 2560
Last Update : 10 สิงหาคม 2560 8:45:31 น.
Counter : 5747 Pageviews.

1 comments
สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ…วางแผนการเงินอย่างไร ให้เหลือใช้ถึงปลายเดือน! สมาชิกหมายเลข 7654336
(13 เม.ย. 2567 02:04:45 น.)
9 แนวคิดที่ทำให้เรามีชีวิตประจำวันที่ดีกว่าเดิม peaceplay
(31 มี.ค. 2567 09:18:27 น.)
กาแฟคั่วเข้ม เหมาะกับเมนูไหนดี สมาชิกหมายเลข 7983004
(29 มี.ค. 2567 02:14:10 น.)
พระประธานสมัยสุโขทัย : วัดไร่ขิง ผู้ชายในสายลมหนาว
(15 มี.ค. 2567 16:51:33 น.)
  
ยอดเยี่ยมครับ

รับทำวีซ่า
โดย: Akekasit_SS วันที่: 25 กันยายน 2560 เวลา:13:42:17 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Workingwoman.BlogGang.com

Natchaon
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 314 คน [?]

บทความทั้งหมด