กลับสู่อารยธรรม Sony อีกครั้งกับ NEX-5D สีเงิน ราคา 48,654 เยน (ประมาณ 18,000 บาท) เท่านั้น

บล็อคนี้จะกึ่งๆไดอารี่นะคะ บรรยายน้ำเยอะไปเรื่อยเปื่อยค่ะ

ณ ปัจจุบันจริงๆใช้ EOS Kiss X3 อยู่นะคะ Sony ตัวสุดท้ายที่เคยใช้ก็ตั้งแต่ Compact cybershot T3 นั่นเอง พอทำพังก็เปลี่ยนเป็น Nikon Coolpix P5100 ก่อนจะเริ่มมาจับ DSLR ตัวแรกกับเจ้า Kiss X3 เพื่อนยาก

สีหวานๆของเลนส์ L เป็นอะไรที่เลิฟมากๆค่ะ ยิ่งถ้าได้ full frame มาด้วยยิ่งมิติภาพงามหยดไปเลย (แต่ FF นี่เกินงบไปเยอะ แถมหนักเกินด้วยค่ะ คงได้แต่ฝันไปพลางๆ) ว่ากันแล้วก็ชอบ Canon มากแต่ถ้าถามว่าไม่พอใจอะไรกับ Kiss X3 และ บรรดาเลนส์หนอนที่มีอยู่ ณ ตอนนี้บ้าง หลังจากใช้มากว่าหนึ่งปีครึ่งก็มีหลายๆอย่างที่ยังขัดข้องใจอยู่ดังนี้ค่ะ
  • ข้อแรก คือ น้ำหนักค่ะ น้าๆหลายท่านพูดกันว่าหนักหน่อยจับถนัดและมั่นคงดี แต่สำหรับเราแล้วชอบเล็กและเบาไว้ก่อนค่ะ ไม่อยากดูโปรอะไรเพราะใช้ถ่ายส่วนตัว แต่แค่ชอบภาพสวยๆเฉยๆ ซึ่งเจ้า Kiss X3 นี่พอเจอเลนส์และแฟลชเข้าไปเล่นเอาเมื่อยแขนไม่เบาเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเวลาต้องไปท่องเที่ยวคนเดียว (ไหนจะสมบัติบ้าต่างๆ ตามประสาผู้หญิงอีก )

    หรือต่อให้เหลือแค่ Kiss X3 + 18-55is ก็ยังดูใหญ่ไปสำหรับผู้หญิงอยู่ดีค่ะ กรณีบางวันแต่งตัวสวยๆ(กระเป๋าถือใบติ๊ดเดียว) กะไปเดินเฉิดฉายหรือเที่ยวชิวๆ ไม่อยากไปในมาดตั้งใจไปถ่ายรูปเกินไปนัก แต่ก็อยากพกกล้องไปด้วยเผื่อว่าจะเจออะไรน่าสนใจ เคสแบบนี้ Kiss X3 ตัวนี้ก็ยังตอบโจทย์ไม่ค่อยได้ค่ะ

  • ข้อสอง คือ White Balance ค่ะ เหตุผลเดียวที่เราถ่ายภาพด้วย RAW ก็เพราะต้องการมาแก้ WB ให้ถูกต้องทีหลัง เพราะ Kiss X3 ไม่มีปรับ WB Kelvin มาให้ และ preset WB หรือ AWB เจอที่แสงน้อยทีไร ภาพออกมาแดงเถือกเกินจะรับได้ทุกทีเลยค่ะ (โดยเฉพาะสีผิวคน พอคาลิเบรตจอแล้วยิ่งเห็นชัดว่าแดงแจ๊ดมาก)

    ณ ตอนนี้ทางแก้ก็คือต้องขยับไปเป็นรุ่น xxD แทน อย่าง 60D นี่ก็น่าสนใจมากๆค่ะ มีจอหมุนได้ด้วย แต่ติดก็ตรงว่าน้ำหนักมากขึ้นอีก 150g เลยยังคิดหนักค่ะ ว่าจะแบกไหว(ตลอดรอดฝั่ง)ไหมล่ะเนี่ยเวลาเดินทางคนเดียว

หลักๆก็คือสองข้อนี้ล่ะค่ะ คอมแพ็คตอนนี้ก็โอนให้คนอื่นใช้แทนไปแล้ว มาตอนนี้บางวันนึกอยากมีกล้องตัวเล็กแต่คุณภาพภาพดีๆ (อย่างน้อยก็อยากให้พอๆกับ Kiss X3 + 18-55is) ไว้พกติดกระเป๋าเผื่อได้ถ่ายรูปโน่นนี่ที่บังเอิญเดินไปเจอบ้างก็เจอกระแส Mirrorless นี่เข้าให้ เป็นโอกาสดีที่จะได้ลองใช้ WB Kelvin ดูก่อนด้วยค่ะว่าเราจะใช้มันได้คุ้มค่าพอที่จะพิจารณาอัพระดับ KissX3 ไหม (ก่อนนี้ถ่ายรูปเวลาไม่พก KissX3 ก็ใช้ iPhone 3GS ไปพลางๆค่ะ ภาพไม่ชัดเอาซะเลย)

ส่วนสาเหตที่เลือก Sony NEX-5 นั้น เป็นเพราะติดใจจาก MV นี้ค่ะ ซึ้งมากกกก เพลงชื่อ 昔からある場所 Mukashi-kara-aru-basho หรือ Hello Again ที่มี Sony เป็นสปอนเซอร์ เศร้าสุดๆเลยค่ะดูทีไรร้องไห้ทู้กกกที ดูมาสิบรอบก็ร้องไห้สิบรอบ (ปล mv เพลงนี้จะหายไปจาก youtube อยู่เรื่อยๆเพราะโดน sony ตามมาเคลมลิขสิทธิ์ค่ะ อีกสักพักอันนี้เองก็อาจจะโดนด้วยก็เป็นได้)


เนื้อเพลงสักนิด แบบว่าชอบเพลงนี้จริงๆ

いつも 君と 待ち続けた 季節は
何も言わず 通り過ぎた
雨はこの街に 降り注ぐ
少しの リグレットと罪を 包み込んで

泣かないことを 誓ったまま 時は過ぎ
痛む心に 気が付かずに 僕は一人になった

「記憶の中で ずっと二人は 生きて行ける」
君の声が 今も胸に響くよ それは愛が彷徨う影
君は少し泣いた? あの時見えなかった

自分の限界が どこまでかを 知るために
僕は生きてる訳じゃない

だけど 新しい扉を開け 海に出れば
波の彼方に ちゃんと”果て”を感じられる

僕は この手伸ばして 空に進み 風を受けて
生きて行こう どこかでまためぐるよ 遠い昔からある場所
夜の間でさえ 季節は変わって行く

雨は やがて あがっていた

「記憶の中で ずっと二人は 生きて行ける」
君の声が 今も胸に響くよ それは愛が彷徨う影
君は少し泣いた? あの時見えなかった


เอาจริงๆ ล้อเล่นค่ะ ใครจะไปซื้อกล้องแพงๆเพียงเพราะแค่ชอบโฆษณากันล่ะเนอะ (เอ๊ะ แต่ไม่แน่อาจจะมีส่วน ;P) จริงๆคือกระแสมันมาแรง และก็ไปลองเล่นมาหลายหนมากๆแล้ว รู้สึกว่ามันตอบโจทย์เราได้ค่ะ
  • คุณภาพไฟล์ว่ากันว่าที่ ISO สูงภาพเนียนกว่า KissX3 ของเราเสียอีก เพราะเซนเซอร์ใหม่กว่า อันนี้ไม่เคยเอาไฟล์มาเทียบกันจะๆเลยไม่ชัวร์ แต่เทคโนโลยีใหม่กว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเนอะคะ

  • แม้เลนส์ Alpha E 18-55 OSS จะไม่เล็ก แต่ตัวกล้องเล็กลง ประกอบกันแล้วก็ดูไม่ใหญ่เกินไป เอามาสะพายเฉียงติดตัวก็กำลังดูดีเชียวค่ะ หรือวันไหนกระเป๋าใบเล็กก็ย่อมาเป็นเลนส์แพนเค้กแทนได้ ยิ่งเบาเข้าไปใหญ่ใส่กระเป๋าสบายๆ

  • Sony นี่ไม่งกเลยนะคะ กล้องตัวนิดเดียว แต่ใส่ฟังค์ชั่นปรับ WB Kelvin มาให้พร้อม อันนี้ถูกใจมากเลยค่ะ เวลาถ่ายหมูหมากาไก่สบายๆจะได้จบเป็น jpeg จากกล้องได้เสียที ไม่ต้องมาแก้ Kelvin ทีหลัง

  • เท่าที่ลองเล่นดู สามารถเลื่อนจุดโฟกัสไปได้ทั่วทั้งภาพเลย อันนี้ก็สนุกดีค่ะ ย้ายโฟกัสไปได้ทุกที่เลย

  • ฟังค์ชั่นลูกเล่นต่างๆเช่นพวก panorama หรือ พวกยิงรัวแล้วเลือกภาพที่เบลอน้อยสุดให้ หรือ HDR กับ DR พวกนี้ก็น่าสนใจดีค่ะ จะได้ทำเสร็จๆออกจากกล้องเลยไม่ต้องมา PS เองทีหลัง

  • ดีไซน์สวยถูกใจมากกว่า mirrorless หรือ 4/3 ยี่ห้ออื่นๆ เหตุผลนี้ไร้สาระพอตัวแต่ก็มีส่วน(มาก)นะคะ เวลาซื้อพวกโน้ตบุคเราเองก็ชอบดูดีไซน์ประกอบด้วย ฟังค์ชั่นดีแต่รูปร่างเหมือนถือตู้เย็นรุ่นเมื่อสิบปีก่อนไปทำงาน ก็ไม่เลือกเป็นการส่วนตัวค่ะ

เหตุผลสุดท้ายคงเพราะราคามันลงมาพอประมาณแล้วด้วยค่ะ(เล็งๆมาตั้งแต่ตอนยังแพงเว่อร์) ที่ญี่ปุ่นถ้าซื้อในอินเตอร์เน็ตราคา NEX-5 double lens kit มือใหม่เอี่ยมแบบถูกที่สุด จากหน้าเว็บ kakaku.com ณ วันที่ 9 มกรา 2011 ก็เหลือเท่านี้แล้วค่ะ (กว่าจะปล่อยบล็อคนี้ออกมา ราคาก็ลงไปอีกหน่อยแล้วค่ะ ที่ญี่ปุ่นซื้อขายแลกเปลี่ยนในเน็ตเป็นเรื่องปกตินะคะ เท่าที่ใช้บริการมาก็ปลอดภัยหายห่วงเลย มีประกันที่ญี่ปุ่นหนึ่งปี ของก็เปลี่ยนได้ในเจ็ดวันค่ะ)


เว็บนี้ถือเป็นเว็บซื้อขายใหญ่อันดับต้นๆของญี่ปุ่นเลยค่ะ มีการทำสถิติรวบรวมราคาทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยสามารถเช็คย้อนหลังได้ อย่างภาพล่างนี้คือสถิติราคาของ NEX-5 double lens kit ตั้งแต่ตอนเริ่มขายใหม่ๆถึงปัจจุบัน ค่อยๆลดลงมาเรื่อยๆตามปกติของสินค้าเทคโนโลยี (เส้นสีฟ้าคือราคาที่วางขายปกติในห้างร้าน เส้นสีแดงคือราคาที่วางขายกันในอินเตอร์เน็ตค่ะ ขายได้ถูกกว่าเพราะพวกนี้มักไม่มีหน้าร้าน ช่วยลดต้นทุนไปได้เยอะ อาศัยติดต่อกันทางอีเมล ให้เราโอนเงินให้ก่อน แล้วค่อยจะส่งของมาให้ที่ที่อยู่ในญี่ปุ่นทางไปรษณีย์ค่ะ)


เอาเฉพาะสถิติราคาในช่วงสามเดือนล่าสุดก็เป็นดังภาพค่ะ เค้ามีสรุปให้ด้วยว่าเทียบกับราคาตอนออกมาใหม่ๆตอน มิถุนา 2010 ตอนนี้ราคาลงมา 43% แล้ว (อยากให้ที่ไทยมีเว็บรวบรวมข้อมูลสินค้าแบบนี้มั่งจังค่ะ สะดวกและชัดเจนมากๆ)


ลองย้อนกลับไปเช็คสถิติของ EOS Kiss X3 (body) ในช่วงสองปีล่าสุดบ้างค่ะเพื่อเอามาเปรียบเทียบกัน ตัวนี้ออกมาเกือบสองปีเต็มแล้ว ราคาลดลงมาจนน่าจะใกล้อิ่มตัวแล้วนะคะ ก็อยู่ที่ลดลง 50.8% เทียบกับราคาตอนออกใหม่ๆค่ะ


ดูเทียบกันแล้วเราก็สรุปเอาเองค่ะว่า ราคามันลงมาพอสมควรแล้วล่ะ และ 4 หมื่นกว่าเยนแถมเลนส์สองตัวก็ถือว่าถูกเลย(โดยเฉพาะถ้าเทียบกับค่าครองชีพในโตเกียว) เลยจัดการสั่งมาเรียบร้อย ได้ตัวสีเงินมาในราคารวมค่าส่งที่ 48,654 เยน หรือประมาณ 17,800 บาทค่ะ (ช่วงนี้หลายๆร้านเหลือแต่สีดำด้วยค่ะ ดูเหมือนสีเงินจะขายดีกว่า) มีลองไปเช็คราคาที่ไทยในกระทู้ดูบ้างเห็นมีแต่ 24,000 บาทอัพทั้งนั้น เลยยิ่งไม่ลังเลค่ะรีบซื้อจะได้มีเวลาใช้ประกันช่วงที่ยังเรียนอยู่ญี่ปุ่นนี่ให้คุ้มๆ


แต่ช้าก่อนค่ะ ถูกกว่าที่ขายที่ไทยซะขนาดนี้มันต้องมีวาระซ่อนเร้นอะไรแน่ๆ หลังจากตัดสินใจกดสั่งซื้อ(แต่ยังไม่ได้โอนเงิน) ก็บังเอิญไปเจอสาเหตเข้าพอดี ดูเหมือนกล้อง Sony นี่จะมี Japan model กับ International model ซึ่งรุ่นที่ขายในญี่ปุ่นก็จะเป็น Japan model ราคาถูกกว่ากันเยอะ แต่จำกัดเมนูว่ามีแต่ภาษาญี่ปุ่นค่ะ จะอัพ firmware หรืออะไรก็ไม่ช่วยให้เปลี่ยนเป็นอังกฤษได้แต่อย่างใด ก็ถือเป็นความรู้ใหม่ของเราเลยค่ะ เพราะก่อนนี้ก็ซื้อทั้ง DSLR Canon, Nikon มาแล้วก็เห็นเปลี่ยนภาษาได้กันหมด (ลองถามเพื่อนที่ทำงานอยู่ Sony ที่ญี่ปุ่นแผนกพวกกล้อง Digital แล้ว เค้าก็บอกว่าไม่เข้าใจเหตุผลดีเหมือนกันค่ะ อ้อ แต่เค้าอยู่แผนกกล้องพวก cybershot นะคะ ไม่ใช่แผนก NEX)


ด้วยความสงสัยส่วนตัวเลยลองไปถาม Yodobashi camera สาขาใกล้บ้านดูก็ได้รับการยืนยันมาเรียบร้อยค่ะ รุ่นที่เห็นขายในเน็ตราคาถูกๆนี่รุ่นภาษาญี่ปุ่นล้วนหมดเลย พวกรุ่นที่เปลี่ยนภาษาได้จะมีขายตามร้านใหญ่ๆที่นักท่องเที่ยวเยอะๆ (เช่น Yodobashi สาขา Akihabara) แต่ราคาแพงกว่ากัน 3 หมื่นเยนเลยล่ะค่ะ อ่านไม่ผิดค่ะ 3 หมื่นเยนจริงๆ รู้ทีแรกเราก็ตกใจว่าอะไรกันแค่ภาษาแค่เนี้ยะ อัพไปสามหมื่นเยนเชียวเหรอ ทีแรกก็คิดว่าคงแพงกว่ากันแค่ไม่กี่พันเยน อย่างมากก็ไม่น่าถึงหมื่นเยนซะอีก (ในเน็ตเราหารุ่น international ไม่เจอเลยค่ะ แต่ถึงมี การอัพราคาก็คงไม่ต่างกับที่ขายหน้าร้านเท่าไหร่)


ส่วนตัวเดาว่าไม่น่าใช่เหตุผลในเรื่องความยากในการผลิต แต่น่าจะเป็นเหตุผลในเรื่องการต้องการให้คนในชาติเดียวกันได้ซื้อในราคาพิเศษค่ะ (เราก็เลยพลอยได้อานิสงค์ซื้อถูกไปด้วยเลย ) รวมๆแล้วก็กลายเป็นว่ารุ่นเปลี่ยนภาษาได้ก็ราคาพอๆกับที่ขายกันตอนนี้ที่ไทยเลยค่ะ


คิดสารตะดูแป๊บนึง ประหยัดไปตั้งสามหมื่นยังไงๆก็สุดคุ้มค่ะ แถมเราก็ไม่มีปัญหากับเมนูภาษาญี่ปุ่นด้วย สรุปแล้วเลยสั่งมาค่ะ เห็นใครบอกว่าพวก Japan-only model พวกนี้มักจะ Made in Japan ด้วย ลองพลิกๆดูซะหน่อย ผลปรากฏว่า ทั้งตัวกล้อง ทั้งเลนส์สองตัว และ แฟลช ทุกอย่าง Made in Thailand หมดเลยค่ะ (อยากรู้อยากเห็นเลยลองไปพลิกอันอื่นดูมั่งค่ะ ทั้งหมดซื้อจากเน็ตในญี่ปุ่นหมดเลย KissX3=Japan EF-S 15-85=Taiwan Lสองตัว=Japan 430exII=China ส่วน SB-900 ที่ที่บ้านฝากซื้อมา=Japan)


ถึงจะ made in อะไรก็ไม่สามารถระงับความเห่อกล้องได้ค่ะ ได้กล้องมาปุ๊บรีบไปซื้อ(จากหน้าร้าน Yodobashi)ฟิล์มกันรอยมาติด(810เยน) แถมด้วย Sony STP-XH1 สายสะพายกล้องสีชมพู๊ชมพู(3310เยน) เหตุเพราะสายที่แถมมากับกล้องนี่มันชอบทำเสื้อผ้าเป็นรอยดำๆอยู่เรื่อยเลยค่ะ ทีแรกก็ดูๆเคสของ NEX-5 แบบหุ้มเฉพาะส่วนฐานด้วย เห็นมันสวยดีและไม่เทอะทะ แต่พอลองถามคนขายดูว่าเจ้าเคสนี่มันมีประโยชน์อะไรบ้างไหม คนขายก็ตอบแบบซื่อๆว่า 「おしゃれダケ」 แปลเป็นไทยคือ "ดีตรงใส่แล้วสวยเท่านั้น" พอลองถามย้ำ เค้าก็ช่วยขยายความให้อีกว่า "นอกจากสวยแล้วก็ไม่มีประโยชน์อย่างอื่นเลย" เล่นตอบซะตรงสกัดดาวรุ่งขนาดนี้ เลยไม่ซื้อมาเลยค่ะประหยัดไปอีกหลายพันเยน (ว่าแต่แล้วเค้าจะขายได้มั๊ยล่ะคะเนี่ย ตรงซะขนาดนี้)



รีวิวส่วนตัวหลังจากได้ลองสะพายติดตัวมาสองอาทิตย์นิดๆก็เป็นดังนี้ค่ะ (เราใช้ NEX ติดตัวไว้ถ่ายอะไรในชีวิตประจำวันที่บังเอิญไปเจอนะคะ เวลาจะไปทริปถ่ายรูปจริงจังก็ยังเอา Kiss X3 ไปเป็นหลักอยู่ดี)
  • เรื่องกินแบตนี่สมคำร่ำลือค่ะ แบตหมดไวจริงๆ แถมใช้เวลาชาร์จนานมากๆ กะๆแล้วนานกว่าแบตของ KissX3 สักเท่านึงได้เลยค่ะ

  • เรื่องความดูดีเหมาะกับผู้หญิงนี่ให้คะแนนเต็มเลยค่ะ ยิ่งสะพายด้วยสายสีชมพูวิ้งๆของโซนี่ด้วยแล้ว คนญี่ปุ่น(ผู้ชาย)ในแล็บยังชมเลยว่ากล้องนี้ดูดีจัง (เหมาะกับคนแต่งตัวผู้หญิ๊งผู้หญิงมากๆค่ะ คอนเฟิร์ม) ส่วนแฟลชก็มีกล่องใส่แยกมาให้น่ารักเชียวค่ะ แถมมีที่ให้สอดกล่องใส่แฟลชเข้ากับสายสะพายกล้องได้ด้วย พกไปไหนมาได้ได้ครบชุดพร้อมกันเลย (hood เลนส์ก็ให้มาพร้อม โซนี่นี่ไม่งกดีนะคะเนี่ย)

  • เรื่องการควบคุมมีวงแหวนหมุนปรับค่าให้ก็หมุนเพลินดีค่ะ ส่วนเรื่องที่ว่าปุ่มควบคุมน้อยเกินไป(เทียบกับ DSLR) พออัพเดต firmware แล้วตั้งค่าการใช้งาน soft key ทั้งสองจุดไปแล้วก็สะดวกขึ้นเยอะค่ะ ตัวที่ใช้บ่อยๆก็ไม่ต้องกดเข้าเมนูลึกๆเหมือนก่อนอัพ firmware

  • เรื่องของ WB Kelvin ที่เป็นจุดประสงค์หลักของเราก็โอค่ะ ปรับได้ทันทีไม่ต้องถ่าย RAW จริงๆมันสมควรจะให้ผลแบบ what you see is what you get แต่เท่าที่ลองมาเหมือนจะไม่ใช่ซักเท่าไหร่ค่ะ สังเกตหลายหนแล้วว่าตอนตั้งถ่ายอุตส่าห์กะ kelvin อย่างดี สีวิว สีผิว ออกมาพอดีแล้ว แต่ภาพกลับออกมาอมเหลืองมากกว่าที่เห็นค่ะ (ห้องแสงเหลือง)

    เอาแค่เทียบก่อนถ่ายกับหลังถ่าย ดูจากหน้าจอ NEX-5 เดียวกันนี่ล่ะค่ะ มันเห็นเลยว่า "อ้าว ทำไมออกมาเหลืองงี้ล่ะ ตะกี้บนจอไม่ใช่แบบนี้นี่" เอามาดูคอนเฟิร์มกับจอมอนิเตอร์ที่คาลิเบรตแล้วก็จริงค่ะ ภาพออกมาอมเหลืองจริงๆ ไม่เหมือนที่เห็นแสดงอยู่บนจอก่อนถ่ายเลย ตรงนี้ต้องเผื่อๆกันเอาเองด้วยนะคะ จะว่าจอติดฟ้าก็พูดได้ไม่เต็มปากค่ะ เพราะตอน preview ดูในกล้องก็เห็นแล้วว่าอมเหลือง สงสัยจะติดฟ้าแค่ตอน live view ล่ะมั้งคะ

  • เรื่อง focus ได้ทั่วจอนี่รู้สึกจะไม่ค่อยแม่นค่ะ แรกๆใช้ AF แบบหลายๆจุดมันชอบโฟกัสผิดเรื่อยเลย หลังๆมาเลยใช้แบบโฟกัสจุดกลางจุดเดียวตลอดค่ะ

  • ฟังค์ชั่น panorama เป็นฟังค์ชั่นเสริมที่ชอบที่สุดค่ะ ต่อภาพมาให้เสร็จไม่ต้องไปยัดเข้าโปรแกรมเองทีหลัง ติดใจไปเรียบร้อยโรงเรียนโซนี่แล้ว ^^ (ปกติก็ชอบถ่ายมาเผื่อทำ panorama นะคะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ค่อยได้เอามาลงโปรแกรมทำจริงซะทีค่ะ)

  • ฟังค์ชั่น HDR กับ DR ก่อนใช้นี่่สนใจมาก แต่พอได้ลองดูแล้วรู้สึกไม่ค่อยถูกใจค่ะ ถ้าจะเอามาใช้จริงคิดว่าคงต้องเอามาผ่าน PS เองอีกทีนึงอยู่ดี เพราะภาพที่ได้ดู contrast มันต่ำบอกไม่ถูกค่ะ (ปกติถ้าทำภาพเองจะปรับ highlight อย่างเดียวไม่ค่อยปรับ shadow คืนรายละเอียดส่วนมืดให้เท่าไหร่ค่ะ เลยไม่ชินกับผลของ HDR และ DR เท่าไหร่)

  • ฟังค์ชั่นยิงรัวแล้วเลือกภาพที่ไม่เบลอให้ ลองแล้วผลโอเคแต่ส่วนตัวคงไม่ใช้ค่ะ ลองในที่มืดเล่นดัน ISO ขึ้นไปให้ซะสูงเชียวภาพถึงได้ไม่(ค่อย)สั่น ตรงจุดนี้นี่ชอบปรับ ISO อะไรเอาเองมากกว่าค่ะ

  • หน้าจอพับได้ตอนจังหวะที่สองที่จะให้หน้าจอกดลง(สำหรับเวลาถ่ายมุมสูง)กางยากไปนิดนึงค่ะ แต่พับๆได้เนี่ยก็ช่วยรักษาภาพพจน์เวลาถ่ายรูปมุมประหลาดๆได้เยอะเลยนะคะ

  • เรื่องภาพที่ได้(เมื่อประกบกับเลนส์คิต Alpha E 18-55 OSS)เนื่องจากยังไม่มีเวลาทำภาพจริงจังเลยพูดได้ไม่ชัดค่ะ แถมปกติเรายิ่งเป็นคนที่ดูเรื่องความคมของเลนส์แทบไม่ออกด้วย เห็นอันไหนมันก็คล้ายๆกันไปหมด แต่ ณ ตอนนี้เท่าที่เช็คภาพผ่านๆในคอมกลับมีความรู้สึกว่าภาพจาก NEX5 + kit 18-55 OSS นี่คมเทียบกับเลนส์สามตัวของ Canon ที่เราใช้อยู่(EF-S 15-85, EF 35L, EF 70-200 4L IS) ตอนประกบกับ Kiss X3 ไม่ได้ค่ะ แต่ก็อย่างว่านะคะ ราคา(เลนส์)มันต่างกันพอควรจะเอามาเทียบกันตัวต่อตัวก็ไม่ค่อยยุติธรรมกับ Sony เท่าไหร่

    อ้อ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้าพูดได้เต็มปาก คือ อย่าถูกหลอกด้วยภาพที่แสดงตอน Live view นะคะ ภาพใน Live view นี่จะดูคมกริ๊บสวยเสมอ หลงรักไปเลย แต่นั่นไม่ใช่ความเป็นจริงค่ะ ภาพจริงๆที่ได้คือภาพที่เห็นตอนกด preview ดูภาพย้อนหลังต่างหาก (ดูบนหน้าจอ NEX-5 จอเดียวกันนั่นล่ะค่ะ) ถ้าลองดูจะเห็นได้จะๆเลยค่ะว่าไม่คมเหมือนตอนเห็นใน Live view

  • เรื่องสุดท้ายที่นึกได้คือเรื่องเลนส์แพนเค้ก Alpha E 16mm f2.8 ค่ะ อ่านมาเยอะเหมือนกันว่าเลนส์นี้ภาพไม่ค่อยคมเท่าไหร่ แต่เนื่องด้วยมันเล็กดีค่ะเลยยอมมองข้ามๆจุดนี้ไป(กะว่า)แลกกับความสะดวก(ในการพกพา) แต่จากที่ลองใช้มาเลนส์นี้ไม่เหมาะสมกับการถ่ายเจาะแนวๆ close up เลยค่ะ (เช่น พวกถ่ายเจาะอาหารต่างๆ แบบที่เราชอบถ่ายเป็นการส่วนตัว) ระยะที่เข้าใกล้วัตถุได้ค่อนข้างห่างเกินไป ถ้าเอามาถ่ายวิวแบบไวด์(ให้เหมาะสมกับช่วงเลนส์ที่เป็นช่วงไวด์)จะเหมาะกว่าค่ะ (ถ่ายคนก็ต้องระวังเรื่องความบิดเบี้ยวจากมุมไวด์ด้วย)

    สรุปว่าถ้าจะเอาแพนเค้กนี่เป็นตัวเดียวติดกล้องนี่เราว่าไม่ค่อยสะดวกเลยค่ะถ้าสิ่งที่ถ่ายไม่ใช่วิวเป็นหลัก(แต่ถ้าถ่ายวิวกว้างๆ หรือ ถ่ายในห้องแคบๆนี่เหมาะเลยค่ะ ออกมาภาพดูกว้างอลังการดี) หลังจากลองมาสักพักส่วนตัวคงขอเลือกตัว 18-55 ติดกล้องดีกว่า แม้จะใหญ่กว่านิดหน่อยแต่สะดวกกว่าในมุมการถ่ายภาพ แม้จะเข้าใกล้วัตถุมากไม่ได้เหมือนๆกับเลนส์แพนเค้ก แต่ยังสามารถใช้การซูมเพื่อถ่ายเจาะแบบ close up แทนได้ค่ะ

สุดท้ายนี้แปะแถม Ranking ยอดขายกล้อง DSLR (พวก 4/3 และ mirrorless ก็ถูกจัดรวมในหมวดนี้ด้วย) 20 อันดับของเว็บ kakaku.com ค่ะ (อ้างอิงจาก url นี้ ณ วันที่ 9 มกรา 2011 ค่ะ) งานนี้ NEX-5 double lens kit มาแรงค่ะ ครองอันดับ 1 เลย


1. Sony Alpha NEX-5D Double Lens Kit (¥48,621)
2. Panasonic LUMIX DMC-GF1C Pancake Lens Kit (¥43,780)
3. Olympus-pen Lite E-PL1 Lens Kit (¥35,700)
4. Canon EOS Kiss X4 Double Zoom Kit (¥65,399)
5. Nikon D7000 Body (¥99,150)
6. Canon EOS 60D Double Zoom Kit (¥92,286)
7. Olympus-pen Lite E-PL1 Double Zoom Kit (¥42,210)
8. Panasonic LUMIX DMC-G2W Double Zoom Lens Kit (¥51,137)
9. Olumpus-pen Lite E-PL1 Pancake Kit (¥38,500)
10. Nikon D700 Body (¥171,989)
11. Canon EOS 60D Body (¥67,186)
12. Canon EOS 7D Body (¥104,499)
13. Pentax K-x Lens Kit (¥35,400)
14. Nikon D3100 Double Zoom Kit (¥69,746)
15. Nikon D3100 Lens Kit (¥47,500)
16. Pentax K-5 Body (¥100,000)
17. Canon EOS 60D EF-S 18-135is Lens Kit (¥91,000)
18. Pentax K-x Double Zoom Kit (¥48,672)
19. Panasonic LUMIX DMC-GF2W-W Double Lens Kit ShellWhite (¥62,500)
20. Sony Alpha55 SLT-A55VY Double Zoom Lens Kit Black (¥69,614)


จริงๆได้กล้องมา 2-3 อาทิตย์แล้ว สะพายเฉียงติดเลนส์ 18-55 ทุกวันก็ถ่ายมาเยอะแยะเลยค่ะ แต่ผลงานยังอยู่ในกล้องซะเป็นส่วนใหญ่ มีภาพเดียวที่ลงคอมแล้วประมาณนี้ล่ะค่ะ (ยืมมาจากบล็อคเก่า) ผิดหลักการถือกล้องอย่างมั่นคง และ สถานที่ก็แสงน้อยเลยเบลอนิดนึง


ผลงานถ่ายรูปส่วนใหญ่ที่ผ่านมาจะอยู่ในกลุ่มบล็อค ชีวิตในญี่ปุ่น เรื่องกิน เรื่องเที่ยว เรื่องมีสาระ เรื่องไร้สาระ มากกว่าค่ะ โดยจะเป็นผลงานเก่าๆ(จนถึงปัจจุบัน)จาก KissX3 ในส่วนผลงานล่าๆสุดดูได้จากหน้า สารบัญบล็อค หรือที่ multiply นะคะ (ถ้าเผื่อสนใจ )

----------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้เป็นคนสองอารยธรรมแล้ว(ถ้ารวมคอมแพ็คที่ให้คนอื่นยืมไปใช้ด้วยก็ สามอารยธรรมเลยค่ะ Canon Sony Nikon) ภาพ NEX ในบล็อคถ่ายทำง่ายๆด้วย EOS Kiss X3 กับเลนส์ติดกล้อง EF 35mm f/1.4L USM ค่ะ

>> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด



Create Date : 30 มกราคม 2554
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2558 22:57:16 น.
Counter : 2418 Pageviews.

10 comments
  



แวะมาทักทายค่ะอากาศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ดูแลสุขภาพดีๆ ด้วยนะคะ
โดย: deeplove วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:20:49:17 น.
  
สรุปเรื่องรายละเอียดกล้อง ไม่ทันได้อ่าน มัวแต่นั่งน้ำตาไหลกับมิวสิคค่ะ
โดย: เก่ง (keng_toshi ) วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:22:23:54 น.
  
ขอบคุณสำหรับรีวิว nex5 ชอบตัวนี้มากเลย

แต่มีคำถามนิดหน่อย คือ ถ้าผมซื้อแบบเมนูญี่ปุ่น มันมีส่วนที่เป็นภาษาญี่ปุ่นมากไหม?
หรือว่าส่วนใหญ่ก็เป็นไอค่อนกับตัวเลข? คนไม่เป็นภาษาญี่ปุ่นจะเอามาเล่นไหวไหม?

แล้วก็ แฟลชมันพอกับการใช้งานจริงไหมครับ? วันก่อนผมไปลองเล่นดู
เห็นแฟลชมันยิงกระปริ๊บเดียว เบามากๆ เลยไม่แน่ใจว่าจะเป็นปัญหารึเปล่า
โดย: ภูเขา IP: 124.120.182.185 วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:0:21:24 น.
  
--> keng_toshi

555 อารมณ์เดียวกันเลยค่ะ เราก็ดูแล้วน้ำตาไหลพรากเลย mv นี้ ถึงขนาดไปหาเนื้อเพลงมาดูเพราะอยากรู้ความหมายเลยล่ะค่ะ (ยิ่งถ้านึกถึงวิถีชีวิตของญี่ปุ่นรวมเข้าด้วย จะยิ่งอินสุดๆเลยล่ะค่ะ)


--> ภูเขา

ลองไปเปิดๆดู ถ้าคนที่พอจะรู้จักและคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ต่างๆของกล้องอยู่แล้ว ตอนคอนโทรลกล้องก็น่าจะไม่มีปัญหานะคะ เพราะน่าจะพอเดาได้จากไอคอน (เช่น สัญลักษณ์ว่ารูปแบบนี้คือพูดถึงโหมดการวัดแสง, แบบนี้คือพูดถึงโหมดของ Focus ว่าจะให้ multi หรือ single หรือ จุดกลาง, แบบนี้คือ Picture Style, แบบนี้คือ ปรับ WB)

ตัวเมนูทางซ้ายเขียนภาษาญี่ปุ่นก็จริง แต่ไอคอนที่แสดงก็ยังเป็นภาษาอังกฤษค่ะ (เช่น ไอคอนที่แสดง picture style ก็เขียนเป็น standard / vivid แบบนี้น่ะค่ะ)

อาจจะยากหน่อยก็ตรงตอนตั้งค่าช่วงแรกล่ะมั้งคะ ที่ต้องเซ็ตค่าพวก soft key หรือ วันที่ หรือ ตั้งการหมุนภาพเพราะต้องอาศัยอ่านเมนูแล้วตั้ง แต่เชื่อว่าถ้าใช้ๆไปสักระยะจะจำได้เองค่ะว่าตัวที่ใช้บ่อยๆมันเขียนยังไง และอยู่ตรงไหน

ส่วนว่าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแล้วจะไหวไหมนี่ตอบไม่ได้เหมือนกันนะคะ คงแล้วแต่แต่ละคนไปว่าจะรับความไม่สะดวกในเรื่องภาษานี้ได้แค่ไหน

เรื่องแฟลชนี่ บอกตรงๆนอกจากตอนลองทีแรกแล้วยังไม่เคยใช้เลยล่ะค่ะ เลยตอบไม่ถูกว่ามันพอไหมยังไง แต่คิดว่าก็คงไม่ต่างกับพวกแฟลชหัวกล้องของ DSLR เท่าไหร่(มั้งคะ เห็นขนาดพอๆกัน) สามารถปรับชดเชยกำลังแฟลชได้อีกค่ะ
โดย: White Amulet วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:1:38:33 น.
  
มีคนเชียร์ให้ซื้อ NEX 5 เหมือนกันค่ะ เราก็แอบชอบเพราะดูเคยรีวิวแล้วรูปสวย แถมยังเบากว่า DSLR พกง่ายดี
อยากได้ แต่รอผู้สนับสนุนทางการเงินก่อน 555
โดย: Cherry (Shiny Christmas ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:08:21 น.
  
^
^
รอนานเดี๋ยวรุ่นใหม่ NEX-7 ออกซะก่อนนะคะ
โดย: White Amulet วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:44:26 น.
  
แอบมาลงชื่อว่าสั่งจากญี่ปุ่นมา เพราะมาอ่าน blog นี้เลย ยอมเมาภาษาญี่ปุ่นนิดนึงดีกว่า ถูกกว่าตั้งเยอะ >///<

ปล. ใช้ DSLR เป็น Canon แล้วมาจับ Mirrorless เป็น Sony เหมือนกันเป๊ะ!!
ปล2. อิจฉาเลนส์ EF 35mm f/1.4L มากกก
โดย: kaito[t/t3] วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:53:52 น.
  
^
^
ยินดีกับกล้องใหม่ด้วยค่า

ถ้าเกิดสงสัยเมนูตัวอักษรญี่ปุ่นอันไหนก็ถามได้นะคะ ^^
แต่ส่วนตัวคิดว่า น่าจะลำบากแค่ตอนใช้ช่วงแรกๆ
เดี๋ยวสักพักก็น่าจะจำเมนูที่ใช้บ่อยๆได้เองค่ะ

จะลำบากอีกทีอาจเป็นตอนอยากขายต่อนี่ล่ะค่ะ ว่าจะขายต่อใครดี
โดย: White Amulet วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:43:46 น.
  
ขำตรงเมด อิน ไทยแลนด์อะครับ
โดย: kirofsky วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:50:35 น.
  
อยากรู้เรื่องประกันอ่ะค่ะซ่อมใรไทยได้มั้ย หรือต้องเสียอะไรเพิ่มหรือป่าวคะ
โดย: nannnnnn IP: 101.109.67.75 วันที่: 4 ธันวาคม 2558 เวลา:20:34:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Whiteamulet.BlogGang.com

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]