ขุนวรวงศาธิราช




ขุนวรวงศาธิราช เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่นักประวัติศาสตร์ไทยถือว่า พระองค์ไม่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ เพราะถือว่าเป็นกบฏสมคบกับท้าวศรีสุดาจันทร์ แย่งชิงราชบัลลังก์จากพระยอดฟ้า อย่างไรก็ตาม ในพงศาวดารได้ระบุว่าพระองค์ได้ผ่านพระราชพิธีราชาภิเษกแล้ว


พระราชประวัติ

ขุนวรวงศาธิราชมีพระนามเดิมว่าว่า บุญศรี พระราชสมภพในวันจันทร์ ตระกูลอำมาตย์ อาจเป็นทรงมีเชื้อสายราชวงศ์อู่ทอง เดิมมีตำแหน่งเป็น พันบุตรศรีเทพ เชื่อว่าเป็นพราหมณ์ผู้เฝ้าหอพระข้างหน้า มีหน้าที่เป็นผู้กระทำพิธีการต่าง ๆ


การพบกับท้าวศรีสุดาจันทร์

วันหนึ่งในรัชสมัยสมเด็จพระยอดฟ้า ท้าวศรีสุดาจันทร์พระมารดาของสมเด็จพระยอดฟ้าเสด็จไปพระที่นั่งพิมานรัตยาหอพระข้างหน้า ทอดพระเนตรเห็นพันบุตรศรีเทพก็เกิดมีความรักใคร่ จึงสั่งให้สาวใช้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าไปพระราชทานให้

พันบุตรศรีเทพก็เข้าใจว่าพระนางมีใจรัก จึงเอาดอกจำปาให้สาวใช้นำไปถวาย ท้าวศรีสุดาจันทร์ก็ยิ่งมีความกำหนัดในตัวพันบุตรศรีเทพ


การเลื่อนบรรดาศักดิ์

ต่อมาท้าวศรีสุดาจันทร์ได้ให้พระยาราชภักดี เลื่อนพันบุตรศรีเทพเป็น ขุนชินราช (ในคำให้การชาวกรุงเก่าเรียกว่า ขุนเชียรราช) ผู้รักษาหอพระข้างใน ส่วนขุนชินราชคนเดิมให้ไปเป็นพันบุตรศรีเทพ จากนั้นขุนชินราชก็ลักลอบเป็นชู้กับท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นเวลานาน

ท้าวศรีสุดาจันทร์คิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ให้กับขุนชินราช จึงให้พระยาราชภักดีเลื่อนบรรดาศักดิ์ขุนชินราชเป็น ขุนวรวงศาธิราช เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจ นอกจากนั้นยังให้ปลูกจวน อยู่ริมศาลาสารบัญชีกับจวนสำหรับขุนวรวงศาธิราชว่าราชการอยู่ที่ประตูดินริมต้นหมัน

ให้พิจารณาเลขสังกัดสมพรรค์ แล้วให้เตียงอันเป็นพระราชาอาสน์ให้ขุนวรวงศาธิราชนั่งเพื่อให้ขุนนางทั้งหลายมีความยำเกรง

เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ พระยามหาเสนาได้พูดกับพระยาราชภักดีว่า"เมื่อแผ่นดินเป็นทุรยศฉะนี้ เราจะคิดประการใด" ท้าวศรีสุดาจันทร์ทรงทราบจึงให้พระยามหาเสนามาเข้าเฝ้าที่ประตูดิน จนเวลาค่ำพระยามหาเสนากลับออกไป มีผู้มาแทงพระยามหาเสนาตาย ก่อนตายพระยามหาเสนากล่าวว่า "เมื่อเราเป็นดั่งนี้แล้ว ผู้อยู่ภายหลังจะเป็นประการใดเล่า"


การขึ้นครองราชสมบัติ

ในพ.ศ. 2091 ท้าวศรีสุดาจันทร์ทรงอ้างว่าสมเด็จพระยอดฟ้ายังทรงพระเยาว์ หัวเมืองฝ่ายเหนือก็ไม่เป็นปกติ จึงปรึกษากับขุนนางว่าจะให้ให้ขุนวรวงศาธิราชชู้รัก ว่าราชการแผ่นดินจนกระทั่งสมเด็จพระยอดฟ้าทรงเจริญพระชันษา

จึงทำพิธีราชาภิเษกขุนวรวงศาธิราชเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาและสถาปนานายจัน น้องชายขุนวรวงศาธิราชอยู่บ้านมหาโลก ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช

เมื่อสมเด็จพระวรวงศาธิราชได้ครองราชบัลลังก์ ก็สมคบกับท้าวศรีสุดาจันทร์นำสมเด็จพระยอดฟ้าไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา เมื่อ พ.ศ. 2091 วันอาทิตย์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 ส่วนพระศรีศิลป์พระโอรสองค์เล็กในสมเด็จพระไชยราชาธิราช ที่ประสูติแต่ท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นไม่ได้นำไปสำเร็จโทษแต่ให้เลี้ยงไว้


การถูกล้มล้างราชบัลลังก์

การครองราชบัลลังก์ของสมเด็จพระวรวงศาธิราชนั้น ไม่เป็นที่เห็นชอบของขุนนางในราชสำนัก และพระญาติวงศ์บางส่วน เพราะสมเด็จพระวรวงศาธิราชชึ้นครองบัลลังก์โดยไม่ชอบธรรม จึงมีขุนนางบางคนรวมตัวกันเพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ ได้แก่ ขุนพิเรนทรเทพ เจ้านายเชื้อสายราชวงศ์พระร่วง ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา (ในราชการ) และหลวงศรียศบ้านลานตากฟ้า

ทั้งสี่ร่วมกันวางแผนลอบปลงพระชนม์ จนโอกาสมาถึงเมื่อกรมการเมืองลพบุรีกราบทูลสมเด็จพระวรวงศาธิราชว่า มีช้างเผือกเชือกหนึ่งที่ลพบุรี ขุนวรวงศาธิราชรับสั่งว่าจะไปจับ แต่ต่อมาเปลี่ยนพระทัยให้กรมการเมืองลพบุรีไปจับแทน หลังจากนั้น 7 วันช้างเผือกเข้ามาทางวัดแม่นางปลื้ม เข้าเพนียดวัดซองพระองค์จึงรับสั่งว่าหนนี้จะเสด็จไปจับเอง

ขุนพิเรนทรเทพสั่งให้หมื่นราชเสน่หา (นอกราชการ) ไปดักยิงอุปราชจันน้องสมเด็จพระวรวงศาธิราชตาย ที่ท่าเสื่อระหว่างขี่ช้างไปเพนียด จากนั้น ขุนพิเรนทรเทพได้เรียกพระยาพิชัยกับพระยาสวรรคโลก ข้าราชการเมืองเหนือลงมาร่วมมือในการก่อการครั้งนี้ด้วย

ขุนวรวงศาธิราชประทับนั่งเรือพระที่นั่งไปกับท้าวศรีสุดาจันทร์ กับพระธิดา (บางตำราว่าพระโอรส) ที่เกิดด้วยกันและพระศรีศิลป์ จึงถูกลอบปลงพระชนม์ที่คลองสระบัว ข้างคลองปลาหมอ โดยขุนพิเรนทรเทพกับสมัครพรรคพวก (ในบันทึกของเจอเรมิส วันวลิต บอกว่าถูกลอบยิงด้วยปืนที่ข้างประตูวัง) พร้อมท้าวศรีสุดาจันทร์และพระธิดา

รวมระยะเวลาครองราชย์ 42 วัน พระบรมศพนั้นถูกนำไปเสียบประจานไว้ที่วัดแร้ง

ข้าราชการทั้งหลายจึงกราบบังคมทูลเชิญพระเฑียรราชา พระราชโอรสในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 และเป็นพระอนุชาต่างมารดาของสมเด็จพระไชยราชาธิราช ซึ่งผนวชอยู่ที่วัดราชประดิษฐาน เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาต่อไป


พระราชกรณียกิจ

ข้าราชการหัวเมืองเหนือทั้ง 7 มีความกระด้างกระเดื่องต่อขุนวรวงศาธิราช จึงให้สมุหนายกมีหมายเรียกข้าราชการหัวเมืองเหนือลงมาที่กรุงศรีอยุธยา

เมื่อขุนวรวงศาธิราชได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ก็ให้เอาพงศาวดารเก่า ๆ เผาไฟเสียบ้าง ด้วยเหตุนี้พงศาวดารเก่า ๆ จึงขาดเป็นตอน ๆ


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ภุมวารศุภสวัสดิ์ โสมนัสสวัสดิ์สิริค่ะ



Create Date : 20 กันยายน 2553
Last Update : 21 กันยายน 2553 15:48:39 น.
Counter : 1869 Pageviews.

0 comments
Flight Attendant: The dream of many people. สมาชิกหมายเลข 8016747
(5 มี.ค. 2567 03:01:32 น.)
พิธีไหว้ครู ครอบครูนาฏศิลป์ไทย โขน-ละคร ปี2567 ณ หอประชุมศูนย์วัฒนธรรม นายแว่นขยันเที่ยว
(4 มี.ค. 2567 01:33:31 น.)
个 เก้อไม่ได้ใช้ได้ทุกที่ toor36
(29 ก.พ. 2567 00:10:26 น.)
สรุปวิชาโลกดาราศาสตร์และอวกาศชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.5) เรื่องทรัพยากรธรณี นายแว่นขยันเที่ยว
(28 ก.พ. 2567 00:03:41 น.)

Vinitsiri.BlogGang.com

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]

บทความทั้งหมด