จากสาวทำงานมาเป็น desperate housewife ตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว ก็ไม่ได้อัพเดตบล็อกเลย ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มีเวลา ทั้ง ๆ ที่เวลามันก็มีอยู่เท่าเดิม วันละ 24 ชั่วโมง อาจเป็นเพราะไม่รู้จักวิธีจัดสรรเวลา เหมือนกับที่เพื่อนคนนึงเคยด่าเอาไว้ ^_^ มานั่งคิดดูจะทิ้งบล็อกให้มันร้างหยากไย่ขึ้นก็เสียดายพื้นที่ ทำไมไม่ลองกลับมาเขียนดูใหม่ ถือว่าเป็นการเขียนบันทึกประจำวัน เผื่อแก่ตัว - ไปกว่านี้ - เป็นโรคสมองเสื่อม แอมนิชงแอมนีเชีย จะได้กลับมาอ่านรำลีกความหลังว่าชีวิตเราผ่านอะไรมาบ้าง เคยมีความคิด เคยมองโลกนี้ยังไง ตอนนี้ใช้ชีวิตแบบฟรีแลนซ์ รับงานแบบอิสระ แปลงานบ้าง ขับรถให้แม่บ้าง ให้สามีบ้าง หรือจะเรียกว่า อาชีพ: รับจ้าง/แม่บ้าน คำว่า "แม่บ้าน" เป็นคำที่เคยไม่ชอบเอาซะเลย สมัยที่เราทำงานในออฟฟิศใหญ่ ในวงการที่เขาเรียกกันว่าวงการบันเทิง คำว่า "แม่บ้าน" จะทำให้ฉันนึกถึง ผู้หญิงแต่งตัวเชย เดินซื้อของตามตลาดนัด และนั่งดูละครน้ำเน่าตอนเย็น ไหนเลยจะดูเก๋ไก๋เท่าฉันสมัยนั้น ที่ทำงานออฟฟิศหรู ใส่บู้ท กางเกงยีน แจ็คเก็ตหรือเสื้อโค้ท เพราะที่ห้องตัดต่อหนาวยังกะห้องดับจิต ตอนเย็นไปนั่งสังสรรตามผับ นั่งคุยเรื่องหนังเรื่องล่าสุด เพลงใหม่ แฟชั่นใหม่ วันพักร้อนจะไปไหนดี ปาย วังเวียง กระบี่ หรือจะไปทัวร์ยุโรป หลังจากตัดสินใจเดินออกจากชีวิตสาวทำงานเมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว ฉันหันมาให้เวลากับตัวเองและครอบครัว ทำงานอิสระ ที่อาจมีสวัสดิการความมั่นคงน้อยกว่า แต่ทำงานเท่าไหร่ได้เงินเท่านั้น ไม่ใช่ทำงานหนักเท่าไหร่ ก็ได้เท่ากับเพื่อนร่วมงานจอมขี้เกียจ ...หรือทำงานดีแค่ไหน ก็ไม่ก้าวหน้าเท่าพวกที่จี๋จ๋าชเลียร์เจ้านาย...ฉันก็ได้รู้ว่า ชีวิตไม่ได้มีแค่ ได้แต่งตัวเท่ ทำงานในออฟฟิศหรู มันยังมีชีวิตด้านอื่น เช่น ไปนั่งดูหนังในโรงตอนกลางวันที่ไม่ค่อยมีคน หรือเดินอ้อยอิ่งเลือกของในซูเปอร์มาร์เก็ตยามบ่าย โดยไม่ต้องเล่นเข็นรถเข็นหลบหลีกสิ่งกีดขวางเหมือนการช็อปปิ้งตอนบ่ายวันอาทิตย์ มีเวลากินข้าวเช้าพร้อมพ่อกับแม่ กินไปคุยไปแทนที่จะต้องรีบตาลีตาเหลือกไปทำงานก่อนรถติด การไปฟิตเนส เข้าคลาสตอนบ่าย 2 โมง ที่มีเพื่อนร่วมคลาสแค่ไม่กี่คน ไม่ใช่คลาสหลังเลิกทำงานเป็นร้อยคน และความตื่นเต้นเร้าใจ ว่าเดือนนี้เราจะตามเงินค่าแรงได้เท่าไหร่ เขาจะเบี้ยวเรามั๊ยนะ ...ฉันมีความสุขมากกับชีวิต "ฟรีแลนซ์" ...จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฉันตัดสินใจจะแต่งงานกับเขา ผู้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแดนไกล...ฉันกลายเป็น "แม่บ้าน" ตอนเช้า ฉันขับรถไปส่งสามีที่ทำงานไม่ไกลจากบ้านนัก เรามีรถคันเดียวและสามีไม่อยากขับรถที่นี่ เพราะกลัวมอเตอร์ไซค์และซาเล้ง ...ส่งเสร็จฉันก็แวะตลาดสดซื้อกับข้าว ผักและผลไม้...กลับมาถึงบ้านประมาณ 7 โมง ฉันก็ชงกาแฟ เปิดคอมพิวเตอร์ทำงาน...ถึงตอนเที่ยงกว่า ๆ ฉันก็เตรียมทำกับข้าวกลางวันของตัวเอง และเตรียมหั่นเครื่องปรุงเอาไว้เพื่อรอทำอาหารเย็น บ่าย 3 โมง ขับรถออกไปรับสามี บางครั้งเราอาจจะแวะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก่อนกลับบ้าน ...ถ้าเป็นวันศุกร์ เราจะไปหาร้านอาหารหรือผับเพื่อกินข้าวนอกบ้าน ซึ่งถึอเป็นนัดบังคับ...กลับมาถึงบ้านฉันก็ทำกับข้าว สามีเตรียมจัดโต๊ะอาหาร นั่งทานข้าวไป ดู CNN หรือ ESPN ต่อด้วย Series โปรดอีก 2-3 เรื่อง ก่อนเข้านอน ถ้ามีงานติดพัน ฉันก็จะทำงานต่อจนดึกหน่อย... บางคืนสามีนั่งดื่มเบียร์ ฉันดื่มมาร์การิต้า นั่งดูดีวีดีหนังที่อาจจะเก่าหน่อย แต่เป็นหนังที่เราอยากดูด้วยกัน เราต้องรอวันหยุดและเก็บตังค์เพื่อที่จะไปเยี่ยมบ้านสามีปีละครั้ง ทริปทัวร์ตปท.ปีละครั้งสมัยโสดเป็นอันพับไป เพราะต้องเอาโควต้านี้ไปบ้านสามี ทำแบบนี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว ฉันต้องยอมรับเลยว่างาน "แม่บ้าน" คืองานที่ยากจริง ๆ ดีนะ ที่เรายังไม่คิดจะมีลูก ไม่งั้นฉันคงแย่แน่ ...ขอยกย่องแม่บ้านทุกท่านจริง ๆ ค่ะ .. |
บทความทั้งหมด
|