ความโหดร้ายของลัทธินายทุน !
ความโหดร้ายของลัทธินายทุน !
สุธน หิญ //geocities.com/utopiathai พฤษภาคม 2550
ผู้ที่วิจารณ์ว่าลัทธินายทุนโหดร้ายทารุณกำลังใช้ถ้อยคำที่หมายถึงระบบเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบันซึ่งเป็นเศรษฐกิจผสม มีทั้งระบบตลาดเสรีและการแทรกแซงของรัฐคละเคล้ากันไป จึงไม่ชัดเจนว่าผู้วิจารณ์กำลังหมายถึงระบบตลาดเสรีหรือการแทรกแซงของรัฐ เขาอาจไม่ได้วิเคราะห์ประเด็นนี้ อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนกำลังหมายถึงระบบผสม
ที่เกิดปัญหาก็เพราะคำว่า ลัทธินายทุน หมายถึงระบบตลาดเสรีอย่างเดียวได้ด้วย ผู้ที่ปกป้องวิสาหกิจเสรีและทรัพย์สินของเอกชนมักใช้คำ ลัทธินายทุน เพื่อหมายถึงระบบเศรษฐกิจของเราในส่วนที่เป็นวิสาหกิจของเอกชน พวกเขากลายเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัวแก่พวกมาร์กซิสต์หรือการโฆษณาชวนเชื่อของพวกสังคมนิยมแห่งรัฐซึ่งใช้คำว่า ลัทธินายทุน เป็นสองความหมายตามโอกาส
การโฆษณาชวนเชื่อของสังคมนิยมอาจสรุปรวมออกมาได้ 3 ประโยค:
1. ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันเป็นแบบลัทธินายทุนหรือทุนนิยม
2. ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันมีความยากจน ภาวะมลพิษ และ ความรุนแรง
3. ลัทธินายทุนจึงเป็นตัวก่อความยากจน ภาวะมลพิษ และ ความรุนแรง
ถ้าเราสามารถคิดได้อย่างแจ่มแจ้งเราก็จะเห็นข้อผิดพลาด ความหมายของ ลัทธินายทุน ในข้อ 3 ไม่ตรงกับในข้อ 1 คือในข้อ 1 ลัทธินายทุน หมายถึงระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน ส่วนในข้อ 3 ลัทธินายทุน หมายถึงวิสาหกิจของเอกชนและตลาดเสรี
ระบบตลาดเสรีคือระบบเศรษฐกิจที่กิจกรรมทั้งหลายดำเนินไปด้วยความสมัครใจของทุกคน รัฐไม่แทรกแซงเพื่อเปลี่ยนแปลงการกระทำโดยสงบและสุจริตของราษฎร ในระบบตลาดเสรีแท้จริงจะต้องไม่มีภาษีหรือข้อจำกัดเกี่ยวกับสิทธิความเป็นเจ้าของตนเอง (self-ownership)
ถ้ากิจกรรมทั้งหลายดำเนินไปด้วยความสมัครใจ อาจมีความโหดร้ายในเฉพาะบางราย แต่ไม่มีความโหดร้ายชนิดที่เป็นของระบบ ตัวอย่าง ในสังคมเสรี สมมุติว่าเบตตีรักรอเจอร์ และรอเจอร์บอก I love you กับเบตตี แต่แล้วเขาก็หมดรักและทิ้งเธอไป เขาไม่ใส่ใจที่จะบอกเลิกแบบนุ่มนวล แต่กลับสอดโน้ตห้วนสั้นไว้ใต้ประตูห้องของเธอ การกระทำแบบนี้เป็นการโหดร้าย แต่เป็นความผิดของสังคมหรือ? จะถือว่าระบบเลวเพราะบางคนไร้ความเมตตาหรือ? ควรยกเลิกสถาบันการสมรสและครอบครัวเพราะชายหญิงบางคู่และพ่อแม่บางคนประพฤติไม่ดีหรือ?
แน่นอน คำตอบคือเราไม่ควรยกเลิกความสามารถของคนที่จะเป็นเพื่อนหรือคู่รักกันเพียงเพราะบางคนไม่คิดถึงหัวอกผู้อื่นและมีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ นี่เป็นความล้มเหลวผิดพลาดส่วนบุคคล มิใช่ของสถาบันแห่งมิตรภาพและครอบครัว
ในทำนองเดียวกัน ในระบบตลาดเสรีที่แท้ อาจมีความล้มเหลวในด้านการประกอบการและอาจมีผู้จัดการที่มีใจกระด้าง แต่จะโทษระบบตลาดเพราะผลลัพธ์จากการใช้อำนาจและการฉ้อฉลไม่ได้ เพราะนี่มิใช่การกระทำโดยสมัครใจ ไม่มีทาสในระบบตลาดเสรีที่แท้ ความโหดร้ายจะทำให้เกิดการบีบบังคับไม่ได้ เพราะถือเป็นการกระทำนอกระบบตลาดเสรี
ถ้อยคำที่สำคัญที่สุดที่เคยมีในทางเศรษฐศาสตร์นั้นเฮนรี จอร์จ นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันแห่งศตวรรษที่ 19 เขียนไว้ในหนังสือ Social Problems (//schalkenbach.org/library/george.henry/spcont.html ) บทที่ 8 ย่อหน้าที่ 21 คือ ในธรรมชาติไม่มีเหตุผลที่จะมีความยากจน (There is in nature no reason for poverty.) ระบบตลาดเสรีที่แท้มีความประสานสอดคล้องกันในสังคมและกับธรรมชาติ แรงงานมนุษย์ (แรงสมอง+แรงกาย) คือขีดจำกัดสุดท้ายต่อการผลิต มีหลักฐานชัดเจนว่าเสรีภาพทางเศรษฐกิจทำให้เกิดความเติบโตและรายได้สูงสุด เศรษฐกิจการผลิตปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน จะไม่มีความยากจนถ้าโลกมีระบบตลาดเสรีที่แท้ ระบบตลาดเสรีทั่วโลกจะทำให้มีการจ้างงานเต็มที่ ค่าแรงสูง ภาวะมลพิษต่ำสุด และสังคมสงบสุข
ถ้าระบบตลาดเสรีที่แท้ทำให้มีความสงบสุข เศรษฐกิจรุ่งเรือง และความประสานสอดคล้อง ก็แสดงว่าการขาดสิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันต้องมีสาเหตุมาจากการแทรกแซงของรัฐ ซึ่งก่อให้เกิดสงคราม อุดหนุนภาวะมลพิษ คุ้มครองการผูกขาดที่ดิน กดค่าแรงด้วยภาษีและข้อจำกัดต่าง ๆ และทำลายเสรีภาพ ผู้ที่ตำหนิระบบเศรษฐกิจปัจจุบันควรจะได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างกิจกรรมที่กระทำโดยสมัครใจในระบบตลาดกับการแทรกแซงซึ่งเป็นตัวจำกัดเสรีภาพ แล้วกล่าวให้แจ่มแจ้งว่าเขาคิดว่าสิ่งไหนเป็นปัญหา เสรีภาพ หรือการจำกัดเสรีภาพ ที่ก่อปัญหาสังคม?
(จากบทบรรณาธิการใน The Progress Report เรื่อง The Cruelty of Capitalism โดย Fred E. Foldvary บรรณาธิการอาวุโส ที่ //progress.org/2007/fold503.htm )
ผ่านมาเลยแวะมาเยี่ยมเยียนและทักทายคะ
ว่าง ๆ เชิญที่ blog goodpeople นะคะ
แล้วจะมาเยี่ยมอีกนะคะ