วิธีแก้ไขการเก็งกำไรเก็บกักที่ดินสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
วิธีแก้ไขการเก็งกำไรเก็บกักที่ดินสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เมื่อ 28 พ.ย.49 มีกระทู้ในโต๊ะห้องสมุด กลุ่มย่อยประวัติศาสตร์ เรื่อง แผ่นดินทอง - ตำนานภาษีอากรบางอย่าง ที่ //www.pantip.com/cafe/library/topic/K4915792/K4915792.html มีตอนหนึ่งอ้างพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๖ ตำนานภาษีอากรบางอย่าง มีข้อความตอนหนึ่งว่า
"ในหนังสือที่มองสิเออร์เดอลาลุแบร์ราชทูตแต่ง อธิบายว่า เมื่อครั้งรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้น เก็บส่วยสาอากรต่างๆ (คิดตามอัตราเงินที่ใช้ในปัจจุบัน) ดังนี้ คือ
๑. จังกอบเรือ (บรรทุกสินค้า) เดินเก็บตามขนาดเรือ ยาววาละบาท ๑ มีอธิบายว่า เมื่อในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯเพิ่มพิกัดขนาดปากเรือขึ้น เรือลำใดปากดกว่ากว่า ๖ ศอก (ถึงเรือนั้นจะยาวไม่ถึง ๖ วา) เก็บลำละ ๖ บาท และจังกอบเรือนี้ว่าตรวจเก็บที่ด่านขนอน
๒. จังกอบเรือสินค้า เก็บทั้งสิ่งสินค้าเข้า และสินค้าออก
๓. อากรค่านา ว่าเก็บไร่ละ ๒๕ สตางค์ มีอธิบายว่า แต่ก่อนถ้านาแห่งใดไม่ทำก็ไม่ต้องเสียค่านา สมเด็จพระนารายณ์ฯมีพระราชประสงค์จะมิให้คนหวงที่นาไว้เปล่าๆ ให้เก็บค่านาทั้งนาที่ทำและมิได้ทำ
๔. อากรสวน ทุเรียนเก็บต้นละ ๕๐ สตางค์ พลูเก็บค้างละบาทหนึ่ง (ดูแรงเกินไป ที่จริงพิกัดเห็นจะเป็นไร่ละบาท) หมาก เดิมเก็บพิกัดต้นละ ๓ ผล ถึงรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯเก็บเป็นเงิน (แต่พิกัดเท่าใดหากล่าวถึงไม่) มะพร้าวเก็บต้นละ ๕๐ สตางค์ ต้นส้ม ต้นมะม่วง ต้นมังคุด ต้นพริก (Pimentieri) เก็บต้นละบาท ๑ (ดูแรงเกินไป เห็นจะผิด) มีอธิบายว่า พริกไทยนั้น เดิมก็เสียอากร แต่สมเด็จพระนารายณ์ฯโปรดให้งดเก็บอากรเสีย มีพระราชประสงค์จะให้คนปลูกพริกไทยเป็นสินค้าให้มากขึ้น
๕. อากรสุรา เก็บตามจำนวนเตาที่ตั้งต้มสุราขาย ถ้าและที่เมืองใดไม่มีเตาสุรา (ปล่อยให้ราษฎรต้มกลั่นตามอำเภอใจ) เก็บอากรสุราเรียงตัวคน(ชายฉกรรจ์) คนละบาท ๑ มีอธิบายว่า ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯเพิ่มพิกัดอากรสุราขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกเท่าหนึ่ง และเก็บอากรจากคนขายสุราด้วย คือขายย่อยเก็บร้านละบาท ๑ ถ้าขายเป็นจำนวนมาก เก็บตามจำนวนสุราโอ่งใหญ่(เท?)ละบาท ๑
๖. อากรค่าน้ำ เก็บจากอนุญาตที่ลหารให้คนหาปลา มีอธิบายว่า เป็นหน้าที่ออกญาท้ายน้ำเป็นพนักงานเก็บ
๗. อธิบายว่ามีอากรที่เกิดขึ้นใหม่ หรือตั้งขึ้นในรัชกาลนั้นเองอีก ๒ อย่าง คือ อากรบ่อนเบี้ยอย่าง ๑ และค่าอนุญาตให้ออกญาแมนตั้งโรงหญิงนครโสเภณีอย่าง ๑
(มีอากรอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าเก็บมาแต่โบราณ แต่มองสิเออร์เดอลาลุแบร์มิได้กล่าวถึง คือ อากรตลาด เก็บจากผู้ที่ออกร้านขายของในท้องตลาด แต่พิกัดอย่างไร หาทราบชัดไม่)"
จากข้อความดังกล่าว ส่วนที่น่าสนใจคือ
"ข้อ ๓. อากรค่านา ว่าเก็บไร่ละ ๒๕ สตางค์ มีอธิบายว่า แต่ก่อนถ้านาแห่งใดไม่ทำก็ไม่ต้องเสียค่านา สมเด็จพระนารายณ์ฯ มีพระราชประสงค์จะมิให้คนหวงที่นาไว้เปล่าๆ ให้เก็บค่านาทั้งนาที่ทำและมิได้ทำ"
นี่แสดงว่าการเก็งกำไรเก็บกักที่ดินมีมานานแล้ว และวิธีแก้ไขของสมเด็จพระนารายณ์ก็เป็นวิธีที่ดี เงิน ๒๕ สตางค์สมัยนั้นคงจะเท่ากับหลายร้อยบาทสมัยนี้
แต่อากรสวน ซึ่งเก็บตามจำนวนต้นไม้ เคยมีผลดังในหนังสืออเมริกันดีเด่น ชื่อ ความก้าวหน้ากับความยากจน หน้า 409 ว่า
"ภาษีที่โมฮัมเหม็ด อาลีเรียกเก็บจากต้นอินทผลัมได้ทำให้ชาวไร่ในอียิปต์ตัดต้นอินทผลัมของตนทิ้ง แต่ภาษีมากกว่านี้ 2 เท่าซึ่งเรียกเก็บจากที่ดินมิได้ทำให้เกิดผลเช่นนี้เลย"
(โมฮัมเหม็ด อาลี ค.ศ.1769-1849 แม่ทัพ ต่อมาได้เป็น Pasha หรือ อุปราชอียิปต์)
จะเข้ามาอ่านหสความรู้บ่อย ๆ