
โทรทัศน์จัดเป็นของใช้ที่ต้องมีประจำบ้านของทุกๆบ้านเลยก็ว่าได้ เพราะโทรทัศน์เปรียบเสมือนศูนย์รวมสมาชิกในบ้านในการมาดูหนังฟังเพลง ดูข่าว และร่วมวงสนทนากัน ถือเป็นส่วนหนึ่งเอกลักษณ์ของไทยเลยก็ได้ถ้าบ้านไหนไม่มีโทรทัศน์เหมือนจะขาดความสนุกร่วมกันกับสมาชิกในบ้านเลย ด้วยเหตุนี้เองโทรทัศน์จึงเป็นอะไรที่สำคัญที่ควรมีไว้ในบ้านจึงทำให้คนส่วนเวลาจะซื้อโทรทัศน์ ต้องเลือกให้ดี ๆ เช่น ราคาโทรทัศน์รุ่น ยี่ห้อ ว่าควรเลือกอย่างไง เพราะไม่รู้ว่าจะเหมาะกับเราเปล่าถ้าอย่างนั้นลองมาดูหลักการพิจารณาในการเลือกซื้อทีวี ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้พร้อมๆ กันเลยคะ
หลักการเลือกซื้อโทรทัศน์
1.จำนวนของพิกเซล!!
ยิ่งมีค่าพิกเซลสูงเท่าไหร่ภาพที่ได้ยิ่งมีความละเอียดสูงและแน่นอนคะราคาโทรทัศน์ก็จะแพงขึ้นด้วยคะ
2.Contrast Ratio
ค่านี้ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะค่า Contrast Ratio คืออัตราส่วนสีดำที่ดำที่สุดและสีขาวที่ขาวที่สุดที่ทีวีสามารถแสดงได้ทีวีเครื่องไหนมีค่าคอนทราสต์เรโชสูงๆ จะแสดงภาพได้ดูลึกมีมิติสมจริง
3. Response Time
ค่านี้ยิ่งต่ำมากๆ ยิ่งดี อย่างน้อยควรจะต่ำว่า4ms ซึ่งค่าResponse Time นี้เป็นความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลเมื่อเปลี่ยนจากการแสดงสีดำมาเป็นสีขาวแล้วก็เปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีดำอีกครั้งนึง โดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที (ms) อย่างไรก็ดีผู้ใช้อย่างเราๆมักเห็นสเปคข้างกล่องที่อ้างอิงตัวเลขที่ค่อนข้างเกินจริงสาเหตุก็เป็นเพราะผู้ผลิตแต่ละแบรนด์ต่างมีวิธีวัดค่า Response Time เป็นของตัวเองดังนั้นผู้ซื้อจึงควรทดสอบด้วยตาตัวเองมากกว่าเชื่อสเปคที่เขียนไว้ข้างกล่อง
4. มีช่องต่อที่ครอบคลุม
· ถ้าเป็นขนาด 42 ขึ้นไปควรมีช่องต่อ HDMI version 1.4 (แต่ถ้าทีวีที่เลือกซื้อเป็น UHD TV ควรจะเป็นHDMI version 2.0)อย่างน้อยๆ 3 ช่องนะ แต่ถ้าเป็นขนาดเล็กกว่านั้นส่วนใหญ่แต่ละแบรนด์จะให้มาประมาณ1-2 ช่องเท่านั้น
· ช่องต่อ Component ควรจะมีอย่างน้อย1 ชุด
· ช่องต่อ Optical
· ช่องต่อ AV ก็ควรจะมีนะครับถึงแม้ว่าอนาคตอาจจะไม่ได้ใช้แล้วแต่ตอนนี้ยังคงมี่เครื่องที่ใช้สาย AV กันอยู่ใช้ไหมละครับ ดังนั้นก็ควรจะมีอย่างน้อยซัก1 ชุด
· ส่วนช่องต่อ USB Port ในปัจจุบันรุ่นล่างๆขนาด 32" อย่างน้อยๆ ก็มีให้ 1 ช่องแล้ว ดังนั้นรุ่นกลางขนาด 40"ขึ้นไปควรมีอย่างน้อย 2 ช่อง
5. ขาตั้งและมุมมอง
ต้องยอมรับว่าขาตั้งของทีวีในปัจจุบันส่วนใหญ่เกือบ80% ไม่สามารถหมุนซ้าย - ขวาได้ก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรคิดคำนึงด้วยว่าเวลาเราใช้งานจริงมีการหมุนทีวีมากน้อยแค่ไหนแต่อย่างไรก็ดีด้วยความที่เทคโนโลยีการผลิตพัฒนาไปเป็นอย่างมากทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อทีวีที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ในราคาที่ถูกลงดังนั้นปัญหาเรื่องการหมุนของขาตั้งจึงแทบไม่ต้องใส่ใจผู้ใช้ควรมาพิจารณาถึงเรื่องมุมมองของทีวีแทนฉะนั้นก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรลองดูมุมมองด้านข้างของทีวีด้วย ว่าให้ภาพเป็นอย่างไรสีสันเป็นอย่างไร แตกต่างจากการมองตรงกลางมากน้อยแค่ไหนด้วย
6. ดีไซน์
หากจะพูดว่าทีวีนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับเฟอร์นิเจอร์ก็คงไม่ผิดนักเพราะทีวีเครื่องแรกมักจะถูกจัดวางอยู่ที่ห้องนั่งเล่นดังนั้นการเลือกดีไซน์ของทีวีให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ก็ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
7. ขนาดของจอภาพ
เชื่อว่าหลายๆคนที่เคยซื้อ LCD TV หรือPlasma TV ไปแล้วใช้ไปซักพักจะเจอปัญหา "จอหด"คือทีวีที่มีอยู่ที่บ้านมันดูเล็กเหลือเกินทั้งๆที่ตอนซื้อเราก็ว่าใหญ่แล้วนะทางผู้เขียนแนะนำให้ซื้อขนาดที่ใหญ่ และเป็นขนาดที่ "ใหญ่แบบพอเหมาะ"มิใช่ใหญ่จนเกินไปจนสายตากวาดไม่ทั่วประหนึ่งนั่งแถวหน้่าสุดในโรงหนังหากมีระยะดูซัก 1.5-2.0 เมตรขึ้นไปก็แนะนำระดับ40" ขึ้นไปหรือหากมีระยะรับชมซัก 3.0เมตรก็แนะนำขนาด 50" ขึ้นไปขนาดยิ่งใหญ่ = เป็นการขยายขอบเขตความสุขในการรับชมให้มากยิ่งขึ้นและเป็นการซื้อทีเดียวจบ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับหลักการเลือกซื้อโทรทัศน์ ยิ่งโทรทัศน์ที่เราต้องการได้คุณภาพดีๆ เวลาดูแล้วมีความสุขภาพชัด เสียงชัด จอใหญ่ และอื่นๆ ถ้าเราต้องการฟังก์ชั่นเยอะหรือสเปคโทรทัศน์ดีๆแน่นอนคะว่าราคาโทรทัศน์ นั้นย่อมสูงเป็นเรื่องธรรมดาคะ
#ราคาโทรทัศน์