ตอนที่ 1 การพบกันของคนทำขนมหวานและคนชอบทานขนมหวาน



หญิงสาวร่างบอบบางกำลังสาระวนกับการ ทำขนมสูตรพิเศษที่เธอเพิ่งจะคิดค้นขึ้นมาได้ หลังจากตั้งอกตั้งใจปรุงจนเสร็จเธอหันซ้ายหันขวาอย่างต้องการผู้ช่วย
เค้ก หรือ คณิศรา ชื่อเล่นที่แม่ของเธอตั้งให้ เนื่องมากจากต้องการให้ลูกสืบทอดเจตจำนงค์แห่งการทำขนมเค้กที่เธอโปรดปราน เธอถูกแม่ถ่ายทอดวิชาการทำขนมหวานตั้งแต่จำความได้ จนทุกลมหายใจของเธอนั้นจะมีแต่เรื่องราวของขนมหวานเต็มไปหมด แม่ของเธอขึ้นชื่อว่าเป็นแม่มดขนมหวาน เป็นฉายาที่ทุกคนต่างกล่าวขานมาหลายรุ่นก่อนที่แม่จะเลิกกิจการขนมอบและคอยช่วยงานพ่อ เค้กผู้สืบทอดฝีมือการทำขนมหวานล้วนแต่ทำได้เลิศรสไม่แพ้กัน เธอจึงทำธุระกิจขนมหวานต่อจากแม่ จนได้รับฉายาแม่มดน้อยขนมหวานไปอีกคน
พ่อกับแม่ของเธอเป็นนักธุระกิจที่มักเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศบ่อยๆ จนไม่มีเวลาอยู่บ้าน มีเพียงเค้กที่มักถูกทอดทิ้งให้อยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียว
นอกจากวิชาการทำขนมหวานที่แม่ได้สืบทอดให้แล้ว ยังมีวิชาลับที่สืบทอดมาจากตระกูล....นั่นก็คือ

“เพริโต้...ช่วยหยิบถาดเปล่าให้หน่อยจ๊ะ”

สิ้นคำสั่งร่างน้อยมีปีกราวเจ้าค้างคาวก็บินโฉบหยิบเอาถาดมาวางตรงหน้าอย่างคลองแคล้ว

“ขอบใจนะจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณ

เมื่อวางพายเรียงอย่างเป็นระเบียบใส่ถาดแล้วเธอก็ส่งเข้าเตาอบ อบด้วยอุณภูมิที่พอเหมาะ

“เท่านี้ก็เรียบร้อย รออีกไม่นานก็จะได้ทานพายสตอเบอรี่แล้วนะจ๊ะ” เธอหันไปยิ้มให้กับผู้ช่วยร่างเล็กที่ยืนยิ้มให้อยู่ที่ไหล่ของเธอ
ผู้ช่วยนั่นมิใช่คนหากแต่เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีโลกมนุษย์ .... ปีศาจ ตัวจิ๋วจากนรก ที่เธอเรียกมาคอยใช้งานรับใช้เธอนั่นเอง
หลังจากอบพายเรียบร้อยแล้วเธอดึงถาดพายออกจากเตาอย่างระวังโดยมีเพริโต้คอยลุ้นอยู่ข้างๆ เค้กแต่งหน้าด้วยครีมสตอเบอรี่สูตรของเธอแล้ววางลูกสตอเบอรี่สวยๆลงบนหน้าขนม เสร็จแล้ว เค้กห่อพายใส่กล่องเล็กๆ โดยมีเพริโต้คอยช่วยงานอยู่ข้างๆ ทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาไม่นานนัก เธอใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงในการทำขนมหวานในตอนเช้าทุกวันก่อนจะเปิดร้านตอน 9 โมงเช้า เธอมีลูกจ้าง 1 คนที่จะมาเปิดร้านในตอนเช้า

“เสร็จซะที”

“ขอบใจนะเพริโต้ที่วันนี้มาอยู่เป็นเพื่อน นี่คือค่าตอบแทนของเจ้า แล้วพรุ่งนี้มาอีกนะ” เธอแตะที่หน้าผากเล็ก เบาๆ พร้อมกับยื่นกล่องพายสตอเบอรี่และถุงคุ๊กกี้ให้กับเพริโต้
ปีศาจตัวน้อยยิ้มรับเอากล่องที่ดุแหมือนจะเล็ก แต่ก็ใหญ่สำหรับเจ้านั่นไป
ร่างบอบบางอมยิ้มอย่างยินดีก่อนจะค่อยๆลอยหายไปที่วงแวนเวทที่เธอวาดขึ้นมาก่อนหน้านี้เพื่อเรียกปีศาจจิ๋วจากนรกมาเป็นทาสรับใช้ แต่พอหันกลับมาดูในครัว

“ตายแล้ว....เรายังไม่ได้ทำความสะอาดครัวเหรอนี่ เพริโต้ก็ไปเสียแล้ว ไม่เป็นไรเรียกมาอีกทีดีกว่า”

“วงเวทเอ๋ย จงเป็นประตูเปิดสู่นรก ขออันเชิญปีศาจทาสรับใช้จากนรก มาช่วยทำความปรารถนาข้าให้เป็นจริงด้วยเถิดดด....”
“เพี้ยงงงงงงงงงงงงงงง”

สิ้นเสียงแหลมเล็กที่ร่ายมนต์ต่อหน้าวงเวทที่เธอวาดขึ้นร่างสูงโปร่งในชุดผู้ดีเก่าราชวงศ์ฝรั่งเศษปรากฎตรงหน้าด้วยใบหน้าดุดัน ท่ามกลางกลุ่มควันที่สลายไป เค้กนั่งตะลึงอยู่กับพื้น

“เจ้าเด็กน้อยบังอาจเรียกข้าฟาร์ยจอมอสูรผู้ยั่งใหญ่ออกมา เตรียมตัวเอาไว้หรือยัง เจ้าต้องถูกลงทัณฑ์ที่บังอาจเรียกจอมปีศาจอย่างข้าออกมา ต้องตายกี่ร้อยรอบถึงจะสาสมกับความผิดนี้ของเจ้าดี”

ใบหน้าคมเข้มยื่นเข้ามาเกือบชิดใบหน้าใสที่ยังตลึงตาโตอยู่กับพื้น

“นาย....นาย...เป็นใครกัน” เธอถามตะกุกตะกัก

ใบหน้าคมเข้มถลึงตาใส่อย่างโมโห

“นี่เจ้าบังอาจนัก....ไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้จักข้า ฟาร์ย เจ้าแห่งอสูรผู้ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ โทษของเจ้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัว เตรียมใจเอาไว้เสียเถิด เจ้าต้องใช้จิตวิญญาณของเจ้าในการชดใช้ความผิดนี้” ใบหน้าดุร้ายนั้นอยู่ตรงหน้าเสียงอันดังทำเอาคนฟังขวัญกระเจิงร่างสูงโปร่งยืนคล่อมร่างเล็กที่นั่งอยู่กับพื้นอย่างขวัญเสีย

“จอมปีศาจอย่างนั้นเหรอ!!!” เค้กแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองนัก
ตั้งแต่เรียนรู้เรื่องวงเวทและการเรียกอสูรมานับพันๆ ครั้ง เป็นเวลา 10 ปี เธอได้พบกับเพื่อนอสูรตัวจิ๋ว ผู้มีนามว่า เพริโต้ เท่านั้นแหล่ะที่สนิมสนมกันอย่างดีคอยออกมาช่วยเธอเป็นประจำจนเป็นเพื่อนกัน ส่วนตนอื่นๆที่ออกมาบ้างก็มี ลูฟี้, แม็ค และเจ้าเจลลี่ ล้วนแล้วแต่มีรูปร่างเป็นสัตว์ แต่คนร่างสูงใหญ่ใบหน้าดุ มีเขาโค้งที่ข้างหู เธอมิเคยพบมาก่อน

“ก็ช่างเถอะ เอาไว้ข้าจัดการเจ้าทีหลัง ที่เรียกมานี่มีอะไร ก่อนอื่นเราต้องทำสัญญากันก่อน เจ้ามีอะไรเป็นค่าตอบแทน” เขาพูดพลางดึงเอาสมุดเล่มเล็กออกมาเขียนอะไรบางอย่าง

“คือ...คือ...คือว่า...”

“อะไรของเจ้า...อย่ามาล้อเล่นกับข้านะ” เขาตะคอกอย่างโมโห
จนเค้กหัวหด

พลันจมูกเขาก็ทำท่าฟุดฟิดยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ
“ทำไมตัวเจ้าถึงมีกลิ่นเหมือน......ของโปรดของข้าเลยล่ะ” เขาทำหน้าแทบละลายเข้ามาใกล้เธอ

ฟาร์ย หรือ ดี แองกิล ฟาร์ย เจ้าชายปีศาจผู้สูงส่ง ผู้แสนโหดร้าย อำมหิตที่สุดในบรรดา เจ้าอสูรทั้งหลาย เป็นชื่อที่เธอพอที่จะได้ยินมาจากเพริโต้บ้าง หากว่าพบเจอที่ไหนมักจะได้พบกับความหายนะ และความโชคร้าย เพริโต้เอ่ยอย่างนั้น ใครๆในนรกภูมิต่างก็หวั่นเกรงต่ออสูรตนนี้มาก
เวลานี้เจ้าแห่งความชั่วตนนั้นกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าเธอ กำลังกินเค้กแอปเปิ้ลที่เธอเพิ่งอบเสร็จ และเป็นสูตรใหม่ที่เธอเพิ่งคิดค้นสำหรับเรียกแขกในวันนี้
ดูเขาเหมือนเด็กน้อยกินขนมหวานอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าไม่มีหญิงสาวนั่งอยู่ตรงนั้น

“เป็นยังไงบ้างเหรอคะ” เธออดถามเขาใม่ได้ หลังจากที่ใบหน้าอันดุดันนั้นอมยิ้มอย่างมีความสุขลืมโลกไปตั้งนาน

“ขนมพวกนี้เจ้าทำเองเหรอ”
“ใช่...ฉันทำเองทุกอย่าง รวมทั้งพวกนั้นด้วย” เธอผายมือไปรอบตัว ชั้นวางกล่องเค้กใสๆ และพายหน้าผลไม้หลากชนิดอยู่เต็มไปหมด
ฟาร์ยตาโตมองอย่างตะลึง

“เป็นสิ่งสวยงามเกินจะเอ่ยได้” ฟาร์ยปรารภออกมา
เค้กได้แต่มองเขาอย่างแปลกใจ เมื่อกี้ยังทำท่าจะฆ่าแกงเธออยู่หยกๆ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน



Create Date : 03 มีนาคม 2553
Last Update : 25 มีนาคม 2563 10:33:38 น.
Counter : 1257 Pageviews.

4 comments
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 349 :: กะว่าก๋า
(8 เม.ย. 2567 05:48:36 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 30 : กะว่าก๋า
(7 เม.ย. 2567 05:51:28 น.)
เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) - บทที่ 42 วัลยา
(7 เม.ย. 2567 16:20:04 น.)
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 21 หน้า 3 unitan
(4 เม.ย. 2567 09:43:46 น.)
  
“แล้วเป็นไงล่ะ อร่อยไหม” เค้กถามอีกครั้ง
“อร่อย.....อร่อยมากด้วย” ฟาร์ยตอบ แล้วตะลึงค้างกับรอยยิ้มอันน่ารักตรงหน้าของเขาตอบรับคำชมที่เขาได้ให้เธอ
“ฮืม.....เจ้าว่าเรื่องของเจ้ามาดีกว่านะ” เขาละสายตาจากเธอแล้วหลบหน้า
“คือว่าฉันจะต้องไปเรียนแล้ว เพราะงั้นฝากทำความสะอาดครัวให้ด้วยนะ” เธอบอกจุดประสงค์ของเธอ
“อะไรกันเจ้ามนุษย์จอมขี้เกียจ” ฟาร์ยอดทำเสียงดุไม่ได้
“นี่เจ้าต้องการเรียกข้ามาเพื่อทำเรื่องแค่นี้นะ เจ้านี่มันเป็นคนอยู่หรือไม่ มนุษย์ก็ต้องการ.... สิ่งที่เรียกว่าความอยากที่ไม่สิ้นสุดสิ”

เค้กส่ายหน้าไม่เข้าใจ

“ข้าเป็นเจ้าแห่งความมืดมิดที่มักปรากฎในจิตใจที่มืดบอดของผู้คนที่มีความอยาก ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวน เงินทอง ชื่อเสียงกียรติย์ อำนาจ ความอิจฉา ริษยา ราคะ.....เจ้าไม่ได้ต้องการหรอกหรือ”
เค้กก็ยังส่ายหน้าไม่เข้าใจ

“นี่เจ้าปกติดีหรือเปล่านี่” น้ำเสียงโกรธอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่ต้องการหรอกนะ สิ่งที่นายพูดน่ะ คืออะไร?”

ฟาร์ยทำคิ้วขมวดอย่างโมโห ยิ่งไม่เข้าใจในตัวมนุษย์ผู้นี้นัก
“ฉันก็แค่ต้องการให้ครัวของฉันสะอาดเหมือนเดิมก็เท่านั้น เพราะฉันคงต้องรีบเตรียมตัวไปเรียน นายพอจะช่วยหน่อยได้ไหม”

“ฮืม....เพื่อเป็นค่าตอบแทนที่เจ้าจ่ายมา” ฟาร์ยสบัดมือเบาๆ รอบกายของเธอก็สะอาดสะอ้านตามเดิม

“โฮ....วิเศษจริงๆ” เธอเอ่ยอย่างตะลึง

“ก็แน่ล่ะ มีอะไรในโลกนี้ที่เจ้าปีศาจอย่างข้าทำไม่ได้”
“เสร็จธุระแล้วข้ากลับล่ะ ... แต่ว่าข้าขอขนมกลับด้วยได้ไหม”

เขาหันมาทำตาหวานอ้อนเธอ
เค้กรับคำ

“ได้สิ เอาเท่าที่นายต้องการได้เลย” เธอตอบ
ฟาร์ยลิงโลดใจก่อนจะกระโดดไปที่ชั้นแล้วเลือกเอาขนมอย่างสนุก

...ใช่แล้วล่ะฉันเป็นแม่มด เป็นแม่มดที่สามารถเขียนวงแหวนเวทเพื่อเรียกปีศาจจากนรกมาเป็นทาสรับใช้ได้ ตลอด 10 ปีของการเป็นแม่มด ฉันรู้จักปีศาจตัวจิ๋วไม่กี่ตนนักหรอก และก็มีแต่เพริโต้ตนเเดียวสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ไม่เคยรู้ว่าจะมีอสูรตนไหนที่มีหน้าตาเหมือนคนมากขนาดนี้ ทั้งรูปร่างยังสูงโปร่ง หน้าตาคมคายราวกับพระเอกหนัง ไม่มีตรงไหนจะบอกได้เลยว่าเป็นอสูรหากว่าเขาไม่มีเขาที่ข้างหูทั้งสองข้าง และออร่าดำมืดนั้น คนทั่วไปหากมองดูก็คงคิดว่าเป็นหมวกแฟนตาซีใส่เท่ห์ๆ ก็เท่านั้นล่ะมั้ง คงจะเป็นอสูรชั้นสูงสินะ ก็เขาเองก็เพิ่งจะบอกเมื่อกี้ว่า เป็นถึงจอมอสูรผู้เกรียงไกร แต่ที่แปลกใจก็คือทำไมชอบขนมหวานมากขนาดนี้ได้
“ถ้าหากว่าลูกได้พบกับคนดีๆแล้วล่ะก็ จับเขาเอาไว้ให้มั่นนะ เหมือนแม่นี่ไงแล้วลูกจะโชคดีตลอดไป”
เสียงคำพูดสั่งสอนของแม่ลอยมาจากที่ไกลๆ

“เขาน่ะเป็นอสูรที่แสนโหดเหี่ยมและดุร้ายมากเลยนะ ใครเจอล่ะก็จะพบแต่ความชั่วร้ายทั้งนั้น” เสียงเพริโต้ลอยมาเช่นกัน

“นี่ๆ ข้าเอาไปหมดนี่ได้หรือเปล่า” เสียงของฟาร์ยเอ่ยถาม แต่พอหันมามองใบหน้าอ่อนหวานที่จ้องเขานิ่งอยู่ก็ประหลาดใจ เขายื่นหน้าเข้ามาหา

“เจ้า.....เป็นอะไรน่ะ”
ดวงตาโตเบิกกว้างตื่นจากภวังค์

“นายว่าไงนะ”
“ข้าจะเอาไปหมดนี่ได้หรือเปล่า”

“ได้สิ” เค้กตอบอย่างงงๆ
ร่างสูงโปร่งเดินเลือนลางเข้าไปในวงเวท

“เดี๋ยวก่อนสิ นายคือ ดี แองกิล ฟาร์ย ใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ล่ะคือชื่อของข้า” เขาหันมาตอบ

“เราจะได้พบกันอีกไหม?”
รอยยิ้มเล็กๆปรากฎที่มุมปาก

“อะไร เมื่อกี้ยังลนลานอยู่แท้ๆ .....อยากเจอข้าอีกงั้นเหรอ”
“ใช่สิ...”
“นี่เป็นวงแหวนเวทของข้า......ถ้าอยากมีอะไรให้ช่วยก็เรียกมาได้เลย แต่สิ่งแลกเปลี่ยนเธอต้องเตรียมเอาไว้ก่อนนะ”
“แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?”

“เค้ก...ฉันชื่อเค้กจ๊ะ” รอยยิ้มสดใสปรากฎเต็มใบหน้าหวาน
ฟาร์ยจ้องมองอย่างจะจดจำเอาไว้ให้นาน
“เป็นชื่อที่ข้าชื่นชอบนะ เค้ก...”

ร่างสูงโปร่งหายไปในกลุ่มควันสีจางนั้นพร้อมกับวงแหวนเวทที่ค่อยๆจางไปด้วย แต่มันเด่นชัดอยู่ในหัวของเค้ก

“ฉันจะรอวันที่นายกลับมานะ ฟาร์ย”

เพราะฉันจะจับนายให้อยู่หมัดเลยทีเดียว
“ฉันจะทำขนมหวานแม้แต่เจ้าปีศาจอย่างนายต้องใจละลาย”นั่นคือคำพูดที่ผุดขึ้นในหัวของหญิงสาว


ชีวิตประจำวันของเค้กยังคงเหมือนเดิม ตอนเช้าตื่นแต่เช้าเพื่อลุกขึ้นมาทำขนมอบ ขนมหวาน โดยมีเหล่าปีศาจคอยเป็นลูกมือ ฉายาแม่มดขนมหวาน คงจะมาจากการที่เธอทำขนมด้วยตัวคนเดียวทุกวันโดยไม่ต้องอาศัยลูกมือสักคน แถมขนมที่เธอทำขึ้นมานั้นล้วนแต่อร่อยติดอกติดใจทุกคน จนเหมือนขนมของแม่มดที่ใครๆต้องหลงมนสะกดนี้ ไม่มีใครหวาดกลัวการกินขนมหวานของแม่มดที่พวกเขาเรียกกัน

“สวัสดีค่ะพี่มะลิฝากร้านด้วยนะคะ” เค้กทักทายลูกจ้างขายขนมที่กำลังเปิดประตูร้านซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของบ้านหลังใหญ่ของเธอ

“สวัสดีค่ะคุณเค้กไปเรียนดีๆนะคะ” ลูกจ้างสาวเอ่ยทักเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

แม้ใครๆ มักจะเรียกเจ้านายตัวเล็กของเธอคนนี้ว่าเป็นแม่มด แต่เธอก็ให้ความรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นดังคำพูดนั้น ในตอนแรก มะลิยังลังเลที่จะทำงานที่นี่เพราะได้ยินลูกค้ามักพูดถึงความลึกลับของเค้กเสมอ เธอไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนทั่วๆไป วันๆ อยู่แต่ในบ้านและทำขนม เวลาที่เธอทำขนมคือตอนเช้าตรู่ของทุกวัน ดังนั้นขนมของเธอจึงสดและใหม่เสมอ ความหอมของมันทำเอาคนในละแวกนั้นแทบสลายตาม ทุกคนแทบจะจำหน้าตาของเธอไม่ได้เพราะเธอไม่เคยปรากฎตัวที่ร้านนัก มีเพียงมะลิที่ทำหน้าที่ขายขนมอยู่ที่นี่ แต่เธอสมัครทำงานที่นี่เพราะความจำเป็นเมื่อเธอได้ทำความรู้จักกับเจ้านายตัวน้อยที่อายุแค่ 15 ปีก็สร้างความตะลึงให้กับเธอนัก เด็กน้อยอายุแค่นี้มีกิจการทำร้านขนมและเธอก็ทำได้อย่างอร่อยอย่างหาที่เปรียบมิได้ เธออยู่เพียงลำพังในบ้านหลังใหญ่ นานๆ พ่อแม่จะกลับจากต่างประเทศ และเธอจะทำขนมขายเองทุกเช้า จะมีผู้ช่วยที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างเราๆ คอยช่วยเหลือทุกวัน แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นสิ่งที่เรียกว่าไม่ใช่มนุษย์สักครั้งเดียว ด้านหลังของร้านก่อนถึงตัวบ้านใหญ่เป็นห้องเก็บขนมที่เธอทำตุนเอาไว้ในแต่ละวันมันจะถูกเก็บไว้ในอุณภูมิที่ดีที่คงสภาพความสดและใหม่อยู่เสมอ แม้จะตักทานเวลาไหนก็เหมือนเพิ่งจะออกจากเตาใหม่ๆ ตัวบ้านใหญ่มะลิไม่เคยเข้าไปที่นั่น ทุกคนต่างก็คิดว่ามันน่ากลัว แต่มะลิมองเข้าไปทุกวันๆ ก็ไม่มีสิ่งที่น่ากลัวที่ว่า มันก็เป็นบ้านของเศรษฐีคนหนึ่ง ที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นีเจอร์ดีๆ หรูๆ ยังไงมันก็มองดูน่าอยู่เสียมากกว่า แม้ใครต่อใครจะบอกว่าน่ากลัวอย่างนั้นอย่างนี้แต่ก็ยังมาซื้อขนมของร้านเธอจนหมดเกลี้ยงทุกวัน นี่ก็ผ่านมา 5 ปีแล้วสินะ เจ้านายน้อยของเธอเติบโตเป็นหญิงสาวที่หน้าตาน่ารัก ไม่มีเค้าความเป็นแม่มดเลยสักนิดเดียว ด้วยจิตใจที่แสนใจดี และมีมีน้ำใจช่วยเหลือเธอผู้เป็นลูกจ้างคนเดียวมาด้วยดีตลอด และความมีน้ำใจของเธอไม่ใช่มีให้เพียงมะลิคนเดียว เธอมักจะทำขนมไปเลี้ยงเด็กๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ เพราะเธอให้เหตุผลว่าเด็กๆพวกนั้น ไม่มีตังค์ที่จะมาซื้อขนมจากร้านของเราได้ ดังนั้นเราจะต้องนำเอาไว้ให้เด็กๆได้ทานขนม เพราะเด็กๆชอบทานขนม ความสงสัยที่ว่าเธอเป็นแม่มดและทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวนั้นมันได้หายไปจากความคิดของเธอเมื่อไหร่นั้นไม่อาจรู้ได้
เค้กเดินไปเรียนทุกวันมหาลัยของเธออยู่ไม่ไกลจากบ้านนักทางที่เธอเดินจะผ่านทะเลสาบเล็กๆที่ตั้งอยู่ใกล้ๆหมู่บ้าน เธอมักหยุดยืนมองอีกฝากฝั่งซึ่งเป็นภูเขาเล็กๆ เธอเคยไปปีนเขาเมื่อตอนเป็นเด็กกับพ่อแม่ของเธอ สองข้างทางเรียบถนมสายนี้คือต้นนางพญา เมื่อถึงฤดูหนาว นางพญาจะสลัดใบจนเกลี้ยงแล้วพากันอวดช่อดอกเล้กๆเบ่งบานแข็งกัน สีชมพูและสีขาวอ่อนๆบานสะพรั่งเป็นทางยาวหลายกิโล ทำให้ถนนสายนี้เป็นถนนที่สวยที่สุดที่เค้กเคยพบมา และผู้คนจะมานั่งปูเสื่อเพื่อชมความงามของดอกนางพญากันในฤดูหนาว

“อีกแค่ 2 เดือนเองสินะ จะถึงฤดูหนาวแล้ว” เค้กบอกตัวเองมองดูใบไม้บนต้นนางพญาที่เขียวเข้มอีกไม่นานมันก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองก่อนร่วงหล่น แล้วให้ดอกตูมออกมาแทนที่
ลมพัดผ่านหน้าพัดผมยาวสลวยสยายเต็มหลัง

“ฉันจะรอนะ ฤดูหนาว” หญิงสาวรำพึงกับตัวเองก่อนจะเดินต่อไป
โดย: unitan (unitan ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:4:33:23 น.
  
เบื้องหลังของเธอชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนชื่นชมสิ่งเหล่านั้นเงียบๆ เขามักจะลงจากรถเก๋งคันงามตรง 4 แยกก่อนถึงมหาลัยทุกวัน เพราะมันเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาได้พบเจอกับเพื่อนสาวผู้ลึกลับคนหนึ่ง ผู้มีชื่อเหมือนขนมหวานที่อาจารย์ชอบสอนให้ทำ ผู้มีใบหน้าหวานเหมือนรสชาตขนม ผู้มีฝีมือในการทำขนมหวานจนเป็นที่ยอมรับของทุกคน เธอมักจะเดินเพียงลำพังเริ่มจากตรงนี้ทุกวัน เธอมักชอบอยู่เพียงคนเดียว นั่งทานข้าวคนเดียว และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องทำขนม เวลาว่างก็ขลุกอยู่ในห้องสมุดเพื่อนอ่านตำราการทำขนม เขาใช้เวลาร่วม 1 ปีในการเฝ้าดูเธอ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน แต่เวลา 9 โมง 15 นาที ของทุกวันเขามักจะเห็นเธอเดินเลี้ยวจากสี่แยกของมุมทะเลสาบแล้วเดินทอดน่องไปเรียน ราว 10 นาที ก็ถึงมหาลัย เธอทำตัวอย่างกับเป็นแม่มดอย่างที่ใครๆ พูดจริงๆ แต่ก็เป็นแม่มดที่เขาอยากจะทำความรู้จัก

เมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่พบกันครั้งแรกเธอเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก และไม่มีคนสนใจ สาวๆส่วนใหญ่มักจะสนใจแต่การแต่งเนื้อแต่งตัวและเพื่อนชายที่พวกเธออยากจะออกเดทด้วย มีเพียงเค้กที่นั่งเฉยเมยอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าต่างแถวหลังสุดเธอชอบมองบนท้องฟ้าและเมฆที่ลอยไปมา เขาเองก็ยังไม่รู้จักเธอ ในห้องเรียนการทำขนมในขณะที่สาวๆ ที่ห่วงสวยต่างกลัวแป้งที่เลอะเทอะเต็มเนื้อตัว มีเพียงคณิศราที่ตั้งอกตั้งใจทำขนม เขาเริ่มรู้จักเธอตอนงานเทศกาลปีใหม่ของปี 1 ในห้องได้รับมอบหมายให้เปิดร้านขายขนมเค้ก อาจารย์ประจำห้องได้ให้ทุกคนทำเค้กของแต่ละคนออกมาให้ทุกคนชิม ทุกคนต่างลงมือทำเค้กอย่างขมีขมัน อาจารย์ร่วมชั้นและเพื่อนๆในห้องเป็นคณะกรรมการในการชิม และผู้ชนะก็คือเธอซึ่งเป็นอันดับ 1 ในการทำขนมของห้อง ด้วยหน้าตาของขนมที่แปลกไม่เหมือนขนมที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดแล้ว รสชาติของมันทำเอาคนชิมแทบจะละลายไปด้วย เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่หวานยิ่งกว่าขนมเค้ก ทำเอาเขาละสายตาจากเธอไปไม่ได้เลย
เขาเฝ้าติดตามเธอไปทุกที่แต่ทุกครั้งเธอก็มักจะหายตัวไปอย่างไม่มีร่องรอย เพื่อนสาวๆ ต่างก็ซุบซิบว่าเธอคือแม่มด และในเช้าของวันที่ 5 ของเดือนมกราคมหลังจากที่โรงเรียนหยุดไป 4 วัน เช้าวันนี้อากาศหนาวเย็น แม้จะสายแล้วก็ยังดูสลัวและอึมครึม ขณะที่นั่งรถเก๋งคันหรูไปเรียนเหมือนทุกวัน ถนนหน้ามหาลัยข้างหน้าคือทะเลสาบที่เขาเห็นอยู่ทุกวันยามนี้มันกลายเป็นสีชมพูอ่อนเพราะดอกนางพญาที่แข่งกันเบ่งบานรับฤดูหนาว เป็นระยะยาวหลายกิโลผ่านหน้ามหาลัยเขาไปจนสุดฟากของทะเลสาบ ตรง 4 แยกหัวมุมของมหาลัย ร่างบอบบางที่กำลังเดินข้ามถนนเพื่อที่จะเดินตรงฟุตบาทที่กำหนดให้คนเดิน ผมสีดำที่ยาวสลายปลิวตามแรงลมหนาว รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฎบนใบหน้าสดใส ท่ามกลางดอกนางพญา เธอผู้นั่นช่างสวยงามราวนางฟ้า เขาแทบไม่อยากจะละสายตาจากตรงนั้นเลย

จุดเริ่มต้นของเขา พิมาน ชายหนุ่มผู้ซึ่งตกหลุมรักแม่มดขนมหวานจนยากจะถอนใจ

“เค้ก” พิมานตัดสินใจเรียกเธอ
เค้กหันไปมองอย่างแปลกใจ หมู่นี้ จะเรียกได้ว่าแทบจะทุกวันที่เธอมักจะพบพิมานที่นี่

“หวัดดีจ๊ะ พิมาน” เธอเอ่ยทักทายเขา
พิมานวิ่งมาจนทันเธอ

“หวัดดี เธอมาช้าไป 3 นาทีนะ”

“จริงเหรอ ตายละ อย่างนี้ต้องวิ่งแล้วสิ” เธอตัดบทเอาดื้อๆ ก่อนจะวิ่งจากเขาไป
พิมานมองตามงงๆ

“เธอ...ทำไมต้องวิ่งหนีฉันด้วย” เขาเอ่ยอย่างงงๆ
มันเป็นเช่นนี้มาตลอดเลยสินะ แม้จะพยายามเข้าใกล้มากขนาดไหน แต่ก็เหมือนว่าเธอจะไกลออกไปทุกที แต่เขาก็สัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะพยายามให้มากที่สุดที่จะเข้าใกล้แม่มดคนนี้

“ฉันจะทำยังไงดีล่ะ ไม่ยอมแพ้หรอกนะ” ชายหนุ่มบอกตัวเองก่อนจะออกวิ่งตาม

“รอด้วยสิ” เขาตะโกนบอกเธอแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

ในห้องเรียนแถวหลังสุดริมหน้าต่างเค้กนักแลคเชอร์อย่างตั้งใจ แม้ไม่มีใครคุยด้วยแต่นั่นก็เป็นแบบนี้มาตั้ง 1 ปี กับอีก 5 เดือนแล้ว ดูเหมือนเธอก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้นัก

มหาลัยสอนวิชาการเรือนแห่งนี้มีทั้งหมด 4 ชั้นปี และแต่ละปีมี 5 ห้องด้วยกัน นักศึกษาที่จบจากที่นี่ไปล้วนแต่มีฝีมือกันทุกคน
“นี่เค้ก....วันนี้เวรเธอทำความสะอาดห้องเรียนใช่ไหม? งั้นฉันฝากนี่ด้วยก็แล้วกันนะ หมวกพวกนี้ช่วยซักให้ด้วย” ฟ้าครามสาวสวยประจำห้องมักชอบกลั่นแกล้งเค้กสาระพัด เพราะว่าเธอแอบชอบพิมานผู้ซึ่งคอยตามติดเค้กประจำ

“ทำไมเธอไม่ซักเองล่ะ นี่มันของส่วนตัวนะ” พิมานอดต่อว่าไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ แค่นี้เอง” เค้กตอบก่อนจะรับมาจากฟ้าคราม
สาวๆลูกสมุนต่างก็ยิ้มเยาะอย่างสนุก

“งั้นให้ผมช่วยนะ” พิมานอาสา

“นี่นาย....วันนี้นายต้องช่วยฉันเลือกมีดชุดใหม่ไม่ใช่เหรอ ไปกันเถอะเดี๋ยวห้างจะปิดก่อน” ฟ้าครามรีบลากเขาออกไปทันที
เค้กเก็บกวาดห้องเพียงคนเดียวเงียบๆโดยไม่มีเพื่อนช่วย จนกระทั่งเย็นจึงเสร็จ

“เฮ้อ...เสร็จสักที กลับบ้านดีกว่า”

พั๊บบบบ
เสียงพุ้มไม้ข้างทางเดินไหวสั่นไหว
เค้กหันไปมองอย่างแปลกใจ เห็นสุนัขตัวโตกระโจนออกมาในปากของมันมีกระต่ายตัวน้อยอยู่ที่ปาก

“ต๊ายยยแล้ว...นั่นเจ้าโต...หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เธอร้องเสียงดัง
สุนัขตัวโตหันมามองเธอแล้วทำเมิน

“นี่นาย...กล้าเมินใส่ฉันเหรอ”
เค้กถอดรองเท้าขว้างใส่หัวเจ้าโตอย่างแม่นยำเจ้าโตส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดหันมามองหน้าเธอก่อนจะกระโดดหนีไป

“ทำตัวเกเรจริงๆเลยเจ้าโต” เธอยังต่อว่าแล้วรีบวิ่งไปดูกระต่ายน้อยที่หายใจระรัวริน

“เจ้ากระต่ายน้อยทำใจดีๆนะ ฉันจะช่วยเธอเอง”
เค้กอุ้มกระต่ายขึ้นมาแล้วคว้ารองเท้ามาส่วนแล้วรีบพากระต่ายกลับบ้าน

“วงเวทเอ๋ย จงเป็นประตูเปิดสู่นรก ขออันเชิญปีศาจทาสรับใช้จากนรก ฟาร์ยออกมาเดี๋ยวนี้นะฟาร์ย มาช่วยทำความปรารถนาข้าให้เป็นจริงด้วยเถิดดด....”

“เพี้ยงงงงงงงงงงงงงงง”
เสียงกระวนกระวายของเธอเรียกเจ้าแห่งปีศาจออกมาสำเร็จ

“เจ้ามีอะไรเรียกออกมาโดยที่ไม่ได้อบขนมรอแบบนี้หมายความว่าไง” ฟาร์ยหันซ้ายทีขวาทีโดยไม่เห็นมีขนมเค้กอยู่บนโต๊ะร้องเสียงดังใส่เธอ

“ฟาร์ย..ช่วยด้วย...นายช่วยกระต่ายตัวนี้ด้วยเถอะมันกำลังจะตาย” เธอละล่ำละลักของเขา
ฟาร์ยหันไปมองกระต่ายตัวน้อยที่นอนแน่นิ่งเลือดท่วมตัว

“นี่เจ้าเรียกข้ามาด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ เจ้าอย่ามาล้อเล่นกับข้าผู้เป็นถึงเจ้าแห่งปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้นะ” เขากระโกนใส่เธอ

กรี๊ดดดดดด

“เจ้านี่มันน่ารำคาญจริง ข้าจะกลับล่ะ” เขาตัดบทอย่างไม่สนใจ

“ฟาร์ย....เดี๋ยวก่อนสิ....นายเป็นถึงจอมปีศาจนะ ทำไม...ทำไม? ถึงไม่ยอมช่วยฉันล่ะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เหรอ นี่คือความเป็นความตายเชียวนะ ทำไมนายเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย” เค้กน้ำตาคลอสะอื้นเธอคลานเข้าไปลูบคลำอย่างสงสารกระตายน้อย
ฟาร์ยหันมามองนิ่ง
โดย: unitan (unitan ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:4:35:30 น.
  
“เพราะข้าคือเจ้าแห่งความมืด เป็นผู้ชี้ชะตาความเป็นความตายของทุกสรรพสิ่ง แม้ความตายก็มิมีผู้ใดฝืนได้ เจ้าไม่รู้หรือไง?” เสียงเขาเบาลง

“แต่กระต่ายตัวนี้ทำอะไรผิดถึงต้องมาตายแบบนี้ล่ะ” เธอต้องคำถามน้ำตานองหน้า

ฟาร์ยยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ

“เจ้านี่มันช่างใจอ่อนเสียจริง อ่อนต่อโลกนี้นักถึงไม่รู้ว่าโลกนี้มันโหดร้ายเพียงไหน? ความตายไม่มีผู้ได้จะหลีกหนีได้ แม้แต่เจ้าเอง”

“ก็แล้วนายช่วยทำให้มันไม่ตายไม่ได้เหรอ? จะเป็นอะไรในโลกนี้ อยากจะทานอะไร ฉันก็จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ขอเพียงแค่นายทำความปรารถนาของฉันให้เป็นจริง” เธอยังเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงเศร้า

ฟาร์ยนิ่งงัน ยังมีคนที่พยายามอยากจะยื้อยุดหยุดรั้งซึ่งความตายของคนอื่นเอาไว้แบบนี้ด้วยเหรอ ทำไมยัยนี่ถึงต้องทำเพื่อคนอื่นแบบนี้ด้วย

“ฮืม....ข้ามิอาจจะฝืนซึ่งพรหมลิขิตได้หรอกนะ แต่ว่าเจ้ากระต่ายตัวนี้มันก็ยังไม่ถึงคาด ข้าก็ยังพอที่จะช่วยมันได้” ฟาร์ยชี้นิ้วมือไปที่ร่างกระต่ายปรากฎแสงสีทองห่อมหุ้มร่างมันเอาไว้แล้วเจ้ากระต่ายน้อยนั้นก็ลุกขึ้นยืนได้ราวกับไม่ได้เจ็บปวดแต่อย่างใด เค้กเข้าไปกอดมันอย่างดีใจ

“ที่ทำไปใช่ว่าข้าเห็นแก่กินหรอกนะ ข้าทำเพราะความยุติธรรม” เขาพูดแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟา

“เหรอ...นายมันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ” เค้กแกล้งแซว

“นี่เจ้า..อย่ามายั่วข้านะ ตอนนี้รีบทำขนมให้ข้าก่อนที่ข้าจะโมโห”

“ได้...แต่ก็...ขอบใจนะ” เค้กหันไปยิ้มให้เจ้าชายอสูร ถึงกับนิ่งงันไป

ฟาร์ยนั่งรอขนมจากเค้กร่วม ครึ่งชั่วโมงที่เธอลงมือทำขนมเค้กช็อกโกแลตสำหรับเขา แผ่นหลังที่ดูเอาจริงเอาจังและยังสีหน้าที่ตั้งอกตั้งใจแบบนั้นทำให้เขาละสายตาไปมิได้เลย

เมื่อขนมเค้กหน้าตาน่าทานมาวางลงตรงหน้าของเขา

“นี่เป็นสูตรพิเศษเชียวนะ ข้างในน่ะไม่ใช่แป้งธรรมดา แต่เป็นแป้งเย็นที่ละลายเหมือนไอศกรีม” เธอบอกเขา

คำแรกที่ฟาร์ยตักเข้าปากถึงกับทำให้เขาพูดแทบไม่ออก
“นี่เจ้าใส่อะไรในนี้บ้างล่ะ”

“ความลับจ๊ะ” รอยยิ้มน่ารักที่ระบายทั่วใบหน้านั้นถึงกับสะกดเจ้าแห่งความชั่วร้ายเอาไว้เวลาหนึ่ง
พอจัดการอาหารให้ฟาร์ยเรียบร้อยแล้วเค้กก็หันไปจัดของกินให้กับเจ้ากระต่ายด้วยอีกตัว

“เป็นกระต่ายก็ดีนะ พวกเขาชอบกินผัก” เค้กเอ่ย

“ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย....ผักมันจะอร่อยเหมือนเค้กได้ยังไง” ฟาร์ยแย้ง

“นี่ฟาร์ย...ถ้าหากว่าฉันกำลังจะตายแบบเจ้านี่ นายจะช่วยฉันเหมือนกันใช่ไหม?” เค้กตั้งคำถามที่ทำเอาเจ้าแห่งปีศาจถึงกับอึ้งไป เขาหันไปมองเค้กที่กำลังลูบหัวกระต่ายเล่น

“ถ้าหากเจ้าถึงวาระที่ต้องตายก็มิมีผู้ได้จะฝืนกฎได้เช่นกัน” ฟาร์ยตอบ

“ชีวิตคนเรามันก็คงเป็นเช่นนี้ล่ะมั้ง แล้วถ้าฉันตาย ฉันจะได้ไปอยู่กับนายหรือปล่า?”

ฟาร์ยนิ่งงันหันไปสบตกับดวงตากลมโตที่ขี้สงสัย

“ไม่รู้สิ ที่ที่ของข้าคือนรกภูมิ”

“นั่นสินะ...อย่างฉันคงไม่ได้ไปอยู่นรกแน่เลย” เค้กเอ่ยอย่างร่าเริง

ฟาร์ยถึงกับยั่วะ

“นี่เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?” เขาถามหน้าดุ
เค้กลุกมานั่งตรงหน้าของเขา

“ฉันยังคิดว่า ถ้าหากได้ไปอยู่ที่ปราสาทของนาย จะอบขนมได้หรือเปล่าก็เท่านั้นเองแหล่ะ 555....แต่สงสัยว่าคงไม่ได้ไปแล้วล่ะมั้ง”

รอยยิ้มที่แสนร่าเริงฉาบทั่วใบหน้า ฟาร์ยกระโดดเข้าบีบคอเธออย่างโมโหแต่ก็แค่เบาๆ ที่บังอาจมาทำให้หัวใจเขาละลาย

ถ้าหากว่าเจ้าตายจริงๆ ข้านี่ล่ะจะเป็นคนมารับเจ้าไป ข้าก็จะฝ่าฝืนกฎของ 3 โลก ให้เจ้าได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ปราสาทของข้า แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน.....................นิรันดร
โดย: unitan (unitan ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:4:37:22 น.
  
อยากให้มีภาคต่อจังค่ะจบงี้มันคาใจอ่ะ
โดย: เอม IP: 58.8.194.185 วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:13:36:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Unitan.BlogGang.com

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]