เที่ยวอยุธยากับ ตุ๊ก-ตุ๊ก ... ตอน 4 วัดมเหยงคณ์และวัดกุฎีดาว วัดมเหยงคณ์และวัดกุฎีดาวถือเป็นวัดพี่วัดน้อง เพราะในสมัยพระเจ้าท้ายสระ พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 30 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดมเหยงคณ์ครั้งใหญ่ สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเจ้าฟ้าพร หรือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 31 แห่งกรุงศรีอยุธยา (ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพระโอรสของพระเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 29 แห่งกรุงศรีอยุธยา) ก็ได้ปฏิสังขรณ์วัดกุฎีดาว ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามขึ้นบ้าง การที่บูรณะวัดพร้อม ๆ กัน คือ วัดทั้งสองทรุดโทรมลงในเวลาใกล้เคียงกัน แสดงว่าวัดกุฎีดาวมีมาอยู่แล้ว แม้จะไม่การปรากฏชื่อมาก่อน ซึ่งเวลาที่สร้างอาจใกล้เคียงกับวัดมเหยงคณ์ จากคำให้การขุนหลวงหาวัดกล่าวว่า พระเจ้าธรรมราชา (พ.ศ.1844-1853) กษัตริย์ กรุงอโยธยาศรีรามเทพลำดับที่ 8 พระราชบุตรเขยองค์ใหญ่ของพระเจ้าสุวรรณราชา กษัตริย์ กรุงอโยธยาศรีรามเทพลำดับที่ 7 ทรงสร้างกุฎีดาว ส่วนพระนางกัลยาณี พระอัครมเหสี ทรงสร้าง วัดมเหยงคณ์** ออกจากวัดเดิม หรือ วัดอโยธยาผ่านวัดกุฎีดาวก่อน แวะก่อน ตำหนักกำมะเลียน สันนิษฐานว่าเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มาประทับเพื่อทอดพระเนตรการบูรณะวัด กำแพงแก้ว สังเกตุการก่ออิฐในสิ่งก่อสร้างที่วัดนี้ เรียงด้านสั้นสลับยาวภายในแถวเดียวกันอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นลักษณะการก่ออิฐแบบที่นิยมทำกันในสมัยอยุธยาตอนปลาย ระเบียงแก้วย่อมุม ซุ้มประตู พระอุโบสถ มีมุกด้านหน้าและด้านหลัง บันไดขึ้นทั้งสองทาง ด้านหน้า 3 ประตู ด้านหลัง 2 ประตู บ่อหน้าฐานชุกชีพระประธาน ... ลืม? พระพุทธรูปเป็นหินทราย แกะเป็นท่อน แล้วนำมาต่อกัน หน้าต่างแปดช่อง ฐานแอ่นโค้งเป็นรูปเรือสำเภา แบบอยุธยาตอนปลาย เจดีย์ประธาน ทรงระฆังบนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ... ทำให้ฐานสี่เหลี่ยมค่อย ๆ กลม มีบันไดขึ้นไปยังลานประทักษิณ ส่วนยอดเจดีย์หักลงมา อาคารหลังสุดเป็นพระวิหาร มีมุกทั้งด้านหนัาและหลัง ประตูเข้าด้านละ 2 ประตู ฐานแอ่นโค้งเป็นรูปเรือสำเภา แบบอยุธยาตอนปลาย หน้าต่าง 6 ช่อง เจาะจริงและหลอกจึงเหลือ 3 ช่องหน้าต่าง คงเพื่อใช้ผนังรับน้ำหนักโครงหลังคา ด้านในมีเสากลาง มีพระพุทธรูปรอบแท่น เนื่องจากทางเข้าวัดมเหยงคณ์ปิด ต้องไปเข้าทางหมู่บ้านช้าง นอกเหนือคำให้การขุนหลวงหาวัด พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาหลายฉบับ กล่าวความต้องกันว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ทรงสร้างวัดมเหยงคณ์ เล่านิดนึงเนาะ อ่านมาแล้วอยากเล่า 1 พระเจ้าอู่ทอง ทรงอภิเษกกับพระขนิษฐา ของขุนหลวงพะงั่ว ซึ่งครองเมืองสุพรรณ ... ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีพระโอรสองค์ใหญ่คือพระราเมศวร ให้ไปครองลพบุรี 2 พระราเมศวรลงมาครองกรุงศรีอยุธยา เมื่อพระเจ้าอู่ทองสิ้นพระชนม์ 3 ขุนหลวงพะงั่วยก ทัพมาจากสุพรรณ พระราเมศวรจึงถวายราชสมบัติให้และกลับไปครองลพบุรี 4 พระเจ้าทองลันพระโอรส ครองราชย์ต่อจากขุนหลวงพะงั่วเมื่อทรงสิ้นพระชนม์ พระองค์พระชนมายุ 15 พรรษา ครองราชสมบัติได้ 7 วัน 5 สมเด็จพระราเมศวรเสด็จลงมาแต่เมืองลพบุรี เข้ายึดกรุงศรีอยุธยา ให้กุมตัวสมเด็จพระเจ้าทองลันไปประหารชีวิต ณ วัดโคกพระยา และเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นครั้งที่ 2 6 พระรามราชาธิราช โอรสพระราเมศวร ทรงพิพาทกับเจ้าพระยาเสนาบดี 7 พระอินทราชา เจ้าเมืองสุพรรณหลานของขุนหลวงพะงั่ว เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้ากรุงจีน ร่วมกับเจ้าพระยาเสนาบดี ยึดอยุธยา เมืองลูกหลวงที่สำคัญตอนนั้นได้แก่ สุพรรณบุรีให้เจ้าอ้ายพระยา (1) ปกครอง เมืองแพรกศรีราชา (สรรคบุรี) เจ้ายี่พระยา (2) ปกครอง เมืองชัยนาท เจ้าสามพระยาโอรสองค์ที่ 3 ปกครอง (... บางท่านว่าเมืองแพรกศรีราชา หรือ เมืองสรรค์ คือสรรค์บุรี ก็คือเมืองไตรตรึงษ์ ใกล้ละซิว่าพระเจ้าอู่ทองสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าไชยศิริ พระเจ้าไชยศิริ เจ้าเมืองอุโมงเสลาหรือเมืองไชยปราการ เสียเมืองให้ขุนเสือขวัญฟ้า แห่งอาณาจักรเมา (พระเจ้าอนุรุธมหาราชแห่งพม่า) จึงเผาเมืองแล้วหนีลงมาทางใต้สร้างเมือง ไตรตรึงษ์ เจ้าเมืองไตรตรึงษ์ ทรงมีพระธิดาผู้ทรงสิริโฉม (อุษา) ท้าวแสนปม (ท้าวชินเสนปลอมตัวมาอยู่กับยาย) ปลูกมะเขือให้นางอุษาเสวยมะเขือตั้งท้อง พระโอรสกินข้าวเย็นของท้าวแสนปม ถูกเนรเทศ พระอินทร์ให้กลองวิเศษ ตีแล้วปมหายไป สร้างเมืองเทพนคร ให้พระโอรสนอนในอู่ทอง ... พระเจ้าอู่ทองปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ...) 8 เจ้าสามพระยา เป็นพระโอรสของพระอินทราชา องค์ที่ 3 เมื่อพระอินทราชาเสด็จสวรรคต เจ้าอ้ายพระยา(1) และ (2) ต่อสู้ชิงราชสมบัติ จึงเกิดการชนช้างกันขึ้น ณ สะพานป่าถ่าน สิ้นพระชนม์ทั้งสองพระองค์ เจ้าสามพระยา แห่ง เมืองชัยนาท เข้ามาครองราชสมบัติ ถวายพระนามสมเด็จพระบรมราชาธิราชเป็นที่สอง แลเสด็จไปตีเมืองนครหลวงกัมพูชาได้ แล้วทรงสร้างวัดมเหยงคณ์ คราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 พ.ศ. 2112 พระเจ้าบุเรงนอง ใช้วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งกองทัพหลวงบัญชาการรบ และเมื่ออยุธยาแพ้สงคราม พระมหินทราธิราชก็ได้ให้เข้าเฝ้าฯ กษัตริย์พม่าผู้ชนะ ณ พลับพลาที่วัดนี้ วัดมเหยงคณ์ เดิมเป็นพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ซุ้มประตู เป็นซุ้มบันแถลง คือมีลักษณะเหมือนหน้าบัน ประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกาเล็กๆ ก่ออิฐลดระดับ 2 ชั้น มีฐานล่างอยู่ระดับเดียวกัน เป็นฐานบัวซึ่งมีลูกแก้วอกไก่ มีทั้งหมด 6 ซุ้มประตูด้วยกัน ซุ้มประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก คือด้านหน้า ยังปรากฏรูข้างหลังไม้ของประตูด้านบน และด้านล่าง (เห็นรูที่ฐานล่างด้านในประตู) และแนวที่วางใส่กรอบประตู ซึ่งจะไม่มีปูนฉาบทับเป็นทางยาว พระมหากษัตริย์จะเสด็จมาวัดโดยทางน้ำ ซึ่งเดิมมีคลองมาจนถึงหน้าวัด ปัจจุบันเหลือเพียงสระน้ำ ฉนวน เป็นเส้นทางสำหรับพระมหากษัตริย์ พระมเหสีและเจ้านายฝ่ายใน จากท่าน้ำ ไปยังพระอุโบสถ เพื่อเข้าสู่อุโบสถได้เลย ผู้ที่ตามเสด็จจะไปพระอุโบสถทางด้านนอกกำแพงฉนวนทางทิศเหนือและใต้ (รูปนี้เห็นรูใต้คานไม้บน) ซึ่งจะมีเจดีย์รายทรงลังกา อุโบสถ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผนังและเสาของอุโบสถก่ออิฐฉาบปูน ขนาดจะแสดงถึงความใหญ่โตของอุโบสถ มีมุขทั้งด้านหน้าและหลัง สร้างทับฐานเดิมที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น ด้านหน้ามีประตู 3 ช่อง ด้านหลังมีประตู 2 ช่อง พระอุโบสถขนาดใหญ่ เจาะช่องหน้าต่างด้านละ 3 บาน ลายซุ้มประตูหน้าต่าง เหมือนกับวัดกุฎีดาว ฐานชุกชีขนาดใหญ่ 2 แท่น ซึ่งเดิมคงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระพุทธรูปหินทรายในอุโบสถ เป็นหินทรายแต่ละชิ้นแล้วนำมาต่อกัน อุโบสถมีแนวกำแพงแก้วล้อมรอบ ย่อมุมกำแพง เสมาที่ทำด้วยหินชนวนสีเขียว กว้าง 1 เมตร สูง 2 เมตร หนา 20 เซนติเมตร ท่าน น. ณ ปากน้ำท่านให้ความเห็นไว้ว่า เป็นใบเสมาแบบเดียวกับใบเสมาของพระเจ้าอู่ทองที่วัดพุทไธสวรรย์ และเก่ากว่าใบเสมาแบบพระราเมศวร ทำให้อยากยืนยันว่าวัดนี้ได้สร้างมาก่อนสมัยเจ้าสามพระยาอย่างแน่นอน อย่างต่ำสุดก็ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง หรืออาจจะยิ่งกว่านั้น ** ฐานใบเสมา เป็นฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง มีฐานเขียงรองรับขาสิงห์ ... มุมเหมือนขาสิงห์ และฐานบัว (บัวคว่ำบัวหงาย) ย่อมุมไม้สิบสองรองรับฐานบัวกลม เจดีย์ประธาน อยู่ทางทิศตะวันตกนอกกำแพงแก้วของอุโบสถ ด้านหลังวัด เจดีย์องค์เดิมได้พังทลายถึงส่วนกลางขององค์ระฆัง ที่เห็นในปัจจุบันต่อเติมให้เกือบสมบูรณ์โดยทางวัดเอง เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ตั้งอยู่บนฐานเขียงทรงกลม 3 ชั้น มีบันไดขึ้นทั้ง 4 ทิศ มีฐานทักษิณสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ 32 เมตร โดยรอบฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นยืนเต็มตัวสูง 1.05 เมตร ประดับอยู่ 80 เชือก เรียกได้ว่าเป็นเจดีย์ช้างล้อม น่าจะเป็นอิทธิพลทางศาสนาและศิลปะจากสุโขทัย ซึ่งช้างนอกจากจะเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กับคติพุทธศาสนาแล้ว ในสมัยพระเจ้าท้ายสระ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่นิยมจับช้างป่าด้วย และในบางปีทรงให้ต่อเรือกำปั่นขนาดใหญ่ บรรทุกช้างออกไปขายยังอินเดีย โดยบรรทุกช้างได้ถึง 30 เชือกต่อลำ มีซุ้มรอบองค์เจดีย์ 20 ซุ้ม ในซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปหินทราย ยอดของเจดีย์องค์เดิมจัดวางอยู่ เจดีย์ทองแดง สร้างในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอุโบสถ นอกกำแพงแก้ว เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมมีฐานทักษิณ 2 ชั้น ส่วนยอดหักหายไปแล้ว ภายในองค์เจดีย์กลวง มีบันไดขึ้นสู่คูหาเจดีย์ทางด้านตะวันออก มีผู้สันนิษฐานว่าเดิมคงมีแผ่น ทองจังโก้ หุ้มองค์เจดีย์ แต่ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นทองแดง จึงเรียกกันว่า เจดีย์ทองแดง และหน้าเจดีย์ มีฐานวิหารเก่าเหลืออยู่ ผ่านมา 5 วัดคือ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง ว้ดอโยธยา วัดกุฎีดาว และ วัดมเหยงคณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ กรุงศรีอยุธยานี้ช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ สิ่งที่ต่างกันอย่างจัดเจนของล้านนาและอยุธยาคืออุโบสถ ทางล้านนาสร้างวิหารให้คนเข้าไปหาพระ ... วิหารจะใหญ่ โบสถ์จะใช้เฉพาะในกิจของสงฆ์เท่านั้น ... โบสถ์จะเล็กและปิดนอกจากจะมีงาน และห้ามผู้หญิงเข้า ยกเว้นโบสถ์เก่าวัดพระธาตุจอมปิง ที่ให้เข้าไปชมภาพเจดีย์หัวกลับ ขอบคุณของแต่งบล็อกจากคุณชมพรค่ะ สามวัดหลัง ยังไม่เคยไปค่ะ
หนูชอบอ่านข้อสังเกต ของพี่ตุ๊กด้วย บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต anigia Parenting Blog ดู Blog พรหมญาณี Dharma Blog ดู Blog Ariawah Auddy Photo Blog ดู Blog tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:16:43:50 น.
อ่านนานไปหน่อย หนูนึกว่าได้เจิม ไม่ทันคุณก๋าค่ะ
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:16:44:36 น.
เคยไปทำบุญที่วัดมเหยงคณ์
ตอนน้ำท่วม ต้องนั่งเรือเข้าไป ส่วนวัดกุฎีดาวได้เข้าไปชมครับ โดย: moresaw วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:17:35:36 น.
มาเที่ยววัดแล้วขอค่ารถกลับบ้านโด้ย
เป๋าแห้งแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะได้มาใหม่ โดย: nulaw.m (คนบ้านป่า ) วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:17:40:20 น.
อ่านประวัติศาสน์ กรุงศรีอยุธยา มีพระมหา
กษัตริย์หลายพระองค์ ที่แรกคิดว่ามีไม่ถึง 5 ที่ไหนได้เยอะมากจริง ๆ โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:19:02:40 น.
ตามมาเที่ยวต่อค่ะ
วันนี้เพื่อนพาไปเที่ยววัดหลายคนเลย ^__^ โดย: เนินน้ำ วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:19:52:05 น.
อยุธยาไม่ได้ไปเที่ยวนานมากพอสมควร
ยิ่งใหญ่เจริญด้วยวัฒนธรรมทางศาสนาจากสถานที่ๆยังหลงเหลือ ทิ้งร่องรอยไว้ให้ชนชาติไทยรุ่นหลังๆได้ศึกษาสมเป็นเมืองหลวงเก่าของเรานะค่ะ ทางจังหวัดอนุรักษ์ดูแลไว้เรียบร้อยสะอาดตามากๆเลย ขอบคุณคุณตุ๊กด้วยค่ะที่พาชมพร้อมประวัติศาสตร์ประกอบได้เยี่ยมคร้า บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog tuk-tuk@korat Travel Blog โดย: Tui Laksi วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:19:58:16 น.
อ่านเพลินเลยครับ
โดย: พี่ เมศร์ IP: 101.51.101.112 วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:20:36:40 น.
สวัสดีค่ะ พี่ตุ๊ก ^^
เพิ่งคอมเม้นต์ถึงอยุธยาที่บล๊อกพี่หนูพอดีค่ะ เปิดมาเจอบล๊อกพี่ตุ๊กเลย อิอิ โดย: ปรัซซี่ วันที่: 30 มกราคม 2558 เวลา:23:03:30 น.
แบบนี้ดีแล้วค่ะพี่ตุ๊ก สนุก... หนูเลื่อนขึ้นเลื่อนลง อ่านซ้ำเอง เลยช้าซะ
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 31 มกราคม 2558 เวลา:5:15:33 น.
สวัสดียามเช้าครับพี่ตุ๊ก
โหวต Travel blog หื้อเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มกราคม 2558 เวลา:6:21:55 น.
นี่นับเป็นอีก 2 วัดที่เวลาไปอยุธยาแล้วต้องไปทุกทีครับ ไปแต่ละครั้งความรู้สึกมันก็แตกต่า่งจากเดิม แม้ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งเดิมก็ตาม
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 มกราคม 2558 เวลา:7:18:49 น.
สมัยโน้น คงยิ่งใหญ่จริงๆ เห็นโครงสร้างอาคารแล้ว
หน้าตาตอนที่ยังสมบูรณ์อยู่คงสวยน่าดู คลองที่ใช้สำหรับการเสด็จตอนนั้นจะเป็นยังไงนะ กลายเป็นสระน้ำไปซะแล้ว ชื่อวัดกุฎีดาว ฟ้ายังนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากไหน คุ้นๆอยู่ โดย: กาบริเอล วันที่: 31 มกราคม 2558 เวลา:13:30:45 น.
1 โหวตค่า
ดูโบราณสถานจนเมื่อยเลย อิอิ อยุธยาสมัยรุ่งเรือง คงสวยงามมากนะคะ ขอบคุณพี่ตุ๊กที่บอกพันธ์นกด้วยค่า โดย: สมาชิกหมายเลข 861805 วันที่: 31 มกราคม 2558 เวลา:20:03:15 น.
ซุ้มประตู กำแพงแก้วใหญ่โตเนาะ
วิหารตอนยังสมบูรณ์คงสวยมากค่ะ เสาเบ้อเริ่มเลย ทางวัดบูรณะเยี่ยมเลยค่ะ เก็บรูปทรงได้หมด อ่อ พี่ตุ๊กอธิบายไว้ปิดท้าย เข้าใจเลยค่ะ โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 31 มกราคม 2558 เวลา:22:12:03 น.
สวยจังเลยค่ะคุณตุ๊ก ... โครงสร้างดูยังแข็งแรงมาก ๆ เลยนะคะ ... ขอบคุณคุณตุ๊กมากค่ะ
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog โดย: Tristy วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:0:12:56 น.
อ่านประวัติศาสตร์ไทยสมัยเด็กๆ รู้สึกว่าพระเจ้าทองลันเป็นกษัตริย์ที่อาภัพมากครับ ครองราชย์ได้แค่ 7 วันก็ถูกชิงบัลลังก์ และได้เปิดตัววัดโคกพระยาเป็นที่ประหารกษัตริย์ด้วย หลังจากนั้นกษัตริย์และเจ้านายอีกหลายสิบองค์ก็ถูกประหารที่วัดนี้เรื่อยมาจนสิ้นอยุธยาเลย
ผมชอบวัดกุฎีดาวมากครับ เสาที่หักลงไปจมดินนั่นดูขลังดี วัดนี้ฐานะเทียบเท่าวัดมเหยงคณ์ แต่ช่วงหลังวัดมเหยงคณ์ได้รับความสนใจจนมีผู้คนคึกคักโด่งดังกว่าเยอะเลย นั่นทำให้ผมชอบวัดกุฎีดาวที่เงียบสงบกว่าด้วย ท้าวแสนปมเป็นตำนานที่ภาคเหนือสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงความเกี่ยวดองของกษัตริย์ทางเหนือกับกษัตริย์อยุธยา เมืองแพรกก็อยู่ในชัยนาทนั่นละครับ แถวๆวัดมเหยงคณ์ยังมีวัดช้างและวัดนางคำเล็กๆซ่อนอยู่อีกนะ อยุธยาวัดเก่ามากมายเหลือเชื่อจริงๆครับ โดย: ชีริว วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:22:05:48 น.
ยังไม่เคยไปวัดกุฏีดาวเลย
น่าสนใจบ่อน้ำนะ ทำไมต้องมาอยู่ในวัดโดยมีอาคารครอบ คำตอบที่น่าเป็นไปได้คือ อาจเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธฺ์จึงมีการก่ออาคารทับลงไป แต่ก็ไม่แน่ใจเพราะไม่มีรูปถ่ายจากมุมบน โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:11:34:42 น.
เป็นสถานที่ ที่หนูอยากไปมากเลยค่ะ
โดย: พรพิมล ทองโบราณ IP: 182.52.33.157 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:13:20:45 น.
เป็นภาพที่สวยงามมากเลยค่ะ
โดย: นิพาภรณ์ กาบยุบล IP: 182.52.33.157 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:13:25:36 น.
เป็นภาพที่น่าไปเที่ยวมาก
มีโบสถที่เก่าแก่ภาพแต่ละภาพก็เห็นถึงความเป็นอยู่ โดย: นิพาภรณ์ กาบยุบล IP: 182.52.33.122 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:13:28:43 น.
ช่วงเวลานี้ยิ่งน่าเที่ยวมากเพราะพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานเข้าชมฟรีสำหรับคนไทยค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:15:11:13 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ตอนอ่านประวัติศาสตร์ไทยหื้อหมิงหมิงฟังครับ
ตะก่อนบ่าเกยฮู้จักเลยครับ 5555
ปล. งานตี้บล็อก แต่ละภาพ แต่ละคำ จะแยกกันเป็นอิสระเลยครับ