ไปสวรรคโลก ... บ้านเพื่อน ตอน 1


ออกเดินทางจากโคราชหลังโรงเรียนเข้า








ด่านตรวจหน้าเรือนจำสีคิ้ว รถไม่ติดเหมือนทุกครั้ง








แดดไม่มีที่ลำตะคอง














บายพาสปากช่อง

มีกล้องจับความเร็ว แบบมีคนเฝ้า และตั้งโต๊ะปรับ








ชุมทางต่างระดับสระบุรีใหม่ ... สระบุรี - เพชรบูรณ์








ครั้งที่แล้วเข้าช่องผิดเพราะรถบรรทุกบังป้าย

เห็นป้าย ลพบุรี จึงรู้ตัวว่า สายเสียแล้ว








วันนี้มาถูกทาง








วิวไปเมืองสระบุรี








ครั้งที่แล้ว

ข้ามเตลิดไปกรุงเทพทางขวาที่เห็น ต้องตะกายไปยูเทอร์นกลับ








มุ่งหน้าทางเพชรบูรณ์








หมายตามื้อที่ยงไว้ที่ร้านบะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ในตัวอำเภอพยุหะคีรี

ข้างธนาคารกรุงไทย ตรงวงเวียน ผ่านไปเห็นคนเยอะ

วันนี้เป็นวันหยุดกลางปีธนาคาร ร้านปิด ... แป่ว

สอบถามแม่ค้าขายผลไม้หน้าเซเว่น

แนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวหมู เฮง เฮง








บอกว่า

เป็นร้านเก่าแก่เดิมอยู่ตรงข้ามเนี่ย

ตอนนี้แกย้ายไปอยู่โน่น

ทางออกจากพยุหะไปสายเอเชีย ไปนครสวรรค์

ข้างทางเข้าโรงเรียนพยุหะพิทยาคม








ไปร้านไหนจะคนน้อยตลอด

เพราะเวลาอาหารเที่ยงเราที่ 11.30 น.








มีหมูตุ๋น หมูเด้ง ลูกชิ้นหมู เต้าหู้ ฯลฯ สั่งไม่ถูก ได้แค่สองชามนี้

ชามละ 30 บาท














ย่านนี้นิยมน้ำจิ้ม








เข้านครสวรรค์








ทางแยกไป อ.เก้าเลี้ยว กำลังทำทางแยกอย่างใหญ่








นี่ไม่ใช่ทางขึ้น อช.ใด ๆ

เป็น ทล.126 นครสวรรค์ - พิษณุโลก








แวะเข้าข้างอำเภอกงไกรลาศ








อำเภอกงไกรลาศ

ที่ราบลุ่มแม่น้ำยม ที่ไหลมาจากโขทัย จะไปพิดโลก

ชุมชนนี้กระจายตัวมาจากเมืองพิดโลก

หลังจากสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

สถานปนาเมืองพิษณุโลกให้เป็นเมืองสำคัญ ของอยุธยา









ไปตามคำขวัญของอำเภอ

ทองม้วนชวนกิน อร่อยลิ้นขนมผิง ปลาร้าเด็ดจริง ยอดยิ่งน้ำปลาดี

หลงทางนิดหน่อย

ระยะทาง 12 กม. ไปร้านเจ้เปรย โอทอปกงไกรลาส








ขายส่งพวก แผ่น ๆ กรอบ ๆ กล้วย มัน เผือก หนมผิงก็อร่อย ชิมจนอิ่ม

ครั้งแรกที่ผ่านแวะซื้อ และติดใจติดใจ potato chips ธรรมดา

แต่วันนี้ ตอนนี้มีรส ปาปริกา โลละ 130 บาท

ซื้อเต็มรถ ทั้งมันทั้งกล้วย ขนมผิง ยังกะจะเอาไปขาย

จนแม่ค้าแถมคุกกี้สิงคโปร์อร่อยให้อีก ถุงเบ้อเริ่ม








หาโบราณสถานไว้ที่ อ.ศรีสำโรง และ สวรรคโลก

จากแแยกบ้านสวน บายพาสสุโขทัย ไปอ.ศรีสำโรง

ถ้าขัดใจกล้องไนค่อน เธอก็จะให้แสงเวอร์แบบนี้








ข้ามแม่น้ำยมที่ อ.ศรีสำโรง








ไป ต.บ้านซ่าน








ครั้งหนึ่งทัพพม่ามาพักแรมที่บ้านเบญจมาศ

ได้นำระฆังมาด้วย 2 ใบ คือตัวผู้และตัวเมีย

เมื่อยกทัพกลับได้นำระฆังตัวผู้กลับไปใบเดียว

ทิ้งตัวเมียที่มีเสียงดังไพเราะมากกว่าฝากไว้ที่บ้านเบญจมาศ

ชาวบ้านเบญจมาศกลัวว่าเจ้าของตามเอากลับคืน

จึงเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเบญจมาศเป็น "บ้านซ่าน"

ตามชื่อต้นซ่านที่ขึ้นในบริเวณวัด








หลวงพ่อสามพี่น้อง

เดิมอยู่ที่วัดโบสถ์ ต.บางขลัง อ.สวรรคโลก

... บางขลังเป็นเมืองเก่า ประมาณ 700-1000 ปี ในเส้นทางถนนพระร่วง

เป็นที่รวมพลของพ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง

ยึดอำนาจจาก ขอมสบาดโขลญลำพง เมืองสุโขทัย

และพ่อขุนบางกลางหาว ขึ้นครองเมืองสุโขทัย เป็น พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ...








ปี 2447 เจ้าอาวาสวัดบ้านซ่าน

ทราบว่ามีหลวงพ่องามเก่าแก่อยู่วัดโบสถ์ ซึ่งเป็นวัดร้าง

จึงได้บวงสรวงยกศาลพระภูมิอธษฐานว่า

"เมื่อหลวงพ่อรับเชิญเสด็จไปประทับอยู่วัดบ้านซ่านแล้ว

ขอให้เครื่องสังเวยทีบวงสรวงนี้ให้คงอยู่เหมือนเดิม

และขอให้ศาลพระภูมิเอนไปทางทิศตะวันออก

ถึงวันตรุษจะหาปี่พาทย์ทำการแห่และสรงน้ำประจำทุกปี"

วันรุ่งขึ้นคำอธิษฐานเป็นไปดังที่อธิษฐานไว้

จึงได้นำปี่พาทย์และล้อเกวียนแบบโบราณมารับรองแห่








ท่านอยู่หลังประตูเหล็ก








จึงต้องลอดกล้องเข้าไป








ศิลปะ สุโขทัยตอนต้น




















ขวามือของวิหารหลวงพ่อสามพี่น้อง เป็นวิหารหลวงพ่อขาว

เดิมวิหารหลวงพ่อขาวมุงหลังคาด้วยหญ้าคา มีคาถาติดอยู่

ลานบริเวณรอบวิหารเป็นป่าหญ้ามืด

ฤดูไฟไหม้หญ้า วิหารหลวงพ่อขาวไม่ไหม้ไฟ เกิดเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ขึ้น

และ

มีต้นตาลเก่าแก่สูงมากเอนคล่อมวิหาร

เวลาหักโค่นไม่ทับหลวงพ่อขาว








เป็นพระพุทธรูปปูน ปางมารวิชัย

อายุประมาณ 500 ปี

เกศมาลามีลักษณะ ดอกบัวตูม

สังฆาฏิยาวจรดพระนาภี








โรงเรียนเลิกพอดี








อีกวัดก่อนไปบ้านเพื่อน


ไปต่างประเทศ เราเที่ยว โบราณสถาน

ในประเทศเราก็ยังเที่ยวโบราณสถาน

ที่วัดหนองโว้ง อ.สวรรคโลก สุโขทัย














ราวปี พ.ศ. 2456

ในบริเวณพระ อุโบสถหลังเก่า วัดปากน้ำ อ.สวรรคโลก

พบเป็นเสาศิลาแลงหกเหลี่ยม 12 ต้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 14 นิ้ว

ผนังพัง ไม่มีหลังคา

ฐานอุโบสถสูง 1.20 เมตร กว้าง 6.00 เมตร ยาว 18.00 เมตร

ทำด้วยอิฐเผา กว้าง 5 นิ้ว ยาว 13 นิ้ว หนา 3 นิ้ว

ในอุโบสถมีแท่นพระประธานสูงประมาณ 1.00 เมตร

มีจอมปลวกขึ้นปกคลุมหมด

รอบอุโบสถเต็มไปด้วยต้นฉำฉา ต้นชะอมและเถาวัลย์

เมื่อกระเทาะจอมปลวก เป็นทองสัมฤทธิ์ ก็รู้ว่าเป็นพระพุทธรูป

เป็นพระพุทธรูปโบราณ 4 องค์

ประดิษฐานที่วัดปากน้ำสององค์ ... พระสองพี่น้อง

และนำมาประดิษฐานที่วัดหนองโว้ง สององค์ ... พระสองพี่น้อง








หลวงพ่อท่านว่า

ไปไหว้พระสองพี่น้องซิ

เมื่อก่อนเก๊าเก่า ... หลัง ๆ ยิ่งมีคนมาไหว้ก็ยิ่งใหม่เอี่ยม




















ภาพเขียนวิจิตรมาก








แต่ที่เจาะจงมาวัดนี้เพราะ พระอุโบสถเก่า หลังกุฏิ








เดินเข้าเดินออกสามเที่ยว ยังไม่กล้าลุยเข้าไป ... กลัวงู

หลวงพ่อว่าเข้าไปซิ

ไม่กล้า กลัวงูค่ะ

ไม่มีหรอก ... เนี่ยนะใครจะเชื่อ ...

แล้วท่านก็ลงมาหา พวกเณรเดินทุกวัน ไม่มีหรอก

ฝนตกพรำ ๆ หญ้าก็เลยงาม ตัดไม่ไหวทั้งวัดตั้ง 14 ไร่

แล้วก็เดินนำเข้าไป














อยากเข้าไปดูข้างในไหม

ค่ะหลวงพ่อ

และภาพที่เห็นด้านใน

รกเพราะโบสถ์ไม่รั่วภาพจิตรกรรมฝาผนังจึงไม่ชำรุดมาก

จะชำรุดก็ที่ไปวางพิงของแหละ

แต่ก็งามมาก
































ลุยถ่ายภาพกันเลย








ด้านหลังพระประธาน ( ช่วยอ่านภาพให้ด้วย ค่ะ )

1. ขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คนซ้ายนั่นละครับ ...คุณปลาทองฯ








เหนือประตูทางเข้า

2. มารผจญ พระแม่ธรณีบีบมวยผม








และอื่น ๆ

3. บนสุดเทพชุมนุม

ทศชาติชาดกเรื่อง วิทูรชาดก ล่างซ้ายกษัตริย์แพ้พนัน

วนไปขวาบนปุณณกยักษ์จับวิฑูรชาดกออกจากเมือง

ลากไปหลังม้าด้านบนภาพ ... คุณปลาทอง ฯ


*


ในเมืองอินทปัตต์ แคว้นกุรุ พระราชาทรง พระนามว่า ธนัญชัย
ทรงมีนักปราชญ์ประจำ ราชสำนักชื่อว่า วิธุร
( วิธุรเป็นผู้มีวาจาฉลาด หลักแหลม )
เมื่อจะกล่าวถ้อยคำสิ่งใด ก็สามารถ ทำให้ผู้ฟังเกิดความเลื่อมใสครัทธาและ ชื่นชมยินดี

มีพราหมณ์อยู่ 4 คน เคยเป็นเพื่อน สนิทกันมาแต่เก่าก่อน
พราหมณ์ทั้งสี่ ได้ออกบวช เป็นฤษีบำเพ็ญพรตอยู่ในป่า หิมพานต์
บางครั้งก็เข้ามาสั่งสอนธรรม แก่ผู้คนในเมือง
ครั้งหนึ่งมี เศรษฐี 4 คน ได้อัญเชิญฤาษีทั้งสี่ ไปที่บ้านของตน
เมื่อฤาษีบริโภคอาหารแล้ว ได้เล่าให้เศรษฐีฟังถึง
สมบัติในเมืองต่างๆทีตนได้เคยไปเยือนมา
ฤาษีองค์หนึ่งเล่าถึงสมบัติของพระอินทร์
องค์ที่สองเล่าถึง สมบัติของพญานาค
องค์ที่สาม เล่าถึงสมบัติพญาครุฑ
องค์สุดท้ายเล่าถึง สมบัติของพระราชาธนัญชัย แห่งเมืองอินทปัตต์

เศรษฐีทั้งสี่เลื่อมใสอยากจะได้สมบัติเช่นนั้นบ้าง
ต่างก็ พยายามบำเพ็ญบุญ ให้ทาน รักษาศีลและอธิษฐาน
ขอให้ได้ไปเกิดเป็นเจ้าขอสมบัติดังที่ต้องการ
ด้วยอำนาจแห่งบุญ ทาน และศีล
เมื่อสิ้น อายุแล้ว เศรษฐีทั้งสี่ก็ได้ไปเกิดในที่ที่ตั้งความปรารถนาไว้ คือ

คนหนึ่งไปเกิดเป็น ท้าวสักกะเทวราช
คนที่สองไปเกิดเป็น พญานาคชื่อว่า ท้าววรุณ
คนที่สามไปเกิดเป็น พญาครุฑ
คนที่สี่ไปเกิดเป็นโอรสพระเจ้าธนัญชัย
เมื่อพระราชาธนัญชัยสวรรคตก็ได้ครองราชสมบัติในเมืองอินทปัตต์

ต่อมา
ทั้งท้าวสักกะ พญานาควรุณ พญาครุฑ และ พระราชา
ปรารถนาจะรักษาศีล ... ถืออุโบสถ (ศีล 8) + บำเพ็ญบุญ ... ให้ทาน

วันหนึ่งบุคคลทั้งสี่เผอิญได้มาพบกันที่สระ โบกขรณี
ด้วยอำนาจแห่งความผูกพันที่มี มาตั้งแต่ครั้งยังเกิด
จึงได้ทักทายปราศรัยกันด้วยไมตรี
แต่เมื่อสนทนาก็ถกเถียงกันว่า ศีลของใครประเสริฐที่สุด

ท้าวสักกะ ว่า
พระองค์ทรงละทิ้งสมบัติทิพย์ในดาวดึงส์ มา บำเพ็ญ พรตอยู่ในมนุษย์โลก
ศีลของพระองค์ จึงบริสุทธิกว่าผู้อื่น

พญานาควรุณ ว่า
ธรรมดาครุฑนั้น เป็นศัตรูตัวร้ายของนาค เมื่อตนได้พบกับพญาครุฑ กลับสามารถ อดกลั้นความโกรธเคืองได้ จึงนับว่า ศีลของ ตนบริสุทธิ์กว่าผู้อื่น

พญาครุฑว่า
ธรรมดานาคเป็นอาหารของครุฑ ตนได้พบ นาคแต่ สามารถอดกลั้นความอยากใน อาหารได้ นับว่าศีลของตนประเสริฐที่สุด

พระราชา ว่า
พระองค์ได้ทรงละ พระราชวังอันเป็นสถานที่สำราญ พรั่งพร้อม ด้วยเหล่านารีที่เฝ้าปรนนิบัติ มาบำเพ็ญธรรม แต่ลำพังเพื่อประสงค์ความสงบ ดังนั้นจึงควร นับว่า ศีลของพระองค์ บริสุทธิ์ที่สุด

ทั้งสี่จึงชวนกันไปหาวิธุรบัณฑิต เพื่อให้ ช่วยตัดสิน
วิธุรบัณฑิตจึงถามว่า
"เรื่องราวเป็น มาอย่างไรกัน ข้าพเจ้าไม่อาจตัดสินได้หากไม่ ทราบเหตุอันเป็นต้น เรื่องของปัญหาอย่างละเอียด ชัดเจนเสียก่อน"

แล้วทั้งสี่ก็เล่าถึงเรื่องราวทั้งหมด วิธุรบัณฑิตฟังแล้วก็ตัดสินว่า

"คุณธรรมทั้งสี่ ประการนั้น ล้วนเป็นคุณธรรมอันเลิศทั้งสิ้น
ต่างอุดหนุน เชิดชูซึ่งกันและกัน ไม่มีธรรมข้อไหน ต่ำต้อยกว่ากันหรือเลิศกว่ากัน
บุคคลใดตั้งมั่น อยู่ในคุณธรรมทั้งสี่นี้ ถือได้ว่าเป็นสันติชนในโลก"

ทั้งสี่เมื่อได้สดับคำตัดสินนั้น ก็มีความชื่นชม ยินดีในปัญญาของวิธุรบัณฑิต
จึงได้บูชาความสามารถของวิธุรบัณฑิต ด้วยของมีค่าที่เป็นสมบัติของตน

เมื่อพญานาควรุณกลับมาถึงเมืองนาคพิภพ
พระนางวิมลา มเหสีได้ทูลถามขึ้นว่า
"แก้ว มณีที่พระศอของ พระองค์หายไปไหน"
พญานาควรุณตอบว่า
"เราได้ถอดแก้วมณี ออกให้กับวิธุรบัณฑิต ผู้มีสติ ปัญญาเฉียบ แหลม
มีวาจาอันประกอบด้วยธรรมไพเราะ จับใจเราเป็นอย่างยิ่ง
และไม่ใช่แต่เราเท่านั้น ที่ได้ให้ของอันมีค่ายิ่งแก่วิธุรบัณฑิต
ทั้งท้าว สักกะเทวราช พญาครุฑ และพระราชา
ต่างก็ ได้มอบของมีค่าสูง เพื่อบูชาธรรมที่วิธุรบัณฑิต แสดงแก่เราทั้งหลาย"
พระนางวิมลาทูลถามว่า "ธรรมของวิธุร บัณฑิตนั้นไพเราะจับใจอย่างไร"
พญานาค ทรงตอบว่า
"วิธุรบัณฑิตเป็นผู้มีปัญญา เฉียบแหลม รู้หลักคุณธรรมอันลึกซึ้ง
สามารถแสดงธรรมเหล่านั้น ได้อย่าง ไพเราะจับใจ
ทำให้ผู้ฟังเกิดความชื่นชม ยินดีในสัจจะแห่งธรรมนั้น"
พระนางวิมลาได้ฟังดังนั้นก็เกิดความปราถนา จะได้ฟังวิธุรบัณฑิตแสดงธรรม
จึงทรงทำ อุบายว่าเป็นไข้
ต้องกินหัวใจของวิธุรบัณฑิต
นางอริทันตี ธิดาพญานาค
เห็นพระบิดา วิตกกังวลจึงถามถึงเหตุที่เกิดขึ้น
จึงป่าวประกาศให้บรรดาคนธรรพ์ นาค ครุฑ มนุษย์ กินนร
หากผู้ใด สามารถนำหัวใจวิธุรบัณฑิตมาให้ นางได้ นางจะยอมแต่งงานด้วย

ปุณณกยักษ์ผู้เป็นหลานของ ท้าวเวสุวัณมหาราชผ่านมา
ได้เห็นนางอริทันตีก็นึกรักอยากได้เป็น ชายา
ก็ไปสู่ราชสำนัก ของพระราชาธนัญชัย เล่นพนันสกา
ว่า ยกเว้นตัวเรา เศวตฉัตร และ มเหสีแล้ว เจ้าจะขออะไรก็จะให้ทั้งนั้น
ปุณณกยักษ์ชนะก็ขอวิธุรบัณฑิต
พระราชาธนัญชัยว่าวิธุรบัณฑิตนั้นก็เปรียบได้กับตัวเราเอง
เราบอกแล้วว่า ยกเว้นตัวเรา เศวตฉัตร และ มเหสีแล้ว เจ้าจะขออะไรก็จะให้ทั้งนั้น
ปุณณกยักษ์ขอให้วิธุรบัณฑิตเป็นผู้ตัดสินดี

เมื่อ พระราชาให้ไปตามวิธุรบัณฑิตมา ปุณณก ยักษ์ก็ถามว่า
"ท่านเป็นทาสของพระราชา หรือว่าท่านเสมอกับพระราชา หรือสูงกว่า พระราชา"
วิธุรบัณฑิตตอบว่า
"ข้าพเจ้า เป็นทาสของพระราชา พระราชาตรัสสิ่งใด ข้าพเจ้าก็ จะทำตาม ถึงแม้ว่าพระองค์จะ พระราชทานข้าพเจ้าเป็นค่าพนัน ข้าพเจ้า ก็จะยินยอมโดยดี"
พระราชาได้ทรงฟังวิธุรบัณฑิตตอบดังนั้น ก็เสียพระทัย
ว่าวิธุรบัณฑิตไม่เห็นแก่ พระองค์กลับไปเห็นแก่ ปุณณกยักษ์ ซึ่ง ไม่เคยได้พบกันมาก่อน
วิธุรบัณฑิต จึงทูลว่า
"ข้าพระองค์จักพูดในสิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่ เป็นธรรมเสมอ ข้าพระองค์
จักไม่ หลีกเลี่ยงความเป็นจริงเป็นอันขาด
วาจา อันไพเราะนั้นจะมีค่าก็ต่อ เมื่อประกอบ ด้วยหลักธรรม"

พระราชาได้ฟังก็ทรงเข้าพระทัย แต่ก็มี ความโทมนัสที่จะสูญเสียวิธุรบัณฑิตไป
จึงขออนุญาตปุณณกยักษ์ ให้วิธุรบัณฑิต ได้แสดงธรรมแก่พระองค์เป็นครั้ง
สุดท้าย ปุณณกยักษ์ก็ยินยอม

วิธุรบัณฑิตจึงได้แสดงธรรมของผู้ครองเรือนถวายแด่พระราชา
ครั้นเมื่องแสดงธรรมเสร็จแล้ว ปุณณกยักษ์ก็ สั่งให้วิธุรบัณฑิตไปกับตน
เพราะพระราชา ได้ยกให้เป็นสิน พนันแก่ตนแล้ว
วิธุรบัณฑิต จึงกล่าวแก่ปุณณกยักษ์ว่า
"ขอให้ข้าพเจ้า มีเวลาสั่งสอนบุตรและภรรยาสักสามวันก่อน
ท่านก็ได้เห็นแล้วว่าข้าพเจ้าพูดแต่ความเป็นจริง พูดโดยธรรม
มิได้เห็นแก่ผู้ใดหรือสิ่งหนึ่ง สิ่งใด ยิ่งไปกว่าธรรม
ท่านได้เห็นแล้วว่าข้าพเจ้า มีคุณ แก่ท่าน ในการที่ทูลความเป็นจริงแก่พระราชา
ฉะนั้นขอให้ท่านยินยอมตามความประสงค์ ของข้าพเจ้าเถิด"

ปุณณกยักษ์ได้ฟังดังนั้น ก็เห็นจริงในถ้อยคำ ที่วิธุรบัณฑิตกล่าว
จึงยินยอมที่จะพักอยู่เป็น เวลาสามวัน เพื่อให้วิธุรบัณฑิตมีเวลาสั่งสอน บุตรภรรยา
วิธุรบัณฑิตจึงเรียกบุตรภรรยา มาเล่าให้ทราบความที่เกิดขึ้น
แล้วจึงสอนบุตร ธิดาว่า
"เมื่อพ่อไปจากราชสำนักพระราชา ธนัญชัยแล้ว
พระองค์อาจจะทรงไต่ถามเจ้า ทั้งหลายว่า
พ่อได้เคยสั่งสอนธรรมอันใดไว้บ้าง
เมื่อพวกเจ้ากราบทูลพระองค์ไป
หากเป็นที่พอ พระทัยก็ อาจจะตรัสอนุญาตให้เจ้า นั่งเสมอ พระราชอาสน์
เจ้าจงจดจำไว้ว่า ราชสกุลนั้น จะมีผู้ใดเสมอมิได้เป็นอันขาด
จงทูลปฏิเสธ พระองค์ และนั่งอยู่ในที่อันควรแก่ฐานะของตน"

จากนั้น วิธุรบัณฑิตก็แสดงธรรมชื่อว่า ราชวสดีธรรม
อันเป็นธรรมสำหรับข้าราชการ จะพึงปฏิบัติ
เพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน
เพื่อเป็นหลักสำหรับ ยึดถือในการปฏิบัติหน้าที่
และการแก้ไข ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

วิธุรบัณฑิตกล่าวในที่สุด ว่า
"เป็นข้าราชการต้องเป็นผู้สุขุมรอบคอบ ฉลาดในราชกิจ
สามารถจัดการต่างๆ ให้ดำเนินไปโดยเรียบร้อย
รู้จักกาล รู้จักสมัย ว่าควรปฏิบัติอย่างไร"

เมื่อได้แสดงราชวสดีธรรมแล้ว วิธุรบัณฑิต
จึงได้ออกเดินทางไปกับปุณณกยักษ์

ในระหว่าง ทางปุณณยักษ์คิดจะเอาแต่หัวใจของวิธุรบัณฑิตเพื่อความสะดวก
คิดฆ่าวิธุรบัณฑิตด้วยวิธีต่างๆ แต่ ก็ไม่เป็นผล

ในที่สุด

วิธุรบัณฑิตจึงแสดง ธรรมสาธุนรธรรม คือ ธรรม ของคนดี แก่ปุณณกยักษ์
ว่า
บุคคลที่มีอุปการคุณ
ชื่อว่าเป็นเผาฝ่ามือ อันชุ่มเสีย
ชื่อว่าเป็นผู้ประทุษร้าย ต่อมิตรด้วย
ไม่ควรตกอยู่ในอำนาจของ สตรีที่ประพฤติการอันไม่สมควร

ปุณณกยักษ์ได้ฟังธรรม
ก็รู้สึกผิดว่า วิธุรบัณฑิตมีอุปการคุณแก่ตน ไม่ควรจะกระทำร้ายหรือแม้แต่คิดร้าย
จึงตัดสินใจว่าจะพาวิธุรบัณฑิตกลับ ไปยังอินทปัตต์
แต่วิธุรบัณฑิต ว่า
"นำข้าพเจ้าไปนาคพิภพเถิด
ข้าพเจ้า ไม่เกรงกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น
ข้าพเจ้าไม่เคย ทำความชั่ว ไว้ในที่ใด
จึงไม่เคยรู้สึกกลัวว่า ความตายจะมาถึงเมื่อไร"

ปุณณกยักษ์จึงนำวิธุรบัณฑิตไปเฝ้า พญานาควรุณในนาคพิภพ
วิธุรบัณฑิต ทูลถามว่า สมบัติในนาคพิภพนี้ พญานาควรุณได้มา อย่างไร พญานาควรุณตรัสตอบว่า ได้มา ด้วยผลบุญ เมื่อครั้งที่ได้บำเพ็ญธรรม รักษาศีลและให้ทานในชาติก่อนที่เกิด เป็นเศรษฐี
วิธุรบัณฑิตจึงทูลว่า ถ้าเช่นนั้น
ก็แสดงว่าพญานาควรุณทรงตระหนักถึง กรรม และผลแห่งกรรมดี
ขอให้ทรงประกอบ กรรมดีต่อไป
แม้ว่าในเมืองนาคนี้จะไม่มีสมณ ชีพราหมณ์ที่พญานาคจะบำเพ็ญทานได้
ก็ขอให้ทรงมีเมตตาแก่บุคคล ทั้งหลายใน เมืองนาคนี้
อย่าได้ประทุษร้ายแก่ผู้ใดเลย
หากกระทำได้ดังนั้นก็จะได้เสด็จไปสู่เทวโลก ที่ดียิ่งกว่านาคพิภพนี้

พญานาควรุณได้ฟังธรรมอันประกอบด้วย วาจาไพเราะของวิธุรบัณฑิต
ก็มีความพอ พระทัยเป็นอันมาก
และตรัสให้พาพระนางวิมลา มาพบวิธุรบัณฑิต
เมื่อพระนางทอดพระเนตร เห็นวิธุรบัณฑิตก็ได้ถามว่า
"ท่านตกอยู่ใน อันตรายถึงเพียงนี้
เหตุใดจึงไม่มีอาการ เศร้าโศกหรือหวาดกลัวแต่อย่างใด"
วิธุรบัณฑิตทูลตอบว่า
"ข้าพเจ้าไม่เคยทำความ ชั่วจึงไม่กลัวความตาย ข้าพเจ้ามีหลักธรรม และมีปัญญา เป็นเครื่องประกอบตัว จึงไม่หวั่น เกรงภัยใดๆ ทั้งสิ้น"
พญานาควรุณและพระนางวิมลาพอพระทัย ในปัญญาและความมั่นคงในธรรมของวิธุรบัณฑิต
พญานาควรุณจึงตรัสว่า
"ปัญญานั้นแหละคือหัวใจ ของบัณฑิต หาใช่หัวใจที่เป็นเลือดเนื้อไม่"

จากนั้นพญานาควรุณก็ได้ยกนางอริทันตี ให้แก่ปุณณกยักษ์
ผู้ซึ่งมีดวงตาสว่างไสว ขึ้นด้วยธรรมของวิธุร บัณฑิต
พ้นจากความหลง ในสตรีคือนางอริทันตี
แล้วสั่งให้ปุณณกยักษ์พา วิธุรบัณฑิตไปส่งยังสำนักของ พระราชาธนัญชัย พระราชาทรงโสมนัสยินดีอย่างยิ่ง ตรัสถาม วิธุรบัณฑิตถึงความเป็นไปทั้งหลาย
วิธุรบัณฑิต จึงทูลเล่า เรื่องราวทั้งสิ้น
และกราบทูลในที่ สุดท้ายว่า

" ธรรมเป็นสิ่งสูงสุด บุคคลผู้มี
ธรรมและปัญญาย่อมไม่หวั่นเกรงภยันตราย
ย่อมสามารถเอาชนะภยันตรายทั้งปวง
ด้วยคุณธรรมและด้วยปัญญาของตน
การแสดงธรรม แก่บุคคล ทั้งหลายนั้น
คือการแสดงความจริง ให้ประจักษ์ด้วยปัญญา "

*

ล่างสุด ปูนฉาบกะเทาะ








4.








5. มหาชนก ?








6. พระสุวรรณสาม








7.








8.








9.








10.








เสมา














คันทวย








หน้าบัน พระนารายณ์ทรงครุฑ








พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ








ด้านหลังพระอุโบสถ








ปิดท้ายด้วยศาลหลักเมืองสวรรคโลก

เมืองสวรรคโลก

เดิมอยู่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยในปัจจุบัน

สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี

เป็นเมืองลูกหลวง ชื่อว่า เมืองศรีสัชนาลัย

พ.ศ. 1994

พระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา ... ตรงกับสมัยพระบรมไตรโลกนาถ

ได้ยกทัพมาตีเมืองศรีสัชนาลัย

และทรงเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองเชียงชื่น

พ.ศ. 2017

พระบรมไตรโลกนาถทรงตีเมืองเชียงชื่นคืน

และทรงเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองสวรรคโลก

ในสมัยกรุงธนบุรีถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์

เมืองสวรรคโลกนั้นถูกพม่าข้าศึกเข้ามาตีบ่อยครั้ง

เจ้าเมืองสวรรคโลกจึงตัดสินใจย้ายที่ตั้งเมืองมา

ต่ำลงมาที่บ้านท่าชัย ... ดังเรื่องทำทองโบราณ ...

พ.ศ. 2379

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

ปลัดปกครองเมืองสวรรคโลก ชื่่อนาค

นำงาช้างเนียมไปถวายพระเจ้าอยู่หัว เกิดความดีความชอบ

ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระยาสวรรคโลก

บรรดาศักดิ์เป็น พระยาวิชิตภักดี (ต้นตระกูลวิชิตนาค)

ได้ใช้บ้านพักหรือจวนที่บ้านวังไม้ขอน เป็นที่ว่าการเมืองสวรรคโลก

ดังนั้นเมืองสวรรคโลกจึงย้ายมาจากบ้านท่าชัย

มาที่เมืองสวรรคโลกใหม่ ... วังไม้ขอน

พ.ศ. 2459 เปลี่ยนเมือง เป็น จังหวัดสวรรคโลก

พ.ศ. 2474 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศยุบจังหวัดสุโขทัย

ให้มาอยู่ในความปกครองของจังหวัดสวรรคโลก

พ.ศ. 2482 กระทรวงมหาดไทยสั่งยุบจังหวัดสวรรคโลกให้อยู่ในจังหวัดสุโขทัย









Create Date : 10 กรกฎาคม 2557
Last Update : 7 มกราคม 2562 15:07:28 น.
Counter : 1777 Pageviews.

22 comments
มหาสงกรานต์ '67 (รักโดรนมาก) สมาชิกหมายเลข 7777777
(17 เม.ย. 2567 18:18:19 น.)
The Proud Exclusive Hotel นครปฐม ที่พักทันสมัยใจกลางเมือง แมวเซาผู้น่าสงสาร
(17 เม.ย. 2567 09:22:45 น.)
ตลาดน้ำกวางโจว ดาวริมทะเล
(12 เม.ย. 2567 18:42:45 น.)
Mahar Shwe Thein Taw Pagoda, Royal Jasmine Hotel - Pyin Oo Lwin สายหมอกและก้อนเมฆ
(11 เม.ย. 2567 16:06:34 น.)
  
คนแรก อิอิ...
แอบตามมาเที่ยวบ้านเพื่อนด้วยคนนะคะ
โดย: เนินน้ำ วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:10:56:05 น.
  



อั๊ด ช่า ..

ตาม คุณโอ มา ติด ติด ..

ช่าง เป็น บุญแท้ ...



โดย: คนแอบรัก คุณตุ๊ก .. IP: 101.108.122.94 วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:13:03:31 น.
  
เยี่ยมมากครับ ภาพข้างทางสมบูรณ์ครับ
โดย: ... IP: 110.169.234.129 วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:14:34:32 น.
  
ขอบคุณคุณ ... ค่ะ
สำนวนเดาไม่ได้เลยว่าคุ้นหรือเปล่า
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:09:10 น.
  
วัดนี้หมาดุ โดนลอบกัดด้วยเลยไม่ได้ไปดูโบสถ์หลังนี้เบื่อหมา ไปดูแต่โบสถ์ใหม่ พระสุโขทัยสวยดี บนศาลามีธรรมาสถ์สองหลัง จิตรกรรมที่มาลงเป็นสมัยรัชกาลที่ 3

1. ขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คนซ้ายนั่นละครับ
3. วิทูรชาดก ล่างซ้ายกษัตริย์แพ้พนัน วนไปขวาบนปุณณกยักษ์จับวิฑูรชาดกออกจากเมือง ลากไปหลังม้าด้านบนภาพ
7. น่าจะจันทชาดก พราหมณ์ชื่อกัณฑหาลยุให้พระเจ้าเอกราชาจับจันทกุมารไปขุดหลุมเตรียมบูชายัญ
8. ภูริทัตชาดก ด้านขวาพราหมณ์จับพระภูริทัตที่เป็นนาคบนจอมปลวก
9. นารทชาดก นารทพรหมแปลงเป็นบรรพชิต เอาภาชนะทองใส่สาแหรกข้างหนึ่งคนโทแก้วใส่สาแหรกอีกข้างหนึ่ง ใส่คานทานวางบนบ่าเหาะมาสู่ปราสาท ภาพนี้มาตรฐานไม่เคยเห็นวาดตอนอื่นเลย

ชอบใบเสมาสุโขทัยเป็นหินชนวนใบใหญ่
ขอบคุณสำหรับภาพและเร่ื่องราวดีๆ ครับ

ปล. ภาพที่ 10 ซ้ำกับภาพที่ 3
โดย: ปลาทอง สมองน้อย วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:15:49 น.
  
เรื่องหมาดุ นี้รู้จริงเลยค่ะ
เพราะเห็นอยู่ว่าเข้าทางกุฏิเณรได้
ถามหลวงพ่อว่าเข้าได้ไหม
ท่านบอกว่าทางโน้นหมาเยอะ ดุด้วย ไปทางนี้แหละ

เรื่องเสมาหินชนวน
ที่นี่จะมีแหล่งหินชนวนถ้าจำไม่ผิดที่คีรีมาศ
เสมาสุโขทัยส่วนใหญ่จึงเป็นหินชนวนค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:32:30 น.
  
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ อุโบสถเก่าน่าไปชมมาก
โดย: sawkitty วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:42:09 น.
  
มาตามไปเที่ยว ตามซะเพลินจนจบ
แล้วดันลืมว่าอยู่บ้านใครหวา อิอิ

คุ้นหูว่าได้ยินเสียงชูศรี มีสมมนต์เลยเหรอ
เราไม่คุ้นอ่ะ เกิดไม่ทันอ่ะน้าาาา ฮิ้ววววว

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Karz Music Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog

โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:48:01 น.
  




อืมม ...

ป่าวทำงานเลย ..

ทำแต่เทป ธรรมะ ..

ใกล้ความจริงแล้วค่ะ ..

แต่ .. พอใกล้จะเสร็จ ..

มันผิด หลายจุด .. สลับที่มั่ง ..

"กิน" ยาหม่อง แก้ เวียนหัว ไปหลายขวดแล้ว ..



แย่ .. แย่ ..



โดย: คนฝักใฝ่ ธรรมะ มั่ก .. มั่ก .. IP: 180.180.182.37 วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:19:29:11 น.
  
เป๋นวัดตี้งามดีครับปี้ตุ๊ก
ถ้าบูรณะเสร็จ
ถ้าจะทรงคุณค่าขนาดเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:22:56 น.
  
ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ชอบโต๊ะม้านั่งค่ะ ดูตั้งนาน

โบสถ์ด้านนอกกะข้างในนี่คนละเรื่องเลยนะคะ
เสียดายเนอะพี่ตุ๊ก น่าบูรณะให้ดีจังเลย
วัดไม่ดังเหรอคะ

เดี๋ยวนิคมาใหม่นะคะ ติดไว้ก่อนค่ะ
โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 10 กรกฎาคม 2557 เวลา:23:05:42 น.
  
สวัสดีค่า พี่ตุ๊ก ^^
ตามมาเที่ยวดึกค่ะ

อุโบสถเก่าดูขลังจังเลยค่ะ
เป็นนุ่นคงไม่กล้าเข้า
กลัวค่ะ

ภาพเขียนฝาผนังสวยดีนะคะ
ละเอียดเชียวทำไมวัดไม่บูรณะก็ไม่รู้นะคะ

เสียดาย จะได้อยู่นานๆ

ขอบคุณมากๆนะคะ

โดย: lovereason วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:1:03:32 น.
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:4:05:05 น.
  
สวัสดียามเช้าครับพี่ตุ๊ก

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:6:32:26 น.
  
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณตุ๊ก
รอบนี้ตามมาไหว้พระค่ะ ^__^
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
โดย: เนินน้ำ วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:7:29:50 น.
  
เจอกันบ้านปุ๊นว่าฝนกะลังมา
นิคเลยวิ่งแจ้นมาโหวตก่อน



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:16:00 น.
  

อุโบสถกับภาพเขียนฝาผนังสวยมากค่ะพี่ตุ๊ก
อยากไปเห็นด้วยตาจังเลยค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:38:55 น.
  




ตาม คุณอุ้ม มา ค่ะ ..

ขอบคุณ สำหรับโหวต นะคะ ..



จุ๊บ 20 ที ค่ะ ...



โดย: ทาส รัก เธอ ... IP: 180.180.129.85 วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:18:59:22 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้า(น)ป่า Music Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
Tristy Food Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog

แวะไปเที่ยวกับคุณตุ๊กจร้า
เส้นทางนี้ถนนหนทางมัยสวยจัง
พาไปเที่ยววัดแถวสุโขทัยด้วย
ช่วงนี้หยุดยาว...คุณตุ๊กคงได้เที่ยวไปหลายที่
ทั้งเพลินทั้งสนุกเก็บเกี่ยวเป็นประสบการณ์
ขอบคุณที่แชร์จ๊ะ
โดย: tui/Laksi วันที่: 11 กรกฎาคม 2557 เวลา:23:54:05 น.
  
ไม่เคยไปที่นี่เลยค่ะ สวยงามมากโดยเฉพาะภาพวาดฝาผนัง กรมศิลปากรน่าจะมาเห็นและซ่อมแซมให้ดีกว่านี้ น่าเสียดายมากสมบัติเก่าแก่ของชาติไทย
โดย: Maeboon วันที่: 14 กรกฎาคม 2557 เวลา:18:23:12 น.
  
งามค่ะพี่ตุ๊ก เห็นท่าจะจริง ภาพยังสีสวยอยู่เลย ถ้าจะชำรุดก็เพราะวางของพิงนี่แหละ

พระสองพี่น้อง ยิ่งมีคนมาไหว้ยิ่งใหม่เอี่ยม หลวงพ่อเข้าใจพูดนะคะ

เป็นหนูก็กลัวค่ะ เงียบๆ ด้วย กลัวงูด้วย อย่างอื่นด้วย


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 14 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:56:47 น.
  
โดย: NFL วันที่: 15 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:59:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tuk-tukatkorat.BlogGang.com

tuk-tuk@korat
Location :
นครราชสีมา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 148 คน [?]

บทความทั้งหมด