ตอน 1 เจ้านายจอมดุ



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ จางปินปินผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เลอตีปาปา
ที่โรงแรมแห่งหนึ่งมุกดาก็ได้ทำงานอยู่ที่นี่ ในแผนกซักอบรีด มีหน้าที่นำเสื้อผ้าของแขกไปซัก ก่อนจะจัดการอบแห้งและซักแห้ง ก่อนจะรีดและแขวนชุดอย่างเรียบร้อย นำกลับมาส่งให้กับแขกที่มาพักในโรงแรม หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงยีนส์ที่พอดีตัว ผูกด้วยผ้ากันเปื้อนสีขาว สกรีนด้วยโลโก้ของโรงแรม หญิงสาวมีใบหน้าที่อ่อนหวาน ผิวนวลเนียน นัยน์ตากลมโต บนศีรษะก็มีหมวกสีชมพูสวมไว้เพื่อกันฝุ่นละออง และเส้นผมตกปรกลงมายังใบหน้า มัดเส้นผมเป็นหางม้า ใบหน้าได้รับการแต่งแต้มอย่างอ่อนๆ

มุกดาที่มาทำงานที่นี่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย นอกจากทำงานเพียงอย่างเดียว พอเลิกงานเธอก็จะได้กลับบ้านไป ความสุขของเธออยู่ที่บ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำก็เพื่อคนที่รออยู่ที่บ้านเพียงคนเดียวเท่านั้น พลางนึกถึงเด็กหญิงตัวน้อย แก้มยุ้ยสีชมพูทั้งสองข้าง กับเส้นผมหยิกหยักศก นัยน์ตากลมโต และเรียวปากหยักได้รูป ที่ละม้ายคล้ายผู้เป็นพ่ออย่างเหลือเกิน ตอนนี้ลูกสาวอายุ 4 ขวบแล้ว

แม้เธอจะรักเขามากแค่ไหน แต่มุกดาก็ไม่อาจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาได้ เพราะมีเหตุผลที่บอกเขาไม่ได้ ให้ยังไงเขาก็ไม่มีทางที่จะเชื่อในสิ่งที่ตนเองบอกอย่างเด็ดขาด

และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ ชีวิตเธอกับครอบครัวอาจจะไม่ปลอดภัย ทางออกของเรื่องนี้ก็คือการที่เธอเดินออกมาจากชีวิตเขาเสีย เพราะจะได้ปกป้องบุคคลที่เธอรักไว้ มุกดานึกถึงชายหนุ่มที่ตนเองได้พบกับเขาในวันที่หญิงสาวมาทำงานเป็นแม่บ้านของบริษัท ที่อีกฝ่ายดำรงตำแหน่งเป็นถึงท่านประธานแห่งบริษัทรีเจนท์ เบสท์ ทัวร์ ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ที่ใหญ่พอควร
เพราะมีชาวต่างชาติมาใช้บริการที่นี่มากทีเดียว เนื่องจากไกด์ของบริษัทพูดภาษาต่างประเทศเก่งมาก ส่วนตัวเธอไม่มีความรู้อะไรมาก จบแค่มัธยมหกเท่านั้น เรียกได้ว่าเทียบอะไรกับอีกฝ่ายไม่ได้เลย เหมือนฟ้ากับเหวเลยล่ะ

วันแรกที่มุกดามาทำงานที่บริษัททัวร์นั้น เธอก็ได้ไปเตรียมทำความสะอาดห้องของท่านประธานพร้อมกับเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกัน ระหว่างที่ถูพื้นไปนั้น ก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องละครที่ได้ดูเมื่อคืนนี้ เป็นเรื่องปกติของพนักงานทุกอาชีพ เรื่องที่คุยกันเสมอก็มักจะไม่พ้นเรื่องของละครที่กำลังฉายอยู่ในช่วงปัจจุบัน สุนทรีซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานก็ได้บอกให้ทราบพร้อมกับเล่าด้วยท่าทางสนุกสนาน

“นี่ๆ มุก เมื่อคืนดูละครรึเปล่า”

“ละครอะไรเหรอ” หญิงสาวย้อนถามกลับไป

“ก็ละครเรื่องใหม่ที่เพิ่งมาฉายไง เรื่องลวงใจรักน่ะ”

“อ๋อ ได้ดูสิ”

“พระเอกหล่อมากๆ เลยเนอะ” มุกดาก็พยักหน้าตอบกลับไป

“ใช่ หล่อมาก หล่อสุดๆ เลยล่ะ ถ้ามีแฟนหล่อแบบนั้นนะ รักตายเลย”

เธอแสดงความคิดเห็นออกมาด้วยใบหน้าที่เกลื่อนรอยยิ้ม มุกดาเป็นสาวสดใส ยิ้มเก่ง มองโลกในแง่ดี มีน้ำใจ ทำให้เธอมีเพื่อนชื่นชอบหลายคน

“เขาให้มาทำงานนะ ไม่ได้ให้มาคุยกัน” ชายหนุ่มบังเอิญเดินผ่านทางหน้าประตูก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเข่นเขี้ยว ใบหน้าคมดูเคร่งขรึมอย่างมาก ทำให้มุกดาจำต้องหุบปากและเอ่ยกับเขาอย่างรู้สึกผิด

“ขอโทษค่ะ”

“ถ้าจะคุยเรื่องผู้ชายล่ะก็ ไว้รอให้เลิกงานก่อนดีไหม ใครมาได้ยินคงดูไม่ดีน่ะ คิดว่าจ้างพนักงานมาคุยเรื่องไร้สาระมากกว่ามาทำงาน”

น้ำเสียงเข้มเอ่ยและมองมายังใบหน้านวลของหญิงสาวด้วยแบบเจาะจงให้รับรู้ว่าเขาพูดถึงเธอน่ะล่ะ

มุกดาจึงถูพื้นต่อไปเงียบๆ แบบไม่กล้าพูดอะไรอีก ซึ่งพอเขาเดินผ่านไป สุนทรีก็บ่นงึมงำอย่างแสดงความคิดเห็นในตัวของเจ้านายหนุ่ม

“ดุจัง แค่คุยกันตอนทำงานเท่านั้นเอง”

“นั่นสิ” มุกดาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ทั้งสองก็ต่างทำงานตามหน้าที่ของตนเองต่อไป ระหว่างที่ทำงานอยู่ในห้องนั้นก็มองเห็นกรอบรูปของเขาวางอยู่ สุนทรีก็เผลอวิจารณ์ออกมา

“คนรวยนี่ดีนะ ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ อย่างเราจะได้ไปบ้างไหมนะ”

“จริงด้วย สงสัยคงได้ไปแต่ประเทศใกล้บ้านน่ะล่ะ”

เธอคิดว่าคงจะไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวข้องกับเจ้านายหนุ่มมากนัก เพราะเธอไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวกับธุรกิจทัวร์ นอกจากทำความสะอาดห้องให้กับเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เดชะบุญโชคชะตาก็ทำให้เธอได้ไปเกี่ยวข้องกับเขา เมื่อหญิงสาวกลับมาที่บ้าน ก็เดินไปยังกล่องจดหมายทางด้านนอก เพื่อเก็บจดหมายและบิลต่างๆ เพื่อนำมาจ่ายเงิน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ

พลางหยิบและเดินเข้าไปในบ้าน ที่บ้านนี้มุกดาอยู่กับพ่อและแม่ที่รักเธอมาก แต่ทั้งสองมีฐานะยากจน ไม่มีเงินที่จะส่งเธอเรียนสูงๆ เหมือนคนอื่น เพราะพ่อกับทำงานเป็นแค่ลูกจ้างเสียบลูกชิ้น กับพ่อที่มีหน้าที่เข็นผักส่งให้กับแม่ค้า ฐานะของเธอเรียกได้ว่าขัดสนเลยล่ะ มุกดาก็เลยต้องมาช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระด้วยการมาสมัครเป็นแม่บ้าน ซึ่งตอนนี้เธอก็ช่วยแบ่งเบาภาระของบิดากับมารดาได้พอควร

มือเรียวฉีกซองจดหมายที่ไม่คุ้นเคยออกดู ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างกับสิ่งที่อยู่ภายใน เมื่อเธออ่านรายละเอียดที่อยู่บนกระดาษออกมา

“คุณคือผู้โชคดีที่ได้รางวัลไปเที่ยวเกาหลี 2 ที่นั่ง พร้อมที่พักและพ็อกเก็ตมันนี่ จัดโดยบริษัทเอแคลร์ บิวตี้” เป็นบริษัทที่มาเปิดตัวเครื่องสำอางค์ยี่ห้อใหม่ ที่กลุ่มวัยรุ่นและสาวๆ ต่างซื้อใช้กันอย่างมากมาย เพราะราคาไม่แพงมาก แถมหาซื้อก็ง่ายเนื่องจากมีวางขายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง ซึ่งเธอกับเพื่อนก็ใช้เครื่องสำอางค์ยี่ห้อนี้เช่นกัน มุกดาตะโกนออกมาเสียงดัง

“วู้ ดีใจ ได้ไปเกาหลี”

“จริงเหรอมุก” มารดาที่นั่งอยู่ด้วยสอบถามซ้ำเหมือนไม่เชื่อหู

“จริงจ้ะแม่ มุกได้รางวัลไปเที่ยวเกาหลี แม่ไปกับมุกนะ”

“ไม่เอาหรอก แม่ไม่ชอบนั่งเครื่องบิน” อีกฝ่ายสั่นหน้าไปมา

“พ่อก็ได้” พลางหันมาทางบิดา

“พ่อก็ไม่กล้าขึ้นเหมือนกัน ไปกับไอ้สุ่นละกัน” นายวิชาบอกกับลูกสาว

ดังนั้นรางวัลส้มหล่นนี้จึงตกเป็นของสุนทรีไปโดยปริยาย พออีกฝ่ายรับรู้ว่าตนเองจะได้ไปเที่ยวเกาหลีกับมุกดาก็ดีใจยกใหญ่ทีเดียว

“เย้ๆ ได้ไปเที่ยวเกาหลี ดีใจที่ซุ้ด”

“อย่าลืมเก็บหนุ่มเกาหลีมาฝากด้วยล่ะมุก” เพื่อนคนอื่นก็พลอยดีใจไปกับเธอด้วย

“แน่นอน ไม่พลาดเก็บหนุ่มเกาหลีมาฝากอยู่แล้ว” ซึ่งเธอหมายถึงเก็บภาพต่างหาก แต่ถ้าได้เพื่อนหรือแฟนเกาหลีกลับมาก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้

ซึ่งประโยคที่ธราธิปได้ยินอย่างชัดเจนในระหว่างเดินดูงานในบริษัท เขาจดจำเสียงอีกฝ่ายได้ว่าเป็นของใคร ยายผู้หญิงบ้าผู้ชายไงล่ะ คุยอยู่แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวตลอด

“บ้าผู้ชายจริงๆ  ยายนี่”

เขาได้แต่มองและส่ายหน้าไปมา พร้อมกับประเมินการไปด้วย ก็อย่างว่าเป็นแค่แม่บ้านในบริษัท ความรู้น้อย คงไม่มีอะไรที่คุยมีสาระหรอก ชายหนุ่มไม่ได้พูดแต่ใช้สายตามองแทนพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินไปดูงานของตนเองต่อไปอย่างไม่ใส่ใจอีก

ซึ่งมุกดากับสุนทรีก็นั่งรถไปรับรางวัลที่บริษัทขายเครื่องสำอางค์ ด้วยท่าทางตื่นเต้นในชุดเสื้อกั๊กกับกระโปรงยีนส์สั้น มองเห็นพรีเซนเตอร์ที่ถ่ายโฆษณาทั้งหญิงทั้งชาย สุนทรีที่ชอบชายหนุ่มคนหนึ่งนั่นก็คือทีโอ หนุ่มลูกครึ่งเกาหลี เธอก็รีบชักชวนเพื่อนสนิท

“นั่นๆ ทีโอ พวกเราไปขอลายเซนต์กัน ส่วนนั่นน้องติ้วด้วย ดูสิทั้งหล่อทั้งสวย”

“ใช่ๆ หญิงสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย โดยทั้งสองก็พากันจูงมือเดินเข้าไปหาพรีเซนเตอร์ทั้งสองอย่างชื่นชอบ

“ดีใจที่ได้เจอคุณทีโอกับน้องติ้วค่ะ ขอถ่ายรูปกับขอลายเซนต์หน่อยได้ไหมคะ” สุนทรีเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม

“พวกเราชื่นชอบคุณสองคนมากเลยค่ะ”

“ใช่ค่ะ” มุกดาพลอยเออออห่อหมกตามไปด้วย

“ขอถ่ายรูปเป็นที่ระทึกหน่อยนะคะ” สุนทรีเอ่ยขออนุญาตกับทั้งสองคน

“ได้ค่ะ” ดาราทั้งสองยิ้มตอบรับกลับไป ทั้งคู่ยิ้มหวานและโพสท่าเป็นอย่างดีเพื่อให้รูปออกมาดูดี แชะ

“ขออีกภาพหนึ่งนะคะ” ทั้งสองต่างผลัดกันถ่ายเคียงข้างดาราที่ชื่นชอบ

“ขอลายเซนต์หน่อยได้ไหมคะ”

“ได้ค่ะ ได้ครับ” ดาราทั้งสองตอบพร้อมกัน

“ให้เซนต์ตรงไหนดีนะ เซนต์เสื้อก็ได้ค่ะ” สุนทรีนำเสนอออกมา

“เสื้อเลยเหรอคะ” น้องติ้วทำนัยน์ตาโตแก้มป่อง

“ใช่ค่ะ” พลางพยักหน้าบอก

ดังนั้นทั้งคู่จึงได้ลายเซนต์มาอวดเพื่อนๆ แล้ว ก่อนจะเดินไปรับรางวัลจากทางบริษัทด้วยความปรีติยินดีอย่างมาก
++++++++++++++++
เฮียซันจะดุไปไหนคะ เดี๋ยวหนูมุกไม่รักนะเออ มาอ่อยให้อ่านก่อนค่ะ ถ้าชอบก็เม้ันท์เป็นกำลังใจให้ไรท์หน่อยนะคะ ช่วงนี้ไรท์เทรดแต่เงินค่ะ


 



Create Date : 10 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2562 23:58:15 น.
Counter : 3000 Pageviews.

0 comments
เวลาที่หายไป - บทที่ 22 ดอยสะเก็ด
(20 มี.ค. 2567 14:40:13 น.)
ถนนสายนี้มัตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 347 : ติดเป็นนิสัย ตะลีกีปัส
(20 มี.ค. 2567 14:10:12 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 7 : กะว่าก๋า
(18 มี.ค. 2567 06:03:40 น.)
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 347 :: กะว่าก๋า
(16 มี.ค. 2567 05:24:45 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tonkhow.BlogGang.com

tonkho-w
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]