ปลูกยางพาราและพืชเศรษฐกิจอื่นๆ รองรับความต้องการของตลาดโลก

ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝั่งเอเชียของเราก็มีการขยายตัวที่เกือบจะเรียกได้ว่าก้าวกระโดดเลยทีเดียว โดยเฉพาะประเทศจีน, อินเดีย และเวียดนาม การขยายตัวของเศรษฐกิจค่อนข้างพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนบางครั้ง บางประเทศต้องออกมาเบรกตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ชะลอการเจริญเติบโตลงบ้าง มิฉะนั้นจะทำให้ให้เกิดความแตกต่างระหว่างรายได้ของประชาชนในประเทศมากเกินไปไม่สมดุล ทำให้เกิดการใช้ทรัพยาการกันอย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิง, สินแร่, ไฟฟ้า, น้ำดื่ม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยางพารา ซึ่งในขณะนี้ประเทศจีนมีความต้องการเป็นอย่างมาก เพราะต้องนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตยางรถยนต์, ยางรถจักรยานยนต์, รถจักรยาน และวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในประเทศ
ดังจะสังเกตได้จากราคายางพาราในประเทศของเราในช่วงนี้ (ตุลาคม – ธันวาคม พ.ศ.2550) ก็ยังอยู่ในราคาที่ค่อนข้างจะสูงประมาณ 65 – 73 บาท ซึ่งเปรียบเทียบกับยุคเศรษฐกิจในช่วงขาลงอย่างนี้ ซึ่งไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนก็จะเห็นข้าวของค่อนข้างที่จะมีการปรับราคากันสูงขึ้นอย่างมากมายหลายร้อยรายการ แม้กระทั่งอาหารของคนรายได้น้อยอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จก็ยังอยู่ไม่ได้ ดังนั้นเกษตรกรไทยควรมีการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์เน้นผลิตผลิตผลทางพืชพันธุ์เกษตรให้มีคุณภาพสูงและปลอดสารพิษ ต้องเริ่มต้นมาให้ความสนใจตั้งแต่วันนี้กันแล้วนะครับ มิฉะนั้นถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปสักห้าปี สิบปี มัวแต่ศึกษาเกษตรแบบที่ใช้สารเคมีที่เป็นพิษจนเก่ง จนชำนาญแล้วแต่กลับขายไม่ได้ ขายไม่ออก ก็ทำให้เปล่าประโยชน์ เพราะไม่มีใครยอมรับ เพราะในอนาคตใคร ๆ ก็ต้องหันมาดูแลเอาใจใส่ในคุณภาพชีวิตของตัวเองกันมากขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมตัวผลิตพืชที่เป็นอาหารและเป็นพลังงานด้วย อย่างเช่น ยางพารา, ข้าว, อ้อย, ปาล์ม และ มันสำปะหลัง ฯลฯ เพื่อเตรียมไว้บริการให้กับประเทศที่พัฒนาและมีการขยายตัวทางอุตสาหกรรมอย่างเดียว โดยลืมผลิตพืชไว้เป็นอาหารและพลังงาน
ปัจจุบันชมรมเกษตรปลอดสารพิษ มีบริการให้ข้อมูลและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิชาการเกษตรในรูปแบบปลอดสารพิษ ไม่ว่าจะเป็นตรวจดิน, ตรวจน้ำ, วิเคราะห์ลักษณะโครงสร้างดินว่าควรจะต้องทำการปรับปรุงหรือเพิ่มเติมอะไร การใช้จุลินทรีย์, สารสกัดจากสมุนไพร และหินแร่ภูเขาไฟ ในการบำรุงรักษาจนสามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจำหน่ายได้ ซึ่งบริการตรงนี้จะช่วยให้เกษตรกรที่มีความสนใจในการทำเกษตรแบบปลอดสารพิษ แต่ยังไม่มีพื้นฐานหรือยังไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลยแม้แต่น้อยก็สามารถที่จะทำได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบเล็กๆ หรือขนาดใหญ่เป็นร้อยไร่ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น
Mont






Create Date : 18 ธันวาคม 2550
Last Update : 24 ธันวาคม 2550 21:44:59 น.
Counter : 397 Pageviews.

4 comments
ถั่วควาย หรือ กระจับเขาควาย รู้จักมั้ย สมาชิกหมายเลข 4313444
(13 เม.ย. 2567 04:11:51 น.)
สวนรถไฟ : นกจับแมลงตะโพกเหลือง ผู้ชายในสายลมหนาว
(9 เม.ย. 2567 10:26:41 น.)
นุ่งซิ่นชมสวน๑/๖๗ ตะลีกีปัส
(3 เม.ย. 2567 10:35:45 น.)
ประโยชน์ของขอบคันหิน ไอเดียการตกแต่งสวน สมาชิกหมายเลข 7464993
(30 มี.ค. 2567 10:47:35 น.)
  
เธฃเธ™เธ„เธ•เธˆ เธ•เธ„เธˆ เธ•เธ„เธˆเธ•
โดย: artitaya@hotmail.com IP: 124.121.207.39 วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:10:07:52 น.
  
เธฃเธ™เธ„เธ•เธˆ เธ•เธ„เธˆ เธ•เธ„เธˆเธ•
โดย: artitaya@hotmail.com IP: 124.121.207.39 วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:10:07:53 น.
  
งงหายาก
โดย: ตอง IP: 124.121.207.178 วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:13:14:39 น.
  
แหล่งขายเมล็ดพันธุ์ ต้นตะกูพันธุ์ก้านแดง "บิ๊กเรด” ตราดาวทอง (GOLD STAR Brand) คุณภาพมาตรฐานส่งออก

* เมล็ดตะกูก้านแดง "บิ๊กเรด" ตรา ดาวทอง (GOLD STAR)

* มีกระบวนการผลิตตามมาตรฐาน เมล็ดพันธุ์พืชควบคุม (Seeds Control)

* บรรจุซองฟอลย์ (Foil) ปิดผนึก ประมาณ 300 เมล็ด

* ความงอก (Germination) 80 % ขึ้นไป

* ความบริสุทธิ์ (Purity) 98%

* ราคาซองละ 350 บาท

(โดยธรรมชาติเมล็ดพันธุ์ จะมีอัตราความงอกลดลงเรื่อยๆ ดังนั้น จึงควรที่จะทำการอบ คัดเลือกเมล็ดเสีย เมล็ดลีบ ทำความสะอาด ฯลฯ มีกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ถูกต้อง ตามมาตรฐานการผลิตเมล็ดพันธุ์พืช และบรรจุซองฟอลย์ เพื่อรักษาคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐาน)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
www.grand-biz.com

www.agroforests.com
โดย: แหล่งขายเมล็ดพันธุ์ ต้นตะกูพันธุ์ก้านแดง "บิ๊กเรด” ตราดาวทอง (GOLD STAR Brand) คุณภาพมาตรฐานส่งออก IP: 58.9.234.48 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:20:18:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaigreenagro.BlogGang.com

mont20
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด