ปลูก ข่า รองรับเศรษฐกิจหลังรัฐบาลใหม่ ครัวไทยสู่ครัวโลก ปัจจุบันเครื่องเทศที่จัดเป็นสมุนไพรในครัวเรือนของไทย อย่างเช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบโหระพา กระเพรา กำลังได้รับความนิยมและสนใจกันอย่างมาก ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะร้านอาหารไทยในต่างแดนมีการสั่งนำเข้าไปใช้เป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร ซึ่งมีอยู่มากมายหลากหลายชนิด ซึ่งผู้บริโภคได้ทั้งโภชนาการ และเป็นสมุนไพรรักษาโรคแถมมาอีกด้วย ข่า เป็นอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจในการผลิตและทำตลาด เพราะค่อนข้างที่จะดูแลบำรุงรักษาง่าย ทำให้มีการเพาะปลูกข่าในเชิงพาณิชย์กันอย่างมากมาย จนบางครั้งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาตกต่ำลงอย่างมาก แหล่งที่ปลูกข่ากันมาก ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในแถบภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดอ่างทอง สามารถที่จะพบเห็นได้เกือบทุกอำเภอ ชาวบ้านที่นี่มักนิยมปลูกข่ากันอย่างมาก เพราะว่ามีพ่อค้ามารับซื้อถึงแปลงสะดวกสบายในการจำหน่ายและการขนส่ง จึงทำให้ในช่วงที่ตลาดมีความต้องการมากและราคาดี ชาวบ้านก็จะปลูกกับแทบทุกหลังคาเรือน เริ่มแรกก็ปลูกกันเพียงแต่หัวไร่ ปลายนา เล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะอาชีพดั้งเดิมจะประกอบอาชีพทำนาปลูกข้าวมากกว่า ปัญหาเรื่องโรคและแมลงโดยทั่วไป สำหรับ ข่า ค่อนข้างที่จะสบาย เพราะข่าจะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้สักเท่าไร เนื่องจากเป็นพืชที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณะเฉพาะตัว แมลงและศัตรูพืชส่วนมากจะไม่ค่อยเข้ามารบกวน ปัญหาที่ชาวบ้านหนักใจจะมีอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื่องของเชื้อราที่มักเข้าทำความยุ่งยากลำบากใจนั่นก็คือ การเน่าเสียของหัวข่า (เชื้อรา Sclerotium rolfsii) และโรคตากบตาเสือ (เชื้อรา Phythopthera colocasiae Rac) จึงทำให้เกิดรอยแผล มีตำหนิทำให้เป็นสาเหตุทำให้ราคาผันผวนและตกต่ำได้ ในปัจจุบันนี้ถ้ามีการเตรียมแปลงอย่างพิถีพิถัน โดยการทำการตรวจวัดกรด-ด่างของดินและปรับปรุงให้มีค่าพีเอชอยู่ระหว่าง 6.0-6.5 และใส่ภูไมท์ซัลเฟต หว่านรองพื้น 1 -2 กระสอบต่อไร่ จะช่วยลดปัญหานี้ออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะใน ภู่ไมท์ซัลเฟต จะมีแร่ธาตุ ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน และซิลิก้า ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงรักษาให้ต้นข่ามีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และแข็งแรง โดยเฉพาะ ซิลิก้าที่ละลายน้ำได้จากภูไมท์ซัลเฟต ทำงานร่วมกับ แคลเซียม จึงเป็นตัวหลักในการทำให้ผนังเซลล์ของ ข่า แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จนเชื้อโรคและแมลงต่าง ๆ เข้าทำลายได้ยาก ทำให้หัวข่ามีคุณภาพดี สมบูรณ์ และราคาก็ไม่ตก พ่อค้าที่มารับหรือเหมาซื้อในแปลงก็ชอบ เพราะสามารถทำกำไรได้มาก เนื่องจากผลผลิตต่อไร่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแปลงที่ไม่ได้ใช้จะเห็นความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เกษตรกรหรือสมาชิกท่านใดที่สนใจจะไปดูงาน เพื่อนำประสบการณ์มาประยุกต์ใช้และผลิตเอง หรือมีตลาดหรือช่องทางการจัดจำหน่าย สนใจที่จะรับซื้อข่า หรือสนใจที่จะปลูกข่าแบบปลอดสารพิษ ลองติดต่อสอบถามไปที่ คุณวิชัย สำเร็จผล ซึ่งทำอาชีพปลูกข่า อยู่ที่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 9 ตำบลรำมะสัก อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการปลูกข่าเป็นอย่างดี โทร. 081-298-2108 โดย: 0k IP: 118.172.48.143 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:47:16 น.
ติดต่อคุณวิชัย สำเร็จผล ตามเบอร์โทร. 081-298-2108 ปรากฏว่าไม่ใช่คุณ วิชัย กรุณาตรวจสอบด้วยครับ
โดย: ไพโรจน์ IP: 203.170.249.214 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:57:31 น.
จิงพูดถูก
โดย: ก้อย IP: 125.26.39.161 วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:16:42:52 น.
แด่
โดย: ท่ร้ IP: 118.172.200.174 วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:14:42:23 น.
ขอบคุณสำหรับความรู้นะ
โดย: theen IP: 58.9.71.59 วันที่: 20 ตุลาคม 2552 เวลา:17:21:09 น.
ได้ความรู้ดีคับ
โดย: เล็ก IP: 223.206.154.9 วันที่: 20 มิถุนายน 2554 เวลา:14:45:50 น.
คิดจะทำ ข่า ได้ความรู้มากคับ
โดย: เล็ก หาดใหญ่ IP: 223.206.154.9 วันที่: 20 มิถุนายน 2554 เวลา:14:47:26 น.
|
บทความทั้งหมด
|
คนเอเชียชอบเสาะหาทานของแปลกใหม่ตลอด