วิกฤตแม่น้ำโขง
ภัยคุกคามวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม

แม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำที่มีความยาวที่สุด
เป็นอันดับ 10 ของโลก มีความยาวประมาณ 4,900 กิโลเมตร มีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอันดับสามของโลก รองจากแม่น้ำอะเมซอนของอเมริกาใต้และแม่น้ำแซร์ของแอฟริกา
มีความหลากหลายในวัฒนธรรมวิถีชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่และความหลากหลายทางทรัพยากร
เนื่องจากแม่น้ำโขงไหลผ่าน 6 ประเทศ คือ ไทย จีน พม่า ลาว กัมพูชา
และเวียดนาม จึงทำให้มีการค้นพบพันธุ์ปลากว่า 1,245 ชนิด[1] แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำหลักในการทำมาหากิน เช่น การเกษตร จับปลา ปลูกข้าว ปลูกผัก ทำสวน
การเดินทาง การขนส่งและการค้าขาย เป็นที่หล่อหลอมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ
นอกจากนี้ แต่ละปีก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย
แสวงหาโอกาสที่จะไปพักผ่อนในดินแดนอันสุขและสงบริมฝั่งแม่น้ำโขงในวันหยุดพักผ่อน ดังนั้น
การสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองไทยในฝั่งโขง นอกจากจะเป็นการเพิ่มรายได้
ให้กับประชาชนฝั่งโขงแล้ว ยังลดปัญหาการว่างงาน การอพยพย้ายแรงงานไปสู่เมือง เพราะแม่น้ำโขง
ก็ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามสงบและอบอุ่น ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองไทย
ที่มีลูกค้าแวะเวียนไปเยือนอยู่ไม่ขาด

หลังจากที่เกิดวิกฤตน้ำในแม่น้ำโขงลดปริมาณลงจนแห้งขอด
สามารถเดินข้ามฝั่งถึงกันได้ อันมีข้อสงสัยว่า ความอาเพศในครั้งนี้เกิดจากเหตุผลใดกันแน่
อะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาชน กว่า 100 ล้านคน ที่ร่วมชีวิตในแม่น้ำสายนี้ ต้องได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบต่างๆ
นานา ปัญหาที่คนส่วนใหญ่จะคิดออกเลยทันที ก็คือ จีนได้สร้างเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่และกักน้ำไว้ใช้เฉพาะในประเทศตนยามที่อีกหลายล้านชีวิตต้องได้รับความเดือดร้อน
และการที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล

ใครจะมานั่งโทษตัวเองว่า
“เราต่างหากที่ไม่ใส่ใจ ดูแลสิ่งแวดล้อมเองตั้งแต่ทีแรก” เพราะการที่จีนสร้างเขื่อน
ผลิตไฟฟ้า ก็มีนักลงทุนจากไทยไปทำความร่วมมือเพื่อให้จีนส่งไฟฟ้ามาขายยังไทย
การใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของมนุษย์ มีส่วนทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากันเองทางอ้อม
นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงการใช้สารเคมีในการทำการเกษตรกรรม การระเบิดแก่งหินในแม่น้ำโขง
ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อกายภาพ ภูมิประเทศ ระบบนิเวศน์ สิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย จนกระทบต่อสายพันธุ์สัตว์
ระบบนิเวศน์ ระบบดินฟ้าอากาศ ซึ่งผลสะท้อนจากการกระทำต่างๆ เหล่านี้ อาจจะมีการคิดบัญชีรวบยอดกับมนุษย์เมื่อไหร่ก็ได้

บางทีนี่อาจจะเป็นแค่บทลงโทษขั้นต้น...มาปรับปรุงแก้ไขตัวเราเอง
เพื่อเป็นการขอโทษธรรมชาติจะดีไหม?