เรื่องสั้น - "สะกดจิต" โดย หมีบางกอก เรื่องสั้น สะกดจิต โดย หมีบางกอก เสียงพูดจาด้วยสำเนียงเย้ยหยันเหมือนในละครหลังข่าวดังมาเป็นระยะจากคลื่นวิทยุชุมชน ตามด้วยเสียงแนวผสมโรงจากผู้โทรเข้ามาร่วมรายการ ให้อารมณ์พิลึกๆ ราวกับดูละคร "เชลยศักดิ์" ผสม "ปอปอพาร์ทเม้นต์".... เขาหัวเราะหึๆ กับอาการอินของโชเฟอร์แท็กซี่ที่อดไม่ได้ในการทำเสียงประมาณเห็นด้วยกับโฆษกวิทยุ นี่มันรายการสะกดจิตหมู่หรือกระไร.... ทุกทีเขามักจะยัดหูฟังไอพอดทุกครั้งที่ขึ้นแท็กซี่ ด้วยอยากตัดปัญหาการเสวนาระหว่างผู้โดยสารกับโชเฟอร์ที่บางครั้งมักจะโยงใยเข้ากับเรื่องการเมือง แต่คราวนี้..ปฏิกิริยาของผู้ฟังต่อวิทยุชุมชนคนบ้าสีทำให้เขาต้องยอมอดทนฟังเรื่องราววกวนของการด่าฝ่ายตรงข้ามกับการอวยกันไปมาระหว่างคนฟังกับโฆษก ทฤษฎีการปลุกระดมมวลชนที่เขาเรียนตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยเมื่อสามสิบปีที่แล้วดูท่าจะเวิร์คดีอยู่.... คนไทยเรานิยมการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เลยเป็นเรื่องง่ายสำหรับการสร้างความเชื่อในแนวอุปาทานหมู่ให้เกิดขึ้นกระนั้นหรือ? ดูราวกับทุกคนจะลืมเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อสงกรานต์ปีที่แล้วไปโดยสิ้น ลืมไปหมดว่าได้ทำอะไรกันไว้ ลืมไปหมดว่านายใหญ่เหนือหัวที่เขาเทิดทูนเยี่ยงพระเจ้าได้ปาวๆ อะไรไว้บ้างต่อสาธารณชนทั่วโลก คนเราช่างลืมเรื่องร้ายกาจที่ตัวเองทำไว้ได้ง่ายดายอะไรขนาดนั้น หรือว่านี่คือการสะกดจิตหมู่ที่ประสบความสำเร็จยิ่งจนน่าจะบันทึกลงกินเนสบุ๊ค? พูดถึงสะกดจิต..ทำให้เขานึกไปถึงพิธีกรรมอันอลังการพันลึกในวัดแห่งหนึ่งที่เขาเพิ่งไปร่วมกิจกรรมด้วยความอยากตามใจเพื่อน (ผสมความอยากรู้อยากเห็น) ก็..วัดที่โอฬารใหญ่ยักษ์ที่สุดในประเทศนั่นแหละ วันเวลาที่ผ่านไปกว่ายี่สิบปี ไม่น่าเชื่อว่าวัดแห่งนั้นได้เจริญเติบโตได้มหัศจรรย์พันลึกอะไรขนาดนั้น ช่างน่าอัศจรรย์ใจว่าเอาเงินที่ไหนมาสร้างวัตถุธรรมได้ตระการตาเยี่ยงนี้ พิธีกรรมล่าสุดที่สามารถเกณฑ์คนได้นับหมื่นๆ คนเข้ามาร่วมได้อย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมขบวนแห่แหนราวกับต้อนรับพระนางคลีโอพัตราในยุคอียิปต์โรมันยังเฟื่อง ตามด้วยพลุสว่างไสวที่ยิงสลุตกันยิ่งกว่ามหกรรมกีฬาโอลิมปิค เขานึกถึงสมัยก่อนที่เคยเข้าไปร่วมทำงานให้ด้วยความศรัทธา เขาก็ออกจะทึ่งอยู่กับความเป็นระเบียบระบบ และความศรัทธาของญาติโยมที่เข้ามาร่วมกิจกรรมทำสมาธิกันอย่างมีวินัยเคร่งครัด แต่ความรู้สึกขัดแย้งต่อความก้าวหน้าทางวัตถุธรรมที่เกิดขึ้นและแนวทางการโปรปะกันดาให้โยมทั้งหลายทุ่มทุนทำบุญกันสุดฤทธิ์สุดเดชนั้น ทำให้เขาต้องชะงักงันความศรัทธาของตัวเอง แต่เหตุใดเล่า..วัดนั้นถึงประสบความสำเร็จนักหนากับการชักจูงญาติโยมให้ทำหน้าปลื้มเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียว แถมจูงเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันได้พร้อมเพรียงราวกับกองทหารที่อยู่ในระเบียบวินัยดีเยี่ยม? เขานึกย้อนไปถึงวิธีการทำสมาธิในแนวเพ่งกสิณของที่นั่น วิธีการนี้หากคนรู้จักใช้ในการจูงจิตให้บังเกิดภาพอย่างที่ต้องการ ก็มีสิทธิ์ทำได้เช่นกัน หรือว่า..นี่คือกลวิธีอันเยี่ยมยุทธในการสร้างสมาธิหมู่ให้เกิดขึ้น และง่ายต่อการสะกดให้เชื่อในสิ่งเดียวกันอย่างหัวปักหัวปำ? พาลนึกย้อนไปถึงหนังสารคดียุคสงครามโลกที่เขาเพิ่งได้ชม ฮิตเลอร์ลุกขึ้นตะโกนปาวๆ ทีไร ประชาชนคนเยอรมันต่างพากันกรี๊ดตามกันยิ่งกว่าซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ด เอ..แต่ม็อบคนบ้าสีบ้านเราก็ไม่ต่างกันเลยนี่นะ บางคนถึงกับร้องห่มร้องไห้เป็นลมล้มพับใส่อารมณ์กันชนิดแฟนคลับไมเคิล แจ็กสันยังอาย หรือนี่มันคือการสะกดจิตหมู่ที่ได้ผลเห็นกันจะจะ ... ว่าแล้วก็ต้องรีบตะกุยไอพอดออกมา..คว้าหูฟังยัดใส่หูทั้งสองข้าง..รีบเปิดเพลงโปรดจากบรอดเวย์มิวสิคัลชื่อเพลง Losing My Mind ฟังไปสักพัก...เอ่อ..หรือกรูกำลังใกล้สติหลุดเหมือนเพลงนี้กันหว่า... หูฟังเพลงไป แต่ใจไพล่นึกไปถึงเรื่องนั่งสมาธิอีกแล้ว อนุสนธิเกี่ยวโยงกันกับวัดนั้นแหละ ... เขาจำได้ว่าเมื่อหลายปีมาแล้วเขาได้มีโอกาสเข้าไปฝึกปฏิบัติธรรมในแนวสติปัฏฐาน 4 หลังจากที่เขารู้สึกแคลงใจจากการฝึกสมาธิจากแนวทางของวัดดังกล่าว หลังจากปฏิบัติไปได้ 3-4 วันจนเริ่มเห็นพัฒนาการ เขาก็ได้มีโอกาสเจอกับน้องคนหนึ่ง ยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย มากับพี่เลี้ยงซึ่งเป็นพระ ได้ความว่าถูกส่งตัวมารักษาอาการทางจิต ซึ่งตัวน้องเองเขาก็ยอมรับมิได้มีอาการต่อต้านแต่ประการใด เขาเป็นคนเล่าเองว่าได้มีโอกาสเข้าไปฝึกกสิณกับทางวัดที่ว่านั้นแหละ ซึ่งประสบการณ์ในการนั่งสมาธิที่นั่น ทำให้เขาได้ขึ้นไปบนสวรรค์ สัมผัสกับนางฟ้าเทวดาที่ล่องลอยบินกันให้ว่อน..... เห็นแค่นั้นคงไม่เป็นไร หากไม่เชื่อเป็นจริงเป็นจังว่าเขาบินขึ้นไปอยู่บนนั้นจริงๆ และเริ่มแยกไม่ออกว่าอะไรจริงอะไรเป็นแค่นิมิต ท้ายสุดทางครอบครัวก็เลยพาไปหาท่านสมภารที่อีกวัดหนึ่ง แล้วก็เลยถูกส่งมาที่นี่ เพราะพระอาจารย์แนะนำว่าควรรักษาโดยการฝึกสติเป็นดีที่สุด ในที่สุดการฝึกแนวสมถะ ก็ต้องมาจบด้วยวิปัสสนาอยู่ดี.... แล้วการฝึกกสิณแนวสมถะที่วัดนั้นล่ะ...คนหมู่มาก (แถมเป็นปัญญาชน) ขนาดนั้น ถ้าถูกครอบงำได้พร้อมๆ กันจะเกิดอะไรขึ้น... ได้ข่าวว่าท่านพ่อเจ้าลัทธิสีแดงแรงฤทธิ์ก็เป็นโยมอุปัฏฐากขาประจำวัดนี้อยู่นี่นา หรือว่า...จุดๆๆ..ไม่กล้าจะคิดต่อ... เอ๊ะ ดูท่าเขาจะเพ้อเจ้อออกนอกลู่นอกรอยไปจนลืมดูถนนหนทาง...นี่มันเลยซอยบ้านไปไกลโขแล้วนี่หว่า...โธ่ถัง..นี่ขนาดฝึกสติปัฏฐานมาอย่างดีแล้ว เขารีบดึงหูฟังออก อ้าปากจะเตือนโชเฟอร์ แต่พ่อหนุ่มใหญ่คนขับก็ยังคงอินกับเรื่องราวในวิทยุชุมชน ด่าโขมงโฉงเฉงตามน้ำไปอย่างเมามัน ...เวรกรรม นี่ลัทธิสะกดจิตหมู่นี่มันได้ผลจริงๆ หรือนี่? แวะมาทักทายยามเช้าๆ ค่ะ ^____^
โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:11:28:42 น.
พี่หมี.. กร๊ากกกกส์ส์ส์ส์..
เข้ามาอ่านนี่ คิดไว้ตั้งตะต้นเลยนะพี่ว่าจะโดนสะกดจิตหรือเปล่าหว่า? ที่ไหนได้ อ่านไปหัวเราะก๊ากๆๆๆ ไป พี่หมีนี่นะ.. ช่างแนะแหนได้หนุกหนาน โฮะๆๆ ตัวละคร "เขา" กับสมัยที่เรียนเมื่อสามสิบปีที่แล้วนี่.. ไม่ใกล้ไม่ไกลคนแถวๆนี้เลยนะพี่นะ สรุป.. การไปฝึกสติปัฏฐานมานี่ ไม่สามารถใช้ได้ผลกับความคิด(ฟุ้งไปเรื่อย)ใช่ไหมคะพี่หมี? ปล. เขียนบ่อยๆนะคะ ช้อบบบ ชอบอ่าน หุหุ โดย: ป้าโซ วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:14:45:26 น.
ตังละครตัวนี้คือผมรึป่าวว แต่แตกต่างที่ สามสิบปีก่อนไม่ได้เรียนอะไรมา ฮ๋าๆๆ
แต่ฟัง อะไรบางอย่างบนแท๊กซี่เนี่ย ทุกที ไม่เข้าใจว่าจะให้ผมฟังทำไม เอิ้กๆ โดย: Mr Fame IP: 180.180.106.24 วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:21:39:30 น.
สังเวียนคน ตอน 13 คืนหนึ่งที่เถียงนา ฉากเลิฟซีนเ็ล็ก ๆ ในเถียงนาร้างกลางทุ่ง จะโรแมนติคแค่ไหน และสำคัญต่อชีวิตไอ้ตงอย่างไร คงต้องไปพิสูจน์กันให้รู้ดำรู้แดงแล้วละครับ... โดย: ลุงแว่น วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:7:52:49 น.
สวัสดียามเช้าครับพี่หมี
อ่านจบไปหนึ่งรอบ แต่เดี๋ยวจะกลับมาอ่านอีกรอบครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:8:21:54 น.
หวัดดียามเช้าครับ
เอ...เรื่องสั้นวันนี้มันออกมาประจวบเหมาะเวลาอ๊ะปล่าว ผมฉงนใจจริงๆว่าคนเราวันนี้ขาดที่พึ่งทางใจมากขนาดนี้แล้วหรือ รึว่ายุทธศาสตร์การตลาดมันสะกดจิตกันจนลุกลามไปทุกอณูอากาศของประเทศนี้แล้ว แล้วคนที่ยังไม่ถูกสะกดจิต จะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้นะหรือ ?????? โดย: Dingtech วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:9:43:23 น.
สังเวียนคน ตอน 14. ธนูมือ อะไรคือธนูมือ ? มีความสำคัญกับวงการหมัดมวยอยางไร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ตงด้วย คงต้องไปติดตามเสียแล้ว... โดย: ลุงแว่น วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:7:04:59 น.
สังคมไทยมักเรียกหาความศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อตัวบุคคลหรือสถาบันกันแบบพร่ำเพรื่อ
นั่นกระมัง เป็นเหตุให้คนถูกสะกิดจิตได้ง่าย ๆ ความศรัทธา และเชื่อมั่น เป็นเพียงบันไดขั้นต้น ๆ ที่ชักนำมนุษย์ไปสู่สิ่งต่าง ๆ ในลำดับขั้นที่สูงขึ้นไป แต่ในเมื่อคนที่ชักนำ ก็ไม่ได้มีสิ่งใดสูงไปกว่าลำดับต้นนั้นเลยสักนิด หรืออาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ก็เลยพอใจให้ผู้คนที่ถูกชักนำ ลุ่มหลงอยู่ในลำดับขั้นแห่งความศรัทธาและเชื่อมั่นเพียงเท่านั้น นับเป็นความน่าอดสูใจ ที่พบเห็นได้ทั่วทั้งสังคม... โดย: ลุงแว่น วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:9:07:10 น.
แปลกใจเหมือนกัน วัดนั้น บวชพระแสนรูป
อ้าว นี่ไปแซวเรื่องสั้น ได้ไง ปอบ อพาร์ตเมนต์ เขียนยากเนาะ ...ปอปอพาร์ทเม้นต์ โดย: yyswim วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:12:43:37 น.
ขอบคุณนะค่ะ หมี..อิอิ ที่แวะไปชิมกระดุหมูแซ่บ ไม่ต้องอบในเตาก็ได้ค่ะ โอ้ทเคยทำอบให้หม้อ หรือกระทะที่มีฝาปิด แต่ต้องระวังไหม้ อบไปเรื่อยๆ ไฟอ่อนๆๆ จนกว่าจะแห้งพอใจค่ะ
โดย: Oathpp วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:21:22:17 น.
|
บทความทั้งหมด
|