ข้างหลังภาพ...เดอะมิวสิคัล ตีความตามใจคนทำมากไปหรือเปล่า?



ข้างหลังภาพ..เดอะมิวสิคัล
สุธาสินี พุทธินันทน์.............กีรติ
สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว..............นพพร
โกวิทย์ วัฒนกุล..................เจ้าคุณอธิการบดี
รัดเกล้า อามระดิษ...............นวล


เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยมัธยม จำรายละเอียดไม่ค่อยจะได้..รู้แต่เพียงว่าเรื่องมันนิ่งและบรรยายความในใจเหมือนไดอารี่มากกว่าจะเป็นนิยาย กลับไปชอบเรื่องแรงๆ อย่าง แสนรักแสนแค้น หรือ ปราบพยศ ของศรีบูรพา (เช่นกัน) มากกว่า แต่ยังจำได้เลาๆ ว่าภาพคุณหญิงกีรติในใจของเรานั้น ช่างนิ่ง ลึก..และมีเสน่ห์ชวนพิศวง หาได้เปรี้ยวจ๋าเช่น ม.ร.ว.กีรติฉบับมิวสิคัล ที่เพลิดเพลินกับลีลาอ่อยนพพรในที แถมกล้าหาญชาญชัยประชันแทงโก้กับนพพรกลางลำธารที่มิตาเกะจนน้ำกระจัดกระจาย...ว้าวว

ถึงจะเดินออกมาด้วยความมึนอยู่บ้างกับ “ข้างหลังภาพ” ฉบับรัชดาลัย แต่อย่างน้อยก็มีอาการส่ายหัวในโรงอยู่ไม่มากเท่า “ฟ้าจรดทราย” ความดีงามของเรื่องนี้เห็นทีจะต้องชมโปรดักชั่นดีไซน์ที่ทำได้เริดหรูเข้าท่า เห็นถึงพัฒนาการด้านฉากของละครเวทีบ้านเรา

โดยเฉพาะฉากไฮไลท์ของเรื่องคือ “มิตาเกะ” สถานที่แห่งความทรงจำระหว่างนพพรกับคุณหญิงกีรติ ซึ่งตื่นตา(แบบกราฟฟิกไปนิดดส) ด้วยน้ำตกของจริงเปียกจริง เรียกเสียงฮือฮาจากคนดูที่ได้เห็นน้ำเริ่มไหลลงมาจากโขดหินบ่ามาเป็นสายธารจนตกมาหน้าเวที เปิดโอกาสให้คุณหญิงและนพพรลงไปกระโดดโลดเต้นเริงระบำในลีลาแทงโก้กลางลำธารอย่างเกร๋.. แหม..ถ้าเปลี่ยนเป็นจังหวะวอลซ์น่าจะงามสง่ากว่านี้ได้อีกนะ

ยังมีอีกหลายฉากที่ทำได้เข้าท่าอยู่ทั้งฉากสถานีรถไฟ ฉากล่องเรือน้อย หรือที่ท่าเรือเดินสมุทร รวมทั้งเทคนิคการใช้มัลติมีเดียเชื่อมต่อฉาก โดยเฉพาะภาพวาดของมิตาเกะ ทำให้ดูมีสไตล์กว่าบัลลังค์เมฆหรือฟ้าจรดทราย

แต่สำหรับฉากที่เกี่ยวข้องกับความเป็นญี่ปุ่นทั้งผู้คนและบรรยากาศระบำรำฟ้อนมันดูโหรงเหรงพิกล คงเป็นเพราะคอรัสมีน้อยคนและดูเป็นญี่ปุ่นเก๊ๆ รำพิลึกพิลั่นอยู่ โดยเฉพาะตอนที่ทำเหมือนละครโนะผสมคาบูกิในฝันของนพพร ดูแปร่งๆ ไม่ขลังเหมือนของต้นฉบับเขา

ฉากเปลี่ยนกันเป็นระวิงถี่ยิบเช่นเคยตามสไตล์ซีเนริโอ บางครั้งกระชับเกินจนไม่ได้ทอดอารมณ์ตามสไตล์ของเรื่อง ความสำคัญของการวาดภาพของคุณหญิงดูมีน้อยเกินจะให้ความรู้สึกความเป็น “ข้างหลังภาพ”

รวมไปถึงการแสดงที่ดูแข็งๆ ทั้งลีลาและน้ำเสียง โดยเฉพาะแพท สุธาสินี ในบทของคุณหญิงกีรติ ดูเน้นและแสดงออกเกินแคแรคเตอร์ในหนังสือ ซึ่งควรจะเป็นคนที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก ลีลาของเธอต่อนพพรมันดูให้ท่าในทีจนรู้แต่วินาทีแรกว่าคุณหญิงมีจิตปฏิพัทธ์กับเด็กหน่ม และยังรวมไปถึงบทนวล ต้นห้องของเธอซึ่งแสดงโดยรัดเกล้านั้น ดูดุราวกับแม่ของคุณหญิงก็ไม่ปาน

บุคลิกผู้ดีที่ควรจะนิ่งและขรึม..ซ่อนอารมณ์แต่ฉลาดเฉลียวของคุณหญิงกีรตินั้น..หายไปไหนก็ไม่ทราบ แถมเนื้อเพลงก็บรรยายซะโล่งโจ้งถึงความรู้สึกขณะโต้ตอบกับนพพรที่มิตาเกะเกี่ยวกับความรันทดของการมีสามีที่ไม่ได้รัก ทำให้หมดเสน่ห์ไปถนัดใจ

เข้าใจอยู่ว่าเพลงของคุณหญิงเขียนได้ยาก เพราะควรจะบรรยายอารมณ์ด้วยภาษาที่ไพเราะและซับซ้อนเปรียบเปรยได้เก๋ไก๋ ไม่ใช่เล่าเรื่องเป็นเรียงความกันโต้งๆ แบบนี้...

เสื้อผ้าของคุณหญิงกีรติดูจะตั้งใจให้สวยโดดเด่นกระเด้งกระดอนเป็นอันมากในทุกฉาก จนบางครั้งเหมือนดูจะล้นๆ โดยเฉพาะฉากสำคัญ มิตาเกะ ชุดระบายเป็นชั้นๆ เหมือนนางระบำนั้นดูไม่เหมาะกับกาละเทศะพิกล ทำเอาคุณหญิงของข้าพเจ้ากลายเป็นแต่งตัวไม่เป็นไปซะงั้น แต่ก็ชอบชุดเปิดตัวลายจุดอะนะ มีความพยายามเก็บรายละเอียดจากนิยายได้น่าชื่นชมอยู่




ตัวอย่างจาก ข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล จะบอกให้ว่าเสียงเพลงที่ฟังในนี้สบายหูกว่าของจริงอยู่มาก


บทของนพพรนั้นจริงๆ เป็นตัวดำเนินเรื่อง ซึ่งบี้สุกฤษฏ์ก็ทำได้ไม่เลวเลย ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกแอนตี้เหมือนที่ใครๆ หลายคนเอ่ยถึง รวมไปถึงการร้องเพลงที่ทำได้ไม่ล้นและไม่ขาดเกินไป ถึงจะไม่โดดเด่นมากก็ตาม บทของสามหนุ่มเพื่อนของนพพรก็พอเอาตัวรอดอยู่ ถึงคีย์เพลงจะต่ำไปจนฟังสำเนียงโต้ตอบไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่บ้าง

กลับไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไรกับลีลาการร้องของแพท หรือแม้แต่รัดเกล้า ในบทของนวล ต้นห้องคุณหญิง อาจจะเพราะปัญหาทางเทคนิคของการมิกซ์เสียง เพราะเวลาเธอทั้งสองต้องร้องพ่นไฟประชันกัน หรือต้องร้องเน้นยาวช่วงจบ มักจะกระด้างไม่น่าฟังอยู่เป็นนิจ

ทำให้นึกไปถึงละครเพลงสู่ฝันอันยิ่งใหญ่ ซึ่งระบบการมิกซ์เสียงทำได้ดีกว่ามาก ยิ่งพวกที่เป็นนักร้องโดยพื้นฐานอย่างรพีพร ประทุมอานนท์ หรือนภาดา สุขกฤตจะร้องได้เสียงใสไพเราะน่าฟังจริงๆ

เกือบลืมพูดถึงบทสำคัญอีกบทหนึ่ง นั่นคือท่านเจ้าคุณอธิการบดี(มหาลัยอะไรก็ไม่ทราบจ้ะ) ซึ่งเป็นสามีของ ม.ร.ว.กีรติ ในบทเขียนเอาไว้ให้ทำตัวไม่ว่างท่าเดียว เอะอะโยนคุณหญิงให้นพพรพาเที่ยวตะบี้ตะบัน แล้วมันจะเหลืออะไรกันจ๊ะ

กำลังนึกอยู่ในใจว่าท่านเจ้าคุณจะได้ร้องเพลงไหมหนอ ในที่สุด..โผล่มาตอนท้ายใกล้ตาย มานั่งรถเข็นมาร้องเพลงแบบน่าสงสารซะยาวยืดเกินเหตุ ด้วยความสามารถในการร้องที่..เอ่อ...เล่นเอาข้าพเจ้าถอนใจซะหลายตลบว่าเมื่อไรจะจบเพลงซะที พาลอยากเดดซะมอเร่ตามไปด้วยจริงๆ

ถึงจะนั่งดูไปอย่างเอาใจช่วย หากแต่เพลงนั้นเรื่อยเจื้อยผ่านหูไม่มีเพลงไหนที่โดดเด่นเป็นสง่าให้ฮัมตามได้เลย หลังจากชมฉากนพพรพาคุณหญิงไปล่องเรือน้อยลอยวน จำได้เลาๆ ว่านพพรอุทิศผ้าพันคอมาพันเท้าให้คุณหญิงด้วยเหตุเกรงจะหนาวตะคริวรับประทาน..จากนั้นความรู้สึก(ข้าพเจ้า)ก็เริ่มเบลอๆ..มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินคนดูทำเสียงอื้ออึงเล็กน้อย อุ๊ย..คุณหญิงกำลังคืนผ้าพันคอให้นพพร โดยจัดการเอาไปพันคอให้หนุ่มน้อยเองกับมือ เอ..ข้าพเจ้าพลาดอะไรไปมั่งเนี่ย..หุๆๆ

ลองเดาซิว่าฉากใดเรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราวกว่าเพื่อน...เปล่าๆ ไม่ใช่มิตาเกะดอกน่า กลับกลายเป็นฉากที่สามหนุ่มเพื่อนนพพรออกมาคั่นรายการคุยเรื่องบรรยากาศการเมืองของสยามยุคนั้น อ้อ..ลืมเล่าไปว่าเขาพยายามบวกเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองช่วงเปลี่ยนจากสมบูรณายาสิทธิราชมาเป็นประชาธิปไตย ซึ่งฉากเหล่านี้เปิดโอกาสให้ใส่ลีลาเสียดสีกระทบกระเทียบบรรยากาศการเมืองร่วมสมัยได้จังๆ จึงเรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือได้เกรียวกราว




เบื้องหลังการโปรโมทบางส่วนของ ข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล


เหมือนกับว่า..ตั้งใจจะพยายามเล่าเรื่องให้มัน Sensational กว่าในหนังสือ เปิดโอกาสให้คุณหญิงกีรติแสดงอารมณ์มาก..จนถึงมากที่ซู้ด..มีฉากร้องไห้คร่ำครวญมากมาย แถมมาเน้นๆ ตอนนพพรแต่งงาน ความคลาสสิคในการนำเสนอแบบ “ข้างหลังภาพ” มันเลยอันตรธานไปไหนไม่ทราบ

เข้าใจว่าคงอยากทำให้มันหวือหวาขึ้น..จะได้ตรึงคนดูได้ถึงพระเดชพระคุณให้ติดตามจนจบได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่นิ่งสนิทเหมือนอ่านในหนังสือ แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วให้รู้สึกกระอักกระอ่วนหลุดสไตล์คลาสสิคของเรื่องยังไงบอกไม่ถูก

เหมือนกับในสูจิบัตรกระมัง..ที่ผู้กำกับพยายามพูดถึงการตีความในมุมมองที่แตกต่างของแต่ละคน เขาคงตีความในแบบของเขา..อย่าได้ริอ่านมาวิจารณ์นะยะ...อารายทำนองน้าน...

รอบที่ไปชมนี้เป็นรอบบ่ายของวันพฤหัสซึ่งเป็นรอบที่มีซับไตเติ้ลภาษาญี่ปุ่น เหอะๆๆ กล้าเนอะ กลัวไอ้ยุ่นมันเม้าท์ฉากญี่ปุ่นพวกนั้นจัง หลังจากละครจบยังมีรายการของแถม..เป็นการเสวนาพิเศษของทีมงาน เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เข้าร่วมอีกด้วย

ชมภาพของจริง "มิตาเกะ" ได้ที่บล็อคคุณธูปหอมเทียนสว่างตามลิงค์นี้//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=poupepee&month=12-2005&date=07&group=3&gblog=21






Create Date : 05 กันยายน 2551
Last Update : 7 กันยายน 2551 7:45:04 น.
Counter : 3301 Pageviews.

14 comments
  
เป็นกำลังใจให้คับแล้วก็
เอารอยยิ้มมาฝาก
อยากให้คนไทยรักกัน รักกัน

คลิปเดี่ยว7(ลำปางหนาวมาก)

.............................
ขออนุญาตวางLINK ฮาๆ
เพราะว่าอยากให้ไปหัวเราะ
ไปกลับมาแล้วจะลบก็ได้น๊า
โดย: พลังชีวิต วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:9:15:42 น.
  
ได้อ่านบทวิจารณ์แล้วรู้สึกชื่นใจ
ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ผลิตนะคะ
แต่ชอบอ่านบทวิจารณ์ หรือ การแสดงความคิดเห็น
ชอบดูละครเวทีค่ะ แต่ไม่เคยได้ไปดูของซีเนริโอเลย ที่อยากดูที่สุดก็คงเป็น Man of La Mancha (แต่ก็ไม่ได้ดู ฮืออ ฮืออ)

มาขออาศัยอ่านความเห็นจากบล็อคนี้แทนนะคะ
โดย: Shallow Grave วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:10:01:10 น.
  
อยากไปดูค่ะ เห็นทางแกรมมี่ promote เสียจนทำให้รู้สึกว่า นี่คือละครเวทีที่ดีที่สุดในศตวรรษ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสได้ไปดูไหม

ในส่วนตัวเรา "บัลลังก์เมฆ " ยังคงเป็นละครเวทีอมตะในดาวใจเราอยู่ดี

ขอบคุณมากนะคะสำหรับบทวิจารณ์ดีๆ
โดย: แค่คนหนึ่งคน วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:12:41:11 น.
  
จองบัตรไว้รอบวันเสาร์หน้าครับ

ติดตามละครเวทีรัชดาลัยแทบทุกเรื่องคับ

มีพลาดก็แค่ Man of La Mancha กับ ก่อนจะถึงบางรักซอย 9

ผมว่า แค่ดูฉากก็คุ้มค่าบัตรแล้ว

ส่วนตัวชอบ บัลลังก์เมฆ กับ ทวิภพมากที่สุดเลยคับ

อยากให้ทวิภพมาเล่นใหม่ที่รัชดาลัยอีกรอบ
(ลุ้นๆ อยู่ ว่าจะมีมั้ย และเอาใครมาเล่น)
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:15:19:15 น.
  
ไม่ค่อยปลื้มเรื่องนี้เท่าไหร่ โดยเฉพาะบางเพลงผมฟังแล้วก็ขำ ๆ นะ
โดย: kid^_^ วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:15:22:00 น.
  
ไม่ได้ไปดูค่ะ จริงๆ แล้วชอบเวอร์ชั่นนิยายแล้วก็เวอร์ชั่นคาร่ากับเคนมากจนไม่กล้าไปดูเวอร์ชั่นนี้ แอบผิดหวังตั้งแต่เห็นทีเซอร์คุณหญิงเต้นรำกับนพพรแล้ว ก็เข้าใจว่าต้องการให้มันมีมูฟเมนท์คนดูจะได้ไม่หลับ แต่แบบมันไม่ละเมียดเลย ผิดจากต้นฉบับเป็นไหนๆ
โดย: แพร (bookofpear ) วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:19:03:38 น.
  
สำหรับคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของนวนิยาย..เข้าใจดีว่าอาจจะรู้สึกแปร่งๆ กับเวอร์ชั่นมิวสิคัลนี้ เพราะมันจะกลายพันธุ์เป็นนิยายรักประโลมโลกย์ทั่วๆไป...

สำหรับผู้ที่พลาด สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ ก็น่าเสียดายนะครับ เพราะเป็นโปรดักชั่นมิวสิคัลของไทยที่เรียกได้ว่าดีที่สุดแล้วในช่วงนี้

สำหรับแนวของคุณบอย..โดยส่วนตัวแล้วจะชอบทวิภพมากกว่าเพื่อน ดูลงตัวที่สุดแล้ว เป็นมิวสิคัลที่มีเพลงอยู่ในความทรงจำอยู่หลายเพลง...
โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:7:19:53 น.
  
สำหรับวิจารณ์ก็รู้สึกเห็นด้วยบางส่วนนะครับ
แต่พออ่านไปอ่านมาเหมือนจะไม่เปิดใจไปหน่อยรึป่าว เพราะมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นทุกอย่างหนิครับ
แต่ก็..นานาจิตตังหนินะ เป็นกำลังใจให้ผู้ผลิตชาวไทยทุกคนครับ รู้ว่าพวกคุณพยายามเต็มที่
โดย: รักกัน IP: 125.24.152.135 วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:10:10:36 น.
  
ยังไม่ได้ไปดูสักทีจนแล้วจนรอด แต่เท่าที่ได้ดูสกู๊ปสารพัดประดามีทางจอทีวี สิ่งที่ไม่ต้องตาที่สุดทุกครั้งที่เห็นคือ ลักษณาการเกร็งไม่รู้จักจบจักสิ้นของบี้ จะพูด จะร้อง จะเอื้อนเอ่ยอันใดออกมาสักคำ ดูจะเกร็งแข็งไปหมด ตั้งแต่รูปปาก (ผนวกเข้ากับซี่ฟันที่ละม้ายเยียดยัดอัดแอแลถี่ยิบซ้อนซับทับกันอยู่ภายใน) ดวงตา ไหล่ แขน มือ กระทั่งขา... ดูเพียงแค่นั้นก็กลอกตาวนไปมาไม่รู้จักกี่รอบต่อกี่รอบ เฮ้อ คุณหนูบี้เจ้าขา จะร้องรำหรือพูดให้มันเป็นมนุษย์มนาบ้างไม่ได้เทียวรึคะ

แต่เอาเถอะ ถ้าได้ไปชมการแสดงจริงๆ แล้ว อาจจะดีกว่าที่เห็นหน้าจอก็เป็นได้ คาดว่าน่าจะได้ไปช่วงปลายเดือน ไม่ก็ต้นเดือนหน้า

เรื่องนี้มีหลายกระแสที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหลายต่อหลายความเห็น ที่ให้บังเอิญแวะเวียนผ่านหู บางคนที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงบอกว่า ดีทีเดียว เรียกว่าสมบูรณ์รองลงมาจากทวิภพ ในขณะที่อีกคนที่มีประสบการณ์ชมละครเวทีมามากมายกลับบอกว่า โอย ใช้ไม่ได้เลย คุณหญิงมีอากัปกิริยาให้ท่าหนุ่มน้อยเกินเหตุ แถมในภาคดนตรีก็ไม่ได้ชวนฟังแต่อย่างใด ทั้งเสียงร้อง คำร้อง และทำนอง มีดีอยู่อย่างเดียวคือฉากมิตาเกะ...ที่จะว่าไปแล้วก็เรียกว่าได้อย่างเสียอย่าง คือ สวยงามน่าตื่นเต้นจนดึงความสนใจของผู้ชมไปจากบทสนทนาและการแสดงของนักแสดงแทบทั้งหมด อีกความเห็นหนึ่งที่ได้ยินมาจากผู้ที่มีประสบการณ์ด้านละครเวทีมิใช่น้อยกล่าวว่า น่าประทับใจมาก สามสิบนาทีให้หลังน้ำตาถึงกับหลั่งไหลล้นทำนบออกมาอย่างสุดจะควบคุม ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด...

ควรจะเชื่อใครดีนี่?

คำตอบคือ "ตัวเอง" ขอให้ได้ไปยลและฟังให้เห็นกับตาแลหูก่อนเถิดหนา
โดย: doo_wop_boy วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:13:15:58 น.
  
เรื่องนี้ชอบจากการดูหนังตอนที่นาตยาเล่นกับอำพลค่ะ
นานมากๆ
และได้อ่านหนังสือเล่มนี้
แต่ตัวละครคงไม่มีโอกาสได้ดูแน่ๆ

^ ^"
โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:11:23:20 น.
  
หิหิ..รู้สึกน้องดูว้อปไม่ปลื้มหนูบี้เอาจิงๆจังๆ เผอิญที่นั่งของเราอยู่ชั้นบนไกลจากเวทีไม่น้อย ก็เลยไม่มีโอกาสเห็นรายละเอียดฟันของหนูบี้สักเท่าไร...

คงอยู่ที่การตีความอย่างที่ว่าแหละ แต่ละคนก็มี "ข้างหลังภาพ"ในใจของตัวเอง ส่วนเวอร์ชั่นหนังนั้น..ไม่ได้ดูสักเรื่องเลยครับ เลยไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบได้ โดยส่วนตัว..คงไม่กล้าเอามาทำ..เพราะรู้สึกว่า เหมาะที่จะเป็นหนังสือ..ดีที่สุดแล้ว
โดย: พี่หมี (Bkkbear ) วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:12:09:47 น.
  
อ้อ ลืมตอบคุณรักกัน..

คงเพราะ"ข้างหลังภาพ"เป็นนิยายขึ้นหิ้งมาก่อนกระมังครับ เลยสร้างบรรทัดฐานของสไตล์และการตีความในจินตนาการคนอ่านไว้ระดับหนึ่งแล้ว

จริงๆ ก็ติดตามงานละครของวิกนี้มาตลอด เอาใจช่วยทุกครั้งแหละ แต่ละคอมเม้นท์ที่มีก็ว่าไปตามเนื้อผ้า..ตามความรู้สึก ซึ่งคงอดไม่ได้หรอกที่จะเป็นปัจเจก อะไรชอบก็ว่าชอบนะครับ อะไรไม่ชอบก็จะพูดตรงๆ

เผอิญคราวนี้เขาเลือกโจทย์ยากกว่าทุกคราว ก็แน่นอนแหละ..ที่ต้องยอมเสี่ยงกับเสียงวิจารณ์ ทาง ผกก.ถึงต้องมาออกตัวในบทนำสูจิบัตรไว้เช่นนั้น ซึ่งจริงๆ ไม่จำเป็นต้องพูดเลย

แต่ก็เชื่อว่าแฟนขาประจำของคุณบอยคงชื่นชมเหมือนเคย เพราะส่วนใหญ่จะดูแต่โครงสร้างโดยรวม และรสนิยมมักจะไปในทางเดียวกันอยู่แล้ว ซึ่งก็เชื่ออีกเหมือนกันว่าละครคงประสบความสำเร็จทางรายได้อีกเช่นเคย
โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:12:23:08 น.
  
กำลังจะไปดูรอบที่ 4 วันที่ 24/10นี้อ่ะ ไม่รู้ใครจะว่าอย่างไร แล้วแต่มุมมองสิทธิส่วนบุคคล แต่เราว่าโดยรวมก็ออกมาดีนะ @^_^@
โดย: เล็ก IP: 202.149.25.241 วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:15:35:55 น.
  
ไปดูมาแล้วครับพี่หมี

ก็เลยเข้ามาอ่านที่พี่หมีเขียนไว้ที่นี่ตามคำชวน

ผมว่ายากมากเลย ที่จะนำเรื่องราวที่คนรู้จักและมีภาพของตัวเองอยู่ในใจแล้วมาทำ

เพราะยังไงๆ ก็คงจะถูกใจคนทั้งหมดไม่ได้

สำหรับผม เพราะผมไม่มีภาพของคุณหญิงกีรติและนพพรที่ชัดเจนในใจนัก ผมเลยรับได้กับการตีความแบบนี้โดยไม่ยากเย็นครับ

ก่อนดู ผมสงสัยว่า บี้จะทำให้เชื่อได้ขนาดไหน

การแสดงของบี้ ทำให้ผมเกือบจะเชื่ออยู่แล้วครับว่าเค้ารักคุณหญิงจริงๆ แต่พอบี้ร้องเพลง วิธีการร้องของบี้ กลับกระชากให้ผมกลับมาอยู่กับตัวเอง เพราะมัวแต่พูดกับตัวเองว่า ทำไมวิธีการร้องบี้ถึงฟังขัดหูพิกล

ส่วนคุณหญิงของคุณแพท ผมว่าเธอก็ยังคงมาตรฐานของเธอไว้ได้อยู่ แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าขาดอะไรไปบางอย่าง ที่ทำให้ผมไม่ช่วยลุ้นกับเธอซักเท่าไหร่

ตัวละครเด่นอีกตัวนึงคือ น้ำตกมิตาเกะครับ ที่ดูเหมือนผู้กำกับจะตั้งใจให้เวลาเธอโซโล่อยู่เกือบสองนาที เริ่มตั้งแต่ ต้นไม้เลื่อนออกมาพร้อมโขดหิน ใบไม้สีส้มห้อยลงมา แากสีขาวด้านหลังสุดถูกดึงขึ้นไป เผยให้เห็นกำแพงโขดหินที่เรียงเป็นแนวได้อย่างไม่ธรรมชาติ (เพราะต้องซ่อนอยู่หลังฉากไง) และเริ่มมีน้ำรวยรินออกจากน้ำตกที่ดูเป็นรูปทรงเรขาคณิตไปนิด แต่เอาเถอะ เค้าปัีมน้ำมาเทลงบนเวทีได้ขนาดนี้ก็เก๋สุดแล้ว

แล้วน้ำก็แรงขึ้น แรงขึ้น จนไหลลงมาเจิ่งนองบนเวที แล้วเริ่มไหลล้นจนตกหน้าเวทีลงไป

สังเกตมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่าพื้นเวที เค้าทำเป็นตกท้องช้างเอาไว้ ก็เลยมาเข้าใจตอนนี้นี่เองว่า เอาไว้กำหนดทิศทางการไหลของน้ำนี่เอง

ยังไม่พอ ฉากนี้จะจืดสนิทเลย ถ้าไม่มีแสงสวยๆมาช่วย พร้อมใบไม้ที่ร่วงลงมาในอัตรา 6 ใบ ต่อนาที

สรุปว่า ช่วงโซโล่ของฉากนี้ ผมให้ผ่าน ครับ และก็เกือบจะให้ฝ่ายออกแบบฉากผ่านแล้วเชียว เพราะการใช้ม่านเสื่อมาปรับใช้เป็นฉากได้อย่างลงตัวและฉลาดมาก

มารู้สึกขัดตากับฉากบ้านเจ้าคุณอธิการฯ ที่ใช้โปรเจคเตอร์ฉายขึ้นม่านเสื่อนั่นแหละ ที่ทำให้ผม turned off เลย

ผมว่าฉากบ้านนี้สำคัญมาก มากกว่าฉากเต้นรำวงแบบญุี่ปุ่นซะอีก ซึ่งฉากนั้นอลังการมั่ก และใช้ครั้งเดียว แต่ฉากบ้านใช้หลายครั้งกว่า น่าจะทำออกมาให้เป็นสามมิติมากกว่าเป็นการฉายภาพ

พูดถึงซีนที่ชอบ คนอื่นๆอาจะชอบตอนสุดท้าย หรือ ตอนที่คุณหญิงทราบว่านพพรจะแต่งงาน

แต่ของผมอาจจะแปลกกว่าคนอื่น เพราะผมกลับไปชอบซีนที่นพพรมาส่งคุณหญิงกลับมืองไทย

มันเศร้ามากเลยในความพยายามเฮือกสุดท้ายที่จะทำให้ได้ยินคำว่ารักออกจากปากคนที่เราคลั่งแทบเป็นแทบตาย แถมไม่ได้ยินคำนั้นอีกตะหาก

อันนี้ เชื่อมโยงกับประสบการณ์ส่วนตัวอะครับ เลยอินซ้า

เอ้า สรุป อีกซักทีว่า จากทั้งเรื่อง

จำน้ำตกมิตาเกะได้อย่างเดียว
โดย: Fight_on วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:13:59:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaibear.BlogGang.com

Bkkbear
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด