ลุยโลกคอดแคบเมืองไทย ชายฝั่งคลองวาฬถึงด่านสิงขร ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กิตติพงษ์ สุนานันท์ สั่งเปิดโซนการท่องเที่ยวใหม่ระยะ 12 กม. ที่คนไม่ค่อยรู้จัก จากชายฝั่งคลองวาฬอ่าวไทยถึงด่านสิงขรบนเทือกเขาตะนาวศรีจดพม่า เขตสำคัญในประวัติศาสตร์โลกและของไทย แลนด์บริดจ์ เก๋ากึ้กเมืองไทยที่ใช้ขนถ่ายสินค้าจากอ่าวตะนาวศรีทะเลอันดามัน มาสู่ชายฝั่งคลองวาฬอ่าวไทยที่เจ้าพระยาวิชาเยนทร์เข้าคุมเอง เฉพาะด่านสิงขรเป็นเขตรุกรบแพ้ชนะสลับไปมาระหว่างไทย-พม่า เพื่อมีอำนาจเหนือการเดินเรือและการค้าในทะเลอันดามันที่มีเมืองท่ามะริด ทะวาย และตะนาวศรีเป็นหัวใจ ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกรบไทยดุเดือดครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ตายเป็นเบือทั้ง 2 ฝ่ายเพราะต้องการหักหาญเดินทัพลุยข้ามด่านสิงขรไปรบยึดพม่า วันนี้ มีอะไรโดดเด่นอยู่ในเส้นทาง จังหวัดประจวบฯ นำเสนอหมดสิ้น แม้เป็นเขตท่องเที่ยวใหม่ แต่ตลอดเส้นทางนี้ ก็น่าตื่นตาตื่นใจไปกับประชาคมเก่าแก่ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ผู้คนที่ดูแปลกใหม่ด้วยน้อยคนเคยไป จะได้เห็นภูมิทัศน์งดงามพร้อมความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆที่เกิดขึ้น ผู้รับหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ นายฐานิศร์ น้อยเพ็ง นายอำเภอเมืองประจวบฯ ที่มีเขตปกครองตั้งแต่ชายฝั่ง อ่าวไทยไปจดพม่าที่ด่านสิงขรนั่นเอง เริ่มต้นทางที่ชายฝั่งอ่าวไทยชุมชนเก่าแก่ย่านตลาดคลองวาฬที่อายุอาจถึงพันปี ที่โน่นกำลังก่อสร้างท่าเรือที่น่าเรียกท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ได้ ด้วยงบ 430 ล้านบาท ความยาวแนวหน้าท่า 1 กม. พร้อมท่าเทียบเรือยื่นออกไปในทะเล 750 ม. ระดับน้ำลึกที่ท่าเทียบอยู่ ที่ 5.30-6 ม. เศษ แล้วแต่น้ำขึ้นน้ำลง เรือใหญ่ระวางขับน้ำ 50,000 ตันและเรือสำราญเข้าเทียบได้สบายกำหนดเสร็จปี 2551 แน่นอน จะพลิกเศรษฐกิจไทยไปอีกขั้น ประชาคมย่านตลาดคลองวาฬค่อนข้างใหญ่ เป็นชุมชนเก่า สิ่งก่อสร้างเก่าๆ คล้ายเดินย้อนมิติแห่งกาลเวลากลับเข้าไปในประวัติศาสตร์ 60 ปีที่แล้วได้ ร้านรวง 2 ข้างทางเก่าแก่ชั้นเดียวเป็นส่วนมาก ค่อนข้างเงียบสงบไม่พลุกพล่าน วิถีชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่เร่งร้อน ผู้คนมีอัธยาศัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กันดี นายอำเภอฐานิศร์บรรยายว่า ย่านตลาดคลองวาฬ เป็นย่านอาหารอร่อย ทั้งอาหารไทยและอาหารจีนรสชาติเก่าแก่ดั้งเดิม ไม่ว่ากินในร้านเล็กอาหารจานเดียวหรือสั่งเป็นชุดมากินในร้านใหญ่หน่อย ถูกมากถูกกว่าที่หัวหินแยะจะได้กินอาหารสดๆ โดยเฉพาะอาหารทะเล คนชอบสั่งก๋วยเตี๋ยวปูกับผัดไทยกินกันมากและเป็นย่านขายปลาเค็มปลาแห้งกุ้งแห้งมาก ระหว่างทางออกจากที่นี่ไปด่านสิงขรผ่านสถานีรถไฟหนองหินสถานีเล็กๆ ที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ที่ดูสวยงามมาก ทางจากขอบถนนเพชรเกษมมุ่งตะวันตกไปด่านสิงขรถนนดีมาก ผ่านไร่นา สวนผลไม้ สวนมะพร้าวไปตลอดทาง มะพร้าวอ่อนทุ่งเคล็ดดังมาก กลายเป็นมะพร้าวอ่อนรับแขกจังหวัดไปแล้ว ที่เชิงเขาตะนาวศรีก่อนขึ้นเขาไปสู่ด่านสิงขร สภาพเละเทะรกรุงรัง ถูกจัดระเบียบใหม่หมดแบ่งเป็นโซนตลาดผลไม้ของป่า และกล้วยไม้ป่าพม่าที่เอามาขายให้คนไทยเอาไปขายต่อ โซนของใช้อย่างเฟอร์นิเจอร์ไม้ อัญมณี ของที่ระลึก เครื่องอุปโภคบริโภคทั้งของไทยและพม่าอยู่อีกด้านหนึ่ง นางฉอ้อน วิไลรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านด่านสิงขร เผยว่า เริ่มจะเป็นเขตคึกคัก เดิมมีตลาดนัดวันเสาร์อาทิตย์ ปัจจุบันเปิดทุกวันเพราะนักท่องเที่ยวไปมาก ในวันธรรมดารถใหญ่เข้าไปวันละ 5-6 คัน วันสุดสัปดาห์มีมากกว่านั้น ถนนขึ้นเขาตะนาวศรีไปสู่ช่องเขาด่านสิงขร บริษัทอิตาเลี่ยนไทยตัดให้ใหม่ เพราะฝั่งพม่ามีเหมืองถ่านหินใหญ่ที่อิตาเลี่ยนไทยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ตัดใหม่ เพื่อสะดวกแก่การขนถ่านหินมาไทย ไม่ช้าฝั่งพม่าจะเป็นเขตส่งน้ำมันปาล์มใหญ่มาขายไทย เพราะกำลังขยายการปลูกนับพันๆไร่ ที่ด่านฝั่งไทยเดิมทางการเคร่งครัดไม่ยอมให้ใครขึ้นเขาไปดูวิว ถึงช่องเขาด่านสิงขรด้านไทยได้เลย บัดนี้ผ่อนผันให้ขึ้นไปดูได้ ผู้ใหญ่ฉอ้อนชี้ว่ากำลังจะสร้างหอดูวิวบนเขาให้ด้วย ขนาดไม่มีหอไปยืนอยู่บนโน้นมองมาฝั่งไทย นอกจากเห็นตัวเมืองยังเห็นฝั่งทะเลอ่าวไทย ตรงพรมแดนจริงๆห้ามเข้าเป็นเขต No man land กว้าง 200 เมตร ไทยและพม่าต่างเฝ้ากันคนละข้าง นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ รอง ผวจ.ประจวบฯ เผยว่า กำลังสืบเสาะรวบรวมทั้งเอกสารและผู้รู้ชุมชนชาวด่านสิงขรทั้งฝั่งไทยและพม่า หาจุดที่กองอาตมาท หน่วยรบพิเศษบนหลังม้าของไทย 40 นายที่มีรองปลัดชูเป็น ผบ. พากันสละชีพยอมตายหมดทั้ง 40 นาย รักษาด่านสิงขรไม่ยอมให้ทัพพม่าพระเจ้าอลองพญาโถมบุกตีไทยล่วงล้ำเข้ามาได้ ในการศึกเข้าตีอยุธยาปี 2303 เชื่อกันว่าทุกคนตายในด่านบนช่องเขาเยี่ยงวีรบุรุษทหารหาญโดยแท้แต่ไม่รู้ว่าตรงไหน ที่สุดพระเจ้าอลองพญาก็ตีอยุธยาไม่ได้ ถูกปืนใหญ่ระเบิดใส่ขณะล้อมระดมยิงอยุธยา บาดเจ็บสาหัสต้องยกทัพกลับพม่าทางจังหวัดตาก แล้วก็ไปตายในป่าจังหวัดตาก น่าคิดพรมแดนพม่าด้านนี้เป็นไทยทั้งหมดไม่มีเป็นกะเหรี่ยงหรือมอญเหมือนด้านอื่น หลายคนขายกล้วยไม้ป่า แม้มองดูครึกครื้นดีแต่ดวงตาเศร้าอมทุกข์คล้ายถูกหลอกชอบกล มารู้ภายหลังทุกคนเป็นไทย แต่ผู้มีอำนาจปกครองประเทศไทยไม่ยอมรับ ใครไปเที่ยวที่โน่นช่วยอุดหนุนด้วยเถิด เขาไปไหนไม่ได้ถูกกักบริเวณ. * โฟกัส * คนไทยผิดอะไร? สมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม คนไทยมี 18 ล้านคน เราปลุกความรักชาติด้วยเพลงปลุกใจหลวงวิจิตรวาทการมีเนื้อร้องตอนท้ายว่า ...18 ล้านภาคภูมิในใจเทอดไทย ชโย แล้วเร่งเพิ่มพูนคนไทยด้วยการเชิญชวนคนไทยฝั่งลาวและเขมร ซึ่งสมัยโน้นเรียกว่าอินโดจีนของฝรั่งเศส ที่พรากจากกันไปเพราะการปักปันดินแดนกับฝรั่งเศส ให้กลับมาอยู่ร่วมกันในไทย ด้วยเนื้อเพลงจับใจ ข้ามโขงมาสู่แคว้นแดนไทย มาพวกเราชาวไทย พร้อมเพรียงกัน... ไทยจำนวนมากข้ามโขงมาไทย ทุกคนเป็นไทยโดยพลันเมื่อมาถึงแผ่นดินไทย 9 มีนาคม 2519 รัฐบาลไทยออกประกาศให้พี่น้องไทยที่ตกค้างอยู่ในพม่า เพราะการปักปันดินแดนกับอังกฤษให้กลับไทยจะให้อยู่ที่ด่านสิงขร ไทยในพม่ามากมายตัดสินใจกลับ เกือบทั้งหมดมาจาก ต.สิงขร อ.ตะนาวศรี จ.มะริด ของพม่า หลายครอบครัวมีฐานะดีมีบ้านเรือนขนาดใหญ่มีฝูงปศุสัตว์นับสิบๆ จนถึงร้อยตัว ต่างยอมสละหมดสิ้นกลับมาไทย ด้วยเลือดไทยเดือดพล่านไม่ต้องการอยู่ใต้การปกครองใคร คนไทยเหล่านั้นเมื่อดั้นด้นเดินป่าขึ้นเขาลงห้วย รอนแรมอย่างระโหยมาถึงแผ่นดินไทยกลับได้รับ การปฏิบัติสุดทุเรศ ถูกกักกันเขตถูกระบุเป็น ผู้หลบหนีเข้าเมือง ต่อมาเอะใจเรียกใหม่ว่า คนไทยพลัดถิ่น ทั้งที่ทุกคนเป็นไทยด้วยเลือดเนื้อชีวิต และวิญญาณพูดอ่านเขียนภาษาไทยมาตลอด 30 กว่าปีผ่านมาคนไทยเหล่านี้มีราว 100 ครัวเรือน 400 กว่าคน เป็นประชากรที่มากที่สุดในหมู่ 6 บ้านด่านสิงขรโดยไม่ได้เป็นคนไทย ไปไหนก็ไม่ได้ต้องอยู่ในเขตจำกัดทำใบขับขี่ก็ไม่ได้ เคราะห์ดีที่ลูกหลานได้รับการผ่อนผันให้เรียนหนังสือได้ คุณยายเลื่อน ประกอบปราณ อายุร่วม 80 ปีแล้ว พูดอย่างอัดอั้นตันใจทั้งน้ำตาไหลพราก อยู่ที่นี่จนผัวตายมีลูกหลานจนถึงเหลนแล้ว ก็ยังไม่มีใครยอมรับเป็นคนไทย ลูกหลานมันเป็นไทยทั้งตัว ฆ่ามันมันก็ไม่ยอมกลับไปพม่า เราตรองดูแล้วจริง คนไทยที่ด่านสิงขรมีความเป็นอิสระย่ำแย่กว่าพม่า เขมร ลาว หนีเข้าเมืองเสียอีก คนไทยเหล่านี้ผิดอะไร? ![]() ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้สึกกันครับโดย: ดนย์
วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:14:53:10 น. |
บทความทั้งหมด
|






ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้สึกกันครับ
วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:14:53:10 น.

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [