ขี้เล่า #2 เหตุเกิดที่โรงพยาบาล

 

  สวัสดีครับ อยากมาเขียนเล่าประสบการณ์ที่เพิ่งรับการผ่าตัดไส้เลื่อน เพื่อ Update เป็นข้อมูลให้กับคนที่กำลังจะตัดสินใจ หรือตัดสินใจแล้วรอเข้ารับการผ่าตัดลองอ่านดู จะได้ไม่เป็นกังวลกับมันมากมายเท่าไหร่นัก เมื่อไม่กี่วันนี้ผมได้เข้ารับการรักษาไส้เลื่อนด้วยการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราชมา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 และวันนี้ยังเป็นวันสตรีสากลอีกด้วย เนื่องจากผมมีอาการปวดท้องจากสาเหตุไส้เลื่อน โรคไส้เลื่อนนั้นเกิดได้กับทุกเพศทุกวัน ไม่จำกัดผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่โดยมากมักจะเกิดกับผู้ชายมากกว่า และในทางกลับกันก็มักจะเกิดกับคนแก่มากกว่าวัยรุ่นเช่นกัน 

  ผมได้เข้าตรวจและหมอวินิจฉัยสรุปเลยต้องผ่าตัด ผมก็โอเคจะได้หายจากความทรมาณเสียที คุณหมอนัดผ่าตัดวันที่ 8 เวลา 16:30 น. ผมก็ทำการจองห้องลงทะเบียนบลาๆเรียบร้อย  พอถึงวันนัดผมกับภรรยาก็มาถึงโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่ 6:30 น.เพื่อเจาะเลือดและไล่ลงทะเบียนตามจุดต่างๆที่นางพยาบาลโทรมาแจ้งไว้ก่อน 1 วัน อารมณ์เหมือนทำเควสในเกมส์ ไปตรงนั้นคุยกับ NPC คนนี้ และงดน้ำงดอาการตั้งแต่ 10:00 โมงเช้า หลังจากไล่ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยผมก็ไปกินข้าวแกงที่โรงอาหารของโรงพยาบาล กินไปประมาณ 2 จาน คุณหมอกระซิบตั้งแต่วันตรวจว่า กินให้หนักๆเลยนะ เพราะต้องงดน้ำและอาหารนานจะได้ไมม่ทรมาณ ผมก็จัดเต็ม ผมพยายามเล่าจากช่วงเวลาเท่าที่จำได้

9:30 น. ผมลงทะเบียนและขึ้นตึก ผมได้อยู่อาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น 16 ลงทะเบียนได้ห้องจากนั้นก็ต้องคอย พยาบาลมาแจ้งว่า ให้อาบน้ำตอนเที่ยงและใส่ชุดที่เขาเตรียมไว้รอผ่าตัด ประมาณช่วงบ่ายจะมีเจ้าหน้าเข้ามาโกนขนเพื่อให้สะดวกในการผ่าตัด

13:30 น. เจ้าหน้าที่เข้ามาโกนขน ดีหน่อยว่าเป็นเจ้าหน้าที่บุรุษพยาบาล ผมเลยไม่ค่อยเขิลเท่าไหร่นัก เขาก็เอาแบตตาเลี่ยนมาไถ่ๆตามจุดต่างๆเพื่อให้มีสิ่งแปลกปลอมน้อยที่สุด จะได้ผ่าตัดได้สะดวก พอเริ่มจะอายเจ้าหน้าที่ก็ชวนคุยเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย ขอชื่นชมมากครับ แต่ผมจำหน้าเขาไม่ได้ ผมหลับตาตลอด 555 ในความคิดของผม ผมคิดว่าเขาคงเห็นของคนไข้มาเยอะแล้วแหละ แต่จะเป็นการดีซะกว่า ที่ผมจะไม่เห็นหน้าเขา ไม่งั้นผมคงรู้สึกไม่ดี หากต้องเจอกัน ผมเลยชิงหลับตาตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องเลย

15:00 นางพยาบาลเข้ามาเจาะเพื่อเดินสายน้ำเกลือ พอได้น้ำเกลือหลายๆอย่างก็เริ่มดีขึ้น เพราะต้องอดอาหารตั้งแต่ 10 โมง มีอาการหิวหรืออยากอาหารแบบสุดๆ แต่พอได้น้ำเกลือ ปรากฏว่าไม่หิวเลย ความอยากยังอยู่แต่ความหิวหายไป พอความหิวหายอาการอยากจะค่อยๆลดลงไปโดยธรรมชาติ

16:30 ตามเวลานัดเจ้าหน้าที่ยังไม่เข้ามารับตัว แต่นางพยาบาลมาแจ้งว่า ห้องผ่าคิวเต็มอาจจะเลทนิดหน่อย และเตือนว่าอย่าลืมถอดทุกอย่างที่เป็นโลหะ สร้อยคือ แหวน นาฬิกา แม้แต่แว่นตาก็ถอด

17:00 มีหมอและเจ้าหน้าที่จากตึกสยามินทร์ มารับตัวพร้อมแปล ไม่ต้องเดินไปเพราะสายน้ำเกลือที่แขนระโยงระยาง อาจจะเหมือนซอมบี้มากกว่าคนไข้ เจ้าหน้าที่ก็เข็นผมลงลิฟท์เพื่อมาที่ตึกสยามินทร์ชั้น 5 เมื่อมาถึงชั้น 5 หน้าห้องผ่าตัด ผมก็ถอดแว่นตาฝากภรรยาไว้ จากนั้นโดนเข็นเข้าไปในห้องรอผ่าตัด หรือเขาเรียกกันว่า ห้องพักฟื้น

17.15 ผมนอนรอคิวอยู่ในห้อง พยายามสำรวจรอบๆ เพราะเริ่มเบื่อกับการมองหลอดไฟและเพดานอย่างเดียวมากว่า 15 นาที เห็นคนใส่ชุดเขียวๆมีผ่าปิดปากเดินไปมาเต็มห้องคุยกันเรื่องโดสนั่นโดสนี่ น่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมยาก่อนการผ่าตัด มีเตียงรอผ่าตัดอยู่อีกสองเตียง ผม อยู่กลางด้านขวาเป็นเตียงคุณป้าท่านนึง ด้านซ้ายของผมเป็นเตียงคุณลุงท่านนึง แอร์ในห้องเย็นมากๆผมเชื่อว่าน่าจะเย็นกว่า 25 องศา 

17:30 ผมแอบมองนาฬิกาจากปลายเท้า เห็นไม่ชัดเจนเท่าไหร่เพราะแว่นถอดฝากภรรยาไปแล้ว พยายยามเพ่งไม่แน่ใจว่า 17:20 หรือ 17:30 กันแน่ทุกกอย่างในห้องยังคล้ายๆเดิม แต่เพิ่งสังเกตตุว่าเตียงซ้ายคุณลุง หายไปแล้ว หายตอนไหนไม่รู้เรื่องเลย แสดงว่าคิวคุณลุงถึงก่อนผมแน่ๆ ระหว่างที่ผมกำลังสังเกตุสิ่งต่างๆในห้อง ก็มีคุณหมอเข้ามาถามชื่อ ถามว่าใส่ฟันปลอมหรือเปล่า แพ้ยาอะไรไหม ถามหลายรอบตั้งแต่ก่อนมาถึงห้องผ่าตัด ผมไม่มีปัญหากับการตอบบ่อยๆดีใจด้วยซ้ำว่าเขาเอาใจใส่เราอยู่ สักพักผมเจอคนที่ใส่ชุดสีออกจะน้ำตาลๆ ไม่เหมือนคนอื่นในห้องเดินเข้ามา เดินตรงมาหาผมแล้วบอกว่า เขาคือหมอวิสัญญี หรือ หมอวางยาสลบ เข้ามาถามว่าเคยดมยาสลบมาก่อนไหม ผมว่าเคยครับแต่ตอนนั้น 3 ขวบ ตอนนี้ 32 แล้วครับ คุณหมอหัวเราะ คุณหมอวิสัญญี เป็นผู้หญิง ผมเห็นแต่ตาเพราะเขาใส่ผ้าปิดปากอยู่ ตาหมวยๆชั้นเดียวเหมือนผม แววตาใจดี 

??:?? หลังจากหมอวิสัญญีมาคุยกับผม แปปเดียวเท่านั้นก็มีหมออีกคนมาบอกว่า ถึงคิวแล้วเข้ากันเลยนะคะ ผมก็ถูกเข็นอีกครั้ง คราวนี้ทางซับซ้อนมากเดวเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ผมเชื่อว่าถ้าลุงเดินจากห้องผ่าตัดคงต้องกลับมาห้องพักฟื้นยากมากแน่ๆ หลังจากนั้นก็มาถึงห้องผ่าตัด ผมถูกโยกให้นอนบนเตียงผ่าตัด เจ้าหน้าที่ในห้องผมรู้สึกว่าจะเป็นผู้หญิงทั้งห้องเพราะแต่ละคนรูปร่างไม่ใหญ่และเสียงที่คุยกันล้วนเป็นเสียงผู้หญิงทั้งนั้น มีหมอสามคนประกบตัวผมอยู่ 1 ในสามมีหมอวิสัญญีชุดน้ำตาลตาหมวยๆ ตามาด้วยตลอด หมอคนนึงบอกผมว่า "วางแขนขวาลงตรงนี้นะคะ" มีเชือกรัดไว้แต่ไม่แน่นมากเท่าไหร่ แขนซ้ายข้างที่มีน้ำเกลือ หมอวิสัญญีบอกว่า "จะเดินยาผ่านสายน้ำเกลือ อาจจะแสบหน่อยนะคะ" ผมมองยาสีแปลกๆค่อยๆไหลตามสายน้ำเกลือเข้ามาที่แขนผม ไม่แสบเลยครับ มันเย็นเหมือนเอาน้ำแข็งมาถูตามเส้นเลือด ค่อยๆไหลเข้ามาในร่างกาย จากนั้นหมออีกท่าเอา หน้ากากใสๆมอครอบที่จมูกและปากผม ได้ยินเสียงหมอคนไหนไม่รู้ในสามคนนี้แหละบอกว่า "คนไข้หายใจลึกๆนะคะ 3 ครั้ง" ผมก็หายใจ เฮือกแรงดมสุดปอดแล้วปล่อยออก หมอท่านนึงถามว่า "คนไข้มึนหรือเวียนหัวบ้างไหมคะ" ผมเช็คตัวเองแล้วบอกว่า ไม่เวียนเลยครับ ในใจคิดว่า สงสัยคนต้องหายใจเต็มๆอีกสองครั้งถึงจะสลบ ผมกระพริบตาประมาณ 2-3ครั้ง ลืมตาอีกถึงคือผ่าตัดเสร็จแล้ว!!! เฮ้ยผมหลับไปตอนไหนกัน หมอถามยังบอกไม่มึนเลย ลืมตามาอีกทีอยู่ที่ห้องพักฟื้นซะแล้ว

เว้นย่อหน้าหน่อยจะได้อ่านง่ายขึ้น ที่ห้องพักฟื้นผมเริ่มมีออาการเจ็มที่หน้าท้องด้านซ้าย ณ จุดที่ผ่าตัด คุณหมอในห้องพักฟื้นเสียบที่วัดชีพจรที่นิ้วชี้มือซ้า่ยมีเสียงดังตี๊ดๆ และแขนขวาของผมมีที่วัดความดัน ที่บีบๆแล้วก็ค่อยคลาย เหมือนถูกตั้งเวลาให้ทำงานตลอดทุกๆ 5 นาที คุณหมอในห้องเดินมาถามตลอดว่าเจ็บแผลไหม 10 คะแนนเจ็บระดับไหน ตอนแรกผมบอก 8 หมอบอกว่าเดี๋ยวจะให้ยาแก้ปวดทางสายน้ำเกลือ ณ ตอนนั้นผมได้ยินเสียงต่างๆในห้องอย่างชัดเจนแต่ไม่สามารถลืมตาได้เลย พยายามลืมแต่ลืมไม่ขึ้น แต่รู้สึกได้ว่ามีคุณหมอเดินยาผ่านสายน้ำเกลือเข้ามา ความเจ็บก็ค่อยๆลดลง แต่ยังเจ็บมากอยู่ อีกไม่ถึง 5 นาทีคุณก็มาถามใหม่ว่าเจ็บแผลไหม 10 คะแนนให้เท่าไหร่ ผมบอกว่า 7 หมอบอกว่าเดี๋ยวจะให้ยาแก้ปวดเพิ่มขึ้น ผมก็สัมผัสได้อีกเช่นเคยว่ามียาเดินผ่านสายน้ำเกลือเข้ามา คราวนี้เบาลงไปมาก ความเจ็บแทบจะหายไปเลย แต่ความหนาวเข้ามาแทน ผมรู้สึกเย็นที่ปลายเท้ามาก จึงบอกคุณหมอว่า หมอครับผมคลุมผ้าที่เท้าผมให้หน่อยได้ไหมครับ ผมเย็นเท้ามาก ตอนนี้ผมพอจะลืมตาได้บ้างแล้วแต่ก็ลืมได้ไม่นาน หนังตาหนักสุดๆ เห็นรางๆว่ามีหมอสองท่านเอาอะไรบางอย่างมาวางที่เท้าผม แล้วก็ค่อยๆอุ่นขึ้น ไม่ถึง 5 นาทีหมอถามซ้ำว่า อุ่นขึ้นไหม 10 คะแนนให้เท่าไหร่ ตอนนี้เหลือ 4 ครับ หมอบอกว่า "ค่ะ" ผมยังพยายามจะลืมตาก็ทำไม่ได้ ทำได้ก็ไม่เกิน 1 วิ ตาก็ปิดเองเหมือนไม่มีแรงพยุงหนังตา

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่ทราบ ได้ยินเสียงหมอบอกว่า "กลับห้องพักที่ตึก เฉลิมพระเกียรติได้แล้วนะคะ" ผมก็ตอบว่าครับ หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายเข็นผมออกจากห้องผ่าตัดลงลิฟท์ย้ายจากตึกสยามินทร์ กลับมาที่ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติชั้น 16 ห้องเดิมที่จองไว้ กลับมาถึงห้อได้ยินเสียงพ่อแม่พี่หลานและภรรยารออยู่แต่ลืมตาไม่ขึ้น เจ้าหน้าที่เขามีวิธีที่จะย้ายเราจากเตียงเข็นมาลงเตียงนอนได้อย่างนุ่มนวลมาก แทบไม่สะเทือนถึงแผลเลย เขาบอกแค่ โยกตัวไปทางซ้ายหน่อยครับ อีกทีนึงโยกไปทางขวา ตาผมก็ลืมไม่ขึ้น รู้แต่ว่าเขายกปั๊บมาลงเตียงเรียบร้อยห่มผ้าให้เสร็จ ได้ยินเสียงญาติพี่น้องแต่ลืมตาไม่ขึ้น

21:15 ผมลืมตาขึ้นแล้ว ขอแว่นตาจากภรรยามาใส่ มองเห็นนาฬิกาที่ปลายเตียง ทักทายหลานสุดแสบสองคนได้ไม่นาน ก็หมดเวลาเยี่ยมที่ 4 ทุ่มพ่อแม่พี่หลานก็กลับบ้าน มีภรรยาอยู่เฝ้าผม

22:00 พยายามบาลเอายาแก้ปวดมาให้พร้อมกับบอกว่า "คนไข้พยายาม ฉี่เองให้ได้นะคะ เพราะถ้าสวนอาจจะเจ็บ" หลังจากนั้นเขาก็เอาสายน้ำเกลือออกไปจากตัวผม และบอกว่า "ตอนนี้กินอาหารได้แล้วนะคะ เอาสายน้ำเกลือออกแล้ว แนะนำว่ากินอาหารก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำนะคะ ระวังจะไม่มีแรงยืนค่ะ" ผมได้ฟังแล้วรู้สึกกลัวการโดนสวนฉี่มาก เลยพยายามลุกไปเข้าห้องน้ำเอง พยายามเบ่งอยู่นานฉี่ออกกระปิดกระปอย ฉี่ได้ตามจังหวะลมหายใจของเรา พอหายใจออกก็หมดแรงเบ่งแล้ว หลังจากนั้นขาชักเริ่มสั่นๆทำท่าจะล้ม ผมนึกถึงคำพูดของนางพยาบาลขึ้นมาได้ว่า "อย่าลืมหาอะไรกินนะคะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงยิน" ชิบเผงแล้ว ลืมกินอะไรก่อน ผมพยายามใช้แรงที่เหลืออยู่ออกมาจากห้องน้ำกลับไปที่เตียง บอกภรรยาว่า "เธอขออะไรกินหน่อยจ้ะ" พ่อแม่พี่หลานที่มาเยี่ยมก่อนหน้านี้ทิ้งสเบียงไว้เพียบ ก็ซัดไปหลายขนานปกติก็เป็นคนกินเก่งอยู่เแล้ว กินหมดเสร็จลองพยายามลุกไปฉี่อีกครั้ง คราวนี้ฉี่ออกมากขึ้นกว่าเดิม ผมดีใจมาก ไม่โดนสวนแล้ว 55

23:00 อาหารเริ่มย่อยและง่วงนอน ผมลุกไปล้างหน้าแปลงฟันและมานอน ก่อนนอนพยาบาลเข้ามาวัดความดัน และบอกว่า จะให้ยาแก้ปวดทุกๆ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าปวดก่อน 6 ชั่วโมงหรือมีไข้กดเรียกได้เลย และถามว่าฉี่เองได้ไหมต้องสวนหรือเปล่า ผมบอกว่าได้ครบฉี่ไปสองรอบแล้ว พยาบาลยิ้มอ่อนๆแล้วเดินจากไป [เครื่องสวนฉี่ไม่ได้กินผมดอก 55 ]

วันที่ 9 มีนาคม 2562
8:00 ตื่นเพราะนอนค่อนข้างเต็มที่แล้ว พยาบาลบอกว่าคุณหมอจะเข้ามาดูแผล คุณหมอ 1 ในทีมของคุณหมอที่ผ่าตัด เข้ามาดูซักถามอาการและทำแผลให้ใหม่ และถามว่าอาการฉี่เป็นยังไงบ้าง ผมก็บอกว่าลุกได้เดินไปฉี่ได้ แต่เจ็บแผลเวลาเปลี่ยนอิริยาบท เช่นจากนอน ลุกมานั่ง เจ็บ จากนั่งลุกมายืน เจ็บ แต่เมื่อ เดิน นั่ง หรือ นอน นิ่งๆไม่เจ็บ คุณหมอบอกว่าต้องพยายามเดินนะครับ หมอว่าคุณกลับบ้านได้ [ไชโย] หมอบอกว่าเดินเรื่องเอกสารน่าจะเที่ยงถึงจะได้ออก นัดเสาร์หน้าจะขอดูแผล ตอนนี้ทำแผลแบบที่กันน้ำได้ กลับบ้านอาบน้ำได้ปกติ แต่อย่าไปถูสบู่ที่แผลเท่านั้น

12:00 นางพยาบาลเอาอาหารกลางวันมาให้และบอกว่า สงสัยจะหลังเที่ยง เพราะเป็นวันเสาร์บริษัทประกันตอบเรืองช้ามาก คนไข้กินข้าวก่อนนะคะ จะได้ไม่หิว

13:00 เอกสารทั้งหมดเรียบร้อย พี่ชายขับรถมารับกลับบ้านพร้อมภรรยา


เรื่องที่ผมเล่ามาให้ฟังนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อสองวันที่ผ่าน ก่อนผ่าตัดผมได้พยายามหาข้อมูลว่าเป็นหลังผ่าระหว่างผ่าเป็นอะไรบ้าง ขอสรุปให้คนที่ได้อ่านได้อ่านสั้นๆดังนี้

- โกนขน อายเจ้าหน้าที่แต่อย่าไปมองหน้าเขา เขาไม่มานั่งจำหรอก ฉะนั้นหลับตาช่วยได้มาก
- เดินยาสลบ ผมอ่านมารีวิวหลายที่บอกตรงกันว่า แสบมากตอนเดินยา ส่วนตัวผมอย่างเย็นไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆระหว่างการวางยาสลบ แถมไม่รู้สึกว่าอะไรดับวูบไปเหมือนที่เขาบรรยาย ผมรู้สึกแค่กระพริบตาไม่กี่ครั้งก็เสร็จแล้ว
- ผ่าตัดเสร็จจะมีอาการเหมือนมีเสมหะอยู่ในลำคอ พยายามอย่าไอ เพราะจะเจ็บแผลให้พยายามอแฮ่มๆๆ ไปเรื่อยจนเสมหะมันหลุดออกมา ย้ำว่าอย่าไอ ไอแล้วเจ็บ ผมฟังเสียงเตียงข้างๆ น่าจะเป็นคุณลุงท่านที่เข้าผ่าตัดก่อนผม เขาก็ใช้วิธีนี้แหละครับ อะแฮ่มๆๆๆ ไปเรื่อยๆเดี๋ยวเสมหะมันออกมาเอง
- ฉี่ไม่ออก อันนี้เรื่องจริง พยาบาลสวนฉี่อาจจะเจ็บ อันนี้ก็เรื่องจริง แต่ถ้าคุณพยายามฉี่ได้ด้วยตัวเอง เครื่องสวนฉี่ไม่ได้กินคุณดอก
- เจ็บแผล อันนี้แน่นอนล่ะครับ เจ็บระหว่างเปลี่ยนอิริยาบท แต่ให้คิดว่าเจ็บนี้อยู่กับเราไม่นาน ดีกว่ามาต้องปวดท้องหน่วงๆทรมาณ

วันนี้ที่ผมเขียนเรื่องนี้เป็นวันที่สามหลังจากผ่าตัด อีกหนึ่งอาทิตย์ไปดูแผลใหม่ บ้านผมเป็นตึกแถวผมเดินขึ้นเดินลงได้อย่างสบายไม่มีปัญหา แต่เดิมได้ช้า ท่าเดิมเหมือนหลิวเต๋อหัว เดิน Slow เพราะถ้าเร็วมันเจ็บแผล หมอสั่งว่าอาหารกินได้ทุกอย่างไม่มีห้าม พยายามกินยาระบายอ่อนๆท้องจะได้ไม่ผูก ห้ามยกของหนักหรืออกกำลังกาย 6 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย


*สรุป*
ผมผ่าตัดตอน อายุ 32 ปี อัพเดทข้อมูลไว้เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจจะผ่าตัดไส้เลื่อน มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขารีวิว การตอบสนองของคนแต่ละคนไม่เหมือนกันฉะนั้นอย่ากลัวจนเกินไปครับ หวังว่าข้อมูลคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ลากันไปเท่านี้ สวัสดีครับ

ปล.ตอนที่ผมตัดสินใจผ่าตัด คุณหมอบอกว่าดีครับ อายุยังไม่มากผ่าตัดไม่เจ็บผ่าตอนอายุมาก เคยมีเคสคนของคุณหมอ เป็นไส้เลื่อนแล้วไม่ยอมมาหาหมอ อดทนๆไป จนวันนึงทนไม่ไหวต้องมาผ่าตัด หนักเลยครับทีนี้ ลำไส้บางส่วนมีปัญหาจำเป็นต้องตัดทิ้งไปด้วย จากเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป



Create Date : 10 มีนาคม 2562
Last Update : 10 มีนาคม 2562 16:38:55 น.
Counter : 7614 Pageviews.

0 comments
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
No. 1259 สาระเกือบมี (ตอนทำงานที่ใหม่ ถูกลองดี) ไวน์กับสายน้ำ
(1 ม.ค. 2567 05:58:05 น.)
ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse
(2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Takkub.BlogGang.com

takkub
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]

บทความทั้งหมด