เที่ยวสนุก สุดประทับใจที่เมืองอู่ทอง สุพรรณบุรี " ฉันถามชาวสุพรรณฯ ถึงของโบราณต่างๆที่มี่ในเขตเมืองนั้น เขาบอกว่ามีเมืองโบราณร้างอยู่ในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เมืองสุพรรณบุรีแห่งหนึ่ง เรียกกันว่า เมืองท้าวอู่ทอง " ตอนหนึ่งจากหนังสือ นิทานโบราณคดี ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรางราชานุภาพ ![]() นิทานโบราณคดีเป็นหนึ่งในหนังสือที่รักมากที่สุดเล่มหนึ่ง เเละเรื่องเมืองอู่ทองเป็นตอนหนึ่งที่น่าสนใจ พอได้อ่านก็นึกว่าทำไมไปสุพรรณบุรีหลายครั้ง เเต่ไม่เคยไปเที่ยวอำเภออู่ทองเลย จึงพิมพ์ลงไปใน อากู๋ (google) ว่า " ที่เที่ยวอู่ทอง " เห็นเเล้วต้องร้อง โห ที่เที่ยวมีเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ![]() เราเก็บเกี่ยวข้อมูล เเละออกเดินทางสู่อู่ทอง จากกรุงเทพฯ มาอู่ทองขับรถประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงเเล้วค่ะ จุดเเรกที่ตั้งใจมา คือ ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร ได้ชื่อว่าเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์เเละศูนย์รวมใจชาวอู่ทอง ![]() พอได้อ่านเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์เเละปาฏิหาร์ยของเจ้าพ่อพระยาจักร ตอนที่ร้านค้าเเละบ้านเรือนรอบๆศาลเจ้าฯไฟไหม้ เเต่ศาลเจ้าฯกลับไม่ถูกไฟไหม้เลยเเม้เเต่นิดเดียว อ่านเเล้วก็คิดว่า มาอู่ทองต้องมาสักการะขอพรเจ้าพ่อพระยาจักรให้ได้ ![]() เจ้าพ่อพระยาจักร เป็นเทวรูปโบราณ ลักษณะคล้ายพระวิษณุสวมหมวก ชาวอู่ทองพบเทวรูปเจ้าพ่อพระยาจักร บริเวณริมเเม่น้ำจรเข้สามพัน เเละได้อัญเชิญมาประดิษฐานบนเเท่นบูชาในศาลเจ้า ปี พ.ศ. 2400 ![]() ศาลเจ้าฯ ตั้งอยู่ที่ตลาดเทศบาลตำบลอู่ทอง ไม่ไกลจากหอนาฬิกาบรรหารเเจ่มใส ตามที่เคยเขียนอยู่ในบล็อกว่า การได้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ จะเป็นการเพิ่มอรรถรสในการเที่ยวมากขึ้น ดังนั้นเราจะไปเที่ยวต่อกันที่ พิพิธภัณฑสถานเเห่งชาติอู่ทอง ![]() ถ้าใครคิดว่าพิพิธภัณฑ์น่าเบื่อ คงมีเเต่วัตถุโบราณ เเละป้ายอธิบายเเปะไว้ให้คนอ่านเท่านั้น อยากให้ลองมาที่นี่ดู เเล้วจะเปลี่ยนความคิดค่ะ เราจะได้รู้เรื่องราวของเมืองโบราณอู่ทองผ่านสื่อต่างๆ เเละโบราณวัตถุจากการขุดค้นทางโบราณคดี ![]() หลังจากเสียค่าเข้าชมเเล้ว เจ้าหน้าที่เเนะนำให้ไปห้องจัดเเสดงที่อาคาร 2 ก่อนไม่ต้องห่วงว่าจะดูอะไรตรงไหนยังไง ที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยเเนะนำตลอดค่ะ ก่อนที่จะเข้าไปชมส่วนต่างๆ เรามาที่ห้องนี้เพื่อฟังเรื่องราวความเป็นมาของพิพิธภัณฑสถานเเห่งชาติอู่ทอง เเละเมืองโบราณอู่ทองผ่านวิดีทัศน์ ตรงนี้เราถึงได้รู้ว่าเมืองโบราณอู่ทองมีมาตั้งเเต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย เเละน่าจะเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรทวาราวดี พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางของดินเเดนสุวรรณภูมิ ![]() ส่วนต่อมา เราชอบจุดนี้เป็นพิเศษ เพราะมีการเล่าเรื่องโดยใช้เเบบจำลองเมืองโบราณอู่ทอง เวลากล่าวถึงสถานที่จุดไหน จุดนั้นจะมีเเสงไฟขึ้นเป็นสีๆ อย่างในรูปด้านล่าง สีเขียวเเสดงให้เห็นถึงบริเวณที่เรียกว่าเมืองโบราณอู่ทอง มีลักษณะเป็นวงรี ล้อมรอบด้วยคูเมือง คูเมืองถูกเเสดงด้วยสีฟ้าเเละเคลื่อนไหว เปรียบเสมือนน้ำ ตัวพิพิธภัณฑ์ฯอู่ทองปัจจุบันนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณเมืองโบราณค่ะ ![]() ตามที่ได้เห็นว่าเมืองโบราณอู่ทองมีคูน้ำล้อมรอบ เเละยังต่อกับเเนวคลองที่สามารถติดต่อกับภายนอกทางฝั่งทะเล จึงไม่เเปลกที่จะมีการค้าขายกับพ่อค้าชาวต่างชาติ ห้องจัดเเสดงต่อไปจึงเป็นการเล่าเรื่องการค้าขายทางทะเลจากคาบสมุทรอินเดียสู่ดินเเดนสุวรรณภูมิ ซึ่งเชื่อว่าอู่ทองอยู่ในเส้นทางการค้าในยุคดังกล่าวด้วย ห้องนี้ทำเป็นเรือที่เสมือนล่องอยู่ในทะเล เราต้องขึ้นไปยืนบนเรือเพื่อดูเเละฟังเรื่องเล่าค่ะ ![]() ต่อมาจะเป็นการจัดเเสดงเกี่ยวกับการรับอิทธิพลพุทธศาสนาจากอินเดีย ซึ่งกลายเป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมทวารวดี การขุดพบธรรมจักร เเท่นรองรับ เเละเสาธรรมจักร ที่เมืองโบราณอู่ทอง สามารถเเสดงให้เห็นว่าอู่ทองได้รับอิทธิพลจากพุทธศานาอินเดีย ที่เราเห็นในภาพคือการจำลองการขุดค้น ส่วนตัวจริงนั้นจัดเเสดงอยู่ที่อาคาร 1 ![]() เราจะย้ายมาที่อาคาร 1 เพื่อดูโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ มีห้องจัดเเสดงสองห้อง ซึ่งบอกเล่าการพัฒนาชุมชนบริเวณเมืองโบราณอู่ทองตั้งเเต่ก่อนประวัติศาสตร์จนเข้าสู่วัฒนธรรมทวารวดี เเละเมืองโบราณอู่ทองในฐานะเมืองสำคัญของวัฒนธรรมทวารวดี ![]() ตราประทับดินเผา สมัยทวารวดี ![]() เอกมุกข์ลึง ศิวลึงค์ที่มีรูปพระพักตร์พระศิวะสลักอยู่ที่หินส่วนปลาย ![]() ลูกปัดแก้ว เเสดงให้เห็นถึงการติดต่อกับชาวต่างชาติ ซึ่งมีแหล่งผลิตสำคัญอยู่ในประเทศจีนและภูมิภาคตะวันออกกลาง ![]() ปูนปั้นรูปบุคคลสวมหมวกทรงสูง เเสดงให้เห็นว่ามีการติดต่อกับชาวต่างชาติ ![]() ตุ๊กตาคนจูงลิง สังเกตว่าศีรษะมักจะหักออกจากลำตัว จึงมีการสันนิษฐานว่าอาจปั้นขึ้นเพื่อใช้สะเดาะเคราะห์ ![]() สมัยทวารวดีนิยมสร้างพระพิมพ์ด้วยดินเผา เพื่อระลึกถึงการที่พุทธศาสนิกชนได้ไปบูชาสังเวชนียสถานทางพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย 4 แห่ง หรือเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา ![]() ธรรมจักรศิลา ตัวจริงที่มีการขุดพบ ![]() ป้ายเเสดงให้เห็นโบราณสถานเเละวัตถุชิ้นสำคัญที่ถูกขุดพบในเเต่ละที่ เท่าที่ถามเจ้าหน้าที่ โบราณสถานทั้งหมดจะเหลือเเค่ตัวฐานเท่านั้น ![]() จากที่ได้ไปเยียมชมพิพิธภัณฑ์ในหลายๆที่ พิพิธภัณฑสถานเเห่งชาติอู่ทองเป็นหนึ่งในความประทับ ด้วยการจัดเเสดงที่ดี เข้าใจง่าย เดินเเล้วเพลินมาก ไม่รู้สึกน่าเบื่อเลยค่ะ พิพิธภัณฑ์ฯอู่ทอง ตั้งอยู่บนถนนมาลัยเเมน ใกล้ที่ว่าการอำเภออู่ทอง เปิดวันพุธ - อาทิตย์ เเละวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 - 16.00 น. ก่อนกลับสะดุดตากับป้าย U Thong Alive with Culture การเที่ยววิถีชุมชน เรียนรู้วัฒนธรรม เช่นเรียนรู้จักสานที่บ้านหนองเสือ หล่อเหรียญทวารวดีที่โรงหล่อวิเชียร ปั่นจักรยานโบราณที่บ้านโคก ทำยาดมหัวโตป้าต้อยที่ชุมชนต้นเเจงพัฒนา ซึ่งยาดมหัวโตเป็นกิจกรรมที่เราตั้งใจจะไปทำวันนี้ ![]() ก่อนมื้อกลางวัน เราเเวะไปนมัสการหลวงพ่อสังฆ์ พระพุทธไสยาสน์ ที่วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม เดิมชื่อวัดเขาพระ อยู่บนถนนวินยานุโยค วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ในสมัยทวารวดี เพราะมีการขุดพบพระปางต่างๆ พระพุทธบาทจำลอง ซากเจดีย์ พอมาถึงเราจอดรถที่ข้างล่างเพื่อเดินขึ้นไปกราบไหว้หลวงพ่อสังฆ์ ![]() ตามตำนาน เดิมหลวงพ่อสังฆ์สถิตอยู่ที่วัดศรีสรรเพชญ์ อยุธยา จนถูกพม่าเผาวัดศรีสรรเพชญ์ วิญญาณหลวงพ่อจึงล่องลอยมาถึงบริเวณวัดเขาพระนี้ มีความสงบร่มเย็น เห็นพระนอนไม่มีวิญญาณสถิต เลยลงประทับที่นี่ ![]() ![]() รอยพระพุทธบาทจำลองอยู่บนเขาพระ สามารถเดินหรือขับรถขึ้นไปได้ค่ะ เเต่เราเลือกขับรถ เพราะเเดดเเรงเหลือเกิน ![]() ซากเจดีย์อยุธยา ด้านบนเคยเป็นองค์ระฆังสมัยทวารวดี ซึ่งในสมัยอยุธยามีการก่อสร้างเจดีย์ซ้อนทับบนโบราณสถานสมัยทวารวดี ![]() มณฑป ที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ![]() รอยพระพุทธบาท เป็นหินทรายแกะสลักลวดลายมงคล 108 ประการ ในกรอบวงกลม สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะสมัยทวารวดีตอนปลาย ![]() เริ่มหิวเเล้ว ขอฝากท้องมื้อเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเจ๊มล ตรงมาจากวัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม เกือบสองกิโล จะเห็นร้านอยู่ฝั่งขวามือ ![]() มีหลากหลายเส้นให้เลือก ทั้งเส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ บะหมี่ วุ้นเส้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ![]() เส้นใหญ่น้ำต้มยำ อร่อยไม่ต้องปรุงเพิ่ม ![]() เย็นตาโฟก็มี ![]() ข้างๆร้านเจ๊มล มีร้านขายกล้วยทอด แป้งเค้ากรอบอร่อยมากค่ะ ใครมาห้ามพลาดเลยนะ อิ่มเเล้วลุยต่อ ![]() พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ พระพุทธรูปแกะสลักบนผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผาตรงนี้คือผามังกรบิน อยู่ในบริเวณวัดเขาทำเที่ยม ตอนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เคยเห็นภาพที่เค้าจำลองตอนเสร็จเเล้ว สวยงามมากๆ ขนาดยังไม่เสร็จยังรู้สึกว่าดูยิ่งใหญ่เลยค่ะ ![]() ![]() เลยขึ้นมาจากพระพุทธรูปสลักนิดนึง จะเจออ่างเก็บน้ำเขาพระ เสียดายที่ไม่ค่อยมีน้ำ ถ้ามีคงสวยกว่านี้ ![]() ดูเวลาอีกทีใกล้จะบ่ายสองเเล้ว เรามีนัดทำยาดมหัวโตป้าต้อยตอนบ่ายสองครึ่งค่ะ ตื่นเต้นมาก ![]() สถานที่อยู่ใกล้กับวัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม ป้าต้อยเเละทีมงานกำลังจัดเตรียมของ ![]() นี่คือหน้าตาของยาดมหัวโตป้าต้อย น่ารักไหมค่ะ นอกจากยาดมสมุนไพรคุณภาพดีเเล้ว ยังมีจุดเด่นที่หัวตุ๊กตา ซึ่งได้เเรงบันดาลใจมาจากหน้าคนในสมัยทวารวดี มาทำเป็นหัวตุ๊กตาคนทวารวดี ที่สำคัญเป็นงาน handmade เเต่ละชิ้นจะวาดเเตกต่างกันไป เท่ากับเป็นชิ้นเดียวในโลก นี่ล่ะค่ะทำให้เราอยากมาทำยามดมหัวโตด้วยฝีมือตัวเอง ![]() ได้รับรางวัล Creative Tourism Thailand ปี 2560 ด้วยนะคะ ![]() ส่วนผสมสมุนไพรที่ใช้ทำยาดม ![]() ![]() ได้เวลาลงมือทำเเล้วค่ะ เริ่มเเรกป้าต้อย ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแจงพัฒนา จะเเนะนำตัวเเละเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมืองโบราณอู่ทอง เเละกว่าที่จะมาเป็นยาดม ยาหม่อง สมุนไพร ฟังป้าต้อยเล่าเรื่องสามารถสัมผัสได้ถึงความรักของป้าที่มีต่ออู่ทองจริงๆ จริงๆเเล้วครอบครัวของป้าต้อยเดิมทำธุรกิจเกี่ยวกับการฉายหนังกลางแปง เเละที่หันเหมาทำยาดม ยาหม่องนี้ได้ เพราะเดิมคุณย่าเป็นคนชอบทำกิจกรรมหลายอย่างไว้ใช้ในครัวเรือน ทั้งทำกะปิ น้ำปลา รวมถึงยาหม่องด้วย ป้าต้อยก็ได้รับการถ่ายทอดตรงนี้มา ประกอบกับมีการนำครูมาสอนทำยาดมให้กับชาวบ้าน จึงได้ฝึกทำ พัฒนาสูตรเเละรูปแบบมาจนเป็น ยาดม ยาหม่องสมุนไพรในทุกวันนี้ ฐานเเรก สับสมุลเเว้งเเละตำลูกจันทร์ ป้าต้อยสาธิตวิธีสับสมุลเเว้งให้ดู พร้อมเล่าสรรพคุณว่าแก้อ่อนเพลีย ปวดศรีษะ ส่วนลูกจันทร์ แก้คลื่นไส้อาเจียน บำรุงหัวใจ ![]() ฐานที่สอง ปอกมะกรูด โดยเอาเเต่ผิวนำมาหั่นฝอย เเละหั่นเปลือกส้มโอเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ป้าต้อยเล่าต่อว่าต้องนำมะกรูดเเละเปลือกส้มโอที่หั่นเเล้วไปตากแห้งให้น้ำระเหยออกจากผิวจะได้ไม่เป็นเชื้อรา เสร็จเเล้วนำไปอบต่อ กว่าจะออกมาเป็นยาดม ไม่ง่ายเลย ![]() ฐานที่สามประกอบร่างยาดม โดยนำสมุนไพร 9 ชนิดใส่ลงในขวด โดยเริ่มจากใส่เเบบเเห้ง 6 ชนิดก่อน เเละตามด้วยเเบบน้ำที่เกิดจากการผสมพิมเสน เมนทอล การบูน จนกลายเป็นน้ำมันหอมระเหย สามารถเรียกยาดมเเบนี้ว่า ยาดมนพเก้า ได้เช่นกัน ป้าต้อยทำป้ายติดไว้ให้ว่าเเต่ละชนิดต้องใส่จำนวนเท่าไหร่ ![]() หลังจากนั้น ถึงช่วงเวลารอคอย คือการเเต่งหน้าหัวตุ๊กตา ทางป้าต้อยปั้นตัวหัวมาให้เเล้ว เหลือเเค่เราใส่จินตนาการเเล้วลงมือเเต่งเเต้มใบหน้าเเละศีรษะได้เลยค่ะ สีที่ใช้เป็นสีอคิลิค ป้าต้อยจะสอนเทคนิคในการทำตา เเละวิธีการการใช้อุปกรณ์ในการวาดส่วนต่างๆ ![]() นั่งทำสักพัก ก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ฝีมือตัวเองภูมิใจสุดๆเลยค่ะ ลองเปิดดมยาดม หอมชื่นใจ ป้าต้อยบอกว่าไว้เป็นปีก็ยังหอมค่ะ ของเค้าดีจริงๆ ![]() ที่เห็นข้างๆ คิ้วทอง ปากแดง เเถมมีเลือดหยดจากปากนั้นฝีมือแฟนเราเองค่ะ เห็นครั้งเเรกสตั๊นไปแป็ปนึง เเล้วก็ขำว่า เออคิดได้เนอะ เรียนจบเเล้วก็เข้าไปลาป้าต้อย รู้สึกโชคดีมากๆที่วันนี้มีน้องๆกลุ่มนักศึกษาเข้ามาดูงาน เราเลยได้รวมกลุ่มทำยาดมหัวโต ชอบที่ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาไทยในการทำยาดม ได้ฝึกสมาธิ เเละใ้ช้จินตนาการในการวาดหน้าคน ใครสนใจทำยาดมหัวโตป้าต้อย ลองโทรติดต่อคุณป้าก่อนนะคะ ที่เบอร์ 081 763 9230 ![]() เที่ยวมาตั้งเเต่เช้าจนเย็นเเล้ว ได้เวลากลับกรุงเทพฯ พร้อมหอบหิ้วความสนุกที่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เมืองโบราณอู่ทองจากพิพิธภัณฑสถานเเห่งชาติอู่ทอง การทำยาดมหัวโตป้าต้อย ประทับใจที่ได้มากราบไหว้เจ้าพ่อพระยาจักร หลวงพ่อสังฆ์ เห็นความยิ่งใหญ่พระพุทธรูปแกะสลักบนผา อู่ทองไม่ได้เป็นเเค่ทางผ่าน ไม่ได้เป็นเเค่เมืองเก่าที่ถูกลืม เเต่อู่ทองเป็นเมืองโบราณที่มีชีวิต มีกิจกรรมสุดสร้างสรรค์โดยชุมชน ที่รอทุกคนไปสัมผัส ทั้งสนุกทั้งประทับใจเมืองอู่ทอง ว่างเมื่อไหร่กลับไปเที่ยวอีกเเน่นอนค่ะ ![]()
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96
![]() ![]() มีคุณแม่เป็นคนสุพรรณค่ะ แต่เวลาไปสุพรรณทีไร ไปแค่บางปลาม้าทุกที ไม่เคยได้เที่ยวในที่อื่นๆเลย เห็นในบล็อคนนี้น่าเที่ยวตามมากค่ะ ชอบตอนทำยาดม น่ารักมากๆ ไว้ต้องหาโอกาสไปบ้างค่ะ อยากชวนแม่ไปเรียนทำยาดมจังค่ะ
โดย: กางเกงยักษ์ลอยฟ้า
![]() |
บทความทั้งหมด
|