ชื่อหนังสือ : มัจฉานุผจญภัยเขียนโดย : ฯคีตกาลภาพประกอบโดย : ชีวัน วิสาสะบรรณาธิการต้นฉบับ : ประมวล โกมารทัต, อัจฉรา ประดิษฐ์พิมพ์ครั้งที่ 4 : พฤศจิกายน 2552สำนักพิมพ์ : แพรวเยาวชนจำนวน 139 หน้า ราคา 90 บาท กระซิบก่อนอ่าน " มัจฉานุผจญภัย " วรรณกรรมเยาวชนรางวัลพิเศษนายอินทร์อะวอร์ด ประจำปี 2547 ถือเป็นงานวรรณกรรมสมัยใหม่ที่ผู้เขียนได้นำเค้าโครงเรื่องและบทบาทของตัวละครสำคัญในวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ที่ชื่อ " มัจฉานุ " มาสร้างสรรค์ใหม่ทั้งบทบาทของตัวละครและภาษาที่ใช้ในการประพันธ์ จนเป็นลักษณะวรรณกรรมร่วมสมัย ทำให้ผู้อ่านสามารถอ่านด้วยความสนุกสนานและเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ๆ และเยาวชนไทยทุกคน หรือแม้กระทั่งบางคนอาจเกิดความซาบซึ้งประทับใจในเรื่องนี้จนอยากอ่านวรรณคดีต้นฉบับขึ้นมาเลยทีเดียว ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... อมรินทร์ พ็อคเก็ตบุ๊ค ... นะคะ แวะเคาะประตูร้านหนังสือ เขียนความรู้สึก...บันทึกหลังอ่าน มัจฉานุผจญภัย เป็นวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพิเศษนายอินทร์อะวอร์ดที่หายากมากเล่มหนึ่งเลยล่ะค่ะ คิดดูนะคะว่ายากขนาดไหน หวานเย็นตามหามัจฉานุผจญภัยมาแต่ครั้งทำงานอยู่ศูนย์หนังสือฯ ลงทุนสั่งซื้อเข้าคลังสินค้ามาเป็นการพิเศษด้วยเล็งเห็นว่า... อย่างไรเสียก็ต้องขายได้แน่นอน (แถมหวานเย็นเองก็จะได้จับจองเป็นเจ้าของกับเขาเสียที ) แต่...เมื่อหนังสือมาถึงกองคลัง การณ์กลับกลายเป็นว่าหนังสือทั้งหมดที่สั่งมานั้น ถูกส่งไปยังลูกค้าก่อนเสียอย่างนั้น ทำร้ายจิตใจหวานเย็นเสียอย่างนั้น พอทำการสั่งซื้อไปทางสำนักพิมพ์อีกครั้งก็ได้คำตอบกลับมาว่า ' หนังสือหมด ' หวานเย็นย้ายไปทำงานด้านอื่นกับหน่วยงานอื่นแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววจะได้มา กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ความพยายามก็เกิดผลค่ะ หวานเย็นได้หนังสือเล่มนี้มาครอง หลังจากไปยืนเหล่หนังสือที่จะซื้อหามาอ่านอยู่นั้น บังเอิญได้พบกับหนังสือเล่มนี้เข้า ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นค่ะ คว้ามาครองอย่างเดียวเลย มัจฉานุผจญภัย ได้รับอิทธิพลมาจาก วรรณคดีอันทรงคุณค่าเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่ง พี่กก (ฯคีตกาล) หยิบยก มัจฉานุ บุตร หนุมานชาญสมร ทหารเอกของ พระราม ซึ่งเกิดกับ นางสุพรรณมัจฉา มาเป็นตัวละครเอก และเล่าเรื่องออกมาในอีกมุมมองหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเก่งกล้าสามารถปานใด หากมัจฉานุก็ยังคงเป็นเด็กอยู่นั่นเอง และ ' เด็ก ๆ ก็เหมือนต้นไม้ แม้จะอ่อนเพียงไร หากบังคับดัดกิ่งด้วยกำลัง มันจะหักคามือเสียเปล่า สิ่งที่พวกผู้ใหญ่ต้องทำก็คือ เข้าใจในธรรมชาติของเขา แล้วหลอกล่อให้กิ่งโน้มไปหาแสงสว่างด้วยความเมตตา อดทน และสิ่งที่ต้องจำอีกอย่างหนึ่งคือ เด็กนั้น...ดัดยากกว่าพันธุ์ไม้งาม ' หนึ่งในคนที่เข้าใจธรรมชาติของมัจฉานุ รัก เมตตา และพร้อมจะอดทนกับฤทธิ์เดชของบุตรหนุมาน ก็คือ พระไวยวิก พระเชษฐาผู้ปกครองเมืองบาดาลนั่นเอง พระไวยวิกทำการหลอกล่อให้โอรสน้อยออกเดินทางจากเมืองบาดาล เพื่อไปพบพระมารดาซึ่งพำนักอยู่ ณ ป่าหิมพานต์ การผจญภัยจึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยความที่มัจฉานุเกิดมามียศศักดิ์ ความดื้อรั้น ทิฐิมานะจึงมีมาก ตลอดทางได้แสดงฤทธิ์เดชอาละวาดจนทั้งสรรพสัตว์ แลภูตพรายเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ร้อนถึง พระนารทฤๅษี ซึ่งเคยกำราบหนุมานจนสิ้นฤทธิ์มาแล้ว ต้องออกโรงอีกครั้งเพื่อปราบบุตรหนุมาน หลังจากนั้นพระนารทฤๅษีได้ส่งตัวมัจฉานุไปให้ ฤๅษีขันติ ทำการอบรม ท่านตาต้องการสอนให้มัจฉานุรู้จักคำว่าอดทน จึงสั่งให้มัจฉานุตักน้ำให้เต็มตุ่มโดยใช้ขันเงินใบเล็กค่อย ๆ ตวงน้ำจากลำธารมาเติมทีละน้อย ๆ มัจฉานุมากฤทธีมีหรือจะทำตาม โอรสน้อยจอมเจ้าเล่ห์สรรหาทุกวิธีลัดมาใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไร น้ำในตุ่มก็ไม่เต็มเสียที ขัดเคืองใจนักก็อาละวาด จนฤๅษีขันติต้องแนะนำด้วยความเอ็นดูว่า ' หากเราไม่รู้วิธีห่อ ไหนเลยจะใช้เวทได้ถูกต้อง เจ้าตักน้ำก็เหมือนกัน ตาไม่เคยห้ามสักครั้งว่าไม่ให้ใช้อิทธิฤทธิ์ แต่เจ้าคิดสักนิดหรือยังว่าเจ้ารู้จักการตักน้ำแล้ว ตาจะบอกให้นะโอรสน้อย...ตุ่มที่ตาให้มันบอบบาง เจ้าโยนน้ำที่อัดแน่นด้วยฤทธีใส่มัน มันก็ทนไม่ได้ ตุ่มที่เจ้าเสกมาใช้ก็หาได้ผ่านขั้นตอนการเผามา ถึงได้รั่วจนไม่สามารถเก็บน้ำ อีกสายยางที่เจ้าลักทำ...เล็กไปกบมันอุดได้ ใหญ่ไปปลาก็ลอดออกมา ตาอยากให้เจ้าเรียนรู้ความอดทนหนา เพราะอดทนจะทำให้เราทำงานสำเร็จ ทำให้เราคิดหาเหตุจนถึงทางแก้ไข ถ้าเจ้าอดทนตักน้ำแต่ทีแรก จะเหลือสักครึ่งแล้วค่อยใช้เวทตาก็ไม่ว่ากระไร เพราะเจ้าน่ะ เมื่ออดทนทำแล้วย่อมเรียนรู้ได้ว่าตักน้ำต้องทำอย่างไร เอ้า...ว่าอย่างไร...จะไม่ลองเอาวิธีที่ตาแนะนำไปใช้หน่อยหรือ นี่มันวันที่สามล่วงเลยมาแล้วนะมัจฉานุ... ' มัจฉานุทำตามคำสอนสั่งของฤๅษีขันติแต่โดยดี ใช้ความอดทนตักน้ำจนเต็มตุ่ม ด้วยหวังเต็มเปี่ยมหัวใจว่าจะได้ออกเดินทางไปหาแม่เสียที ครั้นน้ำเต็มตุ่ม เรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่โอรสน้อยคาดคิด ที่เคยอยู่ในโอวาทก็เริ่มก่อเรื่องอีกครั้ง แล้วคนที่ต้องเดือดร้อนใจก็หาใช่ใครอื่น ก็คือผู้ที่รักมัจฉานุอย่างแท้จริงนั่นเอง แต่... สุดท้าย โอรสน้อยก็ได้เข้าใจว่า ' ผู้ที่ยอมเหนื่อย คอยบ่นและเพียรสอนให้ทำตัวดีจนบางครั้งน่ารำคาญนั้น...คือผู้ที่รักเขาจริง ' หลงรักมัจฉานุตั้งแต่ยังอ่านไปไม่ถึงครึ่งเล่มเลยค่ะ น่ารักน่าชัง น่าหยิกน่าตี แสนซนก็เท่านั้น ฤทธิ์มากก็ที่หนึ่ง แต่บทจะว่านอนสอนง่ายก็ได้ใจทีเดียวค่ะ เป็นวรรณกรรมเยาวชนผ่านการคัดสรรที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ค่ะ มัจฉานุ บุตรหนุมานชาญสมรในวรรณคดีนั้นดูจริงจัง เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ จนบางครั้งคนอ่านก็ลืมไปว่าอายุอานามนั้นยังไม่น่าจะรู้เดียงสามากนัก พี่กกก็ได้นำมุมมองที่เคยมองข้ามาถ่ายทอด นำเสนอมัจฉานุออกมาในอารมณ์แบบเด็ก ๆ ที่ร้ายเดียงสาจนอ่านไปก็หลงรักไปเหลือเกินค่ะ ถ้าอยากรู้ว่ามัจฉานุออกฤทธิ์ออกเดชอะไรไว้บ้าง ก่อเรื่องไว้มากน้อยแค่ไหน ติดตามได้ในมัจฉานุผจญภัยนะคะ อยากบอกว่าที่หวานเย็นเล่ามาน่ะ สนุกไม่ได้ครึ่งของต้นฉบับเลยล่ะค่ะ
กระซิบก่อนอ่าน
" มัจฉานุผจญภัย " วรรณกรรมเยาวชนรางวัลพิเศษนายอินทร์อะวอร์ด ประจำปี 2547 ถือเป็นงานวรรณกรรมสมัยใหม่ที่ผู้เขียนได้นำเค้าโครงเรื่องและบทบาทของตัวละครสำคัญในวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ที่ชื่อ " มัจฉานุ " มาสร้างสรรค์ใหม่ทั้งบทบาทของตัวละครและภาษาที่ใช้ในการประพันธ์ จนเป็นลักษณะวรรณกรรมร่วมสมัย ทำให้ผู้อ่านสามารถอ่านด้วยความสนุกสนานและเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ๆ และเยาวชนไทยทุกคน หรือแม้กระทั่งบางคนอาจเกิดความซาบซึ้งประทับใจในเรื่องนี้จนอยากอ่านวรรณคดีต้นฉบับขึ้นมาเลยทีเดียว ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... อมรินทร์ พ็อคเก็ตบุ๊ค ... นะคะ
แวะเคาะประตูร้านหนังสือ
มัจฉานุผจญภัย เป็นวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพิเศษนายอินทร์อะวอร์ดที่หายากมากเล่มหนึ่งเลยล่ะค่ะ คิดดูนะคะว่ายากขนาดไหน หวานเย็นตามหามัจฉานุผจญภัยมาแต่ครั้งทำงานอยู่ศูนย์หนังสือฯ ลงทุนสั่งซื้อเข้าคลังสินค้ามาเป็นการพิเศษด้วยเล็งเห็นว่า... อย่างไรเสียก็ต้องขายได้แน่นอน (แถมหวานเย็นเองก็จะได้จับจองเป็นเจ้าของกับเขาเสียที ) แต่...เมื่อหนังสือมาถึงกองคลัง การณ์กลับกลายเป็นว่าหนังสือทั้งหมดที่สั่งมานั้น ถูกส่งไปยังลูกค้าก่อนเสียอย่างนั้น ทำร้ายจิตใจหวานเย็นเสียอย่างนั้น พอทำการสั่งซื้อไปทางสำนักพิมพ์อีกครั้งก็ได้คำตอบกลับมาว่า ' หนังสือหมด ' หวานเย็นย้ายไปทำงานด้านอื่นกับหน่วยงานอื่นแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววจะได้มา กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ความพยายามก็เกิดผลค่ะ หวานเย็นได้หนังสือเล่มนี้มาครอง หลังจากไปยืนเหล่หนังสือที่จะซื้อหามาอ่านอยู่นั้น บังเอิญได้พบกับหนังสือเล่มนี้เข้า ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นค่ะ คว้ามาครองอย่างเดียวเลย มัจฉานุผจญภัย ได้รับอิทธิพลมาจาก วรรณคดีอันทรงคุณค่าเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่ง พี่กก (ฯคีตกาล) หยิบยก มัจฉานุ บุตร หนุมานชาญสมร ทหารเอกของ พระราม ซึ่งเกิดกับ นางสุพรรณมัจฉา มาเป็นตัวละครเอก และเล่าเรื่องออกมาในอีกมุมมองหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเก่งกล้าสามารถปานใด หากมัจฉานุก็ยังคงเป็นเด็กอยู่นั่นเอง และ ' เด็ก ๆ ก็เหมือนต้นไม้ แม้จะอ่อนเพียงไร หากบังคับดัดกิ่งด้วยกำลัง มันจะหักคามือเสียเปล่า สิ่งที่พวกผู้ใหญ่ต้องทำก็คือ เข้าใจในธรรมชาติของเขา แล้วหลอกล่อให้กิ่งโน้มไปหาแสงสว่างด้วยความเมตตา อดทน และสิ่งที่ต้องจำอีกอย่างหนึ่งคือ เด็กนั้น...ดัดยากกว่าพันธุ์ไม้งาม ' หนึ่งในคนที่เข้าใจธรรมชาติของมัจฉานุ รัก เมตตา และพร้อมจะอดทนกับฤทธิ์เดชของบุตรหนุมาน ก็คือ พระไวยวิก พระเชษฐาผู้ปกครองเมืองบาดาลนั่นเอง พระไวยวิกทำการหลอกล่อให้โอรสน้อยออกเดินทางจากเมืองบาดาล เพื่อไปพบพระมารดาซึ่งพำนักอยู่ ณ ป่าหิมพานต์ การผจญภัยจึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยความที่มัจฉานุเกิดมามียศศักดิ์ ความดื้อรั้น ทิฐิมานะจึงมีมาก ตลอดทางได้แสดงฤทธิ์เดชอาละวาดจนทั้งสรรพสัตว์ แลภูตพรายเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ร้อนถึง พระนารทฤๅษี ซึ่งเคยกำราบหนุมานจนสิ้นฤทธิ์มาแล้ว ต้องออกโรงอีกครั้งเพื่อปราบบุตรหนุมาน หลังจากนั้นพระนารทฤๅษีได้ส่งตัวมัจฉานุไปให้ ฤๅษีขันติ ทำการอบรม ท่านตาต้องการสอนให้มัจฉานุรู้จักคำว่าอดทน จึงสั่งให้มัจฉานุตักน้ำให้เต็มตุ่มโดยใช้ขันเงินใบเล็กค่อย ๆ ตวงน้ำจากลำธารมาเติมทีละน้อย ๆ มัจฉานุมากฤทธีมีหรือจะทำตาม โอรสน้อยจอมเจ้าเล่ห์สรรหาทุกวิธีลัดมาใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไร น้ำในตุ่มก็ไม่เต็มเสียที ขัดเคืองใจนักก็อาละวาด จนฤๅษีขันติต้องแนะนำด้วยความเอ็นดูว่า ' หากเราไม่รู้วิธีห่อ ไหนเลยจะใช้เวทได้ถูกต้อง เจ้าตักน้ำก็เหมือนกัน ตาไม่เคยห้ามสักครั้งว่าไม่ให้ใช้อิทธิฤทธิ์ แต่เจ้าคิดสักนิดหรือยังว่าเจ้ารู้จักการตักน้ำแล้ว ตาจะบอกให้นะโอรสน้อย...ตุ่มที่ตาให้มันบอบบาง เจ้าโยนน้ำที่อัดแน่นด้วยฤทธีใส่มัน มันก็ทนไม่ได้ ตุ่มที่เจ้าเสกมาใช้ก็หาได้ผ่านขั้นตอนการเผามา ถึงได้รั่วจนไม่สามารถเก็บน้ำ อีกสายยางที่เจ้าลักทำ...เล็กไปกบมันอุดได้ ใหญ่ไปปลาก็ลอดออกมา ตาอยากให้เจ้าเรียนรู้ความอดทนหนา เพราะอดทนจะทำให้เราทำงานสำเร็จ ทำให้เราคิดหาเหตุจนถึงทางแก้ไข ถ้าเจ้าอดทนตักน้ำแต่ทีแรก จะเหลือสักครึ่งแล้วค่อยใช้เวทตาก็ไม่ว่ากระไร เพราะเจ้าน่ะ เมื่ออดทนทำแล้วย่อมเรียนรู้ได้ว่าตักน้ำต้องทำอย่างไร เอ้า...ว่าอย่างไร...จะไม่ลองเอาวิธีที่ตาแนะนำไปใช้หน่อยหรือ นี่มันวันที่สามล่วงเลยมาแล้วนะมัจฉานุ... ' มัจฉานุทำตามคำสอนสั่งของฤๅษีขันติแต่โดยดี ใช้ความอดทนตักน้ำจนเต็มตุ่ม ด้วยหวังเต็มเปี่ยมหัวใจว่าจะได้ออกเดินทางไปหาแม่เสียที ครั้นน้ำเต็มตุ่ม เรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่โอรสน้อยคาดคิด ที่เคยอยู่ในโอวาทก็เริ่มก่อเรื่องอีกครั้ง แล้วคนที่ต้องเดือดร้อนใจก็หาใช่ใครอื่น ก็คือผู้ที่รักมัจฉานุอย่างแท้จริงนั่นเอง แต่... สุดท้าย โอรสน้อยก็ได้เข้าใจว่า ' ผู้ที่ยอมเหนื่อย คอยบ่นและเพียรสอนให้ทำตัวดีจนบางครั้งน่ารำคาญนั้น...คือผู้ที่รักเขาจริง ' หลงรักมัจฉานุตั้งแต่ยังอ่านไปไม่ถึงครึ่งเล่มเลยค่ะ น่ารักน่าชัง น่าหยิกน่าตี แสนซนก็เท่านั้น ฤทธิ์มากก็ที่หนึ่ง แต่บทจะว่านอนสอนง่ายก็ได้ใจทีเดียวค่ะ เป็นวรรณกรรมเยาวชนผ่านการคัดสรรที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ค่ะ มัจฉานุ บุตรหนุมานชาญสมรในวรรณคดีนั้นดูจริงจัง เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ จนบางครั้งคนอ่านก็ลืมไปว่าอายุอานามนั้นยังไม่น่าจะรู้เดียงสามากนัก พี่กกก็ได้นำมุมมองที่เคยมองข้ามาถ่ายทอด นำเสนอมัจฉานุออกมาในอารมณ์แบบเด็ก ๆ ที่ร้ายเดียงสาจนอ่านไปก็หลงรักไปเหลือเกินค่ะ ถ้าอยากรู้ว่ามัจฉานุออกฤทธิ์ออกเดชอะไรไว้บ้าง ก่อเรื่องไว้มากน้อยแค่ไหน ติดตามได้ในมัจฉานุผจญภัยนะคะ อยากบอกว่าที่หวานเย็นเล่ามาน่ะ สนุกไม่ได้ครึ่งของต้นฉบับเลยล่ะค่ะ