กระซิบก่อนอ่าน
เด็กชายวัย 12 ขวบคนหนึ่ง ออกเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิต เพื่อทำความหวังสุดท้ายของแม่ให้เป็นจริง...นั่นคือการได้กินสับปะรด ความยากลำบากของเด็กชายไม่ได้อยู่ที่การฝ่าหิมะอันหนาวเหน็บออกไปสืบหาร้านผลไม้ ซึ่งทั้งเมืองมีอยู่ร้านเดียวที่มีสับปะรดจำหน่าย แต่อยู่ที่การเผชิญหน้ากับพ่อบังเกิดเกล้า และหญิงผู้เป็น มือที่สาม ต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก และสถานการณ์ที่เขาต้องเลือก ระหว่างศักดิ์ศรีกับความจำเป็น แม่ผมอยากกินสับปะรด ดำเนินเรื่องด้วยภาษาที่กระชับ ฉายให้เห็นภาพการ เติบโต ทางกายและใจของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของเยาวชนทั่วไป เป็นสะพานแห่งการสื่อสารเชื่อมโยงความเข้าใจระหว่างครอบครัวและสังคม ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... สถาพรบุ๊คส์ ... นะคะ
แวะเคาะประตูร้านหนังสือ
ซื้อมากองสุม ๆ ไว้นานเหมือนกัน สำหรับ ' แม่ผมอยากกินสับปะรด ' กองไว้รวม ๆ กับเล่มอื่น ๆ ตั้งแต่เดือนมีนา ' โน่นแล้ว แต่ไม่ได้สักที ทั้ง ๆ ที่เล่มบางนิดเดียวแท้ ๆ ถ้าจะอ่านจริง ๆ คงใช้เวลาไม่นาน แต่โดยความที่กลัวไม่ขลังเลยต้องดองซะหน่อย เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน อ่านจบแล้วมีความรู้สึกว่า ลำบากนะคะ ชีวิตของ ' เฟินเถียน ' แม้เจ้าตัวจะไม่ได้รำพึงรำพันให้ฟังว่าลำบากลำบน กลับมองเป็นเรื่องสนุก เป็นความอบอุ่นที่มีร่วมกันระหว่างเขากับแม่ แต่ทุกตัวอักษรที่เรียงรายผ่านสายตาสามารถสื่อแทนได้ว่าลำบากมากมายเพียงใด โรงเรียนอยุ่ไกลจากบ้านถึง 9 ลี้ ต้องออกมากับมูลหมากับแม่ท่ามกลางอากาศหนาวและหิมะที่โปรยปราย เพียงเพราะไม่มีเงินจะซื้อปุ๋ยมาใส่พืชผักที่ปลูกไว้เหมือนบ้านอื่น ๆ สับปะรดที่เราหาทานได้ง่าย ๆ แต่เฟินเถียนต้องนั่งรถจากหมู่บ้านเข้าตัวอำเภอเพื่อจะซื้อหาให้แม่ได้ทานก่อนโรคร้ายจะพรากลมหายใจให้ขาดรอน ครั้นไปถึงราคาก็แพงเหลือเกิน เงินที่ติดตัวมานั้นไม่พอที่จะซื้อแม้แต่สับปะรดลูกที่เล็กที่สุดด้วยซ้ำไป บากหน้าไปหาพ่อ เพื่อจะขอความเห็นใจให้พ่อกลับไปเยี่ยมแม่สักครั้ง ให้พ่อซึ่งอยู่ดีกินดี มีชีวิตสุขสบายยอมซื้อสับปะรดให้แม่สักลูก แต่กลับได้รับคำปฏิเสธ อ่านแล้วสงสารจับใจ ทำไมนะเด็กคนหนึ่งที่แสนน่ารัก เป็นเด็กดี เรียนดี กลับต้องมีชีวิตน่าเศร้าแบบนี้ ...แม้เราจะจนแค่ไหน ก็ต้องไม่เป็นหัวขโมย คนเราถ้าริจะเป็นหัวขโมยเมื่อไหร่ก็จเป็นคนดีอีกไม่ได้แล้ว ประโยคนั้นเป็นประโยคที่ดังก้องอยู่ในหัวใจของเฟินเถียน ขณะยืนรออยู่หน้าร้านขายสับปะรดที่มีอยู่เพียงร้านเดียวในตัวอำเภอ แม้จะยากจนข้นแค้นเพียงใด แม่ของเฟินเถียนก็ไม่เคยสั่งสอนให้เขาลักเล็กขโมยน้อย อ่านแล้วซึ้งใจกับการสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดีของคนเป็นแม่จริง ๆ ประโยคที่อ่านแล้วสะเทือนใจที่สุดคงเป็นตอนที่เฟินเถียนนั่งรถสองแถวกลับบ้าน อาหารที่เรากินคือหยาดเหงื่อของชาวนา เสียงท่องเจื้อยแจ้วบ่งบอกถึงอาการจดจำได้ในทุกถ้อยคำที่เปล่งวาจา หากการกระทำกลับตรงกันข้าม กินทิ้งกินขว้าง ไม่สำนึกถึงถึงที่เพิ่งจะท่องจบไปเลยแม้แต่นิดเดียว หวานเย็นอ่านแล้วก็อดเศร้าไม่ได้ บางครั้งรู้นะคะว่าไม่ดี แต่ก็ทำ คนเรามักเป็นเช่นนี้เสมอ แม้ว่าท้ายแล้ว ชีวิตของเฟินเถียนจะสุขสบายขึ้น มีเงินมากพอจะซื้อสับปะรดสองลูกกลับไปไหว้หลุมศพแม่ แต่อดีตที่แสนขมขื่นในวันนั้นก็ไม่ได้จางหายไปจากใจแม้แต่นิดเดียว