กระซิบก่อนอ่าน
นิยายภาคต่อจากเรื่อง ลมพัดผ่านดาว โดยว.วินิจฉัยกุลได้วาดลวดลายการใช้ชีวิตคู่ของหนึ่งหญิงสองชาย แบ่งเป็น 2 เรื่อง 2 รส เป็นการดำเนินชีวิตที่ตัวละครได้เลือกแล้ว ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... เพื่อนดี ... นะคะ
แวะเคาะประตูร้านหนังสือ
หากคุณเคยประทับใจกับ ' ลมพัดผ่านดาว ' มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกที่ 1 หรือทางเลือกที่ 2 ก็ตาม พลาดไม่ได้เลยค่ะสำหรับการกลับมาอีกครั้งของ ' วายุ ', ' ดารชา ' และ ' ทรงวัชร์ ' ใน ' เพลงสายลม-หน้าต่างสายลม ' เริ่มกันที่ ' เพลงสายลม ' บทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวการดำเนินชีวิตของดารชา หลังตัดสินใจแต่งงานกับพี่ชายที่แสนดีอย่างทรงวัชร์ ชีวิตหลังแต่งงานที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ฉากหน้าที่สมบูรณ์เสียจนใครต่อใครพากันอิจฉา ทว่าไม่อาจนำมาซึ่งความสุขทางใจ เมื่อชีวิตที่มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง ขาดเพียงความรักที่สามีไม่สามารถมอบให้ได้อย่างที่ต้องการ รอยยิ้มหวานจึงมีเพียงใบหน้า ไม่มีประกายความสดใสในแววตาอย่างที่ควรจะเป็น ' ไม่มีใครเข้าใจว่า ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มันไม่ใช่ของสำเร็จรูป ที่พอแกะกล่องออก ทุกคนก็ใช้ได้อย่างดีเท่าเทียมกันทั่วหน้า ' เมื่อชีวิตดำเนินมาจนถึงวันนี้ คุณหนูดาว ผู้แสนอ่อนไหวคงเข้าใจเสียทีว่า ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าคุณมัวแต่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งมากเท่าไร ความรักก็พังพินาศเร็วไวขึ้นเท่านั้น หากรู้จักกันจริง ๆ หวานเย็นคงต้องถามคุณหนูดาวว่าสาแก่ใจหรือยังคะกับการตัดสินใจที่คุณเลือก... เลือกทำร้ายผู้ชายที่รักคุณหมดหัวใจได้อย่างเลือดเย็นและเห็นแก่ตัว นี่ละ... บทสรุปของคนไม่รู้จักพอ หวานเย็นเคยพูดไว้เมื่อครั้งอ่านลมพัดผ่านดาวว่า... คนอย่างคุณหนูดาวไม่รู้จักพออย่างไรในวันนั้น ก็ยังขอยืนยันในวันนี้ อะไรที่เคยบอกไว้ว่า ' รับได้ ' เมื่อทนอยู่กับมันนานไปก็ยิ่งทรมาน โหยหาในสิ่งที่ละทิ้งไป เคยสงสารวายุจับหัวใจอย่างไร ณ วันนี้... วันที่คิดว่าถ้าได้อ่านเพลงสายลมแล้วความรู้สึกที่มี... ที่เคยคิดว่า... ถ้าเป็นหนูดาวจะไม่มีวันทำให้วายุเสียใจก็ยังคงเดิม โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ' ชายหนุ่มรู้ตัว หลอกตัวเองไปก็ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเวลาเมื่อไรความจริงก็ตามประจันหน้า ให้หนีหน้าไม่ได้อีกต่อไป หนีไม่พ้นจากความจริงที่ว่า...ถึงอย่างไรเขาก็ยังรัก ' หนูดาวของผม ' อยู่ไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าหล่อนจะกลายไปเป็นของใครก็ตาม ' เหมือนมีเข็มสักพันเล่มทิ่มแทงใจ เจ็บแทนวายุเหลือเกินค่ะ ห้าปีผ่านไป หนูดาวมีคุณทรงวัชร์ มีน้องพรีเมียร์ แต่... วายุก็ยังไม่มีใคร แถมปัญหาที่ต้องแบกรับก็หนักหนาเหลือเกิน ใครไม่รักวายุ ก็โปรดอย่าเกลียดเลยนะคะ วายุเป็นคนดีจริง ๆ แม้ไม่มีอะไรเพียบพร้อมอย่างคุณทรงวัชร์ เขาก็ไม่เคยคิดเบียดบังใคร ไม่เคยคิดโทษใคร ยอมรับว่าเป็นทางตัวเองเลือก ไม่ว่าวันนั้น... วันนี้... หรือวันไหน... หวานเย็นก็ยกทั้งใจให้วายุอยู่ดีล่ะค่ะ ต่อกันด้วย ' หน้าต่างสายลม ' หลังคุณหนูดาวตัดสินใจล้มเลิกงานวิวาห์สุดหรูกลางคัน หันกลับมาใช้ชีวิตกับวายุตามลำพังสองคนที่ปาย แม้ใครจะมองว่า... ออกแนวเพ้อฝันมากกว่าจะเป็นความจริง แต่... หวานเย็นกลับมองว่า... นี่ล่ะค่ะความจริง... ความจริงที่ว่า... หากคิดจะรักก็ต้องยอมรับ ทำความเข้าใจ และปรับตัวเข้าหากัน บางเรื่องที่มันยากเกินจะปรับหรือเปลี่ยน ก็จับเข่าคุยกัน ตกลงพบกันครึ่งทาง คิดจะรักต้องรู้จักประคับประคอง มัวแต่เรียกร้อง แล้วเมื่อไรจะได้มา หน้าต่างสายลม สะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างของวายุกับคุณหนูดาว จากคนที่ไม่เคยสนใจอะไร จากคนที่อยากทำอะไรก็ทำ วายุเริ่มให้ความใส่ใจกับครอบครัวมากขึ้น ไม่หนีหายไปโดยไม่ยอมรับการติดต่อสื่อสารใด ๆ จากใครอย่างที่เคยเป็น คุณหนูดาวก็แกร่งขึ้น เข้าใจอะไรได้มากขึ้น ใช้เหตุผลมากกว่าเมื่อครั้งก่อนเก่า ชีวิตคู่ที่ใคร ๆ ต่างปรามาสว่าไม่มีทางไปกันรอด จึงมีความสุขมากมาย ' คนที่จูงมือผ่านป่า ฝ่าไฟมาด้วยกัน จะรู้สึกว่าไม่มีสิ่งไหนที่เขาจะทำให้อีกคนไม่ได้ คุณหนูดาวไม่เห็นใครสำคัญเท่าผม ผมก็ย่อมไม่เห็นใครสำคัญเท่าคุณ คนอื่น ๆ ผมถือว่าเรื่องเล็กทั้งหมด ' น่ารักมั้ยคะ ? พระเอกในดวงใจของหวานเย็น หวานได้อีกนะคะเนี่ย แล้วใครกันนะช่างเปรียบว่า... ' อยู่อย่างเป็นทุกข์กับใครคนหนึ่ง ก็ยังดีกว่าอยู่อย่างเป็นสุขโดยไม่มีเขา ' อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย หวานเย็นเห็นแต่ความสุขกระจายอยู่เต็มไปในทุกอณูของบรรยากาศ ประทับใจจังเลยค่ะ
อ่านรีวิวแล้วใจนึกอยากอ่านแต่ใจนึงนึกกลัวจะรู้สึกเศร้า
อ่านเนื้อเรื่องแบบนี้แล้วใจมันโหวงชอบกล