ชื่อหนังสือ : Flower in the wind เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม เขียนโดย : สร้อยดอกหมากพิมพ์แรก : ตุลาคม ๒๕๕๕สำนักพิมพ์ : เนชั่นบุ๊คส์ จำนวน ๒๗๒ หน้า ราคา ๒๓๕ บาท กระซิบก่อนอ่าน "รู้ไหมคะ คุณเมธวัชร์ สำหรับผู้ชายอื่นที่ฉันได้พบก่อนหน้าฉันให้พวกเขาได้มากที่สุดคือคำว่าฉันรักคุณแต่สำหรับคุณ ฉันขอสัญญาว่า...ฉันจะรักคุณเป็นคนสุดท้าย" ใครจะคาดคิดว่า หญิงสาวที่ผิดหวังเรื่องความรักมาสองครั้งสองคราและไม่เชื่อในเรื่องรักแท้จะมีอยู่จริง เธอจึงทุ่มเทให้กับอาชีพที่เธอรักอย่างการเขียนนวนิยายโรมานซ์ติกาที่โด่งดัง กับชายอีกคนที่อยู่ในดลกมืด ผ่านประสบการณืชีวิตมาอย่างโชกโชน เรียกว่าเป้นมาเฟียในคราบตระกูลดังอย่างเต็มขั้น และเขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานเลยในชีวิต ทั้งสองกลับมาโคจรเจอกันได้ แล้วความรักของทั้งสองจะเป็นไปในรูปแบบใด เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลมเท่านั้นที่จะสัมผัสถึงความรักของพวกเขาได้ ... ฉันไม่เคยรู้จากปากของเมธวัชร์เลยว่าเขาเป็นคนอย่างไร ชีวิตที่ผ่านมาของเมธวัชร์เป็นอย่างไร ฉันจำได้เพียงแววตาของเมธวัชร์ที่จ้องมองฉัน มีแต่ฉันอยู่ในสายตาคู่นั้น จำได้ก็แต่เสียงทุ่มต่ำที่เคยร้องเพลงให้ฉันฟัง จำได้ก็เพียงสัมผัสของฝ่ามือของเมธวัชร์ ที่ทาบลงบนผิวหนัง แก้มและที่ศรีษะ คุณเป็นผู้หญิงที่ชั่วชีวิต ผมจะไม่มีวันลืม เวลาที่คุณทำให้ผมมีความสุข คุณคือของขวัญจากสวรรค์ แต่เวลาที่คุณทำให้ผมเป็นทุกข์ คุณคือคำสาปที่มากับของขวัญนั้น คุณเป็นทั้งนางฟ้าและปีศาจ คุณเป็นผู้หญิงของผม เป็นเมียผม เป็นคนที่ผมรัก เป็นชีวิตที่เหลืออยู่ของผม เป็นลมหายใจ เป็นทุกสิ่่งทุกอย่างของผมเป็นดวงใจที่ผมจะรักและดูแลเอาไว้ตลอดไป ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... Nation Books ... นะคะ แวะเคาะประตูร้านหนังสือ เขียนความรู้สึก...บันทึกหลังอ่าน เพชรลดา นักเขียนนิยายแนวโรมานซ์ติกาที่เคยผิดหวังในความรักมาแล้วถึงสองครั้งสองคราจากผู้ชายที่พร่ำบอกว่า ' ผมรักคุณ ' ทำให้เธอไม่เชื่อว่ารักแท้มีอยู่จริง ขณะที่ เมธวัชร์ มีชีวิตอยู่ในโลกมืด พบเจอแต่ประสบการณ์ชีวิตที่ไม่น่าพิสมัยมาตลอด จนไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนผ่านเข้ามาในสมอง เมื่อทั้งสองพบกัน ความรักของเธอและเขาจะล่องลอยไปในทิศทางใด Flower in the wind เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม เป็นเรื่องสุดท้ายของ Nation Books @ Love Story ที่หวานเย็นหยิบมารีวิวค่ะ เล่มนี้ใช้เวลาอ่านค่อนข้างนานกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เปิดตัวในช่วงเดียวกัน ด้วยเป็นนิยายที่ไม่สามารถอ่านข้าม ๆ เปิดผ่าน ๆ ไปได้เลย เพราะทุกตัวอักษรมีความนัยซ่อนอยู่ และต้องขอหยิบยืมคำนิยามของ คุณ ~:พุดน้ำบุศย์:~ (คลิกลิงค์เพื่อตามไปอ่านรีวิวได้เลยนะคะ ) ที่ว่า ' นิยายเล่มนี้เป็นโศกนาฏกรรมทางอารมณ์ ฆาตกรรมความรู้สึก ' แฝงปรัชญาและสัญลักษณ์ซึ่งสะท้อนและเสียดสีสังคมได้สะท้านสะเทือนความรู้สึก อ่านแล้วชวนให้ต้องใช้ความคิดตามไปตลอดเวลา ทว่าไม่เคร่งเครียดด้วยสำนวนภาษาที่ละเมียดละไม และโดดเด่นจนสัมผัสได้ หากกล่าวถึงความชื่นชอบ ต้องขอชื่นชมในหลาย ๆ จุดไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา การดำเนินเรื่อง แนวคิดของตัวละครในเรื่องไม่เฉพาะแค่ เพชรลดา กับ เมธวัชร์ แต่ยังรวมถึง แม่กับพ่อเลี้ยงของเพชรลดา, เพื่อนซี้อย่าง อาจารย์วิรงรอง อนิลภัทร์ และตัวประกอบที่ผ่านมาไม่ใช่แค่เพียงผ่านไป แต่ยังฝากข้อคิดลอยอ้อยอิ่งทิ้งไว้ให้พิจารณาว่าจริงแท้เพียงใดกับทุกสิ่งที่เป็นไปในชีวิต จุดเฉลยปมความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ทำได้เยี่ยม อ่านแล้วน้ำตาซึมกับบทสนทนาที่ว่า... ' ลดาเป็นลูกที่แม่ไม่ต้องการใช่ไหม ' ... ' ใช่ หนูเป็นลูกที่แม่ไม่ต้องการ ' ... ' แล้วแม่ปล่อยให้ลดาเกิดมาทำไม ทำไมแม่ไม่ฆ่าลดาก่อนหน้านั้นหรือไม่...แม่ก็อาจจะเอาลดาไปทิ้งน้ำ...ที่ไหนก็ได้ ' ' แม่ทำไม่ลง ' ' ทำไมหรือคะ ' ' เพราะหนูอยู่ในท้องของแม่ในวันที่แม่ไม่เหลือใคร เพราะพอแม่คลอดหนูออกมา หนูก็เอาแต่ร้องไห้หาแม่ เพราะว่าหนูพยายามคืบ คลาน หรือลุกเดินมาหาแม่ ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งกี่หน เพราะว่า...เวลาที่แม่ไม่อยู่ข้าง ๆ หนู หนูก็จะตามหาแม่ เลาแม่กลับมา หนูจะยิ้มให้แม่ เพราะไม่เคยมีใครรักแม่เท่าหนู ถ้าแม่ฆ่าหนู ก็ไม่มีใครรักแม่ ' ... ... ' แม่ไม่ได้เกลียดหนูหรือ แม่ไม่เคยชมหนูเลย ' ' ที่หนูเรียนเก่งหรือว่าอะไรน่ะหรือ แม่ไม่เคยชมลดาเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูทิ้งตัวเอง หนูพยายามเอาชนะคนอื่นเพื่อพิสูจน์ว่าหนูเหนือกว่าเขาและเมื่อหนูชนะ หนูก็หลงใหลความสามารถของตัวเอง หลงใหลในชื่อเสียง แม่เข้าใจว่าหนูทำอย่างนั้นเพราะคิดว่าตัวเองต้อยต่ำ หนูจึงโหยหาการได้รับการยอมรับจากคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านั้น สักวันมันจะฆ่าหนูอย่างเลือดเย็น หากหนูหลงใหลในชื่อเสียงและการยอมรับจากผู้อื่น หนูจะตายในวันที่ทุกคนหันหลังให้หนู ' อ่านแแค่นี้ก็น้ำตาซึมแล้วค่ะ พอถึงฉากที่พ่อเลี้ยงของ เพชรลดา เปิดใจพูดคุยกับลูกสาวคนนี้ก็ทำเอาพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว ' ถ้าลดาต้องการอย่างนั้นก็ทำ ถ้าไม่ต้องการก็ไม่ต้องทำ ทางที่ดีหนูควรจะต้องรู้ว่าหนูเรียนหนังสือเพื่ออะไร ถ้าหนูหาคำตอบได้ คำตอบนั้นจะช่วยไม่ให้หนูอ่อนแอในวันที่หนูหลงทางอีกครั้ง ' ผ่านเหตุการณ์ซึ้ง ๆ ก็มาสู่เหตุการณ์หนักอึ้ง ปัญหาสังคมซึ่งเป็นภัยคุกคามผู้หญิงอย่างเรื่องการข่มขืนกระทำชำเรา โดยผู้ชายมักอ้างว่าเป็นเพราะผู้หญิงแต่งตัวล่อแหลม แต่หลงลืมไปว่าบางครั้งผู้หญิงที่แต่งตัวมิดชิดจำนวนไม่น้อยก็ตกเป็นเหยื่อได้เช่นกัน หวานเย็นจึงรู้สึกเห็นด้วยกับ อาจารย์วิรงรอง ที่ว่า... ' ขอโทษนะคะ ท่านสุภาพบุรุษทั้งหมดที่นั่งอยู่ในที่นี้ เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมคือสิทธิของผู้หญิง พวกคุณเคยคิดบ้างไหมว่าเราสอนให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว สอนผู้หญิงแต่งตัวให้มิดชิด แต่ไม่เคยสอนผู้ชายว่าต่อให้ผู้หญิงแก้ผ้าอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่มีสิทธิจะข่มขืนหรือแม้แต่ลวนลามทำอนาจารต่อเธอ มันจะมีประโยชน์อะไรหากเราสอนให้ผู้หญิงเป็นกุลสตรี แต่เราไม่เคยสอนผู้ชายให้เป็นสุภาพบุรุษ ' นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความจริงที่สังคมหลงลืมไปค่ะว่าการพร่ำบอกให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว เป็นกุลสตรีอยู่ฝ่ายเดียว แต่ไม่เคยว่ากล่าวผู้ชายที่ไม่ประพฤติตนเป็นสุภาพสักกระผีกริ้น ไม่ทำให้อาชญากรรมสังคมลดลงหรอกค่ะ ไม่เชื่อ... ลองค้นหนังสือพิมพ์หาข่าวเก่า ๆ ที่สื่อมวลชนเคยนำเสนอ แล้วถามตัวเองสักครั้งนะคะว่า... ผู้หญิงที่แต่งกายไม่มิดชิด ไม่เรียบร้อยนั้นเคยฉุดคร่าผู้ชายคนไหนไปกระทำชำเราหรือเปล่า ? แล้วผู้หญิงดี ๆ ที่ถูกกระทำทางเพศนั้น สังคมหลงลืมไปหรือเปล่าคะว่ามีไม่น้อยเหมือนกัน ? สำหรับประเด็นความรัก สร้อยดอกหมาก ก็สะท้อนออกมาได้งดงามอีกเช่นเคยเมื่อกล่าวว่า... ในยุคที่ผู้คนเห็นแก่ตัวและปราศจากความอดทนต่อสิ่งใด ความรักได้กลายเป็นแค่ความใคร่ ได้ใคร่ครอบครอง ซึ่งจะหมดไปหลังจากได้มีเพศสัมพันธ์กันจนอิ่มเอือม สมัยนี้ รักแท้อาจหาได้ยากเย็นจนใครบางคนคิดว่ามันไม่มีอีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครหลงเชื่อเทพนิยายรักแสนหวานว่าเป็นความจริง แต่พวกเขาไม่ได้คิดในอีกมุมหนึ่งว่าหากยังคงมีรักแท้เกิดขึ้นในโลกยุคนี้ มันจะเป็นรักที่ดื่มดำหวานซึ้งที่สุดเพราะเราอยู่ในยุคที่ไม่มีใครจำเป็นต้องรักใคร เราไม่มีเหตุผลต้องรักใครหรือต้องอดทนเพื่อใคร ในเมื่อมนุษย์ทุกคนทั้งหญิงและชายล้วนเป็นตัวของตัวเอง สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง เราไม่มีเหตุผลต้องแต่งงาน นอกเสียจากว่าเราปรารถนาซึ่งกันและกันโดยที่ความปรารถนานั้นมากพอและยืนยาวพอที่จะทำให้คนสองคนตัดสินใจจะอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต จะไม่มีเหตุผลใด ๆ นอกจากความรัก นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Flower in the wind เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม เท่านั้นเองค่ะ อยากรู้ว่าความรักนั้นละมุนละไมเฉกเช่นกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลมนั้นเป็นอย่างไร คำตอบรออยู่ในเล่มค่ะ แต่... อย่าลืมเตรียมใจให้พร้อมรับมือกับความหวั่นไหวที่อ่านสั่นคลอนหัวใจให้รินน้ำตาด้วยนะคะ
กระซิบก่อนอ่าน "รู้ไหมคะ คุณเมธวัชร์ สำหรับผู้ชายอื่นที่ฉันได้พบก่อนหน้าฉันให้พวกเขาได้มากที่สุดคือคำว่าฉันรักคุณแต่สำหรับคุณ ฉันขอสัญญาว่า...ฉันจะรักคุณเป็นคนสุดท้าย" ใครจะคาดคิดว่า หญิงสาวที่ผิดหวังเรื่องความรักมาสองครั้งสองคราและไม่เชื่อในเรื่องรักแท้จะมีอยู่จริง เธอจึงทุ่มเทให้กับอาชีพที่เธอรักอย่างการเขียนนวนิยายโรมานซ์ติกาที่โด่งดัง กับชายอีกคนที่อยู่ในดลกมืด ผ่านประสบการณืชีวิตมาอย่างโชกโชน เรียกว่าเป้นมาเฟียในคราบตระกูลดังอย่างเต็มขั้น และเขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานเลยในชีวิต ทั้งสองกลับมาโคจรเจอกันได้ แล้วความรักของทั้งสองจะเป็นไปในรูปแบบใด เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลมเท่านั้นที่จะสัมผัสถึงความรักของพวกเขาได้ ... ฉันไม่เคยรู้จากปากของเมธวัชร์เลยว่าเขาเป็นคนอย่างไร ชีวิตที่ผ่านมาของเมธวัชร์เป็นอย่างไร ฉันจำได้เพียงแววตาของเมธวัชร์ที่จ้องมองฉัน มีแต่ฉันอยู่ในสายตาคู่นั้น จำได้ก็แต่เสียงทุ่มต่ำที่เคยร้องเพลงให้ฉันฟัง จำได้ก็เพียงสัมผัสของฝ่ามือของเมธวัชร์ ที่ทาบลงบนผิวหนัง แก้มและที่ศรีษะ คุณเป็นผู้หญิงที่ชั่วชีวิต ผมจะไม่มีวันลืม เวลาที่คุณทำให้ผมมีความสุข คุณคือของขวัญจากสวรรค์ แต่เวลาที่คุณทำให้ผมเป็นทุกข์ คุณคือคำสาปที่มากับของขวัญนั้น คุณเป็นทั้งนางฟ้าและปีศาจ คุณเป็นผู้หญิงของผม เป็นเมียผม เป็นคนที่ผมรัก เป็นชีวิตที่เหลืออยู่ของผม เป็นลมหายใจ เป็นทุกสิ่่งทุกอย่างของผมเป็นดวงใจที่ผมจะรักและดูแลเอาไว้ตลอดไป ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... Nation Books ... นะคะ
แวะเคาะประตูร้านหนังสือ
เพชรลดา นักเขียนนิยายแนวโรมานซ์ติกาที่เคยผิดหวังในความรักมาแล้วถึงสองครั้งสองคราจากผู้ชายที่พร่ำบอกว่า ' ผมรักคุณ ' ทำให้เธอไม่เชื่อว่ารักแท้มีอยู่จริง ขณะที่ เมธวัชร์ มีชีวิตอยู่ในโลกมืด พบเจอแต่ประสบการณ์ชีวิตที่ไม่น่าพิสมัยมาตลอด จนไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนผ่านเข้ามาในสมอง เมื่อทั้งสองพบกัน ความรักของเธอและเขาจะล่องลอยไปในทิศทางใด Flower in the wind เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม เป็นเรื่องสุดท้ายของ Nation Books @ Love Story ที่หวานเย็นหยิบมารีวิวค่ะ เล่มนี้ใช้เวลาอ่านค่อนข้างนานกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เปิดตัวในช่วงเดียวกัน ด้วยเป็นนิยายที่ไม่สามารถอ่านข้าม ๆ เปิดผ่าน ๆ ไปได้เลย เพราะทุกตัวอักษรมีความนัยซ่อนอยู่ และต้องขอหยิบยืมคำนิยามของ คุณ ~:พุดน้ำบุศย์:~ (คลิกลิงค์เพื่อตามไปอ่านรีวิวได้เลยนะคะ ) ที่ว่า ' นิยายเล่มนี้เป็นโศกนาฏกรรมทางอารมณ์ ฆาตกรรมความรู้สึก ' แฝงปรัชญาและสัญลักษณ์ซึ่งสะท้อนและเสียดสีสังคมได้สะท้านสะเทือนความรู้สึก อ่านแล้วชวนให้ต้องใช้ความคิดตามไปตลอดเวลา ทว่าไม่เคร่งเครียดด้วยสำนวนภาษาที่ละเมียดละไม และโดดเด่นจนสัมผัสได้ หากกล่าวถึงความชื่นชอบ ต้องขอชื่นชมในหลาย ๆ จุดไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา การดำเนินเรื่อง แนวคิดของตัวละครในเรื่องไม่เฉพาะแค่ เพชรลดา กับ เมธวัชร์ แต่ยังรวมถึง แม่กับพ่อเลี้ยงของเพชรลดา, เพื่อนซี้อย่าง อาจารย์วิรงรอง อนิลภัทร์ และตัวประกอบที่ผ่านมาไม่ใช่แค่เพียงผ่านไป แต่ยังฝากข้อคิดลอยอ้อยอิ่งทิ้งไว้ให้พิจารณาว่าจริงแท้เพียงใดกับทุกสิ่งที่เป็นไปในชีวิต จุดเฉลยปมความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ทำได้เยี่ยม อ่านแล้วน้ำตาซึมกับบทสนทนาที่ว่า... ' ลดาเป็นลูกที่แม่ไม่ต้องการใช่ไหม ' ... ' ใช่ หนูเป็นลูกที่แม่ไม่ต้องการ ' ... ' แล้วแม่ปล่อยให้ลดาเกิดมาทำไม ทำไมแม่ไม่ฆ่าลดาก่อนหน้านั้นหรือไม่...แม่ก็อาจจะเอาลดาไปทิ้งน้ำ...ที่ไหนก็ได้ ' ' แม่ทำไม่ลง ' ' ทำไมหรือคะ ' ' เพราะหนูอยู่ในท้องของแม่ในวันที่แม่ไม่เหลือใคร เพราะพอแม่คลอดหนูออกมา หนูก็เอาแต่ร้องไห้หาแม่ เพราะว่าหนูพยายามคืบ คลาน หรือลุกเดินมาหาแม่ ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งกี่หน เพราะว่า...เวลาที่แม่ไม่อยู่ข้าง ๆ หนู หนูก็จะตามหาแม่ เลาแม่กลับมา หนูจะยิ้มให้แม่ เพราะไม่เคยมีใครรักแม่เท่าหนู ถ้าแม่ฆ่าหนู ก็ไม่มีใครรักแม่ ' ... ... ' แม่ไม่ได้เกลียดหนูหรือ แม่ไม่เคยชมหนูเลย ' ' ที่หนูเรียนเก่งหรือว่าอะไรน่ะหรือ แม่ไม่เคยชมลดาเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูทิ้งตัวเอง หนูพยายามเอาชนะคนอื่นเพื่อพิสูจน์ว่าหนูเหนือกว่าเขาและเมื่อหนูชนะ หนูก็หลงใหลความสามารถของตัวเอง หลงใหลในชื่อเสียง แม่เข้าใจว่าหนูทำอย่างนั้นเพราะคิดว่าตัวเองต้อยต่ำ หนูจึงโหยหาการได้รับการยอมรับจากคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านั้น สักวันมันจะฆ่าหนูอย่างเลือดเย็น หากหนูหลงใหลในชื่อเสียงและการยอมรับจากผู้อื่น หนูจะตายในวันที่ทุกคนหันหลังให้หนู ' อ่านแแค่นี้ก็น้ำตาซึมแล้วค่ะ พอถึงฉากที่พ่อเลี้ยงของ เพชรลดา เปิดใจพูดคุยกับลูกสาวคนนี้ก็ทำเอาพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว ' ถ้าลดาต้องการอย่างนั้นก็ทำ ถ้าไม่ต้องการก็ไม่ต้องทำ ทางที่ดีหนูควรจะต้องรู้ว่าหนูเรียนหนังสือเพื่ออะไร ถ้าหนูหาคำตอบได้ คำตอบนั้นจะช่วยไม่ให้หนูอ่อนแอในวันที่หนูหลงทางอีกครั้ง ' ผ่านเหตุการณ์ซึ้ง ๆ ก็มาสู่เหตุการณ์หนักอึ้ง ปัญหาสังคมซึ่งเป็นภัยคุกคามผู้หญิงอย่างเรื่องการข่มขืนกระทำชำเรา โดยผู้ชายมักอ้างว่าเป็นเพราะผู้หญิงแต่งตัวล่อแหลม แต่หลงลืมไปว่าบางครั้งผู้หญิงที่แต่งตัวมิดชิดจำนวนไม่น้อยก็ตกเป็นเหยื่อได้เช่นกัน หวานเย็นจึงรู้สึกเห็นด้วยกับ อาจารย์วิรงรอง ที่ว่า... ' ขอโทษนะคะ ท่านสุภาพบุรุษทั้งหมดที่นั่งอยู่ในที่นี้ เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมคือสิทธิของผู้หญิง พวกคุณเคยคิดบ้างไหมว่าเราสอนให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว สอนผู้หญิงแต่งตัวให้มิดชิด แต่ไม่เคยสอนผู้ชายว่าต่อให้ผู้หญิงแก้ผ้าอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่มีสิทธิจะข่มขืนหรือแม้แต่ลวนลามทำอนาจารต่อเธอ มันจะมีประโยชน์อะไรหากเราสอนให้ผู้หญิงเป็นกุลสตรี แต่เราไม่เคยสอนผู้ชายให้เป็นสุภาพบุรุษ ' นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความจริงที่สังคมหลงลืมไปค่ะว่าการพร่ำบอกให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว เป็นกุลสตรีอยู่ฝ่ายเดียว แต่ไม่เคยว่ากล่าวผู้ชายที่ไม่ประพฤติตนเป็นสุภาพสักกระผีกริ้น ไม่ทำให้อาชญากรรมสังคมลดลงหรอกค่ะ ไม่เชื่อ... ลองค้นหนังสือพิมพ์หาข่าวเก่า ๆ ที่สื่อมวลชนเคยนำเสนอ แล้วถามตัวเองสักครั้งนะคะว่า... ผู้หญิงที่แต่งกายไม่มิดชิด ไม่เรียบร้อยนั้นเคยฉุดคร่าผู้ชายคนไหนไปกระทำชำเราหรือเปล่า ? แล้วผู้หญิงดี ๆ ที่ถูกกระทำทางเพศนั้น สังคมหลงลืมไปหรือเปล่าคะว่ามีไม่น้อยเหมือนกัน ? สำหรับประเด็นความรัก สร้อยดอกหมาก ก็สะท้อนออกมาได้งดงามอีกเช่นเคยเมื่อกล่าวว่า... ในยุคที่ผู้คนเห็นแก่ตัวและปราศจากความอดทนต่อสิ่งใด ความรักได้กลายเป็นแค่ความใคร่ ได้ใคร่ครอบครอง ซึ่งจะหมดไปหลังจากได้มีเพศสัมพันธ์กันจนอิ่มเอือม สมัยนี้ รักแท้อาจหาได้ยากเย็นจนใครบางคนคิดว่ามันไม่มีอีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครหลงเชื่อเทพนิยายรักแสนหวานว่าเป็นความจริง แต่พวกเขาไม่ได้คิดในอีกมุมหนึ่งว่าหากยังคงมีรักแท้เกิดขึ้นในโลกยุคนี้ มันจะเป็นรักที่ดื่มดำหวานซึ้งที่สุดเพราะเราอยู่ในยุคที่ไม่มีใครจำเป็นต้องรักใคร เราไม่มีเหตุผลต้องรักใครหรือต้องอดทนเพื่อใคร ในเมื่อมนุษย์ทุกคนทั้งหญิงและชายล้วนเป็นตัวของตัวเอง สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง เราไม่มีเหตุผลต้องแต่งงาน นอกเสียจากว่าเราปรารถนาซึ่งกันและกันโดยที่ความปรารถนานั้นมากพอและยืนยาวพอที่จะทำให้คนสองคนตัดสินใจจะอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต จะไม่มีเหตุผลใด ๆ นอกจากความรัก นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Flower in the wind เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม เท่านั้นเองค่ะ อยากรู้ว่าความรักนั้นละมุนละไมเฉกเช่นกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลมนั้นเป็นอย่างไร คำตอบรออยู่ในเล่มค่ะ แต่... อย่าลืมเตรียมใจให้พร้อมรับมือกับความหวั่นไหวที่อ่านสั่นคลอนหัวใจให้รินน้ำตาด้วยนะคะ