ชื่อหนังสือ : จันทราอุษาคเนย์ ๑ (๒ เล่มจบ)เขียนโดย : วรรณวรรธน์พิมพ์รวมเล่มครั้งที่ ๒ : ตุลาคม ๒๕๔๙สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรมจำนวน ๒๘๔ หน้า ราคา ๒๑๕ บาท กระซิบก่อนอ่าน ดวงหน้าเฉิดฉายรัดเกล้ามวยเกศาสูงนั้นขับให้วงพักตร์เกลี้ยงเกลา งามกระจ่างร่างอรชรกลมกลึงประทับโดดเด่นอยู่เหนือแท่นบัลลังก์ทองนั้นสวมสร้อยอุบะยกช่อสวยงามกลางเนินอกเปลือยสล้างความงามเช่นนี้ สร้างความสร้านใจเมื่อปรากฏต่อสายตานี่หรือ 'เจ้านางศรีดารา' แห่งศรีเทพเสียงทหารขององค์จอมทัพแห่งอุษาคเนย์ถึงกับร้องครางในลำคอจ้องตะลึงราวกับเพิ่งเคยพบนางสวรรค์ !กล่าวกันว่า เจ้านางทูลเชิญให้องค์จอมทัพครองเมืองศรีเทพร่วมกันนั่นย่อมหมายถึงครองทั้งเมือง ครองทั้งเรือนร่างของนางตมิสา...จันทราแห่งอุษาคเนย์ใจระรัวสั่น ความหวาดหวั่นเข้าครอบงำฤๅ บุรุษผู้เป็นที่รัก จักลืมคำสัตย์สัญญา เราจะมีเจ้าเพียงคนเดียว เป็นบดีที่รักของเราเจ้าเป็นความรักหนึ่งเดียวในหทัยเราเราปรารถนาเพียงเจ้า...ทำหน้าที่เป็นศักติแห่งเรา ชื่อหนังสือ : จันทราอุษาคเนย์ ๒ (๒ เล่มจบ)เขียนโดย : วรรณวรรธน์พิมพ์รวมเล่มครั้งที่ ๒ : ตุลาคม ๒๕๔๙สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรมจำนวน ๒๘๐ หน้า ราคา ๒๑๕ บาทกระซิบก่อนอ่าน จันทราอุษาคเนย์ นิยายย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องราวของ ตมิสา เด็กสาวหลงยุคเข้าไปยังสมัยโบราณบนดินแดนอุษาคเนย์ พบพากับความรักผูกพันและ "พันธะสัญญา" กับเจ้าชายผู้เป็นจอมทัพใหญ่แห่งแคว้นเศรษฐปุระ นำพาไปสู่การเดินทางแสวงหาดินแดนใหม่ของถิ่นอุษาคเนย์ ท่ามกลางสายใยของบิดาที่เพียรพยายามค้นหาลูกสาวกลับสู่วันเวลาดังเดิม ตมิสาจะสามารถกลับคืนวันเวลาของเธอได้หรือไม่นิยายกึ่งโรแมนติคประวัติศาสตร์ จะนำไปสู่การค้นหา และความหมายอันยิ่งใหญ่ ของดินแดนใหม่ที่ถือ กำเนิดจากพันธะสัญญา และความรักแล้วคุณจะรู้ว่าพันธะสัญญา...และวันเวลาบนดินแดนอุษาคเนย์นี้มีความหมายเพียงใดมาเถิด... มาเพ่งพิศดู ความรักงดงาม ย่อมสร้างสิ่งงดงามเสมอ เจ้าจันทราจะอยู่เคียงคู่..อุษาคเนย์ ฤาไม่ เห็นทีต้องพลิกหา "คำตอบ" โดยพลันแล้ว เจ้าจันทราอุษาคเนย์ แวะเคาะประตูร้านหนังสือ ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... ณ บ้านวรรณกรรม ... นะคะ เขียนความรู้สึก...บันทึกหลังอ่าน อำนาจใด ที่หอมหวานย่อมมีผู้หมายปอง อำนาจมิได้ล่อตาล่อใจ ให้น้องฆ่าพี่เพื่อแย่งชิง แม้แต่บุคคลจากอุทรก็สามารถฆ่าบิดาเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ทอง ดังจะมีการเล่าขานมาแต่เก่าก่อน ดูกร...ผู้ศึกษาศาสตร์ว่าด้วยราชะแห่งอำนาจ แม้บุตรสายเลือดในอุทร ก็อย่าได้หมายว่าจะปราศจากความกังขาใจว่าจะไม่ลิดรอนบิดาเพื่อแย่งช่วงชิง แม้ศักติที่เคียงข้างเขนยนอนก็อาจริดรอนอำนาจราชบาตรแห่งบดี ผู้ครองอำนาจอย่าได้ไว้หทัยผู้อยู่รอบกาย ตราบใดที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เรืองรอง จงประกอบการกิจของตนให้เข้มแข็งยืนยงและเจริญพรต่อทวยเทพเป็นเนืองนิตย์ ก็จักประสบความสุขยิ่งขึ้นแล หาก เจ้าชายภววรมัน ย่อมตระหนักดีถึงน้ำพระทัยมั่นคงกว่าขุนเขาของ องค์จิตรเสน จนละเลยคำตาม 'ตำราราชะแห่งอำนาจ' นั้นได้ "มิมีสิ่งใดยืนยันการตัดสินใจของข้าได้เท่ากับการกระทำของข้าเอง เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าจะสำแดงให้ทุกคนประจักษ์ถึงความจงรักภักดีต่อผู้เป็นพระเชษฐาหนึ่งเดียวนี้ของข้า" เจ้าชายจิตรเสนทรงน้อมให้คำมั่นถวายแก่องค์ภววรมันผู้อ่อนชันษา แต่มีศักดิ์เป็นเชษฐาของพระองค์ ผู้ใดคลางแคลงหทัยพระองค์ย่อมไม่เป็นที่ระคายข้องขุ่น แต่เป็นชนกผู้ให้กำเนิดบนพื้นพสุธาเหตุอันใดจึงระแวงตน ฤๅเพราะฤทธิ์เทพองค์ใดมาเสกดล เนตรดำสนิทเปล่งประกายงาววาบขึงขันราวกับตรีศูลแผลงเดช เหลือบจับพักตร์ชนกนาถเพื่อรอสดับคำตอบให้แจ้งใจ "อย่าลืมตัว จิตรเสน เจ้าเป็นบุตรแห่งข้า เป็นเพียงนัดดาแห่ง พระเจ้าปฤถิวีนวรมัน บัลลังก์ทองแห่งนี้มีไว้เพื่อ องค์ภววรมัน มิใช่มอบให้เจ้า ข้ามิต้องการปรารถนาให้เกิดเหตุเข็ญใจซ้ำรอย พระเจ้ารุทรวรมัน ที่กระทำทุรยุศต่อองค์อนุชา" ร่างสูงใหญ่จรดหัตถ์ขึ้นเหนือเศียร ก่อนก้มลงแนบไปกับเบื้องพระบาทพระบิดา วงพักตร์คมเข้ม ข่มกล้ำกลืนความน้อยเนื้อต่ำหทัยไว้ภายใน "ข้ากราบทูลด้วยสัตย์สาบานต่อองค์ภัทเรชวาราผู้ศักดิ์สิทธิ์ ว่ามิมีวันที่ข้าเอื้อมกระทำการทำร้ายองค์ภววรมัน เจ้าชายภววรมันกับข้ารักกันดุจพี่น้อง ตามคัมภีร์แห่งคีตากล่าวโศลกปรามไว้ ทำร้ายชีวันพี่น้องกัน จะมีความสุขหฤหรรษ์ในปรมันโลกมิดได้...เฉกเช่นเดียวกัน เชื่อหน่อกษัตราสายโกณฑิญญะแห่งเศรษฐปุระ จักย่อมไม่ทำร้ายพี่น้องด้วยกันเอง" ... พระบิดาที่เลี้ยงดูข้ามาแต่เล็กถึงเห็นข้าเป็นไพรีดัสกรของเศรษฐปุระตลอดมา คำน้อยก็มิเคยยกยอให้สบายใจ มีแต่จงเกลียดจงชังหาว่าข้ามีแต่ความทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน... แลน้ำคำวิงวอนของ เจ้านางกัมพุชราชลักษมี ยิ่งย้ำชัด ทุกคนมีแต่จิตคิดระแวง แล้วจะแก้ไขใดได้ ...ฤๅเหตุนี้ จะสิ้นแผ่นดินให้พระองค์หยัดยืนเสียหรือกระไร... โอ้ ! ...สิ่งใดของมนุษย์ก็มิน่าสลดเท่ากับคำว่า 'อับอาย' เมื่อสูญสิ้นกีรติยศและศักดิ์ศรีแล้วจะมีสิ่งใดมาลบล้าง นอกจากหาสิ่งมาชดเชยทดแทนความ 'อับอาย' นั้น จักกอบกู้ศักดิ์ศรีและกีรติยศของตนกลับคืนมา หรือจักหลบลี้หนีหน้าให้ห่างหายออกไปจากแผ่นดินที่ปราศจากผืนที่ให้หยัดยืน จะมีผู้ใดมอบ 'คำตอบ' ให้แก่พระองค์ ... ตราบกระทั่งได้พบเจ้าร่างน้อย เจ้าพลัดบ้านพลัดเมืองมาเพื่อใครกันหรือ ตมิสา หรือเจ้าปรากฏกายมาเพื่อข้าใช่ไหม...เจ้าจะมาเป็นผู้ให้ 'คำตอบ' บางอย่างแก่ข้า ท่ามกลางความสับสนของผู้คนและโลกที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงแห่งนี้ ... ฤๅกาลครั้งนี้ พระมหาเทพบนยอดพระศรีเป็นผู้ดลบันดาลพาเจ้าข้ามบรรพต ข้ามธารา บรรดาป่าละเมาะจากที่แสนไกล มอบเจ้าให้ข้าในเวลาที่ประเชิญความยุ่งยากนานา หดหู่และน่าอายบนผืนแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน ฤๅ...ความยุ่งยากทั้งมวลที่ก่อเกิด จักเฉลยคำตอบแก่ข้าได้ด้วยเจ้า...ตมิสา ยิ่งนานวัน...ยิ่งพันผูก...ผูกพันไว้ด้วยคำสัตย์สัญญาแห่ง องค์จิตรเสน 'เจ้าตมิสาตัวน้อย...จันทรานำทางของข้า...ไม่ต้องหวาดกลัวไปอันใดดอก เราจะไม่ให้เจ้าพลัดหลงไปที่ใดอีก ไม่ยอมให้ใครมาพาเจ้าจากเราไป' เช่นนี้แล้ว... เจ้าจันทราจะอยู่เคียง ณ ดินแดนอุษาคเนย์ ฤๅ จักย้อนคืนสู่วันเวลาแห่งตน ! ! ! หวานเย็นขออนุญาตหยิบนิยายย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์มาเล่าสู่กันฟังอีกสักเรื่องแล้วกันนะคะ (จริง ๆ แล้วเป็นการเคลียร์รีวิวที่ดองไว้ด้วยอะค่ะ ) จันทราอุษาคเนย์ เรื่องราวของ ตมิสา สาวน้อยที่พลัดหลงไปยังดินแดนอุษาคเนย์เมื่อสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๒ และได้พบกับองค์จอมทัพแห่งเศรษฐปุระผู้เก่งกล้าสามารถ นาม จิตรเสน เจ้าชายผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์และ องค์ภววรมัน ผู้เป็นพระเชษฐา ทว่าด้วยจิตคิดระแวงของชาวนครา แม้กระทั่งพระบิดาที่เลี้ยงดูยังคลางแคลง พระองค์จึงมุ่งมั่นพระทัยออกเดินทางให้ห่างไกลเศรษฐปุระ ห่างไกลจากขอบราชสีมาบัลลังก์ทองของ พระเจ้าศรีภววรมัน เพื่อค้นหาเส้นทางออกสู่ทะเลให้สำเร็จ ไม่เจอทะเล ไม่หวนกลับนครา ต่อให้แลกด้วยชีวา จักฟันฝ่าตามที่ตั้งหทัย กำหนดมีแต่ 'วันไป' แต่ไม่มีกำหนด 'วันกลับ' ผู้นำทางคือ ตมิสา เจ้าร่างน้อยผู้เปรียบดังจันทรานำทาง อ่าน เบื้องหลังผลงานเขียนลำดับที่สี่ โดย วรรณวรรธน์ ท้ายเล่ม ๒ แล้ว รู้สึกได้ถึงความทุ่มเทและความตั้งใจจริงในการค้นคว้าหาข้อมูลของ พี่วรรธน์ (วรรณวรรธน์) ชื่นชมในความอุตสาหะมาก ๆ ค่ะ เพราะกว่าจะเสร็จสมบูรณ์อย่างที่เห็นก็ใช้เวลายาวนานถึง ๒๓ ปี นานมากค่ะ ลองเปรียบเทียบกันดูเล่น ๆ แล้ว... หวานเย็นรู้สึกว่าตัวเองใช้ระยะเวลาในการดองรีวิวน้อยไปนิดนะคะเนี่ย ชนวนที่ทำให้เกิดความคลางแคลงคิดระแวงในความจงรักภักดีของ เจ้าชายจิตรเสน นั้นเป็นเพราะพระชันษาที่มากกว่า ทว่าตามศักดิ์พระองค์ทรงเป็นอนุชาของ เจ้าชายภววรมัน อีกทั้งพระปรีชาสามารถที่เหนือกว่า กระทั่งพระบิดายังทรงระแวง แถมสรีที่เคยให้คำสัตย์จะปกป้องตราบชั่วชีวีนั้นยังถือครองตำแหน่ง เจ้านางกัมพุชราชลักษมี ซึ่งตาม จารีต ปฏิบัติอันเคร่งครัด นางต้องวิวาหะครองคู่กับพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ ซึ่งก็หมายถึง องค์ภววรมัน พระเชษฐาผู้เจริญชันษาน้อยกว่า ความยุ่งยากทั้งมวลจึงก่อเกิด จำต้องหลบลี้หนีหน้าให้ห่างหายออกไปจากแผ่นดินที่ปราศจากผืนที่ให้หยัดยืน อ่านไป...อ่านไปให้รู้ซึ้งถึงพิษภัยของความระแวง แม้มิมีจิตคิดช่วงชิงแก่งแย่งราชบัลลังก์ยังสิ้นไร้แผ่นดินให้หยัดยืน ลองคิดเล่น ๆ ว่าหากต้องช่วงชิงทุกสิ่งอย่างเพื่อดำรงไว้ซึ่งแผ่นดินดังเช่น เจ้าชายอัสวัด เรื่องนี้คงนองเลือดไม่แพ้กัน แต่... นั่นมันก็แค่จินตนาการเล่น ๆ ของหวานเย็นอะค่ะ จะหาว่าเพ้อเจ้อก็ได้ค่ะ ก็แค่อยากให้ชวนลุ้นระทึกบ้าง อะไรบ้างน่ะค่ะ การศึกสงครามสืบเนื่องด้วยเล่ห์เพทุบายอันยอกย้อนปกปิดถ้อยความของ ท้าวเหมราชเสนา เป็นเหตุให้ เจ้านางศรีดารา แห่ง ศรีเทพ ประกาศกร้าว ...หากมิได้เลือดของค์จิตรเสนมาล้างบาทา ข้าไม่มีวันนอนตายตาหลับ แหม ! ชวนลุ้นค่ะ...ชวนลุ้น แต่... ไม่สาแก่ใจเท่าไรเลย เรื่อง เจ้านางกัมพุชราชลักษมี ที่หวนมาอีกครา ก็... น่าติดตามค่ะ สรีที่มีจิตทะเยอทะยาน ต้องการ เป็น 'ผู้ครอบครอง' แต่สิ่งของที่เลอค่าเท่านั้น ไม่ว่า 'สิ่งวิเศษ' นั้น จะเป็นสิ่งของหรือบุคคล ! ! ! ...ความวุ่นวายจึงก่อเกิดอีกครา แม้ไม่เข้มข้นเท่า อัสวัด ราชันแห่งความมืด แต่ก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ สำหรับ จันทราอุษาคเนย์ แนะนำให้ลองอ่านด้วยตัวเองนะคะ
กระซิบก่อนอ่าน
ดวงหน้าเฉิดฉายรัดเกล้ามวยเกศาสูงนั้นขับให้วงพักตร์เกลี้ยงเกลา งามกระจ่างร่างอรชรกลมกลึงประทับโดดเด่นอยู่เหนือแท่นบัลลังก์ทองนั้นสวมสร้อยอุบะยกช่อสวยงามกลางเนินอกเปลือยสล้างความงามเช่นนี้ สร้างความสร้านใจเมื่อปรากฏต่อสายตานี่หรือ 'เจ้านางศรีดารา' แห่งศรีเทพเสียงทหารขององค์จอมทัพแห่งอุษาคเนย์ถึงกับร้องครางในลำคอจ้องตะลึงราวกับเพิ่งเคยพบนางสวรรค์ !กล่าวกันว่า เจ้านางทูลเชิญให้องค์จอมทัพครองเมืองศรีเทพร่วมกันนั่นย่อมหมายถึงครองทั้งเมือง ครองทั้งเรือนร่างของนางตมิสา...จันทราแห่งอุษาคเนย์ใจระรัวสั่น ความหวาดหวั่นเข้าครอบงำฤๅ บุรุษผู้เป็นที่รัก จักลืมคำสัตย์สัญญา เราจะมีเจ้าเพียงคนเดียว เป็นบดีที่รักของเราเจ้าเป็นความรักหนึ่งเดียวในหทัยเราเราปรารถนาเพียงเจ้า...ทำหน้าที่เป็นศักติแห่งเรา
จันทราอุษาคเนย์ นิยายย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องราวของ ตมิสา เด็กสาวหลงยุคเข้าไปยังสมัยโบราณบนดินแดนอุษาคเนย์ พบพากับความรักผูกพันและ "พันธะสัญญา" กับเจ้าชายผู้เป็นจอมทัพใหญ่แห่งแคว้นเศรษฐปุระ นำพาไปสู่การเดินทางแสวงหาดินแดนใหม่ของถิ่นอุษาคเนย์ ท่ามกลางสายใยของบิดาที่เพียรพยายามค้นหาลูกสาวกลับสู่วันเวลาดังเดิม ตมิสาจะสามารถกลับคืนวันเวลาของเธอได้หรือไม่นิยายกึ่งโรแมนติคประวัติศาสตร์ จะนำไปสู่การค้นหา และความหมายอันยิ่งใหญ่ ของดินแดนใหม่ที่ถือ กำเนิดจากพันธะสัญญา และความรักแล้วคุณจะรู้ว่าพันธะสัญญา...และวันเวลาบนดินแดนอุษาคเนย์นี้มีความหมายเพียงใดมาเถิด... มาเพ่งพิศดู ความรักงดงาม ย่อมสร้างสิ่งงดงามเสมอ เจ้าจันทราจะอยู่เคียงคู่..อุษาคเนย์ ฤาไม่ เห็นทีต้องพลิกหา "คำตอบ" โดยพลันแล้ว เจ้าจันทราอุษาคเนย์
แวะเคาะประตูร้านหนังสือ
อำนาจใด ที่หอมหวานย่อมมีผู้หมายปอง อำนาจมิได้ล่อตาล่อใจ ให้น้องฆ่าพี่เพื่อแย่งชิง แม้แต่บุคคลจากอุทรก็สามารถฆ่าบิดาเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ทอง ดังจะมีการเล่าขานมาแต่เก่าก่อน ดูกร...ผู้ศึกษาศาสตร์ว่าด้วยราชะแห่งอำนาจ แม้บุตรสายเลือดในอุทร ก็อย่าได้หมายว่าจะปราศจากความกังขาใจว่าจะไม่ลิดรอนบิดาเพื่อแย่งช่วงชิง แม้ศักติที่เคียงข้างเขนยนอนก็อาจริดรอนอำนาจราชบาตรแห่งบดี ผู้ครองอำนาจอย่าได้ไว้หทัยผู้อยู่รอบกาย ตราบใดที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เรืองรอง จงประกอบการกิจของตนให้เข้มแข็งยืนยงและเจริญพรต่อทวยเทพเป็นเนืองนิตย์ ก็จักประสบความสุขยิ่งขึ้นแล หาก เจ้าชายภววรมัน ย่อมตระหนักดีถึงน้ำพระทัยมั่นคงกว่าขุนเขาของ องค์จิตรเสน จนละเลยคำตาม 'ตำราราชะแห่งอำนาจ' นั้นได้ "มิมีสิ่งใดยืนยันการตัดสินใจของข้าได้เท่ากับการกระทำของข้าเอง เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าจะสำแดงให้ทุกคนประจักษ์ถึงความจงรักภักดีต่อผู้เป็นพระเชษฐาหนึ่งเดียวนี้ของข้า" เจ้าชายจิตรเสนทรงน้อมให้คำมั่นถวายแก่องค์ภววรมันผู้อ่อนชันษา แต่มีศักดิ์เป็นเชษฐาของพระองค์ ผู้ใดคลางแคลงหทัยพระองค์ย่อมไม่เป็นที่ระคายข้องขุ่น แต่เป็นชนกผู้ให้กำเนิดบนพื้นพสุธาเหตุอันใดจึงระแวงตน ฤๅเพราะฤทธิ์เทพองค์ใดมาเสกดล เนตรดำสนิทเปล่งประกายงาววาบขึงขันราวกับตรีศูลแผลงเดช เหลือบจับพักตร์ชนกนาถเพื่อรอสดับคำตอบให้แจ้งใจ "อย่าลืมตัว จิตรเสน เจ้าเป็นบุตรแห่งข้า เป็นเพียงนัดดาแห่ง พระเจ้าปฤถิวีนวรมัน บัลลังก์ทองแห่งนี้มีไว้เพื่อ องค์ภววรมัน มิใช่มอบให้เจ้า ข้ามิต้องการปรารถนาให้เกิดเหตุเข็ญใจซ้ำรอย พระเจ้ารุทรวรมัน ที่กระทำทุรยุศต่อองค์อนุชา" ร่างสูงใหญ่จรดหัตถ์ขึ้นเหนือเศียร ก่อนก้มลงแนบไปกับเบื้องพระบาทพระบิดา วงพักตร์คมเข้ม ข่มกล้ำกลืนความน้อยเนื้อต่ำหทัยไว้ภายใน "ข้ากราบทูลด้วยสัตย์สาบานต่อองค์ภัทเรชวาราผู้ศักดิ์สิทธิ์ ว่ามิมีวันที่ข้าเอื้อมกระทำการทำร้ายองค์ภววรมัน เจ้าชายภววรมันกับข้ารักกันดุจพี่น้อง ตามคัมภีร์แห่งคีตากล่าวโศลกปรามไว้ ทำร้ายชีวันพี่น้องกัน จะมีความสุขหฤหรรษ์ในปรมันโลกมิดได้...เฉกเช่นเดียวกัน เชื่อหน่อกษัตราสายโกณฑิญญะแห่งเศรษฐปุระ จักย่อมไม่ทำร้ายพี่น้องด้วยกันเอง" ... พระบิดาที่เลี้ยงดูข้ามาแต่เล็กถึงเห็นข้าเป็นไพรีดัสกรของเศรษฐปุระตลอดมา คำน้อยก็มิเคยยกยอให้สบายใจ มีแต่จงเกลียดจงชังหาว่าข้ามีแต่ความทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน... แลน้ำคำวิงวอนของ เจ้านางกัมพุชราชลักษมี ยิ่งย้ำชัด ทุกคนมีแต่จิตคิดระแวง แล้วจะแก้ไขใดได้ ...ฤๅเหตุนี้ จะสิ้นแผ่นดินให้พระองค์หยัดยืนเสียหรือกระไร... โอ้ ! ...สิ่งใดของมนุษย์ก็มิน่าสลดเท่ากับคำว่า 'อับอาย' เมื่อสูญสิ้นกีรติยศและศักดิ์ศรีแล้วจะมีสิ่งใดมาลบล้าง นอกจากหาสิ่งมาชดเชยทดแทนความ 'อับอาย' นั้น จักกอบกู้ศักดิ์ศรีและกีรติยศของตนกลับคืนมา หรือจักหลบลี้หนีหน้าให้ห่างหายออกไปจากแผ่นดินที่ปราศจากผืนที่ให้หยัดยืน จะมีผู้ใดมอบ 'คำตอบ' ให้แก่พระองค์ ... ตราบกระทั่งได้พบเจ้าร่างน้อย เจ้าพลัดบ้านพลัดเมืองมาเพื่อใครกันหรือ ตมิสา หรือเจ้าปรากฏกายมาเพื่อข้าใช่ไหม...เจ้าจะมาเป็นผู้ให้ 'คำตอบ' บางอย่างแก่ข้า ท่ามกลางความสับสนของผู้คนและโลกที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงแห่งนี้ ... ฤๅกาลครั้งนี้ พระมหาเทพบนยอดพระศรีเป็นผู้ดลบันดาลพาเจ้าข้ามบรรพต ข้ามธารา บรรดาป่าละเมาะจากที่แสนไกล มอบเจ้าให้ข้าในเวลาที่ประเชิญความยุ่งยากนานา หดหู่และน่าอายบนผืนแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน ฤๅ...ความยุ่งยากทั้งมวลที่ก่อเกิด จักเฉลยคำตอบแก่ข้าได้ด้วยเจ้า...ตมิสา ยิ่งนานวัน...ยิ่งพันผูก...ผูกพันไว้ด้วยคำสัตย์สัญญาแห่ง องค์จิตรเสน 'เจ้าตมิสาตัวน้อย...จันทรานำทางของข้า...ไม่ต้องหวาดกลัวไปอันใดดอก เราจะไม่ให้เจ้าพลัดหลงไปที่ใดอีก ไม่ยอมให้ใครมาพาเจ้าจากเราไป' เช่นนี้แล้ว... เจ้าจันทราจะอยู่เคียง ณ ดินแดนอุษาคเนย์ ฤๅ จักย้อนคืนสู่วันเวลาแห่งตน ! ! ! หวานเย็นขออนุญาตหยิบนิยายย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์มาเล่าสู่กันฟังอีกสักเรื่องแล้วกันนะคะ (จริง ๆ แล้วเป็นการเคลียร์รีวิวที่ดองไว้ด้วยอะค่ะ ) จันทราอุษาคเนย์ เรื่องราวของ ตมิสา สาวน้อยที่พลัดหลงไปยังดินแดนอุษาคเนย์เมื่อสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๒ และได้พบกับองค์จอมทัพแห่งเศรษฐปุระผู้เก่งกล้าสามารถ นาม จิตรเสน เจ้าชายผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์และ องค์ภววรมัน ผู้เป็นพระเชษฐา ทว่าด้วยจิตคิดระแวงของชาวนครา แม้กระทั่งพระบิดาที่เลี้ยงดูยังคลางแคลง พระองค์จึงมุ่งมั่นพระทัยออกเดินทางให้ห่างไกลเศรษฐปุระ ห่างไกลจากขอบราชสีมาบัลลังก์ทองของ พระเจ้าศรีภววรมัน เพื่อค้นหาเส้นทางออกสู่ทะเลให้สำเร็จ ไม่เจอทะเล ไม่หวนกลับนครา ต่อให้แลกด้วยชีวา จักฟันฝ่าตามที่ตั้งหทัย กำหนดมีแต่ 'วันไป' แต่ไม่มีกำหนด 'วันกลับ' ผู้นำทางคือ ตมิสา เจ้าร่างน้อยผู้เปรียบดังจันทรานำทาง อ่าน เบื้องหลังผลงานเขียนลำดับที่สี่ โดย วรรณวรรธน์ ท้ายเล่ม ๒ แล้ว รู้สึกได้ถึงความทุ่มเทและความตั้งใจจริงในการค้นคว้าหาข้อมูลของ พี่วรรธน์ (วรรณวรรธน์) ชื่นชมในความอุตสาหะมาก ๆ ค่ะ เพราะกว่าจะเสร็จสมบูรณ์อย่างที่เห็นก็ใช้เวลายาวนานถึง ๒๓ ปี นานมากค่ะ ลองเปรียบเทียบกันดูเล่น ๆ แล้ว... หวานเย็นรู้สึกว่าตัวเองใช้ระยะเวลาในการดองรีวิวน้อยไปนิดนะคะเนี่ย ชนวนที่ทำให้เกิดความคลางแคลงคิดระแวงในความจงรักภักดีของ เจ้าชายจิตรเสน นั้นเป็นเพราะพระชันษาที่มากกว่า ทว่าตามศักดิ์พระองค์ทรงเป็นอนุชาของ เจ้าชายภววรมัน อีกทั้งพระปรีชาสามารถที่เหนือกว่า กระทั่งพระบิดายังทรงระแวง แถมสรีที่เคยให้คำสัตย์จะปกป้องตราบชั่วชีวีนั้นยังถือครองตำแหน่ง เจ้านางกัมพุชราชลักษมี ซึ่งตาม จารีต ปฏิบัติอันเคร่งครัด นางต้องวิวาหะครองคู่กับพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ ซึ่งก็หมายถึง องค์ภววรมัน พระเชษฐาผู้เจริญชันษาน้อยกว่า ความยุ่งยากทั้งมวลจึงก่อเกิด จำต้องหลบลี้หนีหน้าให้ห่างหายออกไปจากแผ่นดินที่ปราศจากผืนที่ให้หยัดยืน อ่านไป...อ่านไปให้รู้ซึ้งถึงพิษภัยของความระแวง แม้มิมีจิตคิดช่วงชิงแก่งแย่งราชบัลลังก์ยังสิ้นไร้แผ่นดินให้หยัดยืน ลองคิดเล่น ๆ ว่าหากต้องช่วงชิงทุกสิ่งอย่างเพื่อดำรงไว้ซึ่งแผ่นดินดังเช่น เจ้าชายอัสวัด เรื่องนี้คงนองเลือดไม่แพ้กัน แต่... นั่นมันก็แค่จินตนาการเล่น ๆ ของหวานเย็นอะค่ะ จะหาว่าเพ้อเจ้อก็ได้ค่ะ ก็แค่อยากให้ชวนลุ้นระทึกบ้าง อะไรบ้างน่ะค่ะ การศึกสงครามสืบเนื่องด้วยเล่ห์เพทุบายอันยอกย้อนปกปิดถ้อยความของ ท้าวเหมราชเสนา เป็นเหตุให้ เจ้านางศรีดารา แห่ง ศรีเทพ ประกาศกร้าว ...หากมิได้เลือดของค์จิตรเสนมาล้างบาทา ข้าไม่มีวันนอนตายตาหลับ แหม ! ชวนลุ้นค่ะ...ชวนลุ้น แต่... ไม่สาแก่ใจเท่าไรเลย เรื่อง เจ้านางกัมพุชราชลักษมี ที่หวนมาอีกครา ก็... น่าติดตามค่ะ สรีที่มีจิตทะเยอทะยาน ต้องการ เป็น 'ผู้ครอบครอง' แต่สิ่งของที่เลอค่าเท่านั้น ไม่ว่า 'สิ่งวิเศษ' นั้น จะเป็นสิ่งของหรือบุคคล ! ! ! ...ความวุ่นวายจึงก่อเกิดอีกครา แม้ไม่เข้มข้นเท่า อัสวัด ราชันแห่งความมืด แต่ก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ สำหรับ จันทราอุษาคเนย์ แนะนำให้ลองอ่านด้วยตัวเองนะคะ