ชื่อหนังสือ : บุพเพสันนิวาส เขียนโดย : รอมแพงพิมพ์ครั้งที่ ๑ : กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓สำนักพิมพ์ : ฟิสิกส์เซ็นเตอร์จำนวน ๔๒๔ หน้า ราคา ๒๓๕ บาท กระซิบก่อนอ่าน เรื่องราวสนุกสนานเกิดขึ้นเมื่อ เกศสุรางค์ อาจารย์สาวร่างท้วม ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของสาวสวย ผอมบาง ที่ตอนแรกเธอเองก็อยากจะดีใจหรอก เพียงแต่ว่าเธอกลับรับรู้ว่าตัวเองได้โผล่มายุคในยุคพระนารายณ์มหาราชและไม่รู้จักใครเลย แถมยังเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งเรือนยกเว้นบ่าวพี่เลี้ยงสองคน ด้วยร่างของคนที่เธอเข้ามาอยู่คือร่างของแม่หญิงการะเกดผู้มีความงามเป็นเลิศพอ ๆ กับความร้ายกาจ ยิ่งลูกชายเจ้าของเรือนหน้าขรึมดุ ก็ดูท่าทางจะไม่ชอบขี้หน้าการะเกดซึ่งเป็นคู่หมายของตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่มีหรือที่เกศสุรางค์จะจำยอมกับเรื่องแบบนี้ ในเมื่อเธอ เป็นผู้หญิงยุค ๒๐๑๐ ดังนั้นการจะมานั่งพับเพียบเรียบร้อย ทำตัวสงบเสงี่ยม ไม่มีปากมีเสียง ให้ใครอื่นมาพูดจากระทบกระเทียบนั้นไม่มีทาง ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... happy Banana ... นะคะ แวะเคาะประตูร้านหนังสือ เขียนความรู้สึก...บันทึกหลังอ่าน เมื่อ เกศสุรางค์ อาจารย์สาวร่างท้วมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของ แม่หญิงการะเกด หลานสาวคนโปรดของ ออกญาโหราธิบดี แห่งยุค พระนารยณ์มหาราช ทว่าด้วยความร้ายกาจของแม่หญิงผู้งามล้ำ ชีวิตใหม่ที่เธอจำต้องรับบทบาทจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชังของคนทั้งเรือน กระทั่งคู่หมั้นคู่หมายผู้เงียบขรึมอย่าง หมื่นสุนทรเทวา ยังมิวายออกอาการชังน้ำหน้า คอยพูดจากระทบกระเทียบเปรียบเปรยไม่ว่างเว้น แต่มีฤๅ เกศสุรางค์ จะยอมก้มหน้าก้มตาให้ใครโขลกสับ นางร้าย เอ๊ย ! นางเอกหลงยุคไม่มีทางยอมหรอก ! หวานเย็นขออนุญาตหยิบ บุพเพสันนิวาส มาประเดิมศักราชใหม่ก็แล้วกันนะคะ ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความสนุกหนาหูทีเดียวเชียวค่ะสำหรับนิยายอิงประวัติศาสตร์ผลงานสร้างชื่อของ รอมแพง เรื่องนี้ หลังจากหยิบ ๆ วาง ๆ อยู่หลายตลบในที่สุดก็ได้ฤกษ์อ่านกับเขาเมื่อต้นปี ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา (ดองรีวิวไว้นานนิดหน่อยเองอะน้า ) ก็ตามขนบนิยายบุพเพอาละวาด สาวน้อยจากยุคปัจจุบันประสบเหตุพรหมลิขิตผลักไสให้กระเด็นไปใช้ชีวิตในยุคโบราณ ยังไง๊...ยังไงก็ต้องลิขิตให้เป็นนางเอกอยู่แล้วละน่า ทว่า... บุพเพสันนิวาส เรื่องนี้กลับส่งอาจารย์สาวร่างท้วม นิสัยดี ให้ต้องกลับไปใช้ชีวิตเป็นแม่หญิงคนงาม นิสัยร้ายกาจ จนใครต่อใครระย่นย่อ เลยต้องลำบากในการทำคุณงามความดีไถ่ความผิดบาปให้เจ้าของร่างเดิมอยู่พักใหญ่กว่าจะได้ใช้ชีวิตแก่นเซี้ยว เปรี้ยวซ่า แต่น่าเอ็นดูให้คนรอบข้างมารุมรัก และด้วยฝีมือของ รอมแพง เรื่องที่น่าจะเครียดจึงไม่เครียดอย่างที่คิด แถมฮาอีกต่างหากค่ะ ฟากพระเอกมาดขรึม หน้านิ่ง ปากหนัก ก็น่ารักใช่เล่น แรก ๆ ก็เหน็บแหนม จับผิดมิรู้วาย แต่จับผิดไป...จับผิดมาจึงสังเกตเห็นความแปลกเปลี่ยนในนิสัยใจคอของ แม่หญิงการะเกด หลังฟื้นจากอาการป่วยไข้ ซึ่งตนเคยเชื่อฝังจิตฝังใจว่าเป็นผลพวงจากการร่าย มนต์กฤษณะกาลี ทำให้แม่หญิงคนงามนั้นสติวิปลาศ โอภาปราศรัยประหลาดเหลือ กิริยามารยาทกระโดกกระเดกหามีความเป็นกุลสตรีไม่ ทว่าน้ำใจกลับสวยใสงดงาม จากเคยชังกลับชอบพอ คนหน้านิ่งจึงเริ่มเปิดเผยความในใจนิด ๆ น่ารักมิใช่เล่น โดยเฉพาะฉากที่ คุณพี่เดช เอ่ยปากขอที่ระลึกยามห่างไกลคราจะไปราชการต่างบ้านต่างเมือง หวานเย็นล่ะเขิ๊น...เขิน "วันพรุ่งข้าจักไปแดนไกลออเจ้ามิมีสิ่งใดให้ข้าไว้แทนตัวดอกฤๅ" เกศสุรางค์ที่ยังคงตะลึงงันอยู่ถึงกับเบิ่งตาโต รู้สึกอุ่นวาบซ่านไปทั้งใจ และยังรู้สึกปลาบปลื้มอยู่ใช่น้อย ในที่สุด...ตาบื้อนี่ก็แสดงออกมาสักทีว่ามีใจให้เธอ "แล้ว... เอ่อ...คุณพี่อยากได้สิ่งใดเจ้าคะ" ว่าแล้ว สไบ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม รายชื่อสิ่งของติดตัวเรียงรายเข้ามาในหัว สไบนี่ไม่ว่าละครหรือนิยายเรื่องไหน ๆ ที่เคยดูเคยอ่านนางเอกก็ชอบให้พระเอก ไม่แนว ๆ เราต้องคิดใหม่ทำใหม่ "สิ่งที่ออเจ้าใช้อยู่ทุกวัน สิ่งที่ติดกายออเจ้าหากข้าเห็นก็ต้องระลึกถึงออเจ้าอย่างไรเล่า" กางเกงใน ! เฮ้ย ! ไม่ได้เด็ดขาด แทนที่จะออกแนวซึ้งจะกลายเป็นแนวอุบาทว์ไป เจ้าตัวแสบครุ่นคิดจนคิ้วขมวด "ให้ข้าได้อุ่นใจว่าข้าไปไกลแต่ออเจ้าจักรอคอยข้า มิหันเหไปทางอื่นให้มีราคี" ฟังแล้วก็ต้องทำตาปริบ ๆ เกศสุรางค์ใช้มือเล็ก ๆ ยันอกแข็งแรงนั้นให้ห่างตัวก่อนจะนึกออกว่าควรให้อะไรไปเป็นที่ระลึก "รอข้าตรงนี้หนาเจ้าคะ" เธอเดินเข้าไปในหอนอนของตัวเองก่อนจะออกมาพร้อมกับหมอนนุ่มใบใหญ่ที่ใช้หนุนอยู่ทุกวัน "ข้าให้คุณพี่เอาไปหนุนนอนเจ้าค่ะ เมืองฝรั่งหนาวเย็นนักหากคุณพี่เผลอไผลไปได้เมียฝรั่งตอนจะเอนตัวลงนอนคงพอทำให้ยับยั้งชั่งใจได้บ้าง ถ้าคุณพี่อดใจได้ ข้าก็จักรักษาตัวไว้ให้ดี ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมรอคอยคุณพี่กลับมาเช่นกัน ตามนี้เลยเจ้าค่ะ" ตอนจะไปว่าน่ารักแล้ว ตอนกลับมาจากเมืองฝรั่ง ยิ่งน่ารักเป็นบ้า เลยค่ะ "คุณพี่ดูขาวขึ้นนะเจ้าคะ" "อยู่ที่เมืองฝรั่งไม่ค่อยมีแดดเท่าใดนักดอก และหนาวเย็นนัก" มือแข็งแรงนั้นยังโอบกอดหมอนไม่ยอมปล่อยดูเหมือนจะกอดแน่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ แววระยิบระยับในดวงตาเมื่อครู่คลายลงไปแล้ว เกือบสองปีที่ผ่านมาชายตรงหน้าแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย เกศสุรางค์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองจนคนเพิ่งมาถึงเริ่มเก้อเขิน "ข้าเข้าหอนอนก่อนหนากะเดี๋ยวจักมาพูดด้วย" เมื่อกล่าวจบก็เดินเลยเธอไปยังห้องนอนทว่าเท้าที่ก้าวล่วงไปนั้นชะงักอยู่ชั่ววูบก่อนจะเอ่ยโดยไม่หันหน้ากลับมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงตามวิสัย "ข้ามิได้หอบนางฝรั่งอันใดมา แลมิได้ยุ่งเกี่ยวแก่นางฝรั่งอันใด" ว่าแล้วก็ก้าวเท้าเร็ว ๆ เดินเข้าห้องหอไป หญิงสาวที่ทำหน้าเหวออยู่พักใหญ่ก่อนจะรีบกัดปากตัวเองไว้ไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องให้บ่าวไพร่ต้องอื้ออึง "น่ารักเป็นบ้า" คนที่กลั้นเสียงกรี๊ดจนหน้าแดงพึมพำก้มหน้าหัวเราะหึ ๆ อยู่คนเดียว มิเสียแรงที่เฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวัน... อย่าว่าแต่ เกศสุรางค์ เลยค่ะ หวานเย็นก็ต้องกลั้นเสียงกรี๊ดแทบแย่ แหม ! น่าร้ากกกกกก นอกจากเรื่องการบ้านที่น่ารัก น่ากรี๊ดดัง ๆ ให้ได้ยินไปสัก ๓ บ้าน ๘ บ้าน เรื่องการเมืองก็ชวนลุ้นมาก ๆ ค่ะ แถมเรื่องอาหารหวานคาวก็ชวนน้ำลายสอเสียเหลือเกิน หลากรสให้ได้ลิ้มจริง ๆ ค่ะ
กระซิบก่อนอ่าน เรื่องราวสนุกสนานเกิดขึ้นเมื่อ เกศสุรางค์ อาจารย์สาวร่างท้วม ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของสาวสวย ผอมบาง ที่ตอนแรกเธอเองก็อยากจะดีใจหรอก เพียงแต่ว่าเธอกลับรับรู้ว่าตัวเองได้โผล่มายุคในยุคพระนารายณ์มหาราชและไม่รู้จักใครเลย แถมยังเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งเรือนยกเว้นบ่าวพี่เลี้ยงสองคน ด้วยร่างของคนที่เธอเข้ามาอยู่คือร่างของแม่หญิงการะเกดผู้มีความงามเป็นเลิศพอ ๆ กับความร้ายกาจ ยิ่งลูกชายเจ้าของเรือนหน้าขรึมดุ ก็ดูท่าทางจะไม่ชอบขี้หน้าการะเกดซึ่งเป็นคู่หมายของตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่มีหรือที่เกศสุรางค์จะจำยอมกับเรื่องแบบนี้ ในเมื่อเธอ เป็นผู้หญิงยุค ๒๐๑๐ ดังนั้นการจะมานั่งพับเพียบเรียบร้อย ทำตัวสงบเสงี่ยม ไม่มีปากมีเสียง ให้ใครอื่นมาพูดจากระทบกระเทียบนั้นไม่มีทาง ขอบคุณรายละเอียดและภาพปกจาก... happy Banana ... นะคะ
แวะเคาะประตูร้านหนังสือ
เมื่อ เกศสุรางค์ อาจารย์สาวร่างท้วมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของ แม่หญิงการะเกด หลานสาวคนโปรดของ ออกญาโหราธิบดี แห่งยุค พระนารยณ์มหาราช ทว่าด้วยความร้ายกาจของแม่หญิงผู้งามล้ำ ชีวิตใหม่ที่เธอจำต้องรับบทบาทจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชังของคนทั้งเรือน กระทั่งคู่หมั้นคู่หมายผู้เงียบขรึมอย่าง หมื่นสุนทรเทวา ยังมิวายออกอาการชังน้ำหน้า คอยพูดจากระทบกระเทียบเปรียบเปรยไม่ว่างเว้น แต่มีฤๅ เกศสุรางค์ จะยอมก้มหน้าก้มตาให้ใครโขลกสับ นางร้าย เอ๊ย ! นางเอกหลงยุคไม่มีทางยอมหรอก ! หวานเย็นขออนุญาตหยิบ บุพเพสันนิวาส มาประเดิมศักราชใหม่ก็แล้วกันนะคะ ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความสนุกหนาหูทีเดียวเชียวค่ะสำหรับนิยายอิงประวัติศาสตร์ผลงานสร้างชื่อของ รอมแพง เรื่องนี้ หลังจากหยิบ ๆ วาง ๆ อยู่หลายตลบในที่สุดก็ได้ฤกษ์อ่านกับเขาเมื่อต้นปี ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา (ดองรีวิวไว้นานนิดหน่อยเองอะน้า ) ก็ตามขนบนิยายบุพเพอาละวาด สาวน้อยจากยุคปัจจุบันประสบเหตุพรหมลิขิตผลักไสให้กระเด็นไปใช้ชีวิตในยุคโบราณ ยังไง๊...ยังไงก็ต้องลิขิตให้เป็นนางเอกอยู่แล้วละน่า ทว่า... บุพเพสันนิวาส เรื่องนี้กลับส่งอาจารย์สาวร่างท้วม นิสัยดี ให้ต้องกลับไปใช้ชีวิตเป็นแม่หญิงคนงาม นิสัยร้ายกาจ จนใครต่อใครระย่นย่อ เลยต้องลำบากในการทำคุณงามความดีไถ่ความผิดบาปให้เจ้าของร่างเดิมอยู่พักใหญ่กว่าจะได้ใช้ชีวิตแก่นเซี้ยว เปรี้ยวซ่า แต่น่าเอ็นดูให้คนรอบข้างมารุมรัก และด้วยฝีมือของ รอมแพง เรื่องที่น่าจะเครียดจึงไม่เครียดอย่างที่คิด แถมฮาอีกต่างหากค่ะ ฟากพระเอกมาดขรึม หน้านิ่ง ปากหนัก ก็น่ารักใช่เล่น แรก ๆ ก็เหน็บแหนม จับผิดมิรู้วาย แต่จับผิดไป...จับผิดมาจึงสังเกตเห็นความแปลกเปลี่ยนในนิสัยใจคอของ แม่หญิงการะเกด หลังฟื้นจากอาการป่วยไข้ ซึ่งตนเคยเชื่อฝังจิตฝังใจว่าเป็นผลพวงจากการร่าย มนต์กฤษณะกาลี ทำให้แม่หญิงคนงามนั้นสติวิปลาศ โอภาปราศรัยประหลาดเหลือ กิริยามารยาทกระโดกกระเดกหามีความเป็นกุลสตรีไม่ ทว่าน้ำใจกลับสวยใสงดงาม จากเคยชังกลับชอบพอ คนหน้านิ่งจึงเริ่มเปิดเผยความในใจนิด ๆ น่ารักมิใช่เล่น โดยเฉพาะฉากที่ คุณพี่เดช เอ่ยปากขอที่ระลึกยามห่างไกลคราจะไปราชการต่างบ้านต่างเมือง หวานเย็นล่ะเขิ๊น...เขิน "วันพรุ่งข้าจักไปแดนไกลออเจ้ามิมีสิ่งใดให้ข้าไว้แทนตัวดอกฤๅ" เกศสุรางค์ที่ยังคงตะลึงงันอยู่ถึงกับเบิ่งตาโต รู้สึกอุ่นวาบซ่านไปทั้งใจ และยังรู้สึกปลาบปลื้มอยู่ใช่น้อย ในที่สุด...ตาบื้อนี่ก็แสดงออกมาสักทีว่ามีใจให้เธอ "แล้ว... เอ่อ...คุณพี่อยากได้สิ่งใดเจ้าคะ" ว่าแล้ว สไบ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม รายชื่อสิ่งของติดตัวเรียงรายเข้ามาในหัว สไบนี่ไม่ว่าละครหรือนิยายเรื่องไหน ๆ ที่เคยดูเคยอ่านนางเอกก็ชอบให้พระเอก ไม่แนว ๆ เราต้องคิดใหม่ทำใหม่ "สิ่งที่ออเจ้าใช้อยู่ทุกวัน สิ่งที่ติดกายออเจ้าหากข้าเห็นก็ต้องระลึกถึงออเจ้าอย่างไรเล่า" กางเกงใน ! เฮ้ย ! ไม่ได้เด็ดขาด แทนที่จะออกแนวซึ้งจะกลายเป็นแนวอุบาทว์ไป เจ้าตัวแสบครุ่นคิดจนคิ้วขมวด "ให้ข้าได้อุ่นใจว่าข้าไปไกลแต่ออเจ้าจักรอคอยข้า มิหันเหไปทางอื่นให้มีราคี" ฟังแล้วก็ต้องทำตาปริบ ๆ เกศสุรางค์ใช้มือเล็ก ๆ ยันอกแข็งแรงนั้นให้ห่างตัวก่อนจะนึกออกว่าควรให้อะไรไปเป็นที่ระลึก "รอข้าตรงนี้หนาเจ้าคะ" เธอเดินเข้าไปในหอนอนของตัวเองก่อนจะออกมาพร้อมกับหมอนนุ่มใบใหญ่ที่ใช้หนุนอยู่ทุกวัน "ข้าให้คุณพี่เอาไปหนุนนอนเจ้าค่ะ เมืองฝรั่งหนาวเย็นนักหากคุณพี่เผลอไผลไปได้เมียฝรั่งตอนจะเอนตัวลงนอนคงพอทำให้ยับยั้งชั่งใจได้บ้าง ถ้าคุณพี่อดใจได้ ข้าก็จักรักษาตัวไว้ให้ดี ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมรอคอยคุณพี่กลับมาเช่นกัน ตามนี้เลยเจ้าค่ะ" ตอนจะไปว่าน่ารักแล้ว ตอนกลับมาจากเมืองฝรั่ง ยิ่งน่ารักเป็นบ้า เลยค่ะ "คุณพี่ดูขาวขึ้นนะเจ้าคะ" "อยู่ที่เมืองฝรั่งไม่ค่อยมีแดดเท่าใดนักดอก และหนาวเย็นนัก" มือแข็งแรงนั้นยังโอบกอดหมอนไม่ยอมปล่อยดูเหมือนจะกอดแน่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ แววระยิบระยับในดวงตาเมื่อครู่คลายลงไปแล้ว เกือบสองปีที่ผ่านมาชายตรงหน้าแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย เกศสุรางค์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองจนคนเพิ่งมาถึงเริ่มเก้อเขิน "ข้าเข้าหอนอนก่อนหนากะเดี๋ยวจักมาพูดด้วย" เมื่อกล่าวจบก็เดินเลยเธอไปยังห้องนอนทว่าเท้าที่ก้าวล่วงไปนั้นชะงักอยู่ชั่ววูบก่อนจะเอ่ยโดยไม่หันหน้ากลับมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงตามวิสัย "ข้ามิได้หอบนางฝรั่งอันใดมา แลมิได้ยุ่งเกี่ยวแก่นางฝรั่งอันใด" ว่าแล้วก็ก้าวเท้าเร็ว ๆ เดินเข้าห้องหอไป หญิงสาวที่ทำหน้าเหวออยู่พักใหญ่ก่อนจะรีบกัดปากตัวเองไว้ไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องให้บ่าวไพร่ต้องอื้ออึง "น่ารักเป็นบ้า" คนที่กลั้นเสียงกรี๊ดจนหน้าแดงพึมพำก้มหน้าหัวเราะหึ ๆ อยู่คนเดียว มิเสียแรงที่เฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวัน... อย่าว่าแต่ เกศสุรางค์ เลยค่ะ หวานเย็นก็ต้องกลั้นเสียงกรี๊ดแทบแย่ แหม ! น่าร้ากกกกกก นอกจากเรื่องการบ้านที่น่ารัก น่ากรี๊ดดัง ๆ ให้ได้ยินไปสัก ๓ บ้าน ๘ บ้าน เรื่องการเมืองก็ชวนลุ้นมาก ๆ ค่ะ แถมเรื่องอาหารหวานคาวก็ชวนน้ำลายสอเสียเหลือเกิน หลากรสให้ได้ลิ้มจริง ๆ ค่ะ