ความรักอยู่ในความเข้าใจไม่ใช่การเอาใจ ความรักอยู่ในความห่วงใยมิใช่การหึงหวง ความสับสน ยังคงวิ่งวนเวียนอยู่ในหัวของผม การลาจากเจ็บปวดเสมอ ถึงแม้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้ใครได้เห็น แต่ก้อนสะอื้นมันยังคงจุกอยู่ในลำคอ การบอกเลิกด้วยถ้อยคำที่สวยงามและฟังดูนุ่มนวล แต่มันเต็มไปด้วยเข็มหมุดปลายแหลมที่ทิ่มแทงลงไปกลางขั้วของหัวใจ ก่อนเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เมื่อ 7 เดือนก่อน ผมได้ถูกทิ้งให้อยู่ลำพังโดยการลาจาก ของใครอีกคนด้วยเหตุผลที่คบกันมา 7 ปี แต่ไม่มีสิ่งๆ จากตัวผมมอบให้กับเธอ แม้เราจะสัญญากันว่าจะแต่งงานกัน แต่เมื่อเหลือเวลาเพียง ปีครึ่ง ก่อนวันกำหนดการ เธอขอจากผมไปด้วยเหตุผลที่ว่า "กลัวลำบาก เมื่ออยู่กับผม และมีใครอีกคนเข้ามา แล้วเธอรู้สึกว่า น่าจะดูแลเธอได้ดีกว่าผม" ผมยอมรับคำขอร้องของเธอ และปล่อยเธอไปโดยไม่ได้อ้อนวอนใดๆ เธอคนนั้นจากไป พร้อมกับที่ผมรู้สึกตัวว่า โลกนี้มันโหดร้ายจัง แม้จะอยากทวงสัญญาที่เธอคนนั้นเคยให้ไว้ว่า "ถ้าไม่มีผม หรือผม จากไป ก็จะไม่ขอมีใครอีก" แต่ก็เก็บรู้สึกนี้ฝังลงไปให้ลึกในความรู้สึกและจิตใจ เพราะรู้ดีว่า เมื่อคนเขาคิดจะไป จะรั้งเขาไว้ก็คงไม่มีประโยชน์ ก็คงเหมือนแก้วที่ร้าว ต่อให้ประสานยังไง ก็ไม่มีวันเหมือนเดิม สภาพจิตใจผมจมดิ่งลงสู่ความเจ็บปวด หนังสือปรัชญาและศาสนาผมหาอ่าน อ่านเพื่อให้ลืมอะไรบางอย่างในช่วงนั้นเกือบ 30 เล่ม พร้อมกับเฝ้าพร่ำเพ้อภาวนา มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน ผมไปมาจนเกือบหมด ไปเพราะคำว่ารัก ไปเพราะกลัว กลัวว่าเธอจะเจ็บ พรใดที่ดี ขอมาจนหมดสิ้น ขอให้เธอและเขา .... คนอื่น ส่วนตัวผมได้แต่แผ่เมตตาขออโหสิกรรม ไม่น่าเชื่อ ! การแผ่เมตตาของผมทำให้ผมลืมความเจ็บปวดได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วัน ไม่มีความโกรธ ไม่มีความทุกข์ มีแต่ความสงบและหวังดี คิดดีต่อ ว่าที่คู่บ่าว - สาว คู่ใหม่ แม้บางครั้งจะยังคิดถึงเรื่องเก่าๆ ที่เคยทำร่วมกัน แต่ก็กินเวลาแค่ไม่กี่นาที ความเศร้าก็หายไป เพียงแค่วูบของความคิดที่ว่า ทุกชีวิตไม่มีใครเป็นเจ้าของ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นสัจธรรม ในช่วงเวลานั้น ผมได้มีใครอีกคนเข้ามา เพื่อช่วยฉุดผมให้พ้นจากขุมนรกของความเจ็บปวดนั้นด้วย เธอเป็นเพื่อนที่ผมก็ไม่ค่อยได้สนิทอะไรมากนัก แม้จะรู้จักกันมากว่า 6 เดือน แต่ก็ไม่เคยคุยอะไรกันเกิน 3 ครั้ง การพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งกันและกัน ในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดของผม ทำให้ผมรู้ว่า ความเจ็บของผมเมื่อเทียบกับเธอ ของผมน้อยกว่าเธอเยอะมาก จนอธิบายไม่ถูก เราคุยกันตั้งแต่ 13 มิถุนายน ปีที่แล้ว โทรศัพท์บ้าง กินข้าวกันบ้าง ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น จนกระทั่ง สิงหาคม สายสัมพันธ์ ห่วงใย กันเริ่มเกาะกลุ่มแน่นเหนียวขึ้น แบบไม่รู้ตัว ......... ในช่วงแรกที่คบกัน บังเอิญว่าเธอต้องเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงาน และปัญหาสารพัดในที่ทำงานใหม่ของเธอ เริ่มที่จะเกาะกลุ่มกันเข้ามา เกิดการอิจฉากันขั้นรุนแรง ถึงขนาดมีการข่มขู่ผ่านหูเธอโดยลูกกระจ๊อก จากแผนกต่างๆ เนื่องจากทุกคนเข้าใจว่า เธอก้าวเข้ามาโดยการใช้เส้นสายของเจ้านายเก่า ทำให้เธอได้เงินเดือนที่สูงกว่าชาวบ้าน ทั้งที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ทำให้เธอเริ่มเปลี่ยนไป เป็นคนละคน จากที่เคยสดใส ร่าเริง กลับกลายเป็นเหงาหงอย ไม่สบายอยู่บ่อยๆ ปวดตา ปวดไมเกรน ถี่มาก ไปไหนมาไหนก็ระแวง บางครั้งคำพูดที่พูดคุยกัน 2 คน ที่บ้าน พอตื่นเช้ามาไปทำงาน ที่ทำงานดันรู้เรื่องที่เรา 2 คนและคนที่บ้านคุยกัน ใช้คำพูดที่เราคุยกันมาพูดประชดประชันอยู่บ่อยๆ ในช่วงแรกผมก็ไม่ค่อยเชื่อ คิดว่าเธอคิดมากไปเอง (แต่ผมไม่ได้พูดออกมา ได้แต่คอยปลอบใจเวลาที่เธอระบายให้ฟัง) บางครั้งคำพูดที่คุยโทรศัพท์กับหัวหน้าของเธอ ฝั่งที่เขาไม่ชอบขี้หน้า ก็เอาเรื่องที่เขาคุยกันมาคุยต่อ ทั้งที่โทรคุยกันนอกบริษัท เหตุการณ์ในบริษัทเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดที่หัวหน้าเธอ (คนที่รับเธอเข้าทำงาน) ต้องคอยมารับมาส่งที่บ้านบ่อยๆ ทำเอาผมหงุดหงิดใจไปไม่น้อย คิดว่าเธอมีอะไรปิดผมหรือเปล่า ระหว่างเธอและหัวหน้าของเธอ ทั้งที่ความจริงทั้งหมดผมก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเขารู้จักกันมาร่วม 10 ปี เธอเล่าให้ฟังมาตลอด ว่าผู้ชายคนนี้ ที่เป็นหัวหน้าเธอ เขาคือคนที่เคยช่วยเธอเอาไว้ ในครั้งที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ในช่วงที่เธอเผชิญชะตาชีวิตที่ลำบากที่สุดในชีวิต ก็ได้ผู้ชายคนนี้และภรรยาของเขาคอยช่วยเหลือไว้ ทำให้เขาทั้งคู่สนิทสนมกันและพูดคุยเหมือนพี่เหมือนน้องกัน ห่วงใย ไปไหนมาไหนทางฝั่งผู้ชายต้องคอยโทรจิก โทรตามตลอด ทำเอาผมหน้ามืดไปหลายครั้ง แม้เธอจะบอกผมบ่อยๆ ว่าเขาเป็นห่วง เหมือนพี่ชายห่วงน้องสาว เท่านั้น แต่ผมก็ตามหึง ตามหวงตามจับผิดสารพัด ตามไปดูตอนเขาไปกินข้าวแล้วคุยเรื่องงานกันบ้างล่ะ พูดจาประชดประชันเขาบ้างล่ะ เวลาที่เขาจะไปทำงานต่างจังหวัดหรือที่ไหน ก็จะเกิดอารมณ์ประมาณว่า “ฉันน้อยใจ ทำใมเธอไม่อยู่ดูแลฉัน” เดี๋ยวไปโน่น เดี๋ยวไปนี่ ทั้งที่เธอก็พยายามบอก พยายามอธิบาย ว่าไปเรื่องงาน จะรีบกลับ ตอนโทรมาก็บอกผมตลอดว่าคิดถึงนะ เป็นห่วงนะ แต่ผมก็หวงแบบไม่มีเหตุผลอยู่ร่ำไป พูดจากระแนะกระแหนกลับไป แต่ใจจริงที่พูดไปนั้นอยากให้เธอคิดถึง อยากให้เธอโทรหา อยากให้เธอโทรเช็ค จนบางครั้งเธอโทรมา ผมก็แกล้งพูดว่า ผมอยู่กับเพื่อนผู้หญิง ทั้งที่จริงเดินอยู่ริมถนนคนเดียว ด้วยความที่ตัวเองคิดว่า เธอน่าจะหึงและโทรตามจิกผม แต่เปล่าเลย ด้วยความที่เธอพยายามจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยเรื่องของผม เพราะปัญหาของเธอก็มากพออยู่แล้ว ไหนจะภาระทางบ้าน ไหนจะปัญหาเรื่องงาน สารพัด บางครั้งเธอกลับมาจากที่ทำงาน ด้วยอารมณ์ที่เหนื่อยมาก จนไม่มีอารมณ์จะคุยเรื่องอะไร อาบน้ำทานข้าวเสร็จเธอก็ขอนอนก่อน แต่ก่อนนอนเธอก็บอกผมนะ ว่าวันนี้เธอเหนื่อยมาก อยากพักผ่อน แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนเอาแต่ใจ ก็แกล้งพูดประชดเพื่อหวังอยากให้เธอมาให้ความสนใจ พอเธอหลับตัวเองก็มานั่งคิดมาก ทั้งที่จริงรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่มีอะไร เดินเข้าๆ ออกๆ จากห้อง เพื่อเรียกร้องความสนใจไปเรื่อยเปื่อย เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่นาน เธอพยายามอธิบายก็แล้ว ผมก็ยังเหมือนเดิม จนกระทั่งสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ ผมได้โทรศัพท์แบล็คเบอรี่มาใหม่ และเปิดใช้งาน BBM ตอนวันศุกร์ ด้วยความที่อยากรู้ว่าเขาเล่น BBM กันยังไง ก็เลยลองเสิร์ชจากอินเตอร์เน็ต ก็ลองแอดเพื่อนๆ ดู (เพื่อนในเน็ตที่ลง พิน BB ไว้อ่ะ) ก็ลองแอดมาประมาณ 5 คน ทั้งหมดเป็นผู้หญิงก็ลองคุยกันดู เล่นไปเล่นมาก็เลยรู้ว่า เขาเล่นกันเหมือน MSN ก็กะว่าเล่นครบ 7 วันก็คงจะไม่เล่นแล้วเพราะหมดโปร และ 1 ในนั้น ผมก็พิมพ์ข้อความคุยกันไปเรื่อยเปื่อย บางครั้งขึ้นสเตตัส ว่าเหงาดูหนังคนเดียว อะไรประมาณนี้ น้องเค้าก็ตอบกลับมา ว่าดูหนังไม่ชวนเลยนะ ไอ้เราก็ตามน้ำ แบบไม่ได้คิดอะไรเลย ก็บอกว่ามาดิ เดี๋ยวซื้อตั๋วเผื่อ ก็คุยกันยาวอยู่ แต่สาบานได้ไม่ได้คิดอะไรเลยเถิด ก็พิมพ์เล่นไปงั้นๆ แถมข้อความก็ไม่ได้ลบด้วย กะว่าจะเอาให้ แฟนดู ตอนเย็นว่าเขาเล่นกันยังงี้ นะ ตอนเย็นกลับบ้าน เห็นเธอนั่งเถียงกับแม่เรื่องบ้านอยู่ แม่อยากให้ไปดูบ้านใหม่ตอนวันเสาร์เพราะนัดกับคนที่จะขายไว้แล้ว แต่เธอนัดกับหัวหน้าเธอเพื่อที่จะไปทำธุระกัน ทางโน้นก็เลื่อนไม่ได้ ทางนี้ก็เลื่อนไม่ได้ สรุปคือเคลีร์ยกันไม่ได้ ตกลงกันไม่ได้ ผมก็นั่งฟังอยู่ เวลาผ่านไปนาน เธอก็ขึ้นบ้านไป ซักพักผมก็คุยกับแม่ว่าเดี๋ยวผมพาแม่ไปเอง เดี๋ยวให้แฟนผม ไปทำธุระกับหัวหน้าเถอะ แม่ก็โอเค ตกลงตามนั้น ผมก็เลยขึ้นบ้านไป เผอิญผมเห็นแฟนผมร้องให้อยู่พอดี เข้าใจว่าเธอน่าจะอัดอั้น ตันใจ ที่คุยกับแม่ไม่รู้เรื่อง ประกอบกับปัญหาหลายอย่างที่รุมเร้าเข้ามา จนเธอแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ความคิดแว๊บแรก คืออยากจะเข้าไปปลอบ เลยเดินเข้าไปหา เรียกลงมาทานข้านข้าว เธอก็บอกพี่ลงไปก่อน เดี๋ยวซักพัก เดี๋ยวตามลงไป ปากพาไป ไวกว่าความคิด “แหม แค่จะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันแค่นี้ (ผมหมายถึงหัวหน้าของน้องเค้า) นั่งร้องห่มร้องให้เลยนะ พี่คุยกับแม่แล้ว เดี๋ยวพี่พาแม่ไปเอง เธอจะไปทำธุระของเธอที่ไหน ก็ไปทำให้เสร็จๆ เถอะ” เธอก็นั่งเงียบ ผมเลยเดินลงมาข้างล่าง ช่วยแม่ของเธอทำงาน ซักพักเธอตามลงมา ด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส เข้าใจว่าน่าจะดีใจที่เคลีร์ยปัญหากันได้ ที่จริงผมอะ ดีใจ ดีใจมากๆ ที่เห็นเธอยิ้ม แต่ด้วย SUN-DRAN ที่ติดตัว ก็แกล้งทำหน้าตาบูดบึ้ง พูดจายังโง้น ยังงี้ เหน็บเธอบ้างล่ะ แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งวันเสาร์ ผมก็องค์ลงแต่เช้า ด้วยความที่อยากให้เธอให้ความสำคัญกับผมบ้าง เลยพูดจากระแนะกระแหน ไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเธอมานั่งอธิบายให้ฟังอีกครั้ง ด้วยเรื่องเดิมๆ ว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด (ที่จริงหน่ะ ผมรู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมพูด แต่ผมแค่อยากให้เธอให้ความสำคัญกับผม มากกว่าคนอื่น) ผมด่าหัวหน้าเธอให้เธอฟังว่าทำใมต้องมายุ่งวุ่นวายอะไรกับชีวิตเธอขนาดนี้ ฉันเป็นแฟนเธอนะ โทรมาอยู่ได้แต่ละวัน 3 รอบ 4 รอบ รอบละเป็นครึ่งชั่วโมง เคยนึกถึงคนอื่นเขาบ้างมั้ย ว่าจะรู้สึกอย่างไร (ขออธิบายก่อนว่า เธอไม่เคยเล่าให้หัวหน้าเธอคนนี้ฟัง ว่าผมอยู่ที่บ้านเธอ เพราะเธอกลัวว่าเขาจะดุ จะด่า เนื่องจากหัวหน้าคนนี้รักเธอมาก ถือว่าเป็นน้องสาวหรือลูกสาวคนนึงได้เลย แต่เรื่องที่เราคบกันอยู่ เขารู้นะ) เธอก็เริ่มร้องให้ และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 7 เดือน ที่คบกันที่ผมเห็นเธอร้องให้ ผมมองดูก็รู้ได้ว่ามันเป็นน้ำตาของความเหนื่อย ความคับข้องและอึดอัดใจ ผมพูดอะไรไม่ออก อีกต่อไป ได้แต่นิ่งเงียบ แต่สรุปเช้าวันนั้นก็คุยและเคลีร์ยกันไปได้เรียบร้อยและน่าจะลงตัว ผมก็พาแม่เธอไปดูบ้าน ส่วนเธอก็ไปทำธุระ และก่อนไปเธอก็บอกกับผมว่าจะรีบกลับมา จะพาไปกินข้าวแล้วก็ดูหนังกัน จนกระทั่งผมพาแม่ไปทำธุระเสร็จก็กลับมาบ้านตอนบ่าย 2 โมง แต่เธอก็ยังไม่ได้กลับมา แต่ก่อนหน้านั้นเธอก็โทรมาบอกแล้วตอนบ่ายโมง ว่าเธอกับหัวหน้าพึ่งถึงที่ ที่จะไปทำธุระ ผมก็ปากมอม พูดจาแบบมะนาวไม่มีน้ำ บางทีเธอก็แกล้งกระเซ้าบ้าง ว่า อยู่กับใคร ไม่สะดวกคุย ก็ไม่เป็นไร อะไรประมาณนี้ ปากมอมไปไวกว่าความคิด ใครกันแน่ที่ไม่สะดวก ไม่อยากโทรก็ไม่ต้องโทรก็ได้นะ แล้วผมก็วางโทรศัพท์ แล้วก็เผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีบ่าย 3 โมง หน่อยๆ ก็เลยเดินออกไปทำเดินเล่นห้าง ตากแอร์เย็นๆ 5 โมงเย็นกลับเข้ามาบ้านถามแม่ว่า เธอกลับมาหรือยัง พอรู้ยังไม่กลับก็เดินออกไปเที่ยวอีกห้างนึง พร้อมกับคุย BBM กับน้องคนที่ทะเล้นๆ หน่อย ภาษาที่ใช้ ก็ประมาณเหมือนคนจีบกัน แต่สาบานผมไม่ได้คิด จะจีบผมพิมพ์ตามน้ำ คุยสนุกๆ แก้เหงาฆ่าเวลา เพราะในใจคิดไว้อยู่แล้วว่าพอแฟนกลับมาจะไปกินข้าวแล้วก็ดูหนังกัน จนกระทั่ง 6 โมงครึ่ง ด้วยอารมณ์หิวหรืออะไรก็ไม่ทราบ ปากมอม มันเอาอีกแล้ว เจอหน้าแฟน คำแรกที่ทักก็เอาเลย แหม เจอหน้ากันทุกวันที่ทำงานก็ยังไม่พอนะ แถมโทรหากันวันละ 3 เวลาหลังอาหาร กลับมาก็เกือบทุ่ม คนรอกินข้าวก็รอไป เถ๊อะ ! พูดแบบกระแทกๆ แล้วเธอก็ชวนออกไปกินข้าว แต่ผมก็ไม่ได้ไป เพราะที่บ้านแม่ทำกับข้าวอยู่ เราก็คุยกันอีก เคลีร์ยกันอีกแล้ว เธอต้องมานั่งอธิบายอีกแล้ว สรุปเรื่องราววันนั้นก็จบอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง วันอาทิตย์ เรื่องเร้าใจก็เกิดหลังเราทั้งคู่นัดเพื่อนๆ ทานข้าว ผมเดินเข้าออกร้านข้าวไปดูดบุหรี่ ตอนช่วงบ่ายๆ เนื่องจากหิวจัดมาก พอเดินเข้ามากับข้าวก็เริ่มทะยอยมา คุณแฟนของผม ผู้ไม่เคยแตะต้องโทรศัพท์ของผม วันนี้เธอคึกอะไรก็ไม่รู้ เธอพูดกับผมว่า ขอดู BB หน่อย ผมก็เอาออกมาให้ดู ด้วยความที่ไม่คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต เธอคลิ๊กเข้าไปดูที่ BBM ไล่อ่านทุกตัวอักษรและทุกคน และแล้วสีหน้าเธอก็เริ่มเปลี่ยน แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร ซักพักก็คืนโทรศัพท์มา ก็กินข้าวกับเพื่อนๆ กันไปตามปกติ จนกระทั่งแยกย้ายกันกลับ คำพูดที่เธอพูดกับผมคือ เดี๋ยวกลับบ้านคุยกันยาว หลังจากถึงบ้าน ก็ยาวจริงๆ ครับเถียงกันไปมา เธอบอกว่าคุยกับใครใน บีบี ผมก็บอกว่าผมไม่รู้จัก ผมแอดมาจากอินเตอร์เน็ต ผมเล่นแค่อยากรู้ว่า บีบีเอ็ม มันคืออะไร แล้วเธอก็ถามต่อ แล้วเล่นเพื่ออะไร เหงามากเหรอ ฉันบอกพี่แล้วไช่ไหม ว่าช่วงนี้ฉันเหนื่อย ฉันไม่มีเวลาดูแล ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วอึดอัด ก็ถอยกันคนละก้าวดีมั๊ย ผมอึ้ง ถอยกันคนละก้าว มันก็หมายถึงการบอกเลิกดีๆ นี่เอง ผมก็พยายามอธิบายต่อว่ามันไม่มีอะไร ตั๋วหนงตั๋วหนังที่ชวนกันมาดูกับน้องคนนั้นก็แค่พูดไปตามน้ำ ผมก็เลยถามเธอว่า เธอสงสัยว่าผมมีผู้หญิงอื่นไช่ไหม เธอตอบว่า ไช่ ไวเท่าความคิด ผมลุกนั่งคุกเข่าพนมมือสาบาน เธอห้าม แต่ผมก็ยังพูดของผมไปเรื่อย ว่าผมไม่มีใครนอกจากเธอ ถ้ามีขอให้ .... ภายใน 3 – 7 วัน และแล้วเรื่องราวก็มีต่อ ผมขอเบอร์เพื่อนผมผ่านทางเฟชบุ๊ค เพราะเบอร์เก่าของมันใช้งานไม่ได้ และคิดว่ามันคงใช้ บีบี เหมือนกันก็เลยให้พินมันไปด้วย พอเพื่อนผมพิมพ์เบอร์มันลงให้ผม เธอคิดไปไกลกว่าผมอีก โทรเช็คทันที แต่เพื่อนผมมันได้ยินเป็นเสียงผู้หญิงมันก็เลยไม่ได้ตอบ ก็คุยกันไปเคลีร์ยกันไป ไม่จบซะที ผมพยายามขอโทษ และสัญญาว่าจะไม่เล่นอีก พร้อมกับลบ พิน บีบี ของทุกคนออกจากเครื่อง แต่เธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ถอยคนละก้าว เผื่อทุกอย่างมันจะดีขึ้น แม่เจ้าด้วยความชะล่าใจ พี่เบ้าลุกขึ้น เก็บเสื้อผ้า ทำทีเป็นจะออกจากบ้าน ที่จริงอยากให้เธอง้อ ก็แค่นั้นแหล่ะ เธอง้อจริงๆ ครับ แต่บอกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยไปได้ไหม ตอนนี้มันดึกแล้ว ตี 3 แล้ว ผมก็เลยนอนคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ ค่อยคุยกัน จนกระทั่งวันจันทร์ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน ก็นั่งคุยกัน ผมก็บอกเธอว่า การบอกว่า ถอยกันคนละก้าว มันก็ไม่ต่างอะไรกับคำบอกว่าเลิกกัน เธอเงียบ ตลอดระยะทางที่เดินทางมาทำงาน เธอทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ความรู้สึกของผมมันชาไปหมด พึ่งรู้สึกตอนนี้ว่า เวลาของผมกำลังจะหมดลงหรือ ตลอดทั้งวันเธอไม่โทรมาหาผมเหมือนเดิม มีผมโทรไปหา ครั้งเดียว ถามเธอว่า ทานข้าวหรือยัง ได้รับคำตอบแบบเฉื่อยชา จนผมไม่มีคำพูดที่จะพูดต่อ ผมนั่งคิดตลอดทั้งวัน ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ผมนำปัญหาไปให้เธอแบกรับมากเกินไปหรือเปล่า ผมไปพูดจากไม่ดีใส่เธอเกี่ยวกับคนที่มีบุญคุณกับเธอการเอาแต่ใจของผม อยากให้เขาดูแล ทั้งที่ตัวเองก็รู้อยู่เต็มอก ว่าเธอเหนื่อย เธอไม่มีเวลา และเธอเคยคุยกับผมแล้ว จนกระทั่งมาแตกหักเรื่องความไว้วางใจเรื่อง BBM เธอบอกว่าเธอตัดสินใจแล้ว เธอไม่อยากเป็นตัวเลือก ทุกอย่าง ผมยังคงสับสน มันเรื่องอะไรกันแน่ ที่ทำให้เธอตัดสินใจแบบนี้ เมื่อวานผมขอโทษเธอแล้ว แต่เธอก็ยังพูดคำเดิม เธอบอกว่า เธอตัดสินใจแล้ว ถึงแม้ผมจะบอกว่าผมขอโอกาสแก้ตัวได้ไหม แต่เธอก็บอกกับผมว่า เธออยากขอผม ขอเธออยู่อย่างสบายใจ .......... ผมหมดเวลาแล้วไช่ไหม ??? อ่านดูแล้ว คุณก็เข้าใจต้นเหตุของปัญหาดี
มันไม่ยากเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ ให้ความรัก นำหัวใจ ไปหากัน.... เอาใจช่วยสุดๆ โดย: อบอุ่นในหัวใจ วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:10:07:00 น.
ถ้าให้ผมแนะนำ ถ้าคุณกล้า ก็ปล่อยเธอไปครับ วันใดที่เธอคิดได้ว่าคุณสำคัญกับเธอแค่ไหน เธอจะกลับมาเอง...
แต่ผมใช้วิธีนี้ ร้อยละ 100 ไปลับ แต่ถ้าดึงดัน ร้อยละ 100 มันก็ไปอยู่ดี ไปแบบแย่หนักกว่าปล่อยไปด้วย บางทีคนหลายคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อการมีคู่ก็ได้นะครับ คิดอย่างนี้จะสบายใจกว่า โดย: DarthTrowa วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:10:31:34 น.
ขอบคุณครับ : อบอุ่นในหัวใจ ไม่ยากที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่ก็ไม่ง่าย เพราะเธอยืนยันคำเดิม ตอนนี้ผมยังสับสน ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเลย
โดย: ฉันรอเธออยู่ วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:11:06:30 น.
ขอบคุณครับ DarthTrowa อาจจะจริงครับที่ว่า
บางทีคนหลายคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อการมีคู่ก็ได้ แต่ตอนนี้แค่ยังทำใจไม่ได้ ครับ มันเร็วเกินไป ตั้งตัวไม่ทัน โดย: ฉันรอเธออยู่ วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:11:08:15 น.
เขาถึงพูดกันว่า ของมีค่าอยู่ในมือ คนเราจะเห็นค่าเมื่อมันจากไป
เอาใจช่วยให้เขากลับมานะคะ โดย: พิม IP: 101.109.136.99 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:14:00:50 น.
เราอ่านแล้ว เราว่าคุณสร้างความทุกข์ให้เธออ่ะ
คนเราเหนื่อยมามากๆ อยากได้ความสบายใจ แต่เราว่าเธออยู่กับคุณแล้วไม่มีความสบายใจอ่ะ รู้ทั้งรู้ว่าระหว่างเธอกับเจ้านายเธอไม่ได้มีอะไร แต่ปากคุณก็ยังจิกกัดเธออยู่เรื่อยๆ มันเหมือนบั่นทอนจิตใจกันมากเลย แทนที่กลับมาเหนื่อยๆ จะได้กำลังใจ กลับโดนจิกกัดตลอดเวลา เหมือนอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุขอ่ะ แถมยังเอาเวลาที่เธอไปทำงานเหนื่อยๆ ไปคุย BB อีก เราว่าเธอขอเวลาเพื่อคิดก่อนอ่ะดีแล้ว โดย: ทะเลตะวัน IP: 192.168.18.146, 119.160.218.195 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:16:21:27 น.
เมื่อเห็น บทสนทนาใน BB ความอดทนของเธอคงขาดผึงไปทันที รู้สึกไม่ไหวแล้วล่ะ ไหนจะปัญหางาน ไหนจะปัญหาคุณ เห็นใจทั้งคู่ค่ะ คิดซะว่า ถ้าเราเกิดมาคู่กัน ยังไงก็ต้องกลับมาหากันจนได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ขวนขวายไป ก็เหนื่อยเปล่าค่ะ ไงก็เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปได้นะคะ
โดย: พิม IP: 192.168.66.151, 61.47.23.201 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:18:26:07 น.
ของคุณที่ผมอ่านมา ผมก็ว่ามันเป้นความอึดอัดของคน 2 คนครับ แต่ผมจะบอกว่าคุณโชคดีแล้วครับ ของผมน่ะ เฮงซวยกว่านี้ตั้งเยอะ
ส่วนเรื่องของคุณที่ผมได้อ่าน ถ้าคุณยังปรับนิสัยบางอย่างไม่ได้ ยากครับที่จะมีแฟนได้อย่างสงบสุข ผมก็เป็นคล้าย ๆ คุณแหละครับ คือบางทีเราสัมผัสได้ถึงความไม่ได้ใส่ใจในตัวเราทั้งๆ ที่เราควรจะเป็นคนที่เขาใส่ใจมากที่สุด (และเราเองก็ควรใส่ใจเขามากที่สุดในทุก ๆ เวลา ถ้าคุณอยากให้เขาใส่ใจคุณ จงทำก่อน...) คือพอเขาแสดงออกมาแบบนั้นเราก็จะเกิดอารมณ์ง่าย ๆ มันไม่ใช่ข้อดีหรอกครับ แต่ผมก็ไม่มีวิธีแก้ในส่วนนี้ครับ เพราะถ้าคุณเจอคนที่ใช่จริง ๆ คุณไม่ต้องเรียกร้องหรอกครับ เขาจะตอบสนองคุณอย่างทันทีเลยล่ะ แล้วก็เรื่องปากเสียอันนี้ก็สำคัญครับ คำพูดมันส่อถึงจิตใต้สำนึกได้มากกว่าที่คุณคิดนะครับ ส่วนแฟนคุณ ผมว่าก็ไม่ต่างกับคุณมากนัก เป็นคนอยู่ด้วยยาก คิดมาก เครียดง่าย เป็นคนอ่อนไหวโดนกระทบนิดเดียวก็เสียศูนย์ได้ จะอยู่กับเขาได้ต้องตอบสนองความต้องการของเขาได้ในระดับที่พอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป แต่ระดับที่พอดีของเขามันขึ้นกับอารมณ์ด้วย เดี๋ยวมากเดี๋ยวน้อย เดายาก แต่พอดีมาเจอคุณที่ก็เรียกร้องเหมือน ๆ กัน ก็เละดิครับ จะทำยังไงต่อไป ผมแนะนำได้เพียงว่าสงบอารมณ์ฟุ้งซ่านของตัวเองให้ได้ เข้าใจว่ามันยากแต่เดี๋ยวก็ผ่านไปได้ คือยังไงก็ยังไม่เลิกกันแบบเด็ดขาดหรือยังไม่ได้เจอผู้ชายคนอื่นอยู่ในห้องเดียวกัน (แบบที่ผมเจอ) ยังมีโอกาสที่จะกลับมาใหม่ได้เสมอครับ แนะนำว่าให้หาอะไรที่มันคลายเครียดทำ เช่นดูหนัง ฟังเพลง เดินเที่ยว (แต่ต้องเป็นที่ที่ไม่เคยไปกับแฟนนะครับไม่งั้นมันจะหดหู่กว่าเดิมประมาณ 10 เท่า) แต่ถ้าคุณคิดมาก ทำมาก มันจะพังซะเปล่า ๆ เพราะเราทำด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติ ความหวังในระดับที่ไม่ปกติ รูปแบบก็จะไม่ปกติ มันจะดูแล้วอึดอัดมาก ผมผ่านมาแล้วครับ เละเทะไม่มีชิ้นดี อย่าเอาอย่างครับ ปล่อยแฟนคุณไป (จริงๆ คิดว่าเลิกกันเด็ดขาดไปแล้วจะยิ่งดีต่อพฤติกรรมคุณมาก เพราะคุณจะไม่ตามตื๊ออะไรให้น่ารำคาญอีก) ให้เธอสบายใจไปเลยเดี๋ยวก็กลับมาเองครับ คือยังไงคุณกับเธอก็ยังผูกพันธ์อยู่บ้าง มือที่ 3 (ทางฝั่งเธอ) ก็ไม่มี ถ้าไม่มีมือที่ 3 พอทั้ง 2 คนสบายใจมาคุยกันก็เคลียร์และปรับความเข้าใจกันให้เรียบร้อยนะครับ แต่ถ้าจับได้ว่ามีมือที่ 3 (ทางฝั่งแฟนคุณ) แนะนำให้ถีบหัวส่งสถานเดียวครับอย่าไปรั้งไว้ ผมเคยรั้งไว้แล้ว เราเจ็บเองครับ ขอบคุณนะครับที่ไปอ่านบล๊อกผม ผมลงทิ้งไว้นานมากจนกระทั่งนิยายตีพิมพ์ออกมาเป็นเล่มเรียบร้อยแล้วครับ ถ้ารู้สึกว่าสนุกและอยากอ่านต่อก็หาซื้อได้ที่เซเว่นและก็ B2S ครับ ชื่อเรื่องตามนั้นครับ "เจ้าชายแห่งรัตติกาล บัลลังก์ที่ว่างเปล่า" เป็นนิยายแฟนตาซีแบบไม่หนักมากแต่แฝงด้วยแนวคิดที่ลึกซึ้งพอสมควร (ประมาณเรื่องนาร์เนีย) อยากให้ขายได้เยอะ ๆ เหมือนกันครับแต่ไม่หวังอะไรมากแล้ว ขอแค่ให้ได้ทุนคืนพอที่จะหมุนมาตีพิมพ์ภาคต่อได้ก็โอเคแล้วครับ (ขออนุญาตขายหนังสือนิดนึง แฮ่ๆ) ขอให้คืนดีได้เร็ว ๆ และขอให้ปรับความเข้าใจกันได้จนกระทั่งได้เป็นคู่ชีวิตกันไปตลอดนะครับ ผมไม่อยากให้ใครต้องเจ็บช้ำในเรื่องความรักอีกแล้ว โดย: Darthtrowa IP: 110.168.176.254 วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:3:20:11 น.
และแล้ว วันนี้ก็กลับมาบ้านผมแล้ว
โดย: ฉันรอเธออยู่ IP: 115.31.177.50 วันที่: 24 มกราคม 2555 เวลา:15:20:54 น.
|
บทความทั้งหมด
|
เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ถึงแม้จะเข้าใจ แต่ผมก็คิดว่ามันน่าจะสายเกินไป ก่อนไปผมก็แค่อยากทำดีกับเธอบ้าง เพราะตอนที่ผมตกต่ำ ดำดิ่งเธอก็เคยช่วยผมไว้ ตอนนี้เธอลำบาก เธอเครียด ถ้าผมไปก็ไม่รู้เธอจะเป็นอย่างไร ถึงแม้เธอจะบอกว่า เมื่อก่อนไม่มีใครเธอก็อยู่คนเดียวได้ อย่างน้อยการได้อยู่เป็นเพื่อนเธอในช่วงนี้ มันน่าจะช่วยให้เธอไม่เครียดมากไปกว่าเดิม (ผมรู้สึกอย่างนั้น)
วันนี้ผมก็ยังสับสน อยู่เหมือนเดิม