และแล้ว...เรา 2 คนก็ไต่ขึ้นมาจนถึงทางตันเริ่มหินก้อนกลมๆ มนๆ ตะปุ่มตะป่ำ...กำลังจะสูดอากาศให้เต็มปอดกลับเหลือบไปเห็นลูกศรให้เดินต่อ...บร๊ะเจ้าาาาาเดินวนไปวนมาซักพัก...แสงสว่างก็สาดเข้าตาตี๋ๆ ของเรา 2 คน....อร๊ากกกกกกกถึงแล้ววววว...ใจอยากกระโดดเพื่อนบอกว่าระวังลื่นตกเหวนะเฟ้ยแก....ง่ะ...ในที่สุดเราก็ไต่มาจนทันร่ำลาพระตะวัน....ลับเส้นขอบฟ้าปู๊นนนน บ๊ายบายยยยยจร๊าาาเราค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงช้าๆ มองออกไปที่ต้นกำเนิดของแสง......ฉันอยากตะโกน..คำคิดถึงคนรักของฉันที่อยู่ไกลแสนไกลออกไปดังๆ แต่เกรงใจเพื่อนที่มาด้วยกันอะ.......555ลานหินโล่งๆ อากาศเย็นสบาย.....ฉันสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่...ผลัดกันถ่ายรูปไปมา...ได้ยินเสียงสัญญาณโทรศัพท์...เฮ้ย...มีสัญญาณด้วยอะ..บนยอดภูเนี้ยะนะ...เอ้า...หลังเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น...เพื่อนรักก็เม้าท์ไม่หยุด..แล้วไงหว่า........ถ่ายรูปต่อไปก็ได้ : )ลานหินปุ่มนี่แปลกดีเน๊อะ...ตะปุ่มตะป่ำเหมือนผิวมะกรูดเลยอะ รึจะเป็นหูด...ของโลกใบน้อยนีไม่รู้เน๊อะ....ข้อมูลทางธรณีวิทยา เค้าบอกว่าลานหินปุ่มเกิดจากลักษณะโครงสร้างของหินที่สึกกร่อนตามธรรมชาติทางเคมีและฟิสิกส์ ..เอาละเธอคุยโทรศัพท์เสร็จแระได้ยินเสียงเรียกให้ไปถ่ายรูปอีกแล้ว 555สงสัยไหมค่ะว่าทำไมมีแต่รูปเพื่อนกะรูปวิวก็กล้องคุณเพื่อนที่มีมัจฉานุ...ดันไปหลงกดลบทั้งไฟล์...โซเซ็งเลย...มัจฉาลืมบอกอีกว่า...พอเรามาถึงลานหินปุ่มสักพักก็มีเพื่อนร่วมทางตามขึ้นมา 2 คนเห็นกำลังกางเต้นท์...นอนบนนี้เหรอ...โอ้โห้.....อิจฉาชมัด...นอนดูดาวบนนี้คงโรแมนติกไม่หยอกเน๊อะไม่กวนดีกว่า...ถ่ายรูปกันไป...อิอิ
ปล.๑ ลานหินปุ่ม บริเวณหน้าผาต้องเดินเท้าไปจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร ปล.๒ เดิมบริเวณนี้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เคยใช้เป็นสถานที่พักฟื้นคนไข้เพราะอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลรัฐ ปล.๓ เคยอ่านเจอว่าที่นี่มีพรรณไม้เฉพาะถิ่นดอกสวยๆ ด้วย..แต่เรายังหาไม่เจออะปล.๔ ขอบคุณตุ๊กตุ่นจากบ้านคุณกุ๊กไก่เช่นเดิมนะคะ ^^ ปล.๕ เพลงประกอบ The four seasons of Taiwain
. . . ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . . . . . พอใจในสิ่งที่ตนมี . . . . . . เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก . . .