คุณผู้หญิงอายไหมกับการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูก

วันนั้มี นวัตกรรมใหม่ของการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง ครั้งแรกในไทย

มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดของผู้หญิงไทย ในช่วงวัย 25-65 ปี ทั้งยังมีอัตราการตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่ปีละ 10,000 ราย และมีอัตราเสียชีวิต 5,000 รายต่อปี หรือร้อยละ 50 ซึ่งหมายความว่า ในแต่ละวันจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูกถึง 14 ราย

ล่าสุด มีการเปิดตัวนวัตกรรมการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเองเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ชื่อว่า 'เดลฟี่ สกรีนเนอร์' ลักษณะเป็นแท่งพลาสติกขนาดพอกับปากกา ด้านหนึ่งจะมีปุ่มกด ใกล้กันจะมีห่วงไว้สำหรับใช้นิ้วสอดเพื่อประคองด้ามตรวจ อีกด้านจะมีแถบสีเงิน ซึ่งด้านนี้จะใช้สอดเข้าไปในช่องคลอด เพื่อให้ด้ามตรวจปล่อยน้ำประมาณ 1 ซีซีเข้าไปภายใน ถือเป็นการเก็บเซลล์เนื้อเยื่อบุมดลูก หรือไวรัส HPV ที่เกาะอยู่บริเวณช่องคลอด ต่อมาตัวด้ามจะดูดน้ำดังกล่าวกลับเข้าด้ามตรวจ จากนั้นจึงดึงด้ามตรวจออกจากช่องคลอด แล้วถ่ายเทของเหลวใส่ขวดเก็บตัวอย่าง นำส่งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ตรวจในห้องปฏิบัติการ รอผลตรวจราว 1 สัปดาห์

อาการของมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการอะไร แต่เมื่อเป็นมะเร็งจะมีอาการ มีเลือดออกผิดปกติ เช่นเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธุ์ มีเลือดออกหลังจากหมดประจำเดือนแล้ว เลือดออกเป็นระยะ ประจำเดือนมานานผิดปกติ เลือดออกหลังจากตรวจภายใน มีอาการตกขาวซึ่งอาจจะมีเลือดปน มีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก การติดเชื้อ HPV หรือการเป็นหูดที่อวัยวะเพศ การสูบบุหรี่ เกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นสองเท่า การรับประทานยาคุมกำเนิด ระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดีจะทำให้เกิดโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ง่ายจึงมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลุกเพิ่มขึ้น การติดเชื้อ Chlamydia ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น อาหาร ผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้น้อย มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่าคนที่รับประทานผักและผลไม้ ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน การมีบุตรหลายคน จะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอรฺโมนทำให้ติดเชื้อ HPV ง่าย และขาดการป้องกันการติดเชื้อ ผู้ที่มีเศรษฐานะต่ำ เนื่องจากเข้าถึงบริการไม่ทั่วถึง ผู้ที่ได้ยา Diethylstilbestrol (DES) เพื่อป้องกันแท้ง ปัจจัยที่ส่งเสริม คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะหูดหงอนไก่ กรรมพันธุ์ มีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะคนที่มีคู่นอนหลายคน ผ่านการคลอดทางช่องคลอด โดยเฉพาะคนที่เคยคลอดมากกว่า 2 คน ความอ้วน อาหาร  การรักษามะเร็งปากมดลูก การรักษาในระยะก่อนเป็นมะเร็งหรือระยะก่อนลุกลาม มีหลายวิธี ได้แก่ การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า การจี้ปากมดลูกด้วยความเย็น การจี้ด้วยเลเซอร์ การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีด หลังจากนั้นควรตรวจติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด โดยการตรวจภายในและทำแปปสเมียร์ หรือตรวจด้วยกล้องขยาย ทุก 4 – 6 เดือน โดยรอยโรคขั้นต่ำบางชนิดสามารถหายไปได้เองภายใน 1 – 2 ปี การรักษามะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม การเลือกวิธีรักษาขึ้นกับโรคประจำตัวของผู้ป่วย ระยะของมะเร็ง และความพร้อมของโรงพยาบาล หรือแพทย์ผู้ดูแลรักษา - มะเร็งในระยะแรก รักษาโดยการตัดมดลูกออก ร่วมกับการเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณอุ้งเชิงกรานออก และจะให้การรักษาต่อด้วยรังสีรักษา ในกรณีที่ผู้ป่วยมีโอกาสกลับเป็นซ้ำของโรคสูง - มะเร็งในระยะหลัง รักษาด้วยรังสีรักษา หรือร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด

แม้อุปกรณ์จะมีความแม่นยำในการดักจับเชื้อไวรัส HPV ได้ถึง 96-99 เปอร์เซ็นต์ ก่อนส่งผลตรวจไปยังห้องปฏิบัติการ แต่การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกที่ดีนั้นควรไปพบแพทย์ เพราะนอกจากโรคร้ายดังกล่าวแล้วยังสามารถพบโรคอื่นๆ เช่น โรคเนื้อเยื่อเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตซีสต์ หรือมะเร็งรังไข่ ฯลฯ  ดังนั้นหากตรวจพบความผิดปกติเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น นอกจากนี้หากลดปัจจัยการเกิดมะเร็งปากมดลูก 3 ข้อต่อไปนี้ โดยเริ่มจาก

1.ลดพฤติกรรมเสี่ยง เนื่องจากการที่เราทราบว่ามะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย และไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร

2.ใช้ถุงยางอนามัย

3.ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก จะช่วยป้องกันได้ 70-80%