เขามีชื่อว่า อนันตชัย หงส์สิบสอง ทำไมต้องเป็นหงส์สิบสองด้วยคะ ชายวัยสามสิบเศษแอบอมยิ้มผ่านใบหน้าที่หยาบกร้านก่อนจะพูดว่า อยากรู้จริงเหรอเรื่องมันยาวนะ พวกเราทั้ง 4 พร้อมใจกันพยักหน้ารับด้วยความอยากรู้ เมื่อก่อนนี้สมัยปู่ทวดของปู่ทวดของปู่ทวด ในสมัยที่ยังไม่มีใครรู้จักคำว่านามสกุล เรามีแต่ชื่อเรียกกันเท่านั้น ทางการแจ้งมากับผู้ใหญ่บ้านว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องมีนามสกุลต่อท้ายชื่อ เพื่อจะเป็หญิงารยืนยันว่าเป็นลูกเต้าของใคร นับว่าเป็นเรื่องใหญ่เอาการ ผู้ใหญ่บ้านจึงตั้งนามสกุลให้ตามสภาพของพื้นที่เพราะว่าหมู่บ้านเรามีหงส์อาศัยอยู่เยอะ เราจะตั้งนามสกุลกันว่าหงส์ ไล่กันไปตามลำดับ หงส์หนึ่ง หงส์สอง หงส์สาม...ไปจนครบตามจำนวนครอบครัวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้น งั้นถ้าเจอใครที่มีนามสกุลว่าหงส์ตามด้วยตัวเลขก็ตีความได้เลยว่ามาจะบ้านเดียวกับพี่แน่ๆใช่ไหม หญิงตั้งข้อสังเกต เขาพยักหน้ารับ เออ.. พี่ครับ ม้าเริ่มดีดหรือยังครับ ยุทธเพื่อนร่วมทริปถามอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ ยัง ยังไม่ดีดตอนนี้หรอก ไง กลัวเหรอ ปะป่าว ครับคือว่าผมไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับคนที่กินยาบ้ามากขนาดนี้ ก็เลยอยากรู้วตอนม้าดีดมันเป็นอย่างไร นี่ก็ผ่านมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วที่พี่กลืนมันลงท้องให้ผมดู ยุทธแจง หากจะถามว่าทำไมพวกเราถึงมาอยู่รวมกันบนรถ 18 ล้อคันนี้ได้ ก็คงต้องท้าวความไปไกลพอ ๆ กับเรื่องของที่มาของนามสกุล หงส์สิบสอง ที่ปั๊มน้ำมันใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิตคือสถานที่เริ่มต้นของการผจญภัย เราตั้งเป้าหมายทริปนี้ว่า จะต้องเดินทางไปเชียงใหม่ เอ้อระเหยซัก 5 วัน ภายใต้งบประมาณคนละ 500 บาท พวกเราทั้งสี่กำลังคาดหวังจะได้รถกะบะใจดีซักคัน ที่จะพาเราไปสู่จังหวัดเชียงใหม่ เวลาได้ล่วงเลยไป 3 ชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววของรถกะบะใจดีคันนั้น จนในที่สุดเราตัดสินใจไปกับกะบะคันหนึ่งที่มีจุดหมายปลายทางแค่จังหวัดสระบุรี เอาวะอย่างน้อยก็ได้เดินทางเสียที เอ๋พูด........ เราถึงสระบุรีได้เวลาประมาณ 21.30 น. เอาไงวะแกดึกแล้ว รถก็โบกไม่ได้หาที่พักแถวนี้กันดีไหม ยุทธเสนอไอเดียเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว จะเอาตังที่ไหนไปเช่าห้องวะ เงินสี่คนรวมกันได้แค่สองพันเอง หญิงค้าน จบประโยคนี้เราต่างก็รู้ว่าคงต้องยืนยันเจตนาเดิม นั่นหมายถึงเราต้องยืนตากน้ำค้างรอรถคันนั้นของพวกเรา ท่ามกลางความมืดมิดที่ล้อมรอบพวกเราไว้พลันปรากฎแสงสว่างสองดวง วิ่งตรงรี่มาตามถนนบางทีอาจจะเป็นแสงของรถคันนั้นคันที่จะพาเราไปเชียงใหม่ นั่น นั่น มาแล้ว โบกโว้ย โบก ยุทธพูดพลางก็รีบตรงรี่วิ่งไปโบกไม้โบกมือเป็หญิงารใหญ่ ฮ่า ฮ่าฮ่า ยุทธฉันว่าแกต้องไปตัดแว่นใหม่แล้วหว่ะ ฉันทับถมเพื่อน ไรวะ เมื่อกี้ก็เห็นกันอยู่ใช่ไหมว่าเป็นไฟของรถกะบะ ไอ้ไฟหน้ารถกะบะแกตอนนี้มันแยกกันไปคนละทางแล้ว ด้วยความที่มืดมากและหมอกก็เริ่มลงบาง ๆ ไฟจากรถมอร์เตอร์ไซที่ขับคู่มา 2 คันทำให้พวกเราหลงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไฟของรถกะบะ งานนี้พวกเราเล่นลอยแพความเก้อให้ยุทธแต่เพียงผู้เดียว หลังจากการโบกรถอันแสนยาวนานพวกเราก็ตัดสินใจพัก หญิงหยิบเสบียงอาหารที่เราเตรียมกันมาอันได้แก่อาหารสำหรับมื้อเย็นที่ไม่ต้องปรุงแต่อย่างใด อันได้แก่ ขนมปัง กล้วย และนม หัวข้อสนทนาในวงอาหารเต็มไปด้วยการตัดพ้อต่อโชคที่ไม่เข้าข้างพวกเรา ดึกสงัดเช่นนั้น นอกจากเสียงของพวกเราแล้วกลับมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา เป็นเสียงห้าวใหญ่ เฮ้ย...ใครโบกรถวะ ........... พวกเราอดรู้สึกเสียวที่สันหลังวาบ เฮ้ยยย หูหนวกหรือไง ใครโบกรถหา จอดรอตั้งนานแล้วจะไปไม่ไปหา เจ้าของเสียเริ่มเดินเข้ามาใกล้พวกเราเรื่อย ๆ เบื้องหลังเขาเป็นรถบรรทุก 18 ล้อ ซึ่งจอดห่างจากพวกเราไปประมาณเกือบ 10 เมตรได้ เอ้า นอกจากหูหนวกแล้วยังไม่มีปากกันด้วยเหรอไง พวกเรายังคง ........ เอาแล้วไง ได้เรื่องจนได้ หวังว่าคงไม่มีอะไรที่เลวร้ายเกิดขึ้น เอ๋แอบกระซิบคุย เมื่อกี้มีใครโบกรถหรือเปล่า ณ ตอนนี้เขายืนห่างจากพวกเราในระยะประชิด โดยไม่ได้นัดหมายพวกเราที่เหลือ 3 คน ชี้ไปที่ยุทธ แล้วพูดว่า คนนี้โบกค่ะ/ครับ และทั้งหมดนี้คือสาเหตุที่ทำให้พวกเราได้มานั่งขโยกขลุกขลุกอยู่บนรถ 18 ล้อคันนี้ มันดีดหน่อยนะ รถ 18 ล้อก็แบบนี้ไม่ได้เครื่องเดินนิ่งเรียบแบบรถเก๋ง เขาเอ่ย ไม่เป็นไรครับสนุกดี ยุทธพูด นั่งไปซักพักก็จะรู้สึกไม่สนุกแล้วหล่ะ เพราะว่าพวกคุณจะไม่ชิน ฉันแอบสอดส่ายสายตาสำรวจภายในรถคันนี้ รู้สึกทึ่งไปกับขนาดที่กว้างขวางของมัน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าภายในมันจะกว้างได้มากขนาดนี้ ภายในรถที่นั่งแบ่งออกเป็น 2 แถว แต่ละแถวนั่งเรียงกันได้ประมาณ 4 คนแบบสบาย ๆ เรา ยุทธ หญิง นั่งแถวหน้าข้างคนขับ ส่วนเอ๋นั้นนั่งอยู่แถวหลัง ซึ่งมีคนนั่งอยู่แล้ว 2 คนก็คือ เมีย และ ลูกของพี่คนขับนั่นเอง ฉันเหลือบไปเห็นหม้อหุงข้าวที่วางซุกอยู่ใกล้กับที่เอ๋นั่ง พี่พกหม้อหุงข้าวด้วยเหรอ ไง ไม่เคยเห็นคนพกหม้อหุงข้าวไว้ในรถเหรอ นอกจากหม้อหุงข้าวแล้วยังมีกองเสื้อผ้า จาน ชาม กระติกน้ำ น้ำยาล้างจาน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอุปกรณ์สำหรับยังชีพที่ใช้ภายในบ้าน ที่แท้เราไม่ได้นั่งอยู่ในหัวรถ 18 ล้อแต่เรากำลังเป็นแขกของผู้มาเยือนบ้านหลังหนึ่งซึ่งเขาเป็นเจ้าบ้าน พี่รับคนง่าย ๆ แบบนี้ไม่กลัวโดนปล้นเหรอ พวกผมคนเยอะกว่านะ หากจะปล้นพี่มันง่ายมากเลย ฉันถาม ทำไมต้องกลัวหล่ะ พวกเธอเป็นโจรกันหรือไง เขาหยุดพูดทิ้งให้เสียงของเครื่องยนตร์ทำหน้าแทน ก่อนที่จะพูดต่อว่า ยังไม่เคยโดนปล้นนะ เคยแต่ปล้นคนอื่น พูดจบก็หันมาสบตากับฉัน แล้วก็ชวนคุยต่อว่า เป็นนักศึกษากันใช่ไหม ต่อต้านยาบ้ากันหรือเปล่า? ครับพวกเราเป็นนักศึกษา แต่พวกเราก็ไม่เคยต่อต้านยาบ้านะครับ ยุทธรีบพูดดักเอาใจ พวกเราอยู่ชุมนุมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมค่ะ หญิงเสริม สิ่งที่พวกเราทำกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นกิจกรรมรณรงค์ให้คนหันมาสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จัดค่ายเดินป่า หรือ การต่อต้าหญิงารจัดคอนเสริตที่เขาใหญ่เพราะไปรบกวนสัตว์ป่าแถมยังเป็หญิงการเอาขนขยะไปทิ้งที่เขาใหญ่อีกต่างหาก ระหว่างที่หญิงพูดอยู่นั้นเขาก็เอามือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่อยู่ด้านซ้ายมือ เป็นยาเม็ดหนึ่ง ใช่ยาบ้าหรือเปล่าครับ ? เอ๋สงสัย ไม่ใช่ มันคือยาม้าต่างหาก ไม่กินไม่ได้เหรอครับพี่ ? ด้วยความที่ไม่อยากจะโดยสารรถของคนที่เสพยาบ้ายุทธจึงถามท้วง กลัวกันเหรอ ? เออ.. ป่าวครับ คนขับสิบล้อกินยาบ้าก็ธรรมดานี่ครับ ยุทธตอบแบบเกรง ๆ ฝ่ายตรงข้าม ไม่กินไม่ได้หรอกจะเอาแรงที่ไหนมาทำงาน พวกคุณลองกับผมไหม นั่งคุยไปกับผมเรื่อยนี่แหล่ะ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามหลับถ้าพวกคุณไม่มีใครหลับเลยผมจะเลิก เขาพูดด้วยความมั่นใจ ระหว่างทางเราได้คุยกับคุณอนันตชัย หงส์สิบสอง หลายเรื่อง เรื่องครอบครัวของเขา ประวัติการทำงานก่อนที่จะมาเป็นคนขับสิบล้อ เขาเลือกที่จะขับรถสิบล้อแทหญิงารเป็นพนักงานขับรถเมล์ในเมือง ระหว่าง รถติด อากาศเป็นพิษ สุขภาพจิตเสีย กับ การได้ขับรถไปในถนนโล่ง มีวิวสองข้างทางเป็นต้นไม้ รถไม่ติด คุณจะเลือกอะไร เขามักจะเปรียบเทียบหรืออธิบายแบบอ้อม ๆ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ โดยที่เมื่อเขาพูดจบคุณจะรู้สึกว่าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขานั่นคือวิธีการอธิบายเหตุผลที่ทำให้เราเข้าใจเขาและเข้าข้างเขา ระหว่างทางที่จะไปลำปางนั้นบางครั้งเราต้องเดินทางผ่ากลางเขา เส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวลด เรารัดเลาะไปตามซอกเขาโค้งแล้วโค้งเล่า โค้งเหล่านี้คงจะเคยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อสองอาทิตย์ก่อนหน้านี้โค้งข้างหน้าก็มีอุบัติเหตุ ผู้เป็นเจ้าของรถเอ่ยพร้อมกับชี้ให้ดูแนวกันชนที่ยุบตัวไป รถสิบล้อคันหนึ่งเบรคแตกทำให้แหกโค้ง โชคดีว่าคนขับไม่ตาย แต่ปัญหาใหญ่ที่ตามมาก็คือเขาโดนไล่ออกเพราะทำให้รถและของที่บรรทุกมาเกิดความเสียหาย มันไม่ยุติธรรมเลยนะ ก็ในเมื่ออุบัติเหตุเกิดเพราะว่ารถมีปัญหาไม่ใช่ความผิดของคนขับซะหน่อย เอ๋บ่น อย่างนี้เราต้องประท้วงครับ อันที่จริงการขับรถใหญ่ก็ลำบากพอตัวอยู่แล้วกว่าจะเบรค กว่าจะเร่งเครื่อง ไหนจะน้ำหนักที่แบกอยู่อีก แล้วถ้าหากเกิดมีอะไรมาตัดหน้ารถแบบฉุกเฉิน อย่าง เออ... คนเป็นต้น โอ้ยไม่อยากจะคิด ยุทธเสริมหน้าตายอย่างเอาจริงเอาจัง คนตัดหน้าก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรหนิ แค่ชนให้ตายก็เท่านั้น จากนั้นก็โทรบอกเฒ่าแกให้มาเคลียร์ดีกว่าหักหลบแล้วต้องเสียค่าซ่อมรถ ยังไม่รวมมูลค่าของที่เสียหายอีก เคลียร์เรื่องงานศพคนใช้เงินน้อยและก็ง่ายกว่าเคลียร์เรื่องของ เขาตอบอย่างไม่ลังเลใจกับเรื่องนี้ แล้วพี่เคย....หรือยังครับ ยุทธถาม ยังแต่คิดว่าถ้าจะเกิดก็คงต้องทำตามที่บอกไปนั่นหล่ะ เขาแอบเหลือบมองดูพวกเราว่าจะแสดงทีท่าอย่างไร พวกเราทั้งหมดได้เปิดโอกาสให้ความเงียบเข้ามาแทรกแซงบทสนทนา ต่างคนต่างนิ่งเงียบกันทั้งสองฝ่ายและดำดิ่งไปกับความคิดคำนึงของตัวเอง สายลมพัดผ่านจากหน้าต่างมากระทบใบหน้า เสียงเครื่องยนตร์ยังคงดัง หึ่ง หึ่ง หึ่ง อยู่อย่างนั้น ในที่สุดเราต่างก็ทะยอยกันหลับผลอย ไปทีละคนสองคน ในบางครั้งฉันแอบได้ยินเสียงของเขาพูดคุยกับภรรยาดังแทรกเข้ามาเป็นห้วง ๆ นั่น นั่น เสื้อเปียกหมดแล้ว เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น ยังอีก ยังอีก ย้อยเป็นทางเชียว ยุทธยังคงพูดแซวหญิงที่หลับอยู่ข้างยุทธ หญิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นยังไม่ทัน เต็มที่แต่ทว่ามือของหญิงไวกว่าการลืมตามากนักเพราะตอนนี้มันไปอยู่บนหัวของยุทธเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โป้ก! โอ้ย ! ละเมอหรือตื่นแล้วเนียะ ยุทธบ่น ลองอีกทีไหมเพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้เมื่อกี้เราละเมอหรือตื่น ว่าแล้วยุทธก็โดนอีกเป็นโป้ก ! ที่สองของเช้านี้ หญิงเลิกกระเซ้ายุทธแล้วหันมาปลุกฉัน หนึ่ง หนึ่ง ตื่นได้แล้วถึงลำปางแล้ว ยังง่วงอยู่เลย นอนต่ออีกได้ไหมอะ ฉันงัวเงีย ไม่ได้ ๆ เอ๋สมทบแล้วเร่งว่า นู่นแกพี่เขาเดินไปนู่นแล้วรีบ ๆ ตามพี่เขาไป เขาจะเลี้ยงมื้อเช้าพวกเรา เช้าวันนั้นคุณอนันตชัยเลี้ยงอาหารมื้อเช้าพวกเราด้วย กาแฟ และ ปาท่องโก๋ ที่ถูกวางเรียงอยู่บนโต๊ะตรงหน้าพวกเราในตอนนี้ ขอบคุณค่ะ / ครับ ถึงแม้ว่ารสชาติของกาแฟจะหวานอยู่ส่วนหนึ่ง ในขณะที่ปาท่องโก๋เองก็เย็นชืดและเริ่มเหนียว แต่พวกเราทุกคหญิงลับรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ช่างแสนวิเศษเพราะมัหญิงลมกร่องไปด้วยรสของน้ำใจ ถึงแม้ค่าอาหารมื้อนี้จะคำนวนเป็นมูลค่าของเงินไม่กี่บาทแต่มูลค่าทางจิตใจนั้หญิงลับมากมายกว่าหลายเท่า ไงอร่อยไหม เขาถาม อร่อยครับพี่ ยุทธตอบอย่างแข็งขัน อร่อยค่ะ อร่อย หญิงว่าตาม หวานจะตาย เขาพูด เดินทางเหนื่อย ๆ ได้ของรสชาติหวาน ๆ ก็ดีนะคะให้พลังงานดี หญิงเสริม เหนื่อยอะไรวะ เพิ่งจะตื่นแท้ อย่ามาทำเป็นพูดหน่อยเลย ฉันแอบเห็นแกหลับเป็นคนแรกเลย ยุทธแย้งแล้วว่าต่อ ว่าแต่ เออ เมื่อคืนนี้ม้าดีดไหมครับ พวกผมก็ดันเผลอหลับไปเลยอดเห็นม้าดีดเลย เขาไม่ได้ตอบอะไรได้แต่หัวเราะชอบใจพร้อมกับมองยุทธอย่างเอ็นดู จากตรงนี้จะหาโบกรถขึ้นเชียงใหม่ก็ไม่ยากแล้ว เราคงต้องแยกกันตรงนี้แล้วหล่ะ เขาเอ่ย พี่จะไปไหนต่อคะ หญิงถาม ขึ้นของเสร็จก็ต้องตีรถไปขนของใหม่ ไง ขากลับจะให้แวะรับไปส่งที่กรุงเทพฯ หล่ะสิ เขาหยอกเล่น เปล่าค่ะ เพียงแต่ว่าบางครั้งพวกเราอาจจะได้เจอกับพี่บ้างที่กรุงเทพฯ หญิงพูดเจือด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ เพราะยังไม่อยากจากลา เขาอมยิ้มก่อนที่จะพูดว่า ก็จำรถไว้สิ ถ้าเห็นก็ทักกันได้เลย ขับรถดี ๆ นะคะ แล้วก็รักษาสุขภาพ ฉันอดที่จะเป็นห่วงเขาไม่ได้ อืม.. ไปก่อนนะ โชคดี ขอให้เที่ยวสนุกนะ เขาโบกมือลาก่อนที่จะเดิหญิงลับไปที่รถพร้อมกับโอวันติน กับไข่ต้ม 2 ชุด สำหรับเมียและลูกน้อยที่นอนเฝ้าอยู่ในรถ ไม่นานหัวรถลากคันนั้นก็แล่นหายลับไป จากวันนั้นถึงวันนี้ทุกครั้งที่ฉันเห็นรถบรรทุก 18 ล้อ ก็จะอดคิดถึงเขาไม่ได้ คนที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ารถ 18 ล้อคือบ้าน และคิดว่าเขายังคงมีความสุขอยู่กับครอบครัวน้อย ๆ ของเขาที่ไหนซักแห่ง และในบางครั้งฉันแอบส่งรอยยิ้มแนบคำขอบคุณไปกับสายลมถึงเขา..ขอให้ปลอดภัยและมีความสุข ![]() สวัสดีจ้ะศัลย์
ยังไม่ได้อ่านเลย แวะมาแอดบล็อกไว้ก่อน แล้วค่อยคุยกันใหม่นะ โดย: พ่อพเยีย
วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:14:11:39 น.หนูน้อยที่น่ารัก ฉันคือคนที่ชื่ออนันตชัย หงษ์สิบสองได้เข้ามาอ่านข้อความของเธอแล้วจำเหต์การณ์นั้นได้ แต่ก็เหมือนกับว่าฉันได้ฝากให้พวกเธอขึ้นรถส่งผักไปที่แม่สอดใช่มั๊ย จำไม่ค่อยได้เหมือนกันประมาณ 15 ปีที่แล้ว และชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปมาก เพราะแฟนของฉันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อ 10 ก.ย. 2539 ที่ จ.นครสวรรค์ และตัวฉันเองกับลูกน้อยของฉันที่พวกเธอเคยเห็นบนรถคันนั้นไม่เป็นอะไรมาก และก็รอดชีวิตมาได้ หลังจากที่แฟนเสียชีวิต ฉันก็คิดว่าได้สูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต และได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุ ตั้งแต่ 9 มี.ค. 2540 จนถึงทุกวันนี้ และลูกน้อยของฉันก็บวชเรียน จนผ่านเปรียญธรรม 6 ประโยค ได้รับประทานพัดเปรียญ จากสมเด็กพระบรมโอรสาธิราช ฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2551 ที่ผ่านมาตอนนี้เด็กคนนั้นอายุ 17 ปีเรียนเปรียญธรรม 7 ประโยคอยู่ที่วัดจองคำ อ.งาว จ.ลำปาง ส่วนตัวฉันเองหลังจากบวชแล้ว ก็ศึกษาทั้งพระธรรมวินัยและควบคู่ไปกับทางโลกด้วย เป็นจุบันฉันเป็นครูสอนโรงเรียนปริยัติธรรมแผนกสามัญ ชื่อโรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา วัดท่าหลวง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจตร ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิชาการ และขณะเดียวกันฉันก็ศึกษาต่อในระดับป.โทภาคพิเศษ คณะศึกษาศาตร์ วิชาเอกหลักสูตรและการสอน มหวิทยาลัยนเรศวร เพิ่งสอบเทอมแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถ้าพวกเธออยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันหรือลูกชายเพิ่มเติม หรือจะช่วยอุปฐากสามเณรกำพร้า ก็ยินดีนะ เพราะฉันคิดว่าจนถึงป่านนี้พวกเธอคงมีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง และคงเป็นคนดีในสังคมนะ หรือจะโทรหาฉันก็ได้น่ะ 081-9728654 มีโอกาสก็แวะมาเยี่ยมเยียนกันบ้างนะเด็ก ๆ
โดย: อนันตชัย หงษ์สิบสอง IP: 118.172.225.249 วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:12:48:38 น.
เนเธเนเธญเนเธฒเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธกเนเธฅเนเธงเธฃเธนเนเธชเธถเธเธเธฃเธฐเธเธฑเธเนเธเธเธฑเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธกเธเธตเนเธญเธขเธฒเธเธเธเนเธเธญ
โดย: เธญเธเธฑเธเธเธเธฑเธข เธซเธเธชเนเธชเธดเธเธชเธญเธ IP: 118.172.226.233 วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:19:12:28 น.
|








ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
ตาลายไปหมดแล้ว