O สายธาร .. กาลเวลา ภาค อวสาน .. O เพลง .. ลาวสองคอน ๙๕๐. ทรุดกายนั่งตั่งหมอน .. มืออ่อน-กราบ ปล่อยจิตทราบ .. อธิษฐานคนผ่านให้ รอคอย .. หมายรูปคราญ .. ฝ่ากาลไป ที่ท่าน้ำระลอกไหล .. รอใครคืน บ้านสาทร .. ริมน้ำ .. ๙๕๑. อัมพรโอภาสแจ้ง - - - จันทร์ฉาย ระริกหลั่งผืนน้ำราย - - - รอบล้อม จิตหนึ่งเพ่งรำบาย - - - ความบอก บอกสู่อีกจิตพร้อม - - - ผ่านรู้แรงถวิล ฯ ๙๕๒. เรื้องแสงจันทเรศเมื้อ - - - เมฆบน เหลื่อมละลานอำพน - - - แผ่นฟ้า แว่วสังคีตประณีตดล - - - โสตสดับ พร้อมศัพท์เสียงเหว่ว้า - - - หว่างละห้อยคอยเห็น ฯ ๙๕๓. อาวรณ์ถวิลผ่านฟ้า - - - เฟือนจันทร์ ส่งรับข้ามกัปกัลป์ - - - กล่อมชู้ สอดแทรกสู่ภาคฝัน - - - เพื่อกล่อม ขวัญนา สามโลกย่อมยินรู้ - - - รักนี้นิรันดร์สมัย ฯ ๙๕๔. อาสูรรูปสวาดิสร้อย - - - สายสมร พี่แม่ ด้วยกิจจึ่งพราก-จร - - - จากหน้า บัดนี้กลับนาคร - - - คอยอยู่ คอยแม่ข้ามฝั่งฟ้า - - - วกซ้ำคืนสม ฯ ๙๕๕. ครั้งรูปนาริศน้อม - - - แนบทรวง โอบตระกอง, อิ่มดวง- - - - ฤดิล้น ปรางนั่น-กรุ่นหอมพวง- - - - ผกาเปรียบ ได้ฤๅ สุดจิตจักฝ่าพ้น - - - ภาคเนื้ออ่อนไฉน ฯ ๙๕๖. ครั้งองค์ยุพเรศน้อม - - - แนบอิง อ้อมอกยกให้พิง - - - ผ่อนล้า เกษินีกรุ่นหอมหญิง - - - ราวยั่ว ให้จบจูบนานช้า - - - เนิ่นช้าถนอมโฉม ฯ ๙๕๗. ครั้งนิลเนตรช้อนสบ - - - ซึ้งผสาน บ่งบอกเดียงสาคราญ - - - ใคร่รู้ ว่าระทึกดวงมาน - - - ในแม่ นั้นเนอ ด้วยตระกองกอดชู้ - - - เช่นนั้นฤๅไฉน ฯ ๙๕๘. บัวตูมเทียนธูปพร้อม - - - นำถวาย พระเอย เพ่งศรัทธะมุ่งหมาย - - - หนึ่งหน้า แรงรำลึกจุ่งกราย - - - กรอมอก ใครเนอ ให้อกนั้นวุ่นว้า - - - หวั่นร้างคำเรียม ฯ ๙๕๙. โอม..บุญช่วยก่อเกื้อ - - - บงการ ร้อยพจน์รสผูกมาน - - - แม่ไว้ พากย์ใดที่พบพาน - - - พร่ำห่วง อย่าแม่ อย่าชำเลืองเนตรได้ - - - ดั่งเนื้อพรรณนา ฯ ๙๖๐. เพรงกรรมคงร่วมรู้ - - - รับรอง บาปแยกเราห่างสอง - - - ฝั่งฟ้า บุญกลับเชื่อมครรลอง - - - รอยเหลื่อม กาลเนอ ช่วยร่นน้ำร่นหล้า - - - ร่นฟ้ารวมฝัน ฯ ๙๖๑. รอมาแต่ภพเบื้อง - - - ปางบรรพ์ รอบาปคลายโทษทัณฑ์ - - - เท่าสร้าง รอบุญบ่มทรวงขวัญ - - - รู้ฝาก นัยแม่ ร่วมฝากนัยล่มล้าง - - - บาปร้อนเบื้องบุราณ ฯ ๙๖๒. แจ่มแจ้งสองฝั่งฟ้า - - - เพียงไหน ฤๅเท่ากล่าวคนไกล - - - ก่อนกี้ หวานฉ่ำมธุรสใด - - - เสพทราบ ฤๅเท่าใครบ่งชี้ - - - ตอบเนื้อความสนอง ฯ ๙๖๓. เดือนหกฝนหกฟ้า - - - พาหนาว ทรวงหนึ่งบ่อยครั้งคราว - - - กลับร้อน รุมอยู่แต่เนตรวาว - - - วามจับ ใจแม่ แต่รับรู้, อุ่นซ้อน - - - แทรกซึ้งตรึงทรวง ฯ ๙๖๔. ดาวเกลื่อนเดือนก่ำคล้าย - - - โคมแขวน เทียบรูปอำไพแดน - - - เด่นฟ้า รอเจ้าแต่เงยแหงน - - - มองเงียบ อยู่เนอ สำเหนียกความเหว่ว้า - - - หว่างละห้อยคอยหวน ฯ ๙๖๕. แทนบัวมือกราบค้อม - - - คอถวาย เพ่งรูปพระรำบาย - - - บอกรู้ พากย์ยกลูกแยบคาย - - - ควรอยู่ ไฉนนา ควรช่วย..กล่อมใจผู้ - - - อยู่พู้นเพรงยาม ฯ ๙๖๖. ชมเฌอฤๅใช่หน้า - - - นวลผจง จักเหม่อเพ่งพิศพะวง - - - วุ่นว้า รำไรเหลื่อมแสงบง- - - - กชมาศ นึกแต่หน้าหนึ่งหน้า - - - ยิ่งหน้าเคยคะนึง ฯ ๙๖๗. ราตรีดารดาษด้วย - - - แพรดาว แหนห่มจนห้วงหาว - - - ผ่องแผ้ว ห่วงเมื่อนิทราคราว - - - โดยเดี่ยว นะแม่ ใดอาจห่มกายแก้ว - - - กอดน้องป้องหนาว ๙๖๘. มองจันทร์นึกแจ่มหน้า - - - นวลนาง เผยผ่านจิตเลือนลาง - - - ลอบเร้น แก้มอิ่มเอิบยิ้มกลาง - - - วิกาลดึก นั้นนา หวังรูปเรียมนิมิตเต้น - - - แต่งเจ้าภิรมย์ใจ ฯ ๙๖๙. โฉมเจ้าจอดรูปไว้ - - - ในตา พี่ฤๅ เนื้ออ่อนแนบติดนา- - - - สิกซ้ำ เสียงกระซิบแผ่วมา - - - มอมโสต กระแจะจันทน์หอมล้ำ - - - ยากแล้วเลือนสลาย ฯ บ้านอัมพวา .. พศ.๒๓๓๒ ๙๗๐. ธูปเทียนประทีปตั้ง - - - บุษบา เพลิงเอย จุดแจร่มชวาลา - - - ร่วมน้อม รำลึกพุทธปฏิปทา - - - บูชิต พระเอย สัททะตั้งมั่นพร้อม - - - พรั่งพร้อมสิ่งสักการ ฯ ๙๗๑. จิตประเทิงทัศนะเอื้อ - - - อธิษฐาน หากคู่เคยสาบาน - - - บอกไว้ ทุกรอบวัฏฏะสงสาร - - - จักสบ กันนา จะอยู่ไกลหรือใกล้ - - - ย่อมต้องมาเจอ ฯ ๙๗๒. อ้างกุศลเสี่ยงตั้ง - - - สัตยา ธิษฐานแฮ ปลุกบำบวงพจนา - - - เนิ่นย้อน เข้าอำอกเชษฐา - - - อีกฝั่ง ฟ้าแล ให้ระรุมรุ่มร้อน - - - หยั่งรู้ใจสมร ฯ ๙๗๓. สองรอบศตวรรษร้าง - - - รอยกัน ตราบภพเหลื่อมจบฝัน - - - บอกรู้ เหนี่ยวดึงจิตดวงขวัญ - - - ฝากสวาดิ คอยเร่งเร้าแรงชู้ - - - อยู่เชื้อเชิญประชัน ฯ ๙๗๔. กำสรดสร้อยฟ้าคลี่ - - - ครวญคะนึง แต่เมื่อรูปเหนี่ยวดึง - - - จิตน้อง ฤๅทอนรอบถวิลถึง - - - ทวนเทวษ เห็นแต่คอยพร่ำพร้อง - - - ผ่านฟ้าประนอมฝัน ฯ ๙๗๕. เพรงพรัด-นรนารถน้อย - - - นางเมือง กรอมโศกกำสรวลเนือง - - - เนิ่นช้า ร้างรูปรสบรรเทือง - - - ทูนเทียบ แต่ล่องใจไขว่คว้า - - - อุ่นอ้อมกอดถนอม ฯ ๙๗๖. พร่ำพบ-มาโนชสร้อย - - - กระซิบเสียง หวังเชษฐะจะประเดียง - - - สดับรู้ คำสัตย์พากยะก็เพียง - - - ร่วมผูก จิตนา รอร่วมใจกายกู้ - - - กลับพ้นอดีตกรรม ฯ ๙๗๗. ปรัถพีพิโยคพื้น - - - ทรวงธร- ณีฉุดสินธุสาคร - - - คลื่นคว้าง เงามืดทาบจันทร - - - สิ้นขจ่าง หลังจิตแม่ลูกร้าง - - - ล่วงพ้นยามเพรง ฯ ๙๗๘. สุดโพยมเวหาสห้อง - - - หาวหน สองรูปเหลือหนึ่ง-บน - - - แผ่นหล้า รูปหนึ่งซบพักตร์พิมล - - - ที่ตั่ง หมอนนา อีกจิตทับซ้อนหน้า - - - หนึ่งหน้าในหมอน ฯ ๙๗๙. สิ้นรูปในภพเบื้อง - - - บุพกาล เมื่อภาคเพ็ญแขตระการ - - - กลับแจ้ง บั่นช่วงถี่แสงวาน- - - - วันดับ สุดรูปจิต-อาจแว้ง - - - วกย้อนเพรงยาม ฯ ๙๘๐. ลืมเนตรในห้องพระ - - - พิศอนงค์ หาแม่ - ร้างรูปองค์ - - - อกร้อน ค่อยย่องจดเท้าลง - - - เบาเงียบ จำทิศทางก้าวย้อน - - - สู่ห้องท่านหญิง ฯ ๙๘๑. เนตรหลับโอษฐ์อิ่มคล้าย - - - ยิ้มเย็น เอิบอิ่มลำเพาเพ็ญ - - - ภาคผู้- ไกลห่างทุกข์ลำเค็ญ - - - โดยจิต ทัณฑ์โทษปราโมทย์รู้- - - - เท่ารู้ทันเสมอ ฯ ๙๘๒. ยามดึกเงียบสงัดด้าว - - - เดือนฉาย เมื่ออัสสาสะรำบาย - - - ผ่อนช้า ทรุดลงเพ่งพิศหมาย - - - รอเมตต ตาแฮ นานเนิ่นห่างเห็นหน้า - - - รูปหน้าในคะนึง ฯ ๙๘๓. เหมือนจิตจดจ่อด้วย - - - ดวงสุดา จึงเนตรตื่นมองมา - - - รูปเจ้า ยิ้มเยื้อนรูปโอษฐ์วา- - - - ระแรก พิศเนอ ลุกตระกองรูปเฝ้า- - - - กอดไว้ในทรวง ฯ ๙๘๔. เพียงที่กระซิบถ้อย - - - อาทร แต่งภิรมย์บังอร - - - เอ่อล้น คือแม่-ที่เฝ้าวอน- - - - ว่ากล่าว สอนเนอ จิตผูกพันยากพ้น - - - ผ่านห้วงกรรมะกระแส ฯ ๙๘๕. สัญญาเก่าทับซ้อน - - - รูปทรง เปลี่ยนผ่านเจตนะประสงค์ - - - แทรกไว้ สำเหนียกแต่รูปมง- - - - คลภาค เพียงหนึ่งเท่านั้นไซร้ - - - สืบรู้ปรารมภ์ ฯ ๙๘๖. แววเนตรมองสบเจ้า - - - แจ้งนัย คือลูกโทนแห่งสมัย - - - เก่าโพ้น แต่ครั้งเมื่อหลบภัย - - - จากอยุท ธยาฮา คืนภาพกาลก่อนโน้น - - - แนบย้อมสัญญา ฯ ๙๘๗. สาวน้อยมาโนชหน้า - - - แนมสุวรรณ แม่เอย ด้วยรักด้วยผูกพัน - - - แม่แล้ว แต่นี้ร่วมครองขวัญ - - - ด้วยแม่ แลนา ไม่ห่างร้างคลาดแคล้ว - - - ตราบสิ้นวัฏฏะกระแส ฯ สาวน้อยที่ริมน้ำ .. ๙๘๘. ตกดึกเสียงคลื่นครื้น - - - ครวญฟอง ยิ่งกว่าคลื่นครวญคะนอง - - - อกนี้ ทิพเอยจักคืนครอง - - - นุชเมื่อ ใดนา ขอท่านโปรดช่วยชี้ - - - แนะให้ขจ่างเห็น ฯ ๙๘๙. ถวิลสร้อยเสาวภาคเนื้อ - - - นวลนาง สถิตที่บรรจถรณ์กลาง - - - กล่าวอ้อน อ้อมกอดโอบสรรพางค์ - - - เพียรกระชับ อบอุ่นโอนย้ำ, ย้อน - - - หยั่งรู้แรงถวิล ฯ ๙๙๐. พักตราไตรเตรียบสร้อย - - - เสาวคนธ์ หอมรื่นงามรูปกมล - - - กมลาศเนื้อ แช่มช้อยอิริยายล - - - ยามยาตร เยื้องนา ประณีตจิตจริตเอื้อ - - - อ่อนเจ้าตระกองใจ ฯ ๙๙๑. ปักษีเสาวเลขล้วน - - - ลือประโคม เมื่อผ่านพิศรูปโฉม - - - ช่วยซ้อง อกเอยเมื่ออุ่นโลม - - - รอยร่าง ย่อมแต่ครวญพร่ำพร้อง - - - พากย์ไว้ประโลมหวัง ฯ ๙๙๒. แสนสัตว์นาเนกล้วน - - - ระลอกสินธุ์ ทราบทุกข์เมื่ออกภินท์ - - - พ่ายแพ้ ไฟฟอนที่ในจินต์ - - - โจมจู่ สุดจิตนี้อาจแก้ - - - กลับร้อนเหือดแรง ฯ ๙๙๓. โอ้รัตนนารีศเนื้อ - - - นงพงา สุดกัดกร่อนเสน่หา - - - เหือดแล้ว จนแม้ภาคอิศวรา - - - ชะลอรูป ยังยากลบเลือนแก้ว - - - กลบให้นิวรณ์หาย ฯ ๙๙๔. วรรณาโมลิสแล้ง - - - รอยเขษม แต่เมื่อร้างรูปเขม- - - - ภาคนั้น อัมพรวรรษาเปรม - - - ปริ่มหยาด เช่นอกใจบีบคั้น - - - หยาดน้ำใจคะนึง ฯ ๙๙๕. อัญชันชระอุ่มแต้ม - - - ตาไพร นึกเนตรเมื่อหวั่นไหว - - - แต่งแต้ม ลึกล้ำดุจชลาลัย - - - รอหยั่ง แต่เมื่อผ่องผกายแย้ม - - - ยากแล้วเลือนสลาย ฯ ๙๙๖. นับวารวรรณิศถ้า - - - นับเดือน แดฤๅ วันและคืนผ่านเลือน - - - ล่วงคล้อย จากรูปจิตเรียมเหมือน - - - จักมอด หมายแฮ รำลึกรูปแน่งน้อย - - - ค่ำเช้าฤๅคลาย ฯ ๙๙๗. พรรษาสโรชฟ้า - - - ไขธาร ท่อแฮ เพรียกหม่นหมองครองกาล - - - กล่อมหล้า ปรารมภ์ที่ดวงมาน - - - ฤๅต่าง ฟ้าแม่ เมื่อแต่เฝ้าไขว่คว้า - - - อ่อนเนื้อประนอมคะนึง ฯ ๙๙๘. วันทาวรโพธิไหว้ - - - เติมหวัง พี่แม่ กราบพระจิตเพ่งประนัง - - - นิ่งช้า เหมือนธรรมแว่วให้ฟัง - - - ฝากคิด กล่อมจิตผู้วุ่นว้า - - - หว่างเคลิ้มคลอถวิล ฯ ๙๙๙. กรจบบทมาศไท้ - - - ธาตุศรี ศากย์แฮ รำลึกคุณบารมี - - - มอบไว้ สรรเพชญ์ยิ่งเมธี - - - ทอนเทวษ ชนแฮ ธรรมพระหนึ่งเดียวได้ - - - ดับร้อนทอนลง ฯ ๑๐๐๐. ดาวเดือนกระดากฟ้า - - - เฟือนสี จวนรุ่งดวงรัชนี - - - เริ่มคล้อย คะนึงโฉมจำพรากลี- - - - ลาลับ นานแม่ เย็นหยาดน้ำค้างย้อย - - - ยะเยือกขั้วหัวใจ ฯ ๑๐๐๑. เดือนพ้นอุรภาคเพี้ยง - - - ภินทนา หมายเปล่าเปลี่ยวคะนึงหา - - - ต่างห้อง แรงกระพริบดาริกา - - - ต่างประทีป หอมกรุ่นสุมาลย์ต้อง - - - ต่างอ้อมทรวงขวัญ ฯ ๑๐๐๒. หวนกมลมาเลศสร้อย - - - สงสาร พี่เทอญ แต่จำพรากทรมาน - - - ยิ่งแล้ว ฝากลมช่วยกล่าวขาน - - - คำสู่ ทรวงนา มอบรัก...มอบใจแก้ว - - - กลับย้อนร่วมสมัย ฯ ๑๐๐๓. สางรุ่งสุริยะเรื้อง - - - ราศี ลมแผ่วผ่านลำวี - - - วาดไม้ อกครวญรำลึกศรี - - - เสาวภาค พี่เอย หมายรูปเผยรอยให้ - - - อยู่ห้อมประนอมใจ ฯ ๑๐๐๔. ตกสายก้าวสู่บ้าน - - - รั้วติด กันนา พบท่านป้ามองพิศ - - - รอบห้อง รู้สึกแปลกในจิต - - - ฉงนอยู่ แววเนตรท่านจับจ้อง - - - ดั่งคล้ายเพิ่งเห็น ฯ ๑๐๐๕. แววอ่อนโยนลึกล้ำ - - - เหลือคณา ก่อนทอดทอเมตตา - - - ตอบให้ เปล่งปลั่งรูปพักตรา - - - เตรียบอัป สรแม่ มือประนมก้มไหว้ - - - หว่างละล้าละลังเหลียว ฯ ๑๐๐๖. แววไหวในเนตรคล้าย - - - ครวญการณ์ เห็น-ปรารถนาชายชาญ - - - ช่วงแท้ ใครเล่าผูกดวงมาน - - - จนมั่น คงนอ บ่วงเยื่อใยสุดแก้ - - - บั่นให้ขาดหาย ฯ ๑๐๐๗. ชายนี้ฤๅผู้-ลูก - - - ปรารมภ์ องอาจผึ่งผายสม - - - ศักดิ์เจ้า สูงสง่ารูปหน้าคม- - - - คายอยู่ พ่อเอย ควรคู่ใจใฝ่เฝ้า - - - แต่ละห้อยคอยเห็น ฯ ๑๐๐๘. เอ็นดูยิ้มเยื้อนเนตร - - - ทอดมา เอมอิ่มรอบรมยา - - - อยู่ห้อม เชื้อเชิญสู่ริมชลา - - - เขื่อนท่า นั้นเนอ ข้าวกับสำรับพร้อม- - - - พรั่งแล้วคอยรอ ฯ ๑๐๐๙. ท่านป้าให้ล่วงหน้า - - - นำไป เดินค่อยคล้อยหว่างใบ - - - พุ่มไม้ เมื่อรูปหนึ่งผ่านไหว - - - หว่างพฤกษ์ พรรณนา เลี้ยวเลาะเสาะตาให้ - - - ห่วงรู้ดูเห็น ฯ ๑๐๑๐. เห็นหลังรูปแน่งน้อย - - - นาดกร ทรงพัสตราอาภรณ์ - - - ยุคนี้ ผมแค่ไหล่ปลายงอน - - - งามอยู่ แว่วสั่ง .. บ่าวใช้-ชี้ - - - เช่นนั้น-นี้แถลง ฯ ๑๐๑๑. หยุดมองรูปลักษณ์ด้วย - - - ดุษฎี จนรูปงามราศี - - - สื่อรู้ หันกายกลับเนตรนรี - - - เหลียวสบ จึงบัดนั้นสบผู้- - - - พร่ำเพ้อละเมอถวิล ฯ ๑๐๑๒. ขวัญเมืองพิมพ์มาศแม้น - - - เหมือนโฉม แม่ฤๅ เผยลักษณ์ร่วมบรรโลม - - - จิตไว้ เจ้าเอยดั่งดวงโคม - - - ฟ้าส่อง ใจแล ปันอบอุ่นโอบไล้ - - - สุดล้างจางเลือน ฯ ๑๐๑๓. บ่าวใช้ค่อยปลีกพ้น - - - ลับตา เมื่อร่องรอยปรารถนา - - - สื่อรู้ สองร่างนิ่งงันภา- - - - วะสบ กันเนอ สองร่างสองจิตผู้ - - - อยู่พร้อมหลอมถวิล ฯ ๑๐๑๔. รูปเอยรูปแน่งน้อย - - - ในคะนึง เผยลักษณ์เหนี่ยวจิตตรึง - - - ตอกไว้ ผองพากย์ที่รำพึง - - - ฝากผ่าน ลมนา ลมช่วยผ่านโลมไล้ - - - มอบรู้ปรารถนา ฯ ๑๐๑๕. ก้าวประชิดโอบเนื้อ - - - นวลประคอง ดูเถิดเนตรใครนอง - - - หยาดน้ำ โผหาอกอุ่นตระกอง - - - ก่ายกอด แก้มเกลือกกลิ้งอกย้ำ - - - ยากเว้นวางถวิล ฯ ๑๐๑๖. แขนเรียวกอดร่างไว้ - - - เวียนซบ พักตร์แล พร้อมปากใครโน้มจบ - - - จูบแก้ม เนตรงามเมื่อช้อนสบ - - - ซึ้งอยู่ นั้นนา รอปากน้อมแตะแต้ม - - - ตอบรู้แรงภิรมย์ ฯ ๑๐๑๗. หน้าแนบเนื้อกรุ่นเนื้อ - - - นงพาล นาสิกจบเนื้อคราญ - - - ข่มละห้อย ปากจบรูปปากนาน - - - นิ่งอยู่ ตราบระทวยร่างน้อย - - - อ่อนไร้แรงขืน ฯ ๑๐๑๘. ทอดน่องเดินเกี่ยวก้อย - - - เคียงขวัญ แรงบาปพาแยกกัน - - - พรากร้าง แรงบุญร่วมรังสรรค์ - - - สืบวาส นาแฮ บุญข่มบาปบาปล้าง - - - ลบเศร้าคืนสรวล ฯ ๑๐๑๙. ถึงท่าน้ำว่างไร้ - - - คนรอ รูปแน่งน้อยเคลียคลอ - - - เคลิบเคลิ้ม เนตรช้อนสบราวพะนอ - - - รอกล่อม ขวัญนา ปากจบ-คนสั่นเทิ้ม - - - อกสะท้อนระทดระทวย ฯ ๑๐๒๐. ขวัญเจ้าจึงสะเทิ้น - - - ทรมาน เหมือนทิพท่านเตรียมการณ์ - - - กลั่นแกล้ง โอนฤทธิ์เดชอ่อนหวาน - - - วาบสู่ อกนา ล่วงข่มความแห้งแล้ง - - - เหือดสิ้นหทัยสาว ฯ ๑๐๒๑. แต่สบรูปลักษณ์แล้ว - - - ฤๅเลือน ใจหนึ่งประหนึ่งเหมือน - - - ม่านห้อม คันธะรสกรุ่นกลิ่นเยือน - - - ย้อนจู่ อกเนอ พาอ่อนโยนรายล้อม - - - รอบเวิ้งนทีถวิล ฯ ๑๐๒๒. จำรูญจำรัสเบื้อง - - - บูรพา เมื่อหัตถ์ทิพนำพา - - - พบพ้อง โอนฤทธิ์แห่งอิฏฐา - - - ทอดบท สัมผัสความนัยต้อง - - - ต่างไว้ถวิลหวัง ฯ ๑๐๒๓. สีสันกุสุมะพร้อม - - - พันแสง งามย่อมเห็นด้วยแรง - - - โรจน์เรื้อง โดยรูปจริตสำแดง - - - ภาพหนึ่ง ภาพงดงามประณีตเปลื้อง - - - ปิดได้ฉันใด ฯ ปรารมภ์แห่งใจชาย .. ๑๐๒๔. รอคอยแต่ภพเบื้อง - - - บุพกาล เริ่มเมื่อชีวาตม์ลาญ - - - ลับเจ้า จำพรากสู่ทรมาน - - - มืดหม่น ลอยช่วงวิญญาณเฝ้า - - - ฝ่าเวิ้งไฟสวรรค์ ฯ ๑๐๒๕. ร่วมภพร่วมภาคพื้น - - - ปฐพินทร์ บรรจบบรรเจิดถวิล - - - ผ่านเร้า ประหนึ่งประณีตพิณ - - - พาทย์กล่อม ให้ประโมทย์คลอเคล้า - - - สดับคล้อยรอยคำ ฯ ๑๐๒๖. รูปเอย-ขออาจเอื้อม - - - โดยใจ ฟังเถิดฟังความใน - - - อกฟ้อง ขวากหนามมรรคาใด - - - มุ่งฝ่า เช้าค่ำจักพร่ำพร้อง - - - ผ่านร้อยพจีเรียง ฯ ๑๐๒๗. ล่องลอยผ่านฟากฟ้า - - - สู่ขวัญ ผู้ผ่านรังสีพรรณ - - - พิลาสให้ ประเทียบแต่วงจันทร์ - - - จางรูป โอนอบอุ่นแอบไว้ - - - หว่างห้วงคะนึงหา ฯ ๑๐๒๘. สุดรอคอยค่อยแย้ม - - - เยือนตา งามรูปงามลักขณา - - - เนตรเจ้า ลอยรูปทุกอัสสา- - - - สะช่วง แม่เอย จนจับใจใฝ่เฝ้า - - - สุดล้างจางสลาย ฯ ๑๐๒๙. ใจเอยต่อแต่นี้ - - - นับนาน จนบาปกรรมบันดาล - - - ดับดิ้น ขอเคียงอยู่ด้วยคราญ - - - ครองคู่ โลก-จักรภพจบสิ้น - - - ห่อนสิ้นอาลัย ฯ ๑๐๓๐. อุ่นอยู่กลางอ้อมกอด - - - ในกาล ร่วมหล่อหลอมวิญญาณ - - - อยู่-ยั้ง ร่างแอบจักอุ่นนาน - - - นิรันดร์อยู่ แม่เอย แม้นขอบฟ้าเหนี่ยวรั้ง - - - พรากร้าง-ขอขืน ฯ ๑๐๓๑. กำลูนมาเลศสร้อย - - - ทรามสงวน พี่เอย อกหนึ่งรอพักตร์ซวน - - - ซบอ้อน รอเนื้อนิ่มแขนนวล - - - เหนี่ยวโอบ รอบแม่ รอเกลือกแก้มเนตรช้อน - - - ฉ่ำซึ้งแววผสาน ฯ ๑๐๓๒. กฤษฎางค์ชุลิตน้อม - - - นอบกร ปรุงภาษเป็นอนุสรณ์ - - - สืบไว้ สองใจตราบม้วยมรณ์ - - - ขอมั่น รักนา อย่าจืดจางร้างได้ - - - ชั่วฟ้าดินสมัย ฯ อวสาน พี่กาย
อ่านเพลินค่ะ ...แรงแห่งรัก กาลเวลาก็ไม่อาจขวาง จินตนาการล้ำเลิศ...บทร้อยกรองไพเราะ ขอบคุณสำหรับความรื่นรมณ์ ที่มอบให้คนอ่านนะคะ โดย: ทิพย์ IP: 202.149.25.235 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:22:54:52 น.
ระทึก....
อ้าว...จบแล้วเหรอ โดย: ม่านเอง IP: 112.142.9.155 วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:5:54:53 น.
แสงสว่าง....
สวัสดีครับ....งานเก่าในชื่อ...สองฝั่งฟ้า อยู่ในนิราศเรื่องยาว ครับ ทิพย์.... เรื่องนี้ค่อนข้างยาวอยู่สักหน่อย....คร่อมหลายยุคหลายสมัย เป็นงานที่ตอนแรกเขียนไว้แค่ 3 ภาคแรก....แล้วมาขยายเพิ่ม อีก 7 ภาคหลัง...เพราะเรื่องราวมันยังไม่น่าจะจบอยู่แค่นั้น เป็นการสร้างตัวละครแทรกลงไปในประวัติศาสตร์จริงค่ะ ม่าน.... จบแล้วสิ...10 ภาคตั้ง 1000 กว่าบทแล้ว....สร้างหนังได้เรื่องนึง 555 อัล..... ตั้งแต่ภาค 4 เป็นต้นมาจนจบ นี่เขียนไว้ 2 ปีแล้ว....อยู่ในนิราศเรื่องยาว สองฝั่งฟ้า ภาค 1-7 มันแยกกันอยู่ทำให้คน งง พี่เลยจับมารวมกันซะ บางส่วนเอาโคลงบทสั้นๆที่เคยเขียนไว้แล้วมาแทรกไว้เป็นระยะตาม แต่เนื้อหาจะสอดคล้องกัน.... ส่วนรูป...จะหารูปที่ต่อเนื่องจากรูปบนสุดแต่ไม่มี.... เลยต้องหาเอาเฉพาะที่มีบริบทสอดรับกันมาสื่อให้คนอ่านพอเห็นภาพ จะหาภาพลูกครึ่งจาก ภาค 9 มาใส่ชุดปัจจุบันก็หายาก....555 ส่วนภาพของ SBS นั้น....เห้นผู้หญิงสวยดี....พี่อยากได้ท่าทางประมาณนั้น หาใน google immage มันไม่มีอะ โดย: สดายุ... วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:7:52:10 น.
พี่ชาย...
และแล้วก็ถึงตอน...อวสาน..สายธาร..กาลเวลา... พี่ชายใช้จิตนาการ..ในการแต่ง..ได้ดีจริง ๆ ค่ะ.. ..จิตนาการ..นี่สร้างความสูข.. ให้กับอีกหลาย ๆ คน..นะคะ.. และที่สำคัญ..มี..บางคน.. ต้องมีความสุข..มากมาย..แน่.แน่.ค่ะ.. ..แบ่งปัน..ความสุข..จากบางคน.. ให้อีกหลายๆ คน..นะคะ.. โดย: ฟาง IP: 118.172.90.243 วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:9:58:09 น.
...อ๋อ..เหรอค่ะ
โดย: แสงสว่าง IP: 97.123.85.29 วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:13:48:32 น.
พี่กาย
กลับมาอ่านอีกหลายรอบค่ะ บทนี้ไพเราะมาก โดยเฉพาะ "ช่วยร่นน้ำร่นหล้า .... ร่นฟ้ารวมฝัน ฯ" ๖๐๙. เพรงกรรมคงร่วมรู้........รับรอง บาปแยกห่างเราสอง.............ฝั่งฟ้า บุญกลับเชื่อมครรลอง...........รอยเหลื่อม กาลเนอ ช่วยร่นน้ำร่นหล้า .... ร่นฟ้ารวมฝัน ฯ โดย: ทิพย์ IP: 202.149.25.235 วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:16:27:24 น.
ฟางน้อย....
จินตนาการสร้างเรื่องราวได้สารพัดค่ะ... ภาค 1 นั้นเป็นจินตนาการบางส่วนจาก..somewhere in time..เรื่องเหรียญเงินแห่งยุคอนาคตจะสัมผัสกับ"รูปธรรม"ที่มีอยู่ก่อนเหรียญนั้นไม่ได้... หากสัมผัสกันเมื่อไร"ความรู้สึกที่เหมือนจริง" ก็จะกลายเป็นแค่ความฝันไปทันที ! การย้อนอดีต...ในความคิดของเรื่องมีเค้าโครงความคิดมาจากวิทยาศาสตร์ของคลื่นแสงที่ว่า... คนเรามีกระจกตารับภาพได้ในช่วงคลื่นความถี่แสงหนึ่งๆเท่านั้น...หลังจากแสงตกกระทบรูปธรรมใดๆ..แล้วสะท้อนเข้าตา...เราจึงเห็นภาพนั้น แล้วหากเป็นคลื่นความถี่แสงที่อยู่นอกขอบเขตที่สายตาคนจะรับได้ล่ะ...เรามองไม่เห็นก็จริง...แต่มันจะไม่มีอยู่หรือ...? ในเวทีการแสดงละคอนที่มืดมิด...คนดูจะเห็นตัวละคอนเฉพาะในวงแสงที่ฉายลงมาบนพื้นเวทีเท่านั้น...วงหนึ่งก็เหมือนช่วงเวลาหนึ่ง...อีกวงหนึ่งก็อีกช่วงเวลาหนึ่ง...จนสองวงเกิดมาทับซ้อนกัน...คนที่อยู่ตรงช่วงทับซ้อนก็จะเห็นคนทั้งสองวงแสงนั้นพร้อมกันได้... นี่คือการมองเห็นที่คนอื่นมองไม่เห็นเพราะการทับซ้อนอาจเกิดเพียงวูบเดียว... คนที่อยู่ในวงทับซ้อนที่เกิดก้าวผิดทางไปใน"วงเก่า"ก็จะกลายเป็นย้อนสู่อดีต... ส่วนคนในวงเก่าที่ก้าวหลงมาใน"วงใหม่"ก็เหมือนกระโดดข้ามมาในโลกอนาคต..! นั่นเอง คนที่เรียนมาทางวิทยาศาสตร์เวลาจินตนาการก็จะออกมาแนวนี้แหละ...ไม่ค่อยจะไปทางโลกแห่งวิญญาณเอาซะเลย.....อิๆๆ แสงสว่าง... ตามนั้น ทิพย์.... บทนี้พี่เอามาจากบท"สองฝั่งฟ้า" ในนารีปราโมชค่ะ... เขียนไว้เยอะ...พอเขียนเรื่องยาวก็ไปเอามาลงได้เลยค่ะ...ไม่ต้องขออนุญาตคนเขียนมันอีก...555 บทนี้คล้ายๆกับว่า... การที่ต้องอยู่กันคนละฟากฟ้า...ทำให้ได้รู้จักกันจนเกิดความผูกพันนั้น...เป็นเพราะบาปเคยสร้างเอาไว้... จนเมื่อรอบบุญตามทัน...ก็มีเหตุให้ต้องกลับมาอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน...แล้วมาคอยอ่านกลอนบล็อคนี้ต่อไงคะ... ทีนี้ก็คิดถึงคนเขียนทุกวันล่ะสิ...เพราะเคยให้สัญญาไว้อย่างนั้น...ผิดสัญญาไม่ได้-บาปมาก....อิๆๆ โดย: สดายุ... วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:17:27:13 น.
พี่กายขา..ทิพย์ ไม่ทราบเลยนะคะ ว่าบทนี้ แปลความตามที่พี่กายว่าได้ด้วย...
คิดว่าพระเอก คิดถึงนางเอก ที่อยู่ต่างกันคนละช่วงเวลา แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณ..ที่ช่วยแปลความนะคะ "บางคน" น่าจะ กำลังหมั่นไส้ ใคร "บางคน" อยู่นะคะ โดย: ทิพย์ IP: 202.149.25.225 วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:17:55:43 น.
ค่อยๆ ละเลียดอ่าน ฮิฮิ จักได้ซึ้งซาบ คุณกายเก่งมากนะคะ ในนารีปราโมชว่าเยี่ยม มาอ่านเรื่องยาวทั้ง 10 ภาค เยี่ยมยิ่งกว่าเยี่ยม ถือได้ว่า สุดยอดค่ะ บัวชื่นชมมากมายแล้วนะคะ โดย: สโรชินี IP: 203.172.141.227 วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:46:52 น.
อ่านเเล้วรู้สึกดี๊ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ
โดย: อุไรพร IP: 192.168.212.157, 118.173.244.51 วันที่: 5 สิงหาคม 2553 เวลา:12:24:51 น.
ดีครับพี ครั้งแรกที่เข้ามาอ่าน รู้สึกดีมากมากครับ
ขอบคุณครับที่นำบทความดีดีมีความหมายดีดีมาให้อ่าน มีเวลาจะเข้ามาอ่านบ่อยบ่อยนะครับ โดย: วายุ IP: 117.47.66.73 วันที่: 6 ตุลาคม 2553 เวลา:2:19:07 น.
|
บทความทั้งหมด
|
...แวะมาอ่านค่ะ
...ไพเราะทั้งคำประพันธ์..
และเนื้อหาค่ะ