***ตั้งชื่อทริปว่า "ชมแม่น้ำโขงคืนนี้..ไม่มีเหงา"- -!! ***
ตามความตั้งใจแรก ปีนี้ต้องเห็นบั้งไฟพญานาคให้ได้สักครั้งในชีวิต..วันลาแรกของปีงบใหม่ถูกใช้เรียบร้อย เรียกว่าตั้งใจจะเปิดศักราชการใช้วันลาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างอิ่มใจ อิ่มบุญ กับศรัทธาของพี่น้องภาคอีสานริมฝั่งโขง..รวมทั้งประชาชนจากทั่วสารทิศที่เดินทางกันมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกันในค่ำคืนวันออกพรรษาคืนนี้..ออกตัวกันเกือบบ่ายโมงของวันศุกร์เพื่อจะดูปรากฏการณ์ในค่ำคืนนี้ที่ได้ข่าวว่าจะพบเห็นได้ตั้งแต่หัวค่ำจนถึงประมาณ 3 ทุ่ม โอ้แม่เจ้า!!! 615 กม.จากกรุงเทพฯ ถึงหนองคาย แล้วยังต้องเลาะริมโขงเพื่อมุ่งสู่อำเภอโพนพิสัย อำเภอที่มีสถิติการเกิดปรากฏการณ์สูงกว่าที่ใดอีกกว่า 40 กม.........ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล................

สองทุ่มกว่าๆ ถึงแยกตรงวัดไทย อำเภอโพนพิสัย เสียงเฮ เฮ ดังจากวิทยุท้องถิ่น มีผู้พบเห็นบั้งไฟแล้วที่บ้านท่าม่วง อำเภอรัตนวาปี หลายลูกแล้วด้วย แต่อาสาสมัครตรงวัดไทยที่โพนนิสัย!! รายงานว่า "ยังไม่มีบั้งไฟเลยสักลูก" เอาไงดีล่ะเรา?? จะไปต่ออีกหลายสิบกิโลมตร หรือรอตรงนี้ดีเวลาตอนนี้ก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าจะสามทุ่มแล้ว เสียงดีเจในวิทยุช่วยในการตัดสินใจ...."ค่ะ ตอนนี้ประชาชนที่บ้านท่าม่วงเริ่มทะยอยกันกลับบ้านแล้ว รถเยอะมากเลยค่ะ" ตีโค้งเข้าลานจอดรถวัดไทยทันที เอาฟ่ะ ที่นั่นขึ้นไปเยอะแล้ว คงใกล้จะหมด อาจมาขึ้นแถวนี้บ้างก็เป็นได้ ไปรอลุ้นดีกว่า!!!





บรรยากาศริมฝั่งโขงจากภาพ.. ก็บอกแล้วว่าค่ำคืนนี้ไม่มีเหงา ก็ดูจำนวนคนซิจ๊ะ ไม่มีที่ว่างให้ความเหงาเข้าแทรกซึมได้เลย หันไปทางไหนมีแต่ผู้คน หิ้วลูกจูงหลานมานั่งบ้างยืนบ้าง ทุกสายตาล้วนจ้องมองไปยังความมืดมิดของแผ่นน้ำเบื้องหน้า (มืดจริงๆ มีเพียงเรือไฟลำสองลำที่แล่นเข้าแล่นออกจากฝั่งพอเป็นสีสัน กับพลุที่ถูกจุดอย่างต่อเนื่องเป็นเป้าสายตาให้ลุ้นตลอด นั่นมันพลุหรือบั้งไฟฟ่ะ???) ตอนแรกๆ ไม่มีที่นั่ง เกือบๆชั่วโมงชาวบ้านเริ่มทะยอยม้วนเสื่อกลับกันบ้างแล้ว ขอนั่งพักขาซะหน่อยเถอะ..พอได้ที่นั่งดีคราวนี้ก็หิวล่ะซิ ฝ่ายหนุ่มๆ ออกหาเสบียงบำรุงลูกทัวร์ทันที เล็งไว้แล้ว ปลาหมึกย่าง ลูกชิ้นปิ้ง ที่น่าจะเรียกว่า โค-ตะ-ระ ลูกชิ้นมากกว่า ลูกใหญ่ม๊ากกกกก ขนาดน้องๆ ลูกเปตองทีเดียว ลมเย็นๆ ต้นฤดูหนาวลอยมาปะทะตัว ลูกทริปเริ่มมองหน้ากันแบบเซ็งๆ สงสัยปีนี้จะแห้วซะแล้ว ไม่เห็นสักกะลูก เอาไงดีเรา ?? (เอาไงดีครั้งที่ 2 ของค่ำคืนนี้) นอนไหนดีน๊า เนื่องจากตัดสินใจกันตั้งแต่ก่อนออกเดินทางว่าทริปนี้สบายๆ ค่ำไหนนอนนั่น แบบว่าตอนนี้ก็ค่ำมากแล้วอ่ะนะ ไอ้ครั้นจะนอนที่นี่ริมฝั่งโขงก็คงไม่ไหว คนเยอะขนาดนี้เขินแย่ สี่ทุ่มกว่าเกือบห้าทุ่ม จำใจหันหลังให้แม่น้ำโขง เพื่อหาที่พักในคืนนี้ แอบน้อยใจเล็กๆ ทำไมตูไม่เห็นฟ่ะ!! แบบนี้ต้องมีทริปล้างตาปีหน้าอีกล่ะซิ มีเสียงคร่ำครวญลอยมา คืนนี้ไม่เห็นลูกบั้งไฟ แต่เจอลูกชิ้นหมูไปสามลูก เนื้อไปหนึ่ง แทบแย่แน่ะ (ก็จุกอ่ะดิ อิอิ)

เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นจากเต็นท์ที่กางนอนอย่างสบายและอุ่นใจในบริเวณสนามหญ้าศาลากลางใหม่จังหวัดหนองคาย ที่ทางจังหวัดจัดไว้รองรับนักท่องเที่ยวสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะแถม safe สุดๆ เพราะมีเจ้าหน้าที่ค่อยเฝ้าตลอดทั้งคืน มื้อเช้าโชดดีมีการพบญาติของเพื่อนเติ้ล เลยได้อานิสสงค์ มีลาภปากไปกินแหนมเนืองเจ้าดังริมฝั่งโขง ..แดงแหนมเนือง..ที่ท่าเสด็จ เรียกว่า.."สบายจัง ตังค์อยู่ครบ".. อิอิ เปลี่ยนชื่อทริปดีกว่า...ไม่เรียกว่าทริปตามล่าบั้งไฟพญานาคแล้ว...เปลี่ยนเป็นทริปภูเรือ เพราะว่าคืนนี้เราจะไปย้อนรำลึกอดีต กับทริปรุ่นครั้งแรกๆ กัน



ปีนี้ไม่เห็น ไว้ปีหน้าเจอกันใหม่จ้า...


เลือกเส้นทางขับรถเลาะริมฝั่งโขงไปเรื่อยๆ เพื่อมุ่งตรงสู่จังหวัดเลย นั่งมองน้ำโขงผ่านกระจกรถให้เจ็บใจเล่นซะงั้น..


ผ่านวัดหินหมากเป้ง แวะกราบนมัสการหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี พระเกจิอาจารย์ศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องแถบนี้ อิ่มบุญแล้วต้องก็อิ่มท้องด้วย บ่ายกว่าๆ ผ่านมาหลายอำเภอแล้ว อำเภอสังคม อำเภอศรีเชียงใหม่ไม่ค่อยมีร้านให้เลือกมากนัก แต่โชคดีเจอร้านส้มตำธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ที่ขอบอกว่านอกจากเด็ดในเรื่องคุณภาพของรสชาติแล้วปริมาณที่เสิร์ฟก็เยอะได้ใจจริงๆ ต่ำซั่ว (ตำขนมจีน) มาเป็นถาด ขนาดคอส้มตำอย่างพวกเรา หิวจัดๆ ยังกินไม่หมดถาด ก็มันเยอะจริงๆ แถมราคาถูกสุดๆ 30 บาทเอง ไม่แน่ใจว่าแม่ค้าแถวนี้เค้าขายเอามันส์ ไม่ขายเอากำไรกันหรือไงเนี่ย ?? ชอบ ชอบจริงๆ



แวะซื้อของสดก่อนขึ้นภูเรือ เพราะค่ำคืนนี้เรามีเมนูเด็ด ซึ่งเป็นอย่างเดียวที่มีการวางแผนล่วงหน้าสำหรับทริปนี้คือ "หมูกระทะโต้ลมหนาว" ที่ครอบครัวเราภูมิใจเสนอสุด แบกเอาอุปกรณ์ทั้งเตาแก๊สสนาม กระทะย่างหมู และบรรดาเครื่องปรุงต่างๆ จนถูกเพื่อนตัวแสบประนามว่าครอบครัวเนี่ยบ้าสมบัติไปไม่กี่วันขนกันไปซะหมดบ้าน แหมๆ "กินดีมีสุข" นโยบายของครอบครัวเราเองสังกัดพัก(ผ่อนนอนหลับ)


นี่แหล่ะ "หมูกระทะโต้ลมหนาว" ที่ภูมิใจเสนอ ย่างกันไป เม้าท์กันไป ในบรรยากาศต้นฤดูหนาว อุณหภูมิตอนนี้ประมาณ 14-15 องศา สุดยอดดดดดดดดดด!!!!!!!! อิ่มท้องแล้วหนีไม่พ้นกิจกรรมยอดฮิตเล่นไพ่ friend ไม่รู้จะอธิบายยังดีเพราะงานนี้เจ๊ ไม่ค่อยจะสันทัดเหมือนเรื่องกินแฮะ..แต่ประมาณว่าเล่นแบบสนุกๆ ไม่มีการพนันมาเกี่ยวข้อง แต่เรียกเสียงฮาได้ดีนักเชียวเพราะวิธีการเล่นจะแสดงถึงภูมิปัญญาของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการแปลกๆ เรียกว่าต้องบริหารสมองกันสุดๆ 4 ทุ่ม ทางอุทยานจะต้องดับไฟ แต่ก็ไม่กระทบต่อกิจกรรมบริหารสมองของพวกเราแต่อย่างใด อากาศเย็นลง ง่วงนอนซะแล้ว ไปนอนเก็บแรงดีกว่า zzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzz

ปรากฏว่าตอนเช้ายังมีเรื่องฮาจากวงกิจกรรม คือเมื่อคืนดึกพอสมควร ปรากฏว่ามีคุณลุงท่านหนึ่งเซมาจากนักท่องเที่ยวกลุ่มไหนไม่ทราบ แต่ที่ทราบแน่ๆ คือแกมึนได้ที่มาทีเดียว มานั่งจุ้มปุ๊กดูเจ้าพวกนี้เล่นไพ่ ดูๆ คงไม่น่าจะรู้เรื่องว่ามันเล่นไพ่อะไรกัน แต่แกควักตังค์มา 200 จะขอแทงซะงั้น!! เท่านั้นล่ะวงแตกเลยทีเดียว ฮ่า ฮ่า





ความสุขวันพักผ่อนมักผ่านไปไวเหมือนโกหก วันนี้เราต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แล้วแต่ก็ยังแวะตามทาง หาความสุขทางใจกันไปเรื่อยๆ แวะกราบนมัสการพระธาตุศรีสองรัก แวะรับทานขนมจีนเจ้าดังแห่งเมืองหล่มสัก "ขนมจีนขยุ้มเจ๊แร่" สีสันหลากหลายของเส้นขนมจีนจากสารสกัดธรรมชาติ เพิ่มความน่าทานอย่างแรง ถึงอยุธยาเกือบสองทุ่มแวะกินอาหารเย็นก่อนแยกย้ายกันกลับ

ทริปนี้ถามว่าได้อะไร...ถึงไม่ได้เห็นบั้งไฟกับตาแต่ด้วยจำนวนของผู้คนที่มารวมกันในเวลาและสถานที่แห่งเดียวกันจะเพราะสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ จากศรัทธา จากความเชื่อ จากความอยากรู้อยากเห็น อะไรก็แล้วแต่ แต่ขอบอกว่า...มันได้บรรยากาศจริง..ก็บอกแล้วว่า .."ชมแม่น้ำโขงคืนนี้...ไม่มีเหงาจริงๆ นะ"





Create Date : 31 ตุลาคม 2550
Last Update : 11 มีนาคม 2551 21:48:20 น.
Counter : 1265 Pageviews.

8 comments
春和歌山市 : My First Hanami @ Wakayama Castle mariabamboo
(16 เม.ย. 2567 12:49:02 น.)
Mahar Shwe Thein Taw Pagoda, Royal Jasmine Hotel - Pyin Oo Lwin สายหมอกและก้อนเมฆ
(11 เม.ย. 2567 16:06:34 น.)
Day 7 เที่ยววันสุดท้าย Arashiyama กลางสายฝน khimyo
(10 เม.ย. 2567 12:51:53 น.)
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)
  
ท่องเที่ยวน่าสนุกดีจังค่ะ
โดย: cera (เหมือนดอกไม้ ) วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:28:08 น.
  
เราไปแบบอยากเห็นด้วยตาสักครั้ง อยากกินแหนมเนืองที่หนองคาย อยากเห็นน้ำโขง อยากเดินช้อปปิ้งของท้องถิ่น อยากกินหมูกะทะ อยากเจออากาศหนาว อยากเล่นไพ่ friend กับ friend ที่รู้ใจ อยากนอนเต็นท์ และสุดท้าย อยากมีสุขร่วมเสพกับเพื่อนๆจ้า
โดย: Yasmin วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:37:02 น.
  

เอารูปมาแจมด้วยจ้า
โดย: Yasmin วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:40:35 น.
  
ทริปนี้น่าหนุกดีนะคะ ไม่เจอลูกไฟ แต่ดันเจอลูกชิ้นซะงั้น พี่จิกน้ำเรา
โดย: The world is flat วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:07:57 น.
  
ที่เด็ดของการเดินทางครั้งนี้คือ หมูกระทะโต้ลมหนาวง่ะ เห็นแล้ว คราวหน้าไปอีกก้อลองชวนได้นะพี่
โดย: มหากิ๊ก IP: 158.108.225.59 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:48:29 น.
  
หมูกระทะโต้ลมหนาว ขอเลียนแบบหน่อยนะครับ อิอิ

จะไปโต้ลมหนาวที่ ภูสอยดาวซะหน่อย
โดย: fipflog วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:15:59 น.
  
ภาพแรกอ่ะ!!! มันเต็นท์เค้ารึป่าวอ่ะตัวเอง...
ปีหน้าไปกันใหม่เน๊อะ ปีนี้ไม่เห็น ปีหน้าก็ต้องเห็นล่ะวะ!!
โดย: เจกเบ่ง วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:43:24 น.
  
แหม..เสียดาย ไม่ได้กินเต้าหู้ทรงเครื่องของเราอีกตามเคย (อิอิ..) ไว้ไปเขาใหญ่กันใหม่เน้อลาภ เห็นภาพกะทะหมูเกาหลีแล้วนึกถึงตอนที่แหม่มคนนั้นมาถ่ายรูปพวกเราตอนกำลังปิ้งหมูเกาหลีกัน เธอคงคิดว่าคนไทยช่างสบายใจกับทุกสถานการณ์จริง ๆ ฝนตกขนาดนี้มันยังอุตส่าห์เอาเต๊นมาต่อ ทำเพิงนั่งกินหมูเกาหลีกันสบายใจเฉิบ

ปล. ที่นี่มีเต้าหู้แบบที่เราต้องการเพียบเลย.. บินตามมากินได้นะจ๊ะ..
โดย: ปลาหมึก IP: 164.161.40.124 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:30:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sabay-jai.BlogGang.com

จิกน้ำ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด