แมงดา ...เจ้าข้าเอ๊ย
อ้าว ก็แมงดาจริงๆน่ะสิเจ้าคะ แหม คิดว่ารำเพยจะเขียนเรื่องอะไรกันเหรอ ฮี่ๆๆ ไม่ได้เขียนเรื่องแมงดาที่มันมีสองขาเดินได้หรอกน่า พวกแมงดาอยู่บนบกน่ะ ไม่รู้จะเอามาเขียนทำไมกัน ก็รู้ๆกันอยู่ว่าวันๆไม่ค่อยทำอะไรเกาะผู้หญิงกินร่ำไปไงคะ

วุ้ย เข้าเรื่องก่อนนะ

พอดีเมื่อคืนอ่านข่าวย้อนหลังเรื่องอาหารการกินทั้งหลาย ก็เปิดไปเรื่อยๆถึงหมวดน้ำพริก ดันเหลือบไปเห็นน้ำพริกแมงดา แล้วก็เจอคำว่าแมงดามีพิษ ก็เลยเอ๊ะ ชักสนใจ เพราะจำได้ว่าตอนเด็กๆเคยอ่าน กาพย์พระไชยสุริยา (แต่งโดยสุนทรภู่ในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นกาพย์ที่สอนเรื่องมาตราตัวสะกด) ในกาพย์มีการเอ่ยถึง "เหรา" ในส่วนที่เป็น กาพย์ฉบัง 16 ไว้ดังนี้

ปลากะโห้โลมาราหู เหราปลาทู
มีอยู่ในน้ำคล่ำไป



หน้าตาของแมงดาที่กินได้


ตอนเด็กๆรำเพยเคยชอบกินไข่แมงดายำ หรือไม่ก็แกงคั่วไข่แมงดา แต่ว่าระยะหลังๆนี่ไม่ได้กินเลย ไม่ได้กินมาสิบกว่าปีแล้วมัง เพราะว่ามันไม่มีขายที่เมืองที่อยู่ แล้วรำเพยก็เลิกกินไข่เต่า ไข่แมงดา ไข่มดแล้วหละ คือไข่อะไรก็ตามที่ไม่ใช่ไข่เป็ด ไข่ไก่ และไข่นกกระทาก็ไม่กินละ ถือว่าเป็นของที่ไม่ควรกินเพราะว่ามันไม่ได้เกิดมาเป็นอาหารของเรา

เอ้า นอกเรื่องไปอีกแล้ว เอาข่าวเรื่องเหรามาเตือนกันค่ะ

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีกรมวิยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2537-2547) พบผู้ได้รับพิษจากการรับประทานไข่แมงดาทะเลทั้งสิ้น 125 ราย เป็นหญิง 26 ราย ชาย 99 ราย เสียชีวิต 3 ราย เป็นอัมพาต 1 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่สูงสุดในโลก โดยในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม มีกจะมีข่าวพบผู้ได้รับพิษและเสียชีวิตจากการบริโถคแมงดาทะเลบ่อยครั้ง

แมงดาทะเล (Horse-shoe crab)


แมงดาทะเลเป็นสัตว์ทะเลโบราณที่ยังคงเหลืออยู่ในโลกปัจจุบันเพียง 4 ชนิด ที่พบในทะเลไทยมีอยู่ 2 ชนิด คือแมงดาจานหรือแมงดาหางเหลี่ยม (Tachypleus gigas) และ แมงดาถ้วยหรือแมงดาหางกลม (Carcinoscorpius rotundicauda) ทั้งสองชนิดมีความเป็นอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างกัน แมงดาจานอาศัยอยู่ตามพื้นทะเล วางไข่ตามริมชายฝั่งที่เป็นดินทราย ส่วนแมงดาถ้วยอาสัยอยู่ตามพื้นทะเลที่เป็นดินโคลนและตามลำคลองในป่าชายเลน

เท่าที่มีรายงานในประเทศไทย เฉพาะแมงดาหางกลมเท่านั้นที่อาจเป็นพิษ และมักเรียกชื่อแมงดาที่เป็นพิษว่าแมงดาไฟ หรือ เหรา จนบางครั้งทำให้เข้าใจสับสนว่า เหรา เป็นแมงดาชนิดที่สาม จากคำบอกเล่ามักอธิบายถึงลักษณะของเหราว่าตามลำตัวมีขนยาวที่นักอนุกรมวิธานได้ศึกษาแน่ชัดแล้วว่า แมงดาไฟ หรือ เหรา ก็คือแมงดาหางกลมบางตัวนั่นเอง การเป็นพิษนั้นจะเกิดเฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - กันยายน เหตุที่แมงดาถ้วยมีพิษเป็นบางช่วงนี้ สันนิษฐานว่าเวลาดังกล่าวอาจมีการเจริญแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอนบางชนิด เช่น ไดโนแฟลกเจลเลต ที่สร้างสารพิษ แล้วแพลงค์ตอนชนิดดังกล่าวถูกกินโดยหอยหรือหนอนซึ่งเป็นสัตว์หน้าดิน เมื่อพิษเข้ามาสะสมในหอยหรือหนอนแล้วถูกกินโดยแมงดาทะเล พิษจึงมาสะสมอยู่ในเนื้อและไข่ของแมงดาถ้วย เมื่อคนบริโภคแมงดาถ้วยตัวที่มีสารพิษสะสมอยู่ จึงทำให้เกิดอาการพิษได้ แม้ว่าจะได้ปรุงไข่หรือเนื้อที่บริโภคให้สุดแล้วก็ตาม


หน้าตาของเหรา จะเห็นว่าสีเข้มแดง ด้านใต้ก็มีขนๆด้วย


อาการ อาการของคนที่บริโภคแมงดาถ้วยที่มีสารพิษเข้าไป จะทำให้เกิดอาการมึนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว ปากชาพูดไม่ได้ แขนขาอ่อนเปลี้ย กล้ามเนื้อไม่ทำงาน หมดความรู้สึกและอาจเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณที่บริโภคเข้าไปมากหรือน้อย

การรักษา เมื่อพบผู้ที่บริโภคแมงดาทะเลแล้วเกิดเป็นพิษ ให้ทำการล้างท้อง ทำให้อาเจียน และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

ที่มา
//www.sakura.cc.tsukuba.ac.jp/~elrouj/museum/data-introduction/data-intro-contents/kabutogani/4kabutoganis.html
//www.marinebiodiversity.com/dataweb/sea_anim.htm
//www.state.nj.us/drbc/crab/closelook.htm
//www.thaihealth.or.th/content.php?SystemModuleKey=MainContent&id=1794
//www.dnr.state.sc.us/marine/mrri/horseshoe/intro.htm
//webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=83



Create Date : 17 มิถุนายน 2548
Last Update : 17 มิถุนายน 2548 14:50:02 น.
Counter : 6753 Pageviews.

15 comments
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
The Last Thing on My Mind - Tom Paxton ... ความหมาย tuk-tuk@korat
(1 ม.ค. 2567 14:50:49 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
  
แมงดาจริงๆ ด้วยแฮะ
โดย: กึ่งยิงกึ่งผ่าน วันที่: 17 มิถุนายน 2548 เวลา:14:54:57 น.
  
ที่แท้ผู้สร้างเอเลี่ยนเค้าเคยมากินยำไข่แมงดาที่เมืองไทยมาก่อนนี่เอง
เลยได้แรงบันดาลใจไปสร้าง charactor เอเลี่ยน
โดย: หมาร่าหมาหรอด วันที่: 17 มิถุนายน 2548 เวลา:15:22:08 น.
  
ตามมาดูแมงดาค๊า

ขอบคุณที่ชมบล๊อกแบมนะคะ

โดย: yadegari วันที่: 17 มิถุนายน 2548 เวลา:15:29:01 น.
  
อ๋อแมงดา
โดย: แม่สาย วันที่: 17 มิถุนายน 2548 เวลา:21:04:21 น.
  
กินไข่แมงดาไม่เป็นอ่ะค่ะ




...
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 17 มิถุนายน 2548 เวลา:22:44:32 น.
  
แมงดา.......เหม็นอะค่ะ แต่เค้าว่าอร่อย
โดย: มีอมยิ้ม วันที่: 17 มิถุนายน 2548 เวลา:23:27:42 น.
  
แมงดาเป็นสัตว์โบราณ
แล้วคนที่ทำตัวเป็นแมงดาจัดเป็นสัตว์โบราณมั้ยคะเนี่ย
โดย: ไอติม IP: 202.57.146.62 วันที่: 20 มิถุนายน 2548 เวลา:23:38:32 น.
  
คิดได้ไงเนี่ยหนูไอติม

เอ แต่พี่ว่าเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เพราะว่าถ้าเรียกคนที่มีพฤติกรรมเหมือนแมงดา (ก็ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินน่ะ) จะไปเรียกว่าสัตว์โบราณคงไม่ได้หรอก เพราะว่าสัตว์โบราณที่ดีๆก็มีถมไป จะเรียกรวมไปแบบนั้นสงสารสัตว์โบราณนะ ไม่ดีไม่ดี

บ๊ะ ไอ้ครั้นจะเรียกว่า คนใจสัตว์ (ก็นิสัยเลียนแบบแมงดา) มันก็ไม่ได้นะ เยิ่นเย้อไปไม่ได้ใจความ

เรียกแค่ "แมงดา" น่ะดีแล้ว

เออออออออ แต่ถ้าแก่แล้วยังทำตัวเป็นแมงดาล่ะ แบบในหนังฝรั่งอะ ที่แก่ๆแล้วยังทำตัวเป็นผู้คุมหญิง พ่อเล้า หรือไม่ก็เกาะผู้หญิงกินอะ ควรเรียกว่าอะไรดี

แมงดาโบราณ ดีไหม
โดย: รำเพย วันที่: 21 มิถุนายน 2548 เวลา:5:45:31 น.
  
^
^
เรียกว่าแมงดาล้านปีดีกว่ามั้งคะ

ผ่านมาตั้งเป็นล้านๆ ปีแล้วยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมอีก
เป็นพวก anti-civilization 555
โดย: cocoa butter วันที่: 21 มิถุนายน 2548 เวลา:9:57:36 น.
  
โดย: นรีสง IP: 203.113.70.9 วันที่: 4 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:33:07 น.
  
ยินดีที่ได้ เข้ามาอ่านครับ
โดย: sivilize (sivilize ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2548 เวลา:3:12:12 น.
  

โดย: 1 IP: 61.91.193.221 วันที่: 16 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:57:02 น.
  
แมงดาจริงๆ
โดย: ฟำ IP: 61.19.97.68 วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:15:27:29 น.
  
เป้นสัตว์มาตั้งแต่ยุคที่คนยังไม่เกิด
โดย: ฟำ IP: 61.19.97.68 วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:15:29:00 น.
  
ฮา
โดย: ............... IP: 61.90.118.162 วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:03:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Rumpuey.BlogGang.com

รำเพย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]

บทความทั้งหมด