egypt & russia trip 4 : เที่ยวไคโรต่อ กลับจากเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ เราก็กลับเข้าโรงแรม เมื่อเช็คอินเสร็จก็อาบน้ำและพักราวครึ่งชั่วโมง ก็ออกตลุยเที่ยวต่อทันที ![]() เราเริ่มต้นที่ tahrir square โดยขึ้นเมโทร ค่าตั๋วคนละ 1 ปอนด์ ใช้เวลาเดินทางราว 30 นาทีไปที่ old coptic ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์ที่เคยเป็นที่ลี้ภัยของพระเยซูในอดีต ซึ่งเป็นโบสถ์ที่มีการตกแต่งที่ละเอียดงดงามมาก เมื่อเราก้าวเข้าประตู ก็มีชายฉกรรจ์เข้ามาทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรี ถามเราว่ามาจากไหน และอาสาเป็นไกด์นำชม ภาพโบราณและอธิบายถึงความหมายของการตกแต่งโบสถ์ และประวัติความเป็นมาของ hanging chruch ใช้เวลาเดินชมราวยี่สิบนาทีไกด์แปลกหน้าก็ขอตัวออกไป ปล่อยให้เราเดินเที่ยวชมกันอีกสักครู่ เมื่อใช้เวลาพอสมควรพวกเรากะว่าจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ เมื่อออกจากตัวอาคารก็ได้พบเขาอีกครั้ง คนหนึ่งในกลุ่มของเราบอกว่าน่าจะให้เงินเป็นสินน้ำใจแก่เขาบ้าง แต่เราลังเลกลัวจะหาว่าดูถูกเขา เพื่อนเราจึงเดินเอาเงินไปให้เขา 10ปอนด์ เมื่อไกด์แปลกหน้ารับเงินจากเพื่อนเราแล้ว ก็เดินตามมาอีก แล้วบอกว่า เงินนี้น้อยไปหน่อยขออีกได้ไหม เราจึงให้ไปอีก 10ปอนด์ โธ่เอ๋ยนึกว่ามีน้ำใจ ที่แท้ก็เป็นอาชีพนี่เอง ![]() ![]() เราเดินออกมาเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปที่ citadel หรือสุเหร่าโมฮัมหมัดอาลี แต่ใช้เวลาพอควรกว่าจะหาแท็กซี่ที่ตกลงราคากันได้ เพราะเห็นเราเป็นต่างชาติ เขาก็พยายามโก่งราคากัน แต่ตามข้อมูลจากโรงแรมค่าแท็กซี่ไม่ควรจะเกิน 10 ปอนด์ เพราะจากจุดที่เราอยู่จะใช้เวลาเดินทางราว ยี่สิบนาทีเท่านั้น สักพักเราก็ได้แท็กซี่ตามต้องการ แต่มื่อไปถึงก็มีการอิดออดเล็กน้อยเพื่อขอเงินเพิ่ม แต่เราให้ธนบัตรตามราคาแล้วก็ลงจากรถเลย ถ้าขืนชักช้าคงต้องต่อรองกันเสียเวลาอีกนาน ![]() citadel ก็คือป้อมปราการในอดีตที่ใช้ป้องกันศัตรู และในบริเวณเดียวกัน ก็จะมีพิพิธภัณฑ์ตำรวจ และพิพิธภัณฑ์ทหาร อยู่ใกล้ๆกัน เราต้องเสียค่าบัตรผ่านประตูอีกคนละ 30 ปอนด์ เพื่อเข้าในบริเวณซิทาเดล ![]() เราเดินเที่ยวในสุเหร่าโมฮัมหมัดอาลีราวครึ่งชั่วโมง ดื่มด่ำในความวิจิตรของโคมระย้าและการตกแต่งภายใน และมนต์เสน่ห์ของอาคารหินอ่อน ที่ดูขลังในความรู้สึก เมื่อใกล้เวลาปิดเราจึงเดินไปชมพิพิธภัณฑ์ตำรวจอีกสักพักจึงกลับ เราพยายามถามทางกลับโรงแรมกับเจ้าหน้าที่แถวนั้น แต่การสื่อสารคนละภาษาดูจะเป็นปัญหาพอควร สุดท้ายจับความได้ว่าเราจะต้องไปเริ่มต้นที่สถานีเมโทร โดยต้องเดินลงจากป้อมไปพอควร เราใช้เวลาเดินคลำทางไปราวยี่สิบนาทีก็เจอตลาด ซึ่งไม่ทราบชื่อ แต่ด้วยเป็นเวลาเลิกงานจึงดูชุลมุนวุ่นวายราวกับมีจลาจลย่อมๆ ทั้งผู้คนพยายามแย่งกันขึ้นรถโดยสารที่ยังจอดไม่สนิท หรือรถยนต์ที่พยายามเบียดเสียดกันโดยไม่สนไฟจราจร รวมทั้งผู้คนที่จับจ่ายซื้อของก่อนกลับบ้าน นับเป็นตลาดทีชวนปวดเศียรเวียนเกล้ามากทีเดียว เราพยายามสอบถามทางไปเมโทร แต่ด้วยปัญหาเรื่องภาษาที่ชาวอียิปต์มักพูดอังกฤษแทบไม่ได้ จึงทำให้การบอกทางยิ่งบอก เราก็ยิ่งสับสน เดินวนกลับไปกลับมาหลายรอบ จนพบกับชายแต่งกายคล้ายตำรวจที่พูดอังกฤษได้เล็กน้อย จึงเดินนำเราไปที่คิวรถและเจรจาต่อรองกับคนขับรถตู้ให้ไปส่งพวกเราที่สถานีเมโทรที่ใกล้ที่สุดด้วยราคาเหมารถตู้แค่ 10 ปอนด์ จากนั้นเราจึงนั่งรถตู้และไปต่อรถใต้ดินไปลงที่สถานี tahrir square ใกล้ๆที่พักของเรา เมื่อกลับถึงที่พักเราจึงงีบเอาแรง หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน พอตื่นอีกทีราวสองทุ่มเราจึงชวนกันออกมาเดินเล่นย่านดาวน์ทาวน์ซึ่งไม่ไกลจากที่พักนัก แต่หนึ่งในสมาชิกขอบายเพราะเดินทั้งวันจนเท้าบวม ย่านดาวน์ทาวน์ในไคโร ยิ่งดึกคนยิ่งมาก คงเป็นเพราะอากาศร้อนในตอนกลางวัน พอกลางคืนอากาศเย็นสบาย ผู้คนจึงออกมาเดินเล่นกันมากมาย ทั้งหนุ่มสาวตลอดจนเด็กและคนสูงวัย ทั้งหญิงทั้งชาย ขนาดสามสี่ทุ่มยังมุงแย่งกันซื้อไอศครีมกันราวกับแจกฟรี มื้อนี้ เราได้แซนด์วิชไส้ไก่กับผักดองเป็นมื้อเย็นสบายท้องไป เท่าที่เราสังเกตูดูร้านค้าต่างๆในไคโรจะพบว่า คนที่นี่ชอบแต่งตัวมากพอควรเพราะมีอาคารคล้ายศูนย์การค้า ทั้ง 4ชั้นในอาคารจะเป็นสินค้าสำหรับผู้ชายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า น้ำหอม เครื่องสำอางค์และโทรศัพท์มือถือ ส่วนเสื้อผ้าเด็กกับสตรีจะอยู่ในส่วนร้านค้าขนาดเล็กตลอดเส้นทาง และมีการตกแต่งหน้าร้านด้วยหุ่นสวมเสื้อผ้าแฟชั่น เรียงรายกัน ร้านละหลายสิบตัว ดูแล้วตระการตามาก แต่ปัญหาของเราคือ ราคาสินค้าล้วนเขียนด้วยภาษาอารบิคทั่งสิ้น เราจึงไม่สามารถทราบราคาสินค้าเลย ตามทางเท้าก็มีแผงลอย หนาแน่นพอควร และแผงลอยเหล่านี้จะลอยจริงๆเมื่อมีคนส่งสัญญาณว่ามีเทศกิจมา ก็จะยกแผง ลอยข้ามหัวผู้ซื้อไปอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเข้าซอย จนกว่าเทศกิจจะผ่านไป จึงออกมากางอีกครั้ง ดูแล้วก็เฮฮาดี เราเดินกันพักใหญ่ๆ จนได้เวลากลับที่พัก นอนเอาแรงอีกครั้งก่อนผจญภัยในวันรุ่งขึ้น ![]() ![]() |