ไปเที่ยวนอกเมืองกันเถอะค่ะ #2 Apeldoorn
เืที่ยวนอกเมืองจะเหมาะมากสำหรับคนที่มีเวลามาเที่ยวฮอลแลนด์ในช่วงหน้าร้อนที่โรงเรียนที่นี่ปิด (คือเดือนกรกฏาและสิงหาคม) คุณมากันเป็นคู่ หรือสามคนจะคุ้มสุด เพราะการรถไฟมีตั๋วซัมเมอร์ทัวร์ขายทุกปี ตั๋วนี้เฉลี่ยราคาแล้วนับว่าถูกมาก และไม่ต้องใช้ตั๋วลดชนิดอื่นๆมาประกอบให้ลำบากอีก เดินทางได้สองวันเต็มๆไม่ต้องติดกันภายในหนึ่งอาทิตย์ ไปไหนก็ได้ กี่รอบก็ได้ โดยรถไฟชั้นสอง ข้อแม้มีอยู่คือว่า ตั๋วนี้ต้องใช้ไปด้วยกันเสมอ จะฉีกแล้วไปแยกกันเดินทางไม่ได้นะคะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่อง Zomertoer และ NS trein ค่ะ


เอาหละมาเริ่มกันดีกว่า มัวแต่แนะนำรถไฟเสียยาว วันนี้ลี่จะพาไปเที่ยวพระราชวัง Het Loo ที่ Apeldoorn กัน เมืองนี้บ้านนอกมากๆ (ฮือๆๆๆ สำหรับสาวที่เคยอยู่แต่เมืองกรุงอย่างเรา) ต้องไปรอรถบัสสายละครึ่งชม บางสายรถมาชั่วโมงละคัน ตกรถที น้ำตาร่วงเลยค่ะ ขี้เกียจรอ ระยะเวลาเดินทางจากสถานีรถไฟรอตเตอร์ดัมเซ็นทรัล ไปถึงสถานีอาเปิ้ลดอร์น 1.5 ชั่วโมง เมืองนี้เป็นเมืองไม่ใหญ่แต่มีชื่อเสียงไม่น้อยเพราะมีสถานที่เที่ยวที่ลี่กำลังจะเล่าต่อจากนี้ไปนี่ล่ะค่ะ นอกจากนี้ Apeldoorn ก็ยังเป็นเมืองหลวงของเขต Veluwe ซึ่งอันนี้ไม่ได้แบ่งตามเขตการปกครอง แต่แบ่งตามเขตภูมิศาสตร์ของฮอลแลนด์ค่ะ


ทริปหน้าร้อนอย่างนี้ ลี่กะแฟนตื่นออกจากบ้านกันแต่เช้า(ปกติลี่ไม่เคยตื่นก่อนสิบโมงหรอกจะบอกให้ หึหึ) ปั่นจักรยานไปถึงสถานีรถไฟ หาที่จอดถูกต้อง ล็อคเรียบร้อยก็จับรถไฟเส้นทาง Urecht-Amersfoort-Apeldoorn-Deventer-Enschede ปกติมันจะิออกชานชาลาสิบสองหรือสิบเอ็ดทุกที วันนี้ก็วิ่งกระุจุย เกือบสาย (ทุกทริป ไม่เชื่อถามลูกทัวร์รายอื่นๆก่อนหน้านี้ดูนะคะ) แสตมป์ัวันที่บนตั๋วซัมเมอร์ทัวร์แล้วก็ไปจับจองที่นอนเอาแรงกันไว้


รถวิ่งโดยไม่แวะ ไปถึงอาเปิ้ลดอร์นตามคาดหมาย ไม่มีเลทสักนาทีเดียว สถานีรถไฟที่นี่เล็กจริงๆ แบบว่าไม่ค่อยมีเอกลักษณ์เท่าไหร่ เรื่องถ่ายรูปเก็บสะสมหน้าสถานีนี่ ลี่ยอมเสียสละไปอีกหนึ่งเมือง ท่ารถบัสที่นี่จอดออรวมกันอยู่ที่หน้าสถานีรถไฟ เป็นบริการรถของบริษัท BBA ที่เหมาสัมปทานรัฐบาลมาวิ่งร่วมกัน ราคารถบัสก็ถูกมากๆ ขอบอก เพราะจังหวัดนี้มีแค่โซนเดียวคือ 4055 ขึ้นไปเถิดท่านที่นั่งมีพอ แต่เพื่อให้ประหยัด ลี่ขอแนะนำตั๋ว EuroRetour Kaartje ราคาหนึ่งยููโร (ถูกกว่าตั๋วสตริปเปินการ์ดหนึ่งเท่าตัวพอดี) บอกแล้วไม่เจอยัยลี่จอมงก ไม่มีเสียหรอกเงินยูโรมิได้หลุดกระเด็น ตามทริปแนะนำทดลองนี้ จะีดีมากถ้าคุณเลืิอกขึ้นรถสายต่อไปนี้คือ สาย 102 104 96 หรือ สาย 10 เพราะรถสายต่อไปนี้มันจะผ่านใกล้ๆกับพระราชวัง เดินไม่ถึงสามหมายิ้มก็ถึงแล้ว วันนี้ลี่เลือกไปกะสาย 104 เผื่อลองเชิง ขึ้นไปบนรถแล้วก็บอกคนขับหน้าใส เอาตั่วยูโรเรอตูร์การ์ดสองใบ(อ้าวก็แฟนไปด้วยไง ตั๋วรถไฟซัมเมอร์นะยะ) รถวิ่งตดไม่ทันหายเหม็นก็มาจอดให้ที่ป้ายรถเมล์ Paleis Het Loo จะหลงทางอีกให้มันรู้ไปสิ เดินชิดขวาไปเรื่อยๆ ป้ายอันเบ้อเริ่มก็มาเชิญชวนให้เขาเข้าไป เข้าทางด้านนี้จะผ่านที่จอดรถไปก่อน เพราะงั้นไม่ต้องตกใจว่าทำไมเดินนานแล้วมีแต่ป่านะคะ


ค่าเข้าชมพระราชวังนี้มีให้เลือกสามแบบด้วยกัน คือปกติราคาอยู่ที่ 7 ยูโร ถ้าคุณทำตั๋วลดรถไฟ 40 เปอร์เซ็นต์(ราคา 55 ยูโร)ไว้ จ่าย 4.5 ยูโร และถ้าทำบัตรมิวเซียม ซึ่งบัตรนี้เข้าได้หลายพิพิธภัณท์ทั่วประเทศ (สนนราคา 30 ยูโร เกือบๆ) ก็เข้าไปโลด ฟรีค่ะ สาวลี่ก็มีบัตรมิวเซียมนี้ค่ะ วิ่งไปทำมาก่อนหน้านี้วันเดียวเอง แบบงกของฟรีไงคะ ก็เดินฉลุย เอาบัตรรูดเหมือนรูดเครดิตเลย เก๋มากค่ะ ส่วนคุณลาวก็จ่ายไป 4.5 ยูโร แล้วก็ได้บัตรเข้าพระราชวังพร้อมบัตรลดสถานที่เที่ยวอื่นๆในอาเปิ้ลดอร์นมาอีก อุ้ยดีค่ะ ชอบ


จากทางเข้าตรงนี้เราจะผ่านส่วนที่เป็นโรงม้าก่อน ตรงนี้นอกจากที่เก็บม้า(ซึ่งทุกวันนี้ม้าพวกนั้นไม่มีเหลือแล้วแหละ มีแต่เหลนและโหลนของมัน) ก็มีรถยนต์เก่าๆ ของพวกราชวงศ์ รวมทั้ง รถม้า รถเลื่อน รถขนศพ(อุ้ย พูดแล้วขนลุก) สวยๆ หลายยุคหลายสมัย น่าแวะเข้าชมมากๆ อย่าเพิ่งรีบเดินบุกเข้าตัววัง(ของจริง)ไปเสียก่อนนะคะ


หน้าตึกโชว์โรงรถโรงม้านี้ นี้ก็ยังมีรถม้าให้นั่งยืดอกทำเก๋อีกด้วย ราคา 1 ยูโร ก็ไม่ได้วิ่งไปไหนไกล ชมวิวแถวนั้นแหละคะ่ ถ้าใครชอบลองของก็ทดลองนั่งดูนะคะ เดินทางตรงนี้ตรงแหน่วไป เราก็จะผ่านป่าละเมาะเล็กๆตามสไตล์วังฝรั่ง ใครที่เคยไปแวร์ซายมาก่อน อาจผิดหวัง เพราะฮอลแลนด์ประเทศเล็กก็ทำใจไว้เถิดว่าพระราชวังก็จะเล็กตามไปด้วยนะคะ



มาเจอกะสนามหญ้าเขียวชะอุ่มและพระราชวังตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า อะฮ้า กำลังจะบุกเข้าไป ก็มีสาวใส่ชุดยูนิฟอร์มคนนึงทำเสียงจิ้งจกร้องทัก จิ๊กจั๊กๆๆ อ้าวเจ๊ ตั๋วเหรอค้า หนูนึกว่าจ่ายรอบเดียวเสร็จแล้วเสร็จเลย ว่าแล้วลี่ เจ๊แกก็เล่นง่าย เอาปากกามาจิ้มตั๋วเราเป็นรู แล้วก็ผลักไสไล่ส่ง ลี่ก็รีบบึ่งเข้าไปกะเข้าไปให้ทันคนที่เดินลิ่วๆเข้าไปก่อนหน้านี้ แต่เอ ทำไมประตูมันเปิดไม่ได้เลยสักประตูเนี่ย แล้วชาวบ้านเขาไปเข้ากันทางไหน แหะๆ หน้าแตกค่า เพิ่งเห็นว่าผู้เข้าชมนี่เขาไม่ให้เข้าทางประตูเจ้าของบ้าน แต่ให้เราเดินลงบันได (ซึ่งแอบอยู่หน้าประตูหลักด้านหน้านั่นเอง) สองข้างซ้ายขวาแล้วแต่ท่านจะเลือกเอาเถิด เอาละ ว่าแล้วเราก็มุดตามกันลงไป ข้างล่างเป็นห้องโถงใหญ่ใต้ดินแบ่งเป็นร้านค้าของที่ระลึกและห้องเก็บกระเป๋า เพราะว่าที่นี่เขาจะไม่ให้เราแบกเป้ขึ้นไป เอาไปได้แค่ของเล็กๆน้อยๆ อ้อ กล้องนี่เอาไปได้นะคะ แต่ห้ามถ่าย (ไม่ว่าใช้แฟลชหรือไม่ใช้ ห้ามทั้งนั้น ไม่ต้องมาถามลี่นะคะ ลี่ตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ) อนุญาตให้เอาไปไ้ว้ถ่ายสวนจากบนดาดฟ้าพระราชวังได้ค่ะ


เดินผ่านไปแต่ละห้อง โอ้มันอลังการดาวล้านดวงอะไรอย่างนี้ เพราะว่าพรม ผนัง เพดานและรูปวาดแต่ละรูปมันช่างละเอียดลออดีเหลือเกิน เป็นสไตล์ยุโรปที่เรียกไ้ด้ว่าค่อนข้างประณีตไม่แพ้ของไทยเรา ห้องที่แต่งไว้นี้ ไม่ได้เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ดั้งเดิม แต่เกิดจากการจัดใหม่และรวบรวมเอาของใช้ของกษัตริย์ พระราชินี เจ้าหญิงและเจ้าชายองค์ต่างๆที่เคยอยู่ที่นี่ทั้งหมดมาจำลองทำให้เหมือนจริง มาถึงห้องหนึ่ง ยัยลี่ตาซอกแซกก็อ่านเจอแล้วพบว่าต้นราชวงศ์ของดัชต์นี่จริงๆแล้วก็มาจากโรมันที่ไปครอบครองเมืองอยู่ทางฝั่งอังกฤษ แล้วก็กลับมาพบญาติที่อยู่ทางฝั่งฝรั่งเศส จนหาเรื่องมาครอบครองดินแดนน้อยๆที่น้ำท่วมทั้งปีทั้งชาติอย่างฮอลแลนด์นี่เอง (อ่ะน้า) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ Oranje Nassau ก็คือ Prince Willem van Oranje Nassauโอ้ย ขี้เกียจเขียนจัง เดี๋ยวจะแวะเอาเรื่องของราชวงศ์นี้มาแปะให้อ่านนะคะ


ออกจากตัวตึก ต้องรีบวิ่งลงไปในสวนที่มองเห็นเมื่อกี้ โดยเดินขึ้นมาจากห้องใต้ดิน มาโผล่ในสวนข้างๆ ถ้ามาช่วงกลางๆกรกฏานี่ดอกไม้หน้าร้อนกำลังสะพรั่งเลยเชียว ไม่ต้องแปลกใจทำไมมันมีแต่สีฟ้า ดูแล้วไม่วิริศมาหราตรงไหน ลี่ชอบแต่สีฟ้าอ่ะค่า จริงๆสวนเขาตัดแต่งไว้สวยมาก มีแพทเทิร์นลวดลายเป็นสูตรมาเลยเชียว น้ำพุก็มีทุกมุม ทั้งทางน้ำไหล น้ำตก น้ำพุ เข้าสไตล์ เดินไม่ทันเมื่อยค่ะ ที่น่าแวะุถ่ายรูปก็คือผนังกำแพงสวนจะมีต้นผลไม้ที่เขาทำไว้ให้มันเลื้อยบนกำแพงแต่ออกลูกกันดกพรึ่บไปหมด ทั้งแอปเปิ้ล ลูกแพร์ แอพปริคอท ลูกพีช ลูกมะเดื่อ เสียดายที่มันยังไม่สุก จะสุกก็ฤดูใบไม้ร่วง เลยอดขโมยเลยลี่อ่ะ (แว้ก ไม่ดีนะคะ เด็กๆอ่านแล้วอย่าทำตาม)


ฝั่งปีกขวามือของสวน มีสวนไม้เืลื้อยตระกูลพุทราที่เขาทำเป็นรูปตึก ข้างในสวยมากๆค่ะ ใบไม้มันจะคลุมตัวร้าน(เป็นโครงไม้) มีแสงแดดส่องรำไร ข้างในทางเดินก็มีประดับรูปปั้นหินพองาม น่าเข้าไปถ่ายหนังอินตะระเดียเสียนี่กระไร แบบให้นางเอกวิ่งไปซ่อนพระเอกแล้วโผล่หน้าออกมาหยอกทักทาย คิกๆๆๆ สวนฝั่งนี้ท่าจะเป็นสวนแถบทรอปิคอลเพราะมีต้นไม้แบบบ้านเราเยอะมาก ลี่เดินไปเจอเอาต้นไม้กอหนึ่งตกใจร้องกรี๊ดซะ ชาวบ้านหันมามอง (แหะๆ) บานไม่รู้โรยค่า ใครเนี่ย ใครเอามาปลูก ไม่ได้เห็นตั้งเกือบห้าปี ไม่ไ้ด้เว่อร์นะ ขนาดที่เมืองไทยยังไม่ค่อยเห็นแล้วเลย ว่าจะขโมยเอาเมล็ดมาปลูกที่บ้าน เขาก็เพิ่งบาน คงต้องรออีกสักพัก อดกันพอดี ไปเอาแหละ อยู่นานโดนจับเขาปิ้งแน่ หาเรื่องมาหลายรายการละ


ขาออกจากพระราชวังเราได้มีโอกาสแวะชมนิทรรศการในตึกปีกขวาของวัง วันนี้มีช้างของสะสมของเจ้าชายเบอร์นาร์ด(พ่อของพระราชินีเบอาทริกซ์)มาโชว์ให้ชมกัน เจ้าชายเบอร์นาร์ดท่านเป็นศิลปิน นักกฏหมาย และนักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวยงทีเดียวค่ะ ท่านดำรงตำแหน่งประธาน WWF หลายปีก่อนจะวางมือเพราะสุขภาพร่างกายไม่สนับสนุน ก่อนท่านเสียไป ก็ยกของสะสมให้ลูกหลานเพื่อเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อไป ช้างนี้มีทุกขนาด ทุกชนิด จากทุกประเทศ ทั้งแบบเก่า แบบสมัยใหม่ดีไซน์เว่อร์จนหนังตากระตุก และช้างที่แกะจากงาช้าง ช้างแก้ว ช้างออมสิน อูย เสียดายเดินไม่หมดค่ะ เพราะมันเยอะจริงๆ เดี๋ยวดูช้างเพลินจะอดไปดูลิงกัน


ออกมาจากที่นี่เราก็ต้องนั่งรถย้อนกลับไปที่สถานีรถบัสอีกครั้ง ก็ควักตั๋วเดิมยูโรเรอตูร์การ์ดอันที่ขามานั่นเอง ให้คนขับแสตมป์ขากลับอีกรอบ ไปถึงสถานีรถบัสให้แล้วเลือกขึ้นรถเบอร์ 3 ปลายทาง Rijkskantoor/Apenheul ซื้่อตั๋วแบบเมื่อกี้ใหม่อีกอันหนึ่ง เดี๋ยวเราจะไปดูลิงกัน แว้ก อะไรยัยลี่พาไปดูลิง เมื่อกี้ก็เกริ่นไว้แล้ว พูดจริงนะฮ้า ฟังแล้วเหมือนไม่หนุกใช่เปล่า แต่เดี๋ยวดูรูปแล้วจะชอบ Apenheul ทั้งเด็ก หนุ่มสาวและคนแก่ชอบกันทุกคน ที่นี่เป็นสวนลิงแบบเปิดที่มีลิงนิสัยดีๆ หน้าตาน่ารักๆ เดินชนกันไปมากะผู้เยี่ยมชม ลิงที่นี่ได้รับการเลี้ยงดูดีมากๆ จนเราน่ะอิจฉาเลยล่ะ อยากไปทำงานที่นี่ ลิงเขาฉลาดมากๆ แล้วก็มีมากกว่ายี่สิบชนิดด้วยกัน


แต่ก่อนจะเข้าไปได้ เสียค่าเข้าก่อนนะค้า ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ 14.5 ยูโร รถบัสจอดหน้าสวนลิงเลยคะ่ ป้าย Apenheul ถ้าไม่กล้าถามคนขับก็มองๆไว้ว่าคนอื่นที่พาลูกหลายหิ้วจูงพะรุงพะรังเขาเตรียมจะลงที่ไหนกัน ตามไปเลย รับรองไม่ผิดแน่ นอกจากจะเข้าไปดูลิงแล้วก็ัยังรวมค่าเข้าปาร์ค Berg en Bos ไว้ด้วย สวนลิงอาเปอะเฮิลนี้เปิดตั้งแต่เช้าเก้าโมงถึงห้าโมงเ็ย็น ถ้าหน้าร้อนก็เปิดเพิ่มอีกถึงหกโมงเย็นค่ะ (แต่ลี่ได้บัตรลดมาจากตอนที่ไปพระราชวังมาแล้วก็ใช้ซะเลย ลดไปอีกคนละสองยูโร) ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเมาท์ป้ายรถบัสที่เมืองนี้หน่อย ใครคิดจะนั่งรถชมรอบเมือง ขอแผนที่เมืองไว้ด้วยนะคะ ม่ายงั้นงงหัวแตก เพราะรถบัสที่นี่วิ่งแล้วมันไม่สวนกลับมาทางถนนเดิมค่ะ วิ่งแล้วหายเข้าป่าไปเลย แถมรถบัสเบอร์สามที่เรานั่งแต่ละป้าย ขำกลิ้งเพราะปกติเขาจะเลือกเอาชื่อถนนหรือชื่อย่านมาเป็นชื่อป้ายรถ แต่ที่นี่ กลัวชาวบ้านลงผิดป้ายก็เลยใช้นี่เลยค่ะ ป้ายแรก ตลาด ป้ายต่อมา ห้องสมุด ตามมาด้วย สถานีตำรวจ ป้ายโรงพยาบาล ป้ายสรรพากร กำลังคิดในใจอยู่่ว่า เหลืออะไรหนาที่ยังไม่มีป้ายรถเมล์เป็นของตัวเอง รถบัสที่นี่ก็วิ่งกันสับสนจริงๆ วิ่งเป็นใยแมงมุม โยงซ้ายทีขวาที ทะแยงมุมบ้าง โดยยึดเอาสถานีรถบัส(ตรงจุดสถานีรถไฟ)เป็นศูนย์กลาง รถทุกสายผ่านตรงนี้หมดค่ะ ไม่ต้องกลัวหลง ไปไหนไม่ถูกก็ขึ้นไปก่อน เดี๋ยวมันวนกลับมาตรงนี้เอง



เอาหละ นอกเรื่องไกลไปแล้ว กลับเข้าไปดูลิงดีกว่า ตัวที่เป็นขวัญใจลี่กะแฟนก็คือ Katta เป็นลิงขนาดกลาง หน้าเล็กรูปสามเหลี่ยม ที่หน้าเหมือนแรคคูน แถมมีหางยาวเป็นพวงลายดำสลับขาวด้วย น่ารักมากค่ะ ลิงพวกนี้มันจะมีอาณาบริเวณของตัวเอง จะไม่ยกพวกล้ำถิ่นกัน แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น มันก็จะพากันหนีกันไปทั้งฝูง วนกันไปมาแย่งที่อยู่กัน ลิงพวกนี้จะมีบ้านพักสำหรับเวลาฝนตก หรืออากาศหนาว เวลาเขาอยากกินก็กลับเข้าไปหาอาหารกินได้ในบ้านพัก แต่ละจุดก็จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยให้ข้อมูล แฟนลี่เคยไปตอนเด็กๆ เขาชอบมาก ได้อุ้มลิง ลิงก็กอดคอแน่นเลย (แน่ละซี้ มันนึกว่าเพื่อน ฮาๆๆ) แ่ต่รอบนี้ลี่ไปด้วย สงสัยจะดวงตก ไม่มีลิงหันมามองเลย อย่าว่าแต่เกาะคอ มีแต่ลิงสามสีตัวหนึ่ง เขากำลังเดินหาน้ำกินหลังฝนตก เดินเลียหยดน้ำตามกิ่งไม้ใบไม้มาตลอดทาง เห็นเราสองคนเข้า เข้าใจว่าเป็นต้นไม้ละมัง คนนึงก็เขียว คนนึงก็แดง(เป็นไปได้ หึหึ) เข้ามาคว้ามือหมับ ตอนแรกลี่ก็ต๊กกะใจ สงสัยได้ฉีดยาบาดทะยักอีกรอบแน่ตรู แต่เขามารยาทดีมากค่ะ เอามือค่อยๆจับมือเราไว้แล้วก็เลียๆๆ ลิ้นเขาก็ประมาณลิ้นแมว แต่ลื่นและนุ่มมากๆ โอ้โห ถ้าคุณเห็นเขี้ยวเขานะ ฮือๆๆ รับรองยืนนิ่งตะลึงๆๆๆตึงๆๆ เหมือนลี่แน่เลย ลิงเลียมือ เคลิ้มไปเลย ดีนะไม่เผลองับให้สักที ด้วยความมันเี้ขี้ยว คิกๆๆๆ หลังจากเลีย(ได้เกลือเค็มความงกของลี่) ไปอย่างเพียงพอแล้วเขาก็กระโดดกลับไปเล่นกะครอบครัว ว้าไปเสียแล้ว ลิงตัวแรกและตัวสุดท้ายที่หันมามองเรา เชอะ


ลิืงที่นี่เขาจะทำอะไรกับเราก็ได้ ทั้งโดดมานั่งตัก มาให้อุ้ม ขี่คอ ห้อยโหนตัวเรา แต่เราในฐานะแขกห้ามไปจับเขาเด็ดขาด เจ้าหน้าที่จะมาคอยดูแลให้แน่ใจว่าไม่มีใครฝ่าฝืนกฏ เพราะลิงมองแขกที่มาชมและเจ้าหน้าที่เป็นเพียงแค่คนใช้ของเขาเท่านั้น อันนี้จริงๆนะ ถ้าเราไปจับตัวเขา เขาจะเข้าใจว่าเราอยากแสดงความเป็นใหญ่ ทีีนี้ก็จะเกิดอาการเลือดตกยางออก เพราะลิงพวกนี้ ฟันคมอย่าให้บอกใครเลย นอกจากห้ามจับแล้ว ก็ห้ามนำอาหารมากิน เอาอาหารมาแจก เพราะลิงน่ะ ไวจะตาย หัวขโมยของแท้เลย ที่หน้าประตูเขาก็จะมีกระเป๋ากันลิงไว้แจก เราเอากระเป๋าเราใส่ลงไปได้ ผ่านการทดสอบแล้วว่าลิงเปิดไม่ได้ (ขนาดคนซื่อบื้อๆอย่างคนพิมพ์เรื่องให้เพื่อนๆอ่านนี่ ใส่เองยังเปิดไม่ได้เลย แง) ถ้าไม่อยากแบกไปให้หนัก ก็ใช้บริการล็อคเกอร์ได้คะ่ เป็นล็อกเกอร์เล็กขนาดมาตรฐาน ใส่เหรียญหนึ่งยูโร แล้วเดี๋ยวมันจะคืนให้ขาออก ตรงจุดนี้่จะมีห้องน้ำสะอาดๆ ฟรีๆ ไว้บริการลูกค้าด้วยค่ะ อย่าเพิ่งรีบไปเข้าที่ร้านอาหาร(ตรงด้านนอก)


เราก็เดินต่อกันมัน ฝนก็ตกไปพลางๆ ไล่ทั้งคนทั้งลิง แต่ลิงที่นี่ฉลาดจริงๆ พอฝนตกก็วิ่งกลับเข้าบ้านกันหมด บ้านเขามีประตูใสๆปิด แต่เห็นลิงเปิดเองกันได้ทุกตัว โอ้ หัดมาดีมากลูก อยากไ้ด้มาเลี้ยงที่บ้านจริงๆ รูปลิงมีให้ดูคงไม่เยอะนัก เพราะว่าฝนตก เขาก็เลยเข้าไปหลบฝนกันหมด อยากดูเยอะๆ เข้าเวบไปดูนะคะ Apen Heul นอกจากลิงแล้วที่นี่ก็ยังมีสัตว์อื่นๆอีกประปราย อย่างเก้ง กวาง เต่า และนกอื่นๆที่ปล่อยไว้ตามธรรมชาติ ขาออกจะกลับถ้าใครรู้สึกว่าถ่ายรูปลิงไปไม่สวยพอ แวะซื้อโปสการ์ดเพื่อสนับสนุนสวนลิงได้ค่ะ ราคาไม่แพงเลยถ้าเทียบกะโปสการ์ดพวกรูปทิวลิปเคอเคนฮอฟหรือรูปเมืองพวกนั้น อย่างน้อยคุณรู้ว่าเงินที่เสียไป เขาเอามาพัฒนาสร้างสวนพวกนี้เพิ่มขึ้นๆ ให้ลิงหลายๆพันธ์ได้มีที่อยู่ดีๆ ออกลูกออกหลาน ไม่สูญพันธ์


กลับออกมาจากสวน ขึ้นรถฝั่งเดิมกะที่ขามาน่ะแหละค่ะ เดินข้ามถนนไปเลย รุ้สึกอิ่มอกอิ่มใจได้ไปดูของสวยๆงามๆ ในวัง(ซึ่งตัวเองชาตินี้คงไม่มีปัญหาได้เหยียบย่างไปในวังจริง) แล้วก็ดูสัตว์เพื่อนมนุษย์น่ารักๆ ในสวน Apenheul อีก อีกหน่อยลีีต้องกลับไปแน่ๆ (เดี๋ยวเหอะจะทำทริปไปลงซะเลย)




Create Date : 06 กันยายน 2548
Last Update : 8 กันยายน 2548 19:46:20 น.
Counter : 861 Pageviews.

2 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
ไม่ลอดช่องโหว่ ปัญญา Dh
(2 ม.ค. 2567 13:44:30 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
  
รูปแรกเค้าตัดต้นไม้สวยดีน่ะลี่ ชอบๆ เราไม่ค่อยได้ปไหนเท่าไรเลย ไปบ้างนานๆที พวกขี้เกียจออกจากบ้านน่ะเราน่ะ

รูปสํตว์น่ารักทั้งนั้นเลย ลิงก็น่าร้าก แต่เราไม่เข้าใกล้นะกลัว อิอิ เคยเจอลิงข่วนตอนเด็กๆ กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยน่ะ 555 (แบบว่าตอนนั้น เอามือจับกรง ลิงเลยข่วนให้ สงสัยกลัวเรา 555)

ยิ่งฟังลี่เล่าเรื่องลิงแล้วกลัวหนักเลยง่ะ สงสัยไปนะเดินไม่เป็นแหงๆ 555
โดย: Peter en Jeab IP: 82.170.165.152 วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:19:59:15 น.
  
It's very beautiful naka khun Ley. I am interested to go there. How to go there if I departure from Amsterdam ka?
โดย: Nok IP: 145.116.8.249 วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:19:47:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Roydokmai.BlogGang.com

Smiley & Laurens
Location :
Rotterdam oude-west  Netherlands

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]