★ ค่ำหนึ่งในแดน silent zone (2008)




ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเย็นในช่วงปีใหม่ ณ ดินแดนไกลโพ้น ของวันที่ 2 มกราคม 2551

หลังจากที่นัดแนะกับเพื่อนๆว่าจะไปกินทั้งบรรยากาศยามเย็นและกินอาหารบ้านเฮา แถบๆ อ่างเก็บน้ำห้วยวังนอง (อ.เมือง จว.อุบลฯ) ซึ่งเมื่อก่อนรอบๆอ่างเก็บน้ำนี้เป็นพื้นที่บ้านพักอาศัยแต่ก็ยังมีพื้นที่ที่รกร้างเสียส่วนใหญ่และตอนนี้เขาทำใหม่ ปรับพื้นที่เป็นลานสำหรับออกกำลังกาย มีฟุตบาทกว้างราว 3 คนวิ่งเรียงหน้ากระดานได้สบาย สำหรับวิ่งจ๊อคกิ้งเบาๆยามเช้าและยามบ่ายแก่ๆ พอบ่ายแก่จัดจัด เจ้าของร้านอาหารหลายสิบร้าน น่าจะราวๆ 30 - 40 ร้านได้ (ก็รอบๆอ่างเก็บน้ำเนี่ยเป็นระยะทางตั้ง 7 กิโลเมตรแน่ะ) ก็ทยอยกันจัดตั้งโต๊ะเก้าอี้ ร้านจะเป็นแบบหลังคามุงใบจากและโต๊ะเก้าอี้ก็ทำด้วยไม้ไผ่ แบบนั่งกับพื้นก็มี คือพื้นก็ปูเสื่อ มีโต๊ะญี่ปุ่นตั้ง มีเบาะ 4-5 อันไว้รองนั่ง เกือบทุกร้านขายอาหารประเภทคล้ายๆกัน คือ จิ้มจุ่ม หรือ แจ่วฮ้อน (อุปกรณ์ในการกินประกอบด้วย หม้อดินที่มีน้ำซุปปรุงจากข่าตะไคร้ใบมะกรูด ตั้งค้างอยู่บนเตาอั้งโล่ (ก็คือเตาถ่านนั่นแล) เป็นเตาเล็กๆที่ติดไฟใส่ถ่านร้อนๆแดงๆมาพร้อม เสริฟพร้อมกับ หมูหรือเนื้อเลือกเอาหนึ่งจาน และผักเช่นใบโหระพา, ใบชะพลู, ผักบุ้งผักกาด กระหล่ำปลีแลวุ้นเส้น ขาดไม่ได้แน่นอนคือ แจ่ว ที่ประกอบด้วย น้ำซุป น้ำปลาร้านิโหน่ย เหยาะน้ำปลานิด พริกป่นโรยลงไป ข้าวคั่วโรยลงไปแลตบท้ายด้วยต้นหอมหั่นฝอย.... จริงๆแล้วจะสอนทำอาหารหรอก ไม่ใช่เล่าเรื่อง silent zone 5555 .... )

เย็นนั้น เพื่อนๆที่นัดแนะกันไว้ตั้งเยอะ ก็มากันได้ตั้ง...3 คนแน่ะ ดีเหมือนกันไม่ต้องแย่งกันคุย (หัวเราะทั้งน้ำตา)

เวลา 3 ทุ่ม เรา 3 คน สองหญิงหนึ่งชาย ก็อิ่มหมีพีมันกับอาหารรสแซ่บและบรรยากาศที่เย็นสบายลมโกรกนิดๆ พอให้ได้กระชับเสื้อกันหนาว อิ่มแล้วเราก็จะขอตัวกลับ แต่บางคนก็อยากจะไปต่อที่อื่นอีกโดยมิได้นัดหมาย(เรา)ล่วงหน้า ไอ้เราเองอยากจะกลับเพราะต้องทำงานส่งเช้าวันรุ่งขึ้น แต่เพื่อนที่อุตส่าห์ท่องมาจากเชียงใหม่และนานๆได้เจอทีก็อิดออดว่าอยากให้ไปด้วยกันทั้งหมดและรับปากว่าไปแค่แป๊บเดียว ชั่วโมงสองชั่วโมงก็กลับ

เรามันประเภทใจอ่อนเลยเออออห่อหมกตกลงว่าไปก็ไป ไปสถานที่ที่เรา..ร้างการเยื่ยมเยือนเป็นแรมปี ..ผับ (หรือจะเป็น Bar/Club/Live music club หรือ Bar Restaurantไม่รู้ดิ แต่ก็ไม่เห็นมีใครสั่งข้าวมากินนะ...จะเรียกว่า เธค-ดิสโก้เธค ก็ดูจะเป็นภาษาที่โบราณเกิน เพราะหน้าตาร้านก็ไม่ได้โบราณแต่อย่างไร..)

เมื่อไปถึงร้าน(ผับ) เพื่อนมาจองโต๊ะไว้ก่อนแล้ว ได้ที่ที่ปลอดภัยมากๆคือ เข้ามุม และอยู่ในสุดของร้าน ที่ว่าปลอดภัยนี่หมายถึง ปลอดจากการปะทะสายตาแบบตรงๆของน้องๆหญิงชายที่ทยอยเข้าร้านกันมาเรื่อยๆอ่ะนะ...แต่จะว่าไป 3 เราซึ่งดูแล้วก็...เลียบๆเคียงๆกับน้องๆเค๊าๆด๊าย แฝงๆไป หน้าตายังตึงเต่ง ตีนกาตีนเหยี่ยวก็ยังไม่มี(ให้เห็นชัด 555) พอได้นั่งหลบมุมหน่อยก็เลยไม่เป็นที่สนใจเท่าไหร่ไง ดี...

ดนตรีในร้านก็เป็นวงเล่นสด นักดนตรีและนักร้องนำกะเกณฑ์ด้วยสายตาแล้วอายุน่าจะไม่เกิน 21-22 ปี เพราะงั้นเพลงที่เล่นก็จะ แรง เร็ว ร็อค หนักหน่วง ซึ่งก็ตามเคยว่า เราไม่รู้จักซักกะเพลง มีคุ้นๆบ้างบางเพลงอย่าง ช็อคโกแลต ของ Hangman นอกนั้นก็ ฟังๆแล้วก็โยกหัวตามได้อย่างเดียว วงขึ้นเล่นสดก็น่าจะราวๆ 30-40 นาที แล้วก็จะสลับกับเปิดเพลง ของ ไทเทเนียมบ้างเพลงสากลฮิบฮอบบ้าง...เปิดซักราว 20 นาที วงดนตรีเล่นสดก็ขึ้นมาเล่นอีกครั้ง

เพลงที่เล่นกันได้มันส์ได้สนุกอยู่ตลอดเวลาบวกกับคนเข้าร้านที่เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ แบบยิ่งดึกยิ่งเยอะ และก็ไม่เห็นจะมีกลุ่มไหนออกจากร้านไปเลย เพราะฉะนั้นในร้านก็จะเริ่มแออัด เสาที่ทางร้านทำเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆไว้รอบๆ กว้างแค่วางแก้วและวางแขนได้นั้น ก็ยังยืนล้อมรอบจนแน่น คนที่ชอบออกกำลังกายก็วาดลวยลายขยับแข้งขา จังหวะบีทของดนตรีก็เรียกร้องให้ทุกคนในร้านออกสเต็ปของตัวเอง ท่าเต้นกอล์ฟ-ไมค์ก็มีให้เห็น (อันนี้เพื่อนบอกว่า เนี่ย คนเนี้ยเต้นท่ากอล์ฟ-ไมค์...ถ้าไม่ได้เพื่อนบอกนี่แย่เลยนะเนี่ยเรา 555)

อยากให้นึกภาพตามว่าทุกคนในร้านเค๊าลุกขึ้นเต้น เมื่อยก็นั่งยกแก้ว จิบไปอึกนึงก็เต้นต่อ เหมือนกับทุกตารางฟุตมีความเคลื่อนไหว ยกเว้น มุมอับมุมหนึ่ง 3คนนั่งนิ่ง สายตาทอดไปข้างหน้า มองดูชาวบ้านเค๊าเต้น พลางยกขวดเบียร์ขึ้นจิบ อีกคนกดมือถือดูเวลา ในใจกังวลเรื่องงาน

ถ้าเป็นหนังย้อนยุคหน่อย มุมนี้ก็คงจะมีหยากไย่ ใยแมงมุมเกาะขึงระหว่างคนกับผนังร้าน แก้วน้ำก็คงจะมียุงลงไปวางไข่ ยกแก้วขึ้นจิบก็คงจะมีเสียงกระดูกลั่นเลื่อน เก้าอี้ไม้ก็เอี๊ยดอ๊าดเวลาขยับตัว มองไปหน้าร้านก็จะเห็นประตูสวิงแกว่งไกว นอกร้านไปหน่อยก็จะเห็นไอ้เจ้ากิ่งก้านต้นไม้เล็กๆปั้นตัวเองเป็นก้อนกลมๆ กลิ้มตามลมพัด แล้วก็นึกถึงมุมที่ อารากอน นั่งอิงผนังหลบแสงไฟแสงเทียนในร้าน และยื่นหน้าออกมารับแสงแสดงตัวก็ตอนที่ โฟรโด้ ทำแหวนหล่น หรือสวมแหวน หรือมาตามหาใคร หรือหนีใครมา (ต้องมีซักอันที่ถูกแหละ..555)ใน The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001)

นั่งๆอยู่ยังนึกขำตัวเอง ที่นั่งฟังเพลงเฉยๆ เพื่อนอีกคนก็จวนจะเพียบแล้ว อีกคนก็ยังนั่งสังเกตพฤติกรรมคนโน้นคนนี้ไปทั่ว

ยังดีที่พอมองหน้ากันเอง 3 คนแล้วยังรู้สึกว่ายังมีชีวิต มีเสียง(ถอน)หายใจอยู่

" เบื่อป่าว ...." เสียงหนึ่งถามทำลายความเงียบ เพราะจริงๆแล้วมันคุยอะไรกันก็ไม่ได้ เสียงเพลงกลบหมด ต้องตะเบ็งเสียงตะคอกใส่กันถึงจะได้ยิน เราก็บอก " ไม่ได้เบื่อ เพลงฟังได้ โยกหัวตามได้ แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ทางของเรา เท่านั้นเอง..."

ไม่นานนัก....

เมื่อกดมือถือดูเวลาอีกครั้ง เราก็ต้องส่งสัญญานกับเพื่อนว่าได้เวลาแล้วที่รถฟักทองจะมารับ เที่ยงคืนแล้ว ซินเดอเรลล่าต้องกลับแล้ว ทุกคนทั้งสองก็เห็นพ้องต้องกัน (ถึงแม้เราจะแอบเห็นแววตาของเพื่อนที่ออกอาการว่าอยากอยู่ต่อก็เหอะ) ก็พร้อมใจกันลุก ชักดาบเอ้ยไม่ใช่ ก็เรียกเค๊าเคลียบิลเก็บเงิน นางซินจะกลับแล้ว....

เสียดายที่วันนั้นไม่ได้ใส่รองเท้าแก้วไปด้วยจะได้ถอดวางไว้ที่หน้าบันไดร้าน ให้ใครซักคนเก็บมาคืน...หุหุ

จะถอดรองเท้าผ้าใบเก่าๆออกวางรึก็เกรงใจ....




++ ภาพประกอบ :: Night life in Tel Aviv,Israel --> //www.telaviv4fun.com




Create Date : 05 มกราคม 2551
Last Update : 5 มกราคม 2551 15:59:15 น.
Counter : 1289 Pageviews.

8 comments
หนึ่งวัน พันกว่าเรื่อง จันทราน็อคเทิร์น
(20 มี.ค. 2567 16:40:41 น.)
ถนนสายนี้มัตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 347 : ติดเป็นนิสัย ตะลีกีปัส
(20 มี.ค. 2567 14:10:12 น.)
a day full of good vibes พุดดิ้งรสกาแฟ
(16 มี.ค. 2567 17:34:35 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 347 : ติดเป็นนิสัย The Kop Civil
(11 มี.ค. 2567 14:12:42 น.)
  
เขียนได้เท่มากมายเลยเรนตั้น

ปีที่ผ่านมาเกือบเป็นปีที่ต้องนั่งเค้าท์ดาวคนเดียวซะแล้ว เนื่อง
จากเพื่อนๆไปทรมานตัวเองกันที่ฮ่องกงหมด (ฮ่าๆๆ)
ยังดีที่มีอีกส่วนตัดสินใจอยู่ที่นี้...

ก็นั่งตัดสินใจอยู่นานว่าจะทำอะไรกันดี จนได้ข้อสรุปว่าจะมา
ร้องคาราโอเกะข้ามปีกัน โอเคมันก็ไม่ใช่ออปชั่นที่แย่นักน่ะ แต่
ถ้าเลือกได้ก็คงจะไม่เอาล่ะ (เพลงไทยก็มีน่ะ แต่รุ่นประมาณ
xyz, ป้าbird หรือกระทั่งติ๊นา อ่ะคิดดู ฮ่าๆ)

สรุปว่าเราเริ่มร้องกันตั้งแต่ห้าทุ่มของวันที่สามสิบเอ็ด
แล้วไปสิ้นสุดตอนเจ็ดโมงเช้าของปีใหม่ (ทุกคนบ้าไปแว้วว)
เรากลับถึงห้องก็พุ่งหลาวบนเตียงทันที (ไปตื่นอีกทีก็...เมื่อไหร่หว่า
)

สรุปว่ามันก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก ใช่ไหม
โดย: BloodyMonday @ GZ IP: 211.136.200.186 วันที่: 5 มกราคม 2551 เวลา:17:50:54 น.
  
อ่านแล้วนึกภาพตามไปแบบเห็นภาพ
ได้ชัดเจนเลยค่ะสำหรับมุม 3 คน นั่งมองเค้าแด๊นซ์
เพราะเคยมีแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่านานแล้วอ่ะคะ
อ่านแล้วเลยนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ .. ที่อารมณ์
กึ่มๆ อยากนั่งดูคนอื่นเค้ามีความสุขกัน หน้าเลยออก
เนือยๆไปเลย แต่ว่าก็สนุกดีค่ะ ปสก.ใหม่ๆ สำหรับ
ปีใหม่ๆ
โดย: JewNid วันที่: 5 มกราคม 2551 เวลา:20:41:53 น.
  

รูปเก๋มากๆ

เพิ่งจัดอันดับ TOP10 อัลบั้มเพลง ไปดูได้นะจ๊า
โดย: merveillesxx วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:12:56:22 น.
  
แวะมาฟังเรื่องราวคนได้ไปเที่ยวปีใหม่ครับ อิจฉาจริงๆเลย
โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:15:15:51 น.
  
อ่านไปเพลินดีเหมือนกันนะฮะ ... กับอารมณ์ สังสรรค์ วันพบเพื่อน.. ถือซะว่าฉลองปีใหม่ให้กับความเหน็ดเหนื่อยของงานที่กังวล(ตลอด) เหอะๆ .. ทั้งเเสง สี เสียง มันก็มากระตุ้นต่อมอยากของคนเราได้อยุ่หรอกนะฮะ แต่เมื่อความเงียบเข้าไปอยู่ในความโกลาหลอย่างนั้น ผมว่า มันก็(แปลก) ดีเหมือนกันนะ ... อย่างน้อยๆ ก็เป็นการฉลอง อะ..
โดย: haro_haro วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:16:17:23 น.
  
S t a r s a i l o r

จากบล็อกคุณ cottonbook
โดย: haro_haro วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:19:49:53 น.
  
ช่วงนี้ขี้เกียจอย่างมหาศาล ไว้จะพยายามอัพบล็อกให้นะครับ

อีกอย่างช่วงนี้ช่วงนี้ไม่มีหนังน่าสนใจที่น่าวิจารณ์สักเท่าไหร่ (หรือไหนอีกกรณีก็คือ หาประเด็นไม่ได้นั้นเอง 55+)


แล้วยังไงจะพยายามอัพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้นะครับ อิอิอิ+
โดย: chubbymature (chubbymature ) วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:23:09:47 น.
  
เคยมีอารมณ์เทือก ๆ นี้เหมือนกัน ตอนอยู่ ผับ บาร์ หรือแม้กระทั่งนั่งกินกับ (So-called) เพื่อนกันเอง

"...ว่ามันไม่ใช่ที่สำหรับเราว่ะ"
โดย: ShadowServant วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:3:47:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Renton.BlogGang.com

renton-renton
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด