ผลไม้ที่ว่าก็คือ มันแกว เป็นผลไม้สีขาวๆ  มีรสชาติอมจืดอมหวานกินตอนแช่เย็นๆจิ้มน้ำพริกเกลืออร่อยชื่นใจจริงๆ หรือนำมาทำเป็นอาหารไทย จีน ฝรั่งได้อร่อยไม่แพ้กัน 

ถึงแม้ว่า มันแกว จะมีรสชาติจืดๆ ราคาไม่แพงแต่มีคุณประโยชน์มากมายตั้งแต่หัวมันแกวจนถึงรากเลยทีเดียว เรามารู้จัก มันแกวกันค่ะ

มันแกว เป็นพืชเถาเลื้อยตระกูลถั่ว มีถิ่นกำเนิดในหลายพื้นที่เช่นในแถบอเมริกากลาง แอฟริกาตะวันออก และในประเทศแถบทวีปเอเชียคือ ฟิลิปปนส์ อินเดีย จีน อินโดจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ในประเทศไทย

ส่วนที่รับประทานได้คือ ราก ซึ่งสะสมอาหารขนาดใหญ่ใต้ดินที่เรียกกันว่า หัวมันแกว 

หัวมันแกว มีลักษณะมนกลมปลายเรียวแหลม เปลือกเหนียวบาง สีน้ำตาลอ่อน เนื้อข้างในสีขาว กรอบฉ่ำ เคี้ยวแล้วรู้สึกกรอบคล้ายลูกสาลี่สด  มีรสคล้ายแป้งแต่ออกหวาน โดยทั่วไปจะรับประทานสดๆ หรือจิ้มกับพริกเกลือ 

หัวมันแกวอ่อน นำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวหวาน หรือกินหัวสดเหมือนกินผลไม้ก็ได้ 

 เช่น แกงส้ม แกงป่า ผัดเปรี้ยวหวาน ผัดไข่ เป็นส่วนผสมของไส้ซาลาเปา และทับทิมกรอบ

ฝักอ่อน นำมาต้มจิ้มรับประทานกับน้ำพริก ทางภาคอีสานนิยมนำมารับประทานกับส้มตำ 

คุณประโยชน์ของหัวมันแกวสด ให้ความฉ่ำกรอบสดชื่นเหมือนเนื้อผลไม้ ช่วยดับร้อนให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี เพราะในเนื้อมันแกว 100 กรัม เป็นน้ำถึง 90.5 กรัม 

หัวมันแกวมีคาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม โปรตีน 0.9 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 16 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม ไทอะมิน 0.03 มิลลิ กรัม ไนอะซิน 0.3 มิลลิกรัม และวิตามินซี 9 มิลลิกรัม

รสหวานของเนื้อมันแกวมาจาก   สารอินูลิน (Inulin) ซึ่งเป็นน้ำตาลโอลิโกฟรุกโทส (Oligofructose) ที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้ มันแกวจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก 

แต่เมื่อมันแกวมีประโยชน์แล้วมันย่อมมีโทษที่พึงระวังด้วยเช่นกัน ได้แก่ ใบแก่และฝักแก่มันแกวมีพิษ ห้ามรับประทานโดยเฉพาะเมล็ดในฝักแก่มีสารพิษชื่อ โรทีโน (Rotenone) เพซีไรซิด (Pachyrrhizid) มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลงศัตรูพืช สูตรยากำจัดหนอนและเพลี้ย เมื่อกินเมล็ดมันแกวที่เป็นพิษเข้าไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ฯลฯ

 "มันแกว" แม้มีโทษ แต่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งช่วยดับร้อนและควบคุมน้ำหนัก อยู่ที่ว่าเราจะฉลาดกินอย่างไรให้เป็นคุณแก่ร่างกายกันนะคะ