"ยุพดี แม้ภายนอกเธอจะดูเก่งกาจและแกร่งเพียงใด แต่ภายในใจเธอกลับอ่อนไหวยิ่งนัก" นอกจากประเพณีการลอยกระทงนี้ จะเป็นประเพณีเก่าแก่ที่งดงามแล้ว ก็เป็นประเพณีที่แสนโรแมนติกมากๆ ซะด้วย ทำให้ ระลึกไปถึงความสวยงามแบบสมัยเก่า ที่เมื่อไม่นานนี้ ปุ้ยได้ชมภาพยนตร์โศกนาฏกรรมรัก ที่เวลาไม่อาจกีดกั้น ปิดบังความสัมพันธ์อันล้ำลึก เมื่อความรักจักต้องอยู่คู่กันตราบจนวัน ~ “ชัวฟ้าดินสลาย” ปุ้ยได้รับแรงบันดาลใจอย่างมาก จากหญิงสาวผู้หลงไหลในความอิสระแต่กลับบูชาความรักอย่างลึกซึ่ง ชื่อของเธอ คือ ยุพดี แม้ภายนอกเธอจะดูเก่งกาจและแกร่งเพียงใด แต่ภายในใจเธอกลับอ่อนไหวยิ่งนัก อีกทั้งรักที่เคยชอกช้ำแต่คราวอดีต ที่ไม่อาจหวนย้อนกลับไปแก้ไข แต่เธอก็ยังคงเชื่อมั่น ในความรัก ไม่แม้แต่ บทบาทและอารมณ์ที่น่าหลงไหลเท่านั้น การแต่งองค์ทรงเครื่องของเธอก็เป็นแรงบันดาลใจอย่างมากเลยทีเดียว คอนเซปท์ของเราในวันนี้ คือ การผสมผสานระหว่างศิลปะความงามแบบย้อนยุค ความสง่าสำรวมด้วยท่วงที แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดที่จะทำให้ทุกคนตกอยู่ในห้วงอารมณ์ รัก การแต่งหน้าโทนสีเอิร์ธโทน โดยใช้เทคนิกการเล่นแสงเงามากกว่าการเล่นสีสรร และสัญลักษณ์ที่โดเด่นที่สุด คือ การทาลิปสีแดงๆ นั่นเอง ผิวหน้า (Face) ~ เน้นการแต่งผิวให้นวลผ่องดังแสงจันทร์ โดยการลงรองพื้นแบบบางเบา และให้โทนสีที่อ่อนกว่าผิวจริงเล็กน้อย และผิวสัมผัส (Texture) ที่ไม่มีความันวาว ทำให้ผิวหน้าดูผ่องใสและนวลเนียนแบบสาวยุคโบราณ รวมทั้งเทคนิคารเล่นแสงเงาที่โครงหน้าให้เข้าที เพื่อไม่ให้ผิวหน้าที่สว่างกว่าผิวจริงนั้นดูโอเวอร์ (หรือที่เรียกกันว่า หน้าวอก) แต่อย่าลืมว่าไอเท็มที่ใช้จะต้องเป็นเนื้อแม็ทด้วย นะ ดวงตา (Eyes) ~ ดวงตาที่ซ้อนเร้นเสน่ห์แห่งเงาจันทร์ การเน้นลูกเล่นการเพิ่มเงาให้กับเบ้าตา ทำให้ตาดูมีความเว้าลึก คล้ายตาของคน ฝรั่ง และเพิ่มเสน่ห์ด้วยเทคนิคการเขียนขอบตาให้หนา แต่มีลายเส้นที่พริ้วดูอ่อนไหว รวมทั้งการใช้ขนตาปลอมเข้ามาช่วยทำให้ตาดูมีเสน่ห์ขึ้น โดยทิ้ง ขนตาให้หนาและตกที่หางตา พวงแก้ม (Cheeks) ~ แก้มที่ดูผ่องใสเป็นธรรมชาติ ด้วยสีน้ำตาลพีช ไม่เน้นการลงน้ำหนักแต่ การทำให้ใบหน้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยการปัดตามแนวโหนก แก้ม เรียวปาก (Lips) ~ เรียวปากที่ทรงเสน่ห์และย้วนยวนด้วยสีแดง ที่เป็นสัญลักษณ์ความงามของสาวยุคเก่า เลย โดยพื้นที่ของรูปปากต้องระบายสีแดงให้เต็มเรียวปากโดยเฉพาะความหนาที่จะ ทำให้ปากดูเอิ่มเอิบและทรงเสน่ห์เวลาเอ่ยวาจา< /span> ทรงผม (Hair): ทรงผมหวานๆ แบบย้อนยุคด้วยเทคนิค ลอนเปียก การแต่งตัว (Outfit): การแต่งตัวแนววินเทจที่ดูหรูหราแบบสมัยก่อนนั้น อย่างเดรสผ้าชีฟอง สีโอรส ปุ้ยลองปรึกษาน้องฮิปโป (Stylist) น้องฮิปได้ชุดของพี่ที่สนิทคนหนึ่งเขาเคยใช้ชุดไปถ่ายงานยุค 20's ซึ่งในยุคนั้นเค้าจะนิยมใส่เดรสเป็นทรงกระบอกทิ้งตัว ไม่เน้นทรวดทรง สีจะเป็นแนวพาสเทลหรือไม่ก็สีโทนเดียว ไม่มีลวดลายกราฟิก (Silhouette) ซึ่งชุดที่เราเลือกมา ก็เป็นชุดที่มีดีเทลในตัวเองอยู่แล้ว ด้วยการใช้ไหมญี่ปุ่นมาทำให้ชุดดูมีลูกเล่นมากขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องเครื่องประดับ จึงไม่ควรจะใส่เยอะ ถ้ากลัวว่าช่วงบนจะโล่งเกินไปก็ควรใส่สร้อยแค่เส้นเดียว (อาจจะเป็นเส้นใหญ่ๆเลยก็ได้) เข้าคู่กับต่างหูที่ดูเข้ากัน ลง มา ตรงช่วงมือ กำไลและแหวน ควรจะเลือกเครื่องประดับแค่ชิ้นเดียวเช่นกัน ถ้าจะใส่กำไลก็ต้องถอดแหวนซะ กำไลก็ใส่ได้แค่วงเดียวเท่านั้น เพราะมิฉะนั้น การที่เราใส่อะไรมากไปกับชุดที่มีดีเทลอันน่าสนใจอยู่แล้ว นอกจากจะไปเป็นการแย่งความสนใจออกไปจากชุด ยังจะทำให้ตัวของคุณดูเยอะแยะ พะรุงพะรัง และความสวยงามในเรือนรางของอิสตรีจะจางหายไปเลยที เดียว และการใส่ถุงน่องในสมัยก่อนนั้น คือ ชิ้นหลัก (Key piece) ของวินเทจในหลายๆ ยุคเลยก็ว่าได้ จึงขาดไม่ได้ที่เราจะนำถุงเท้าไนลอนสีขาวมาเข้าคู่กับชุดยุค 20’s โดยเลือกใช้สีขาว เพราะจะทำให้ดูเรียบร้อยและดูหรูหราเข้ากับคาแร็ก เตอร์ แล้วแม็ทสีแดงที่เล็บมือ เพื่อให้เกิดการผสมผสานอย่างลงตัว ง่ายๆ เพียงเท่านี้ปุ้ยก็สามารเปลี่ยนลุคตัวเองเป็นสาวที่แกร่งกล้า และทรงเสน่ห์ได้แล้วค่ะ |