[ Deep-Review ] Pantene Recharging Fluid Pro-V

ตามความเดิมที่เคยทิ้งท้ายเอาไว้ว่าปูเป้จะมาอัพเดทผลหลังการใช้ Pantene Recharging Fluid Pro-V สูตร Total Care เป็นเวลา 2 สัปดาห์ให้ได้อ่านกัน โดยในระหว่าง 14 วันที่ผ่านมานั้นปูเป้ก็ได้อ่านตำราที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเส้นผมและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเพื่อนำข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกัน และหากใครที่มักจะประสบปัญหาสิวหลังการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมอย่างที่ปูเป้มักเจอแล้วล่ะก็ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะครับ


(ส่วนผสมของแชมพู Pantene Recharging Fluid Pro-V จะเห็นได้ว่าแชมพูอื่นๆ ก็มีส่วนผสมที่แตกต่างกันไม่มากนัก)


รีวิวในคราวนี้คงไม่เหมือนรีวิวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป เพราะว่าการอ่านส่วนผสมนั้นจะมาใช้กับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมได้ไม่ค่อยมากนัก เหตุผลก็เพราะว่าส่วนผสมของแชมพู คอนดิชันเนอร์ หรือทรีตเม้นต์นั้นหลัก ๆ แล้วก็แทบไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ มันก็จะวนอยู่ที่ สารทำความสะอาด (Surfactant) ตัวยอดนิยมอย่าง Sodium หรือ Ammonium Laureth Sulfate และอื่น ๆ ผสมกัน 2 – 4 ชนิด เพื่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่มากน้อยแตกต่างกันไปสำหรับเส้นผมชนิดต่าง ๆ มีส่วนผสมของสารเคลือบและซิลิโคนที่จะช่วยปิดเกล็ดผมให้เรียบลื่น ส่วนผสมของสารประจุบวกที่เข้าไปสลายประจุลบของผมที่เสียหายให้เส้นผมไม่ชี้ฟูหรือพันกัน อาจจะมีส่วนประกอบของโปรตีนและกรดอะมิโนจาก Wheat หรือ Silk เพื่อช่วยเติมเต็มส่วนที่สึกหรอของผมเป็นการชั่วคราว (ย้ำว่าแค่ชั่วคราว) ที่เหลือก็เป็นพวกสารเติมแต่งอย่าง สี น้ำหอม สารกันเสีย ตัวทำให้ส่วนผสมข้น และ “ส่วนผสมพิเศษ” อย่างพวกสารสกัดต่าง ๆ ที่จะมาเป็น “จุดขาย” (มีประโยชน์แค่ในเชิงของการตลาด แต่ไมได้มีประโยชน์กับเส้นผม)

เมื่อส่วนประกอบของแชมพูและคอนดิชันเนอร์นั้นแทบจะไม่แตกต่างกัน (กว่า 90% ของแชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่วางขายทั่วโลก ใช้เทคโนโลยีที่มีรากฐานมาจากต้นแบบของแชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่ Proctor & Gamble ได้คิดค้นเอาไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1980) สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นแตกต่างก็คือ “ความรู้สึก” หรือ “Feel” หลังการใช้เป็นหลัก



การคิดค้นสูตรสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมนั้นจึงเน้นการผสานส่วนประกอบต่าง ๆ ในสัดส่วนที่พอดี จนได้สูตรที่มอบผลลัพหลังการใช้ออกมาดีที่สุด กว่าจะได้แชมพูและคอนดิชันเนอร์หรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมออกมาสู่ท้องตลาดแต่ละชิ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีการทดสอบกับเส้นผมจริงหลายพันครั้งเพื่อที่จะได้สูตรที่ให้ Feel แก่เส้นผมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดีที่สุด (ผู้คนแต่ละทวีปของโลกมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป อย่างคนไทยชอบแชมพูที่ฟองเยอะ ๆ เพราะเชื่อว่าทำความสะอาดได้ดี แต่คนอเมริกาใต้เชื่อว่าแชมพูที่ฟองเยอะ ๆ นั้นรุนแรงเกินไปและทำให้ผมแห้ง จึงต้องผลิตสูตรที่ฟองไม่มากออกมาจำหน่ายแทน)

ข้อเท็จจริงอีกหนึ่งข้อที่ปูเป้อยากให้ทุกได้รู้เอาไว้ก็คือ “แชมพูในซูเปอร์มาร์เกต กับแชมพูในซาลอนทำผมราคาแพงนั้น แทบจะไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย” ในแง่ของส่วนผสมนั้นอาจมีความแตกต่างในเรื่องชนิดของสารทำความสะอาด สารกันเสีย หรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่ใช้บ้าง แต่คุณสมบัติหลัก ๆ ของแชมพูก็คือการ “ทำความสะอาด” และ คอนดิชันเนอร์ ก็ช่วย “เคลือบปิดเกล็ดผมให้เรียบลื่น” เท่านั้น

ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมราคาแพงตามซาลอนไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพมากกว่า หรือสามารถซ่อมแซมผมแห้งเสียได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป เพราะ “เส้นผม” ทันทีที่งอกพ้นออกมาจากรากผมก็เป็น “เซลล์ที่ตายแล้ว” (นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเราตัดผม จึงไม่รู้สึกเจ็บ) เซลล์ที่ตายแล้ว ไม่อาจถูกชุบให้กลับมามีชีวิตหรือซ่อมแซมตัวเองได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงกว่า (เว้นแต่ว่าเราดันไปแพ้ส่วนผสมของแชมพูครีมนวดผมที่หาซื้อได้ในซูเปอร์มาร์เกตส่วนใหญ่ แต่ดันไปถูกกับแชมพูครีมนวดผมราคาแพงตามซาลอนพอดี กรณีนี้ก็คงต้องลงทุนใช้ของแพงกันหน่อยล่ะครับ)



ในแง่ของส่วนผสมแล้ว Pantene Recharging Fluid Pro-V สูตร Total Care ก็ดูไม่ได้แตกต่างจากผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าที่ผมเคยใช้เมื่อหลายปีก่อนเท่าไรนัก แต่ความรู้สึกที่ได้หลังการใช้นั้นก็ถือว่าประทับใจกว่ามากเลยทีเดียว เพราะสูตรใหม่นี้ล้างออกได้ง่ายกว่า ผมรู้สึกนุ่มลื่นโดยไม่ทำให้ผมลีบแบนหรือเหนอะหนะ นอกจากนี้ยังทำให้ผมที่พึ่งผ่านการทำสีและไฮไลท์มาดูมีสภาพดีขึ้นและไม่พันกันเหมือนตอนก่อนใช้ และกลิ่นก็หอมแบบฟรุตตี้ถูกใจทีเดียว

เนื่องจากปูเป้เป็นคนที่เป็นสิวได้ง่าย จึงมักประสบปัญหามีสิวขึ้นตามไรผม หนังศีรษะ หรือแนวแผ่นหลังเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ทำให้ผมนุ่มนิ่มหรือมีส่วนผสมของซิลิโคนเยอะ สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าสารเคลือบผมเหล่านี้ตกค้างอยู่บนผิวจนเกิดการอุดตันและระคายเคืองขึ้น ซึ่งปูเป้ก็มีเคล็ดลับในการใช้แชมพูและครีมนวดผมเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาดังกล่าวมาแชร์อย่างเคย





เคล็ด(ไม่)ลับ สำหรับการใช้ "แชมพู" และ "คอนดิชันเนอร์" ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด


For Shampooing...

สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม การใช้แชมพูควรจะเน้นการทำความสะอาดหนังศีรษะเป็นหลัก เพราะจะมีทั้งเหงื่อและน้ำมันที่ผลิตออกมาจากรูขุมขน การนวดก็ควรนวดอย่างเบามือ ไม่ควรใช้แรงกดมาก หรือใช้เล็บเกาเพราะจะทำให้หนังศีรษะเกิดการระคายเคืองเป็นแผล ซึ่งส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และยังทำให้เกิดรังแคอีกด้วย ที่สำคัญคือก็คือต้องล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจดอย่างแท้จริง เพราะสารทำความสะอาดและสารกันเสียอย่าง Methylchloroisothiazolinone และ Methylisothiazolinone ที่พบในแชมพูทั่วไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรหลงเหลือเอาไว้บนหนังศีรษะเพราะอาจก่อการระคายเคืองหรือคันได้


(หนังศีรษะไม่ใช่กระดานซักผ้า นวดเบา ๆ ก็พอจ้า)


สำหรับเรื่องความถี่ในการสระผม... ตรงนี้ไม่มีข้อกำหนดที่ตายตัวว่าควรสระผมบ่อยแค่ไหน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน เอาเป็นว่าถ้ารู้สึกว่าหนังศีรษะเริ่มสกปรกเมื่อไหร่ก็ควรจะสระผมเมื่อนั้น สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายบ่อย ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเป็นประจำ ก็ควรจะสระผมทุกวันโดยเฉพาะตอนก่อนเข้านอน เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกและผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมาเปื้อนหมอนเปื้อนหน้าจนเป็นสิวได้ หากสระผมทุกวันควรเลือกแชมพูที่อ่อนโยนเป็นพิเศษเพื่อไม่ทำลายน้ำมันเคลือบผมและหนังศีรษะมากเกินไปด้วยนะครับ (สารทำความสะอาดที่น่ามองหาก็คือพวก Sodium Methyl Cocoyl Taurate, Cocamidopropyl Betain หรือสารที่มีชื่อใกล้เคียงกัน เพราะว่าค่อนข้างอ่อนโยนทีเดียว) แล้วก็อย่าลืมใช้คอนดิชันเนอร์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผมด้วยทุกครั้งล่ะ...


For Conditioning...

สำหรับการใช้คอนดิชันเนอร์นั้นให้เน้นที่บริเวณปลายผมเป็นหลัก เพราะเป็นส่วนที่ห่างไกลจากหนังศีรษะแล้วจึงขาดน้ำมันมาหล่อเลี้ยงจนขาดความเงางาม สำหรับผมที่ยังอยู่ใกล้กับหนังศีรษะนั้นมีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงอยู่แล้วไม่ต้องไปสาดคอนดิชันเนอร์ให้เปลือง เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่แล้วยังอาจทำให้หนังศีรษะมันเร็วขึ้นจนรู้สึกรำคาญหรือคันได้เป็นของแถม ควรทิ้งคอนดิชันเนอร์เอาไว้ประมาณ 3 นาทีเพื่อให้สารเคลือบผมทำงานได้เต็มที่แล้วจึงล้างออกให้สะอาดหมดจด



เราไม่จำเป็นต้องโชลมคอนดิชันเนอร์ลงไปบนหนังศีรษะโดยหวังว่าสารบำรุงต่างๆ ที่เขาเอามาโฆษณาจะซึมลึกถึงรากผมไปบำรุงผมจากภายใน เพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่ามันสามารถทำได้ (ต่อให้สมมุติว่ามันทำได้จริง ก็ควรจะอยู่ในรูปของ Hair Tonic ที่ทาทิ้งเอาไว้บนหนังศีรษะมากกว่าจะอยู่ในแชมพูหรือคอนดิชันเนอร์ที่ต้องล้างทิ้งในไม่กี่นาที) นอกจากนี้สารประจุบวกที่ใช้เพื่อลดการเกิดไฟฟ้าสถิตให้เส้นผมไม่ชี้ฟูหรือพันกันก็อาจระคายเคืองหนังศีรษะได้อีกเช่นกัน

การล้างคอนดิชันเนอร์ด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ เป็นสิ่งที่พึงกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นสิวได้ง่าย กรุณาโยนคำแนะนำจากช่างทำผมบางคน (ที่ไม่รู้ว่าเขาไปเอาข้อมูลมาจากไหน) ว่า “ควรเหลือคอนดิชันเนอร์ทิ้งเอาไว้บนผม” ทิ้งไปได้เลย เพราะคอนดิชันเนอร์ส่วนเกินเหล่านี้เมื่อสะสมไปนาน ๆ จะทำให้ผมดูลีบแบน ไม่เงางาม แถมยังทำให้เป็นสิวได้ง่ายเวลาผมมาเคลียสัมผัสผิวหน้าอีกด้วยอีกด้วย



การล้างคอนดิชันเนอร์ควรหงายหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำและคอนดิชันเนอร์นั้นไหลมาโดนผิวหน้า หลังจากล้างผมจนสะอาดแล้วค่อยล้างหน้า และอาบน้ำโดยใช้แปรงหรือผ้าถูบริเวณแผ่นหลัง และส่วนต่าง ๆ ที่คอนดิชันเนอร์ไหลผ่านเพื่อทำความสะอาดคราบที่อาจตกค้างอยู่ออกให้หมด วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอันมีสาเหตุมากจาซิลิโคนและสารเคลือบที่ผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมได้มากทีเดียว

หากการทำทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ผล ยังไงสิวยังขึ้นอยู่ดี ใกห้ลองเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่ปราศจากซิลิโคน (ส่วนผสมที่ลงท้ายด้วย –cone อย่าง Dimethicone และลงท้ายด้วย –ane อย่าง Cyclopentasiloxane) ดูนะครับ ยอมรับว่าหาค่อนข้างยากในตลาดบ้านเรา เอาเป็นว่าปูเป้ก็ขอเสนอให้ทาง P&G ลองทำผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบบปราศจากซิลิโคนดูบ้างก็ดีนะครับ







สรุปแล้ว หลังจากได้ลองใช้ Pantene Recharging Fluid Pro-V สูตร Total Care ควบคู่ไปกับการเคล็ดลับการใช้ที่นำมาฝากกันด้านบนนี้ ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ปูเป้ยังไม่ประสบปัญหาสิวบนใบหน้าแถมผมก็นุ่มและมีกลิ่นหอมได้ทั้งวันด้วย

แต่สภาพเส้นผมของคนเราก็แตกต่างกัน ที่สำคัญอาการแพ้ที่มีต่อส่วนผสมต่างๆ ก็ยังไม่เหมือนกันอีกด้วย จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผม และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ตนเองแพ้กันด้วยนะครับ

หากสนใจ “Pantene Recharging Fluid Pro-V” ก็แวะไปชมข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.pantene.co.th หรือใน Facebook Page ของทาง Pantene ที่ www.facebook.com/pantenethailand ได้เลยครับ

www.pantene.co.th





Create Date : 31 สิงหาคม 2553
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 22:10:22 น.
Counter : 8889 Pageviews.

14 comments
  
ข้อมูลดีมากๆ ขอบคุณค่ะ
โดย: ืnanata (noina) IP: 125.24.213.87 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:06:11 น.
  
แวะมาเจิมพร้อมกับเก็บความรู้ค๊าบบบ
โดย: สะหวีวี่วี~* IP: 58.137.145.116 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:06:30 น.
  
ขอบคุณค่าคุณเป้ คราวนี้จะได้ลื่นปรื๊ด ๆ อย่างไม่กลัวสิวซะที ฮี่ๆ
โดย: joyfox IP: 58.136.94.43 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:20:17 น.
  
ขอบคุณค่ะ
โดย: mamee IP: 124.121.159.13 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:41:47 น.
  
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว
อยากให้คุณปูเป้รีวิวครีมทาตัว บ้างจัง จะได้ครบสูตร
หน้า. ผิว ผม. น่ะค่ะ
อิอิอิ ;)
โดย: PatZa IP: 27.55.44.60 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:17:01:16 น.
  
ถ้า Shampoo ตอนนี้ผมยกให้ Kiehl's Rice and Wheat เท่านั้นครับ สะอาด หอม และไม่เป็นสิวที่หลัง
โดย: คุณไก่ วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:19:48:43 น.
  
น่าอิจฉาพี่ปู้เป้จังครับ ผมใช้แล้วสิวเต็มหน้า เต็มหลังเลย T_T

ถึงจะยอมรับเลยว่า feel หลังสระมันดีจริงๆ แต่ผมคงต้องกลับไปใช้แชมพูเด็กเหมือนเดิม = ="
โดย: Gorloth IP: 110.164.167.43 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:20:16:24 น.
  
ขอบคุณค่ะ พี่ปู้เป้ แชมพูเก่าจะหมดพอดี
ไปสอยมาใช้บ้าง 55555
โดย: Kani Kani IP: 124.121.116.164 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:23:19:18 น.
  
เห้นด้วยกับคุณปูเป้ อยากให้มีแชมพูสูตรไม่ผสมซิลิโคนออกมาเยอะๆ ตอนนี้ก็พึ่งแชมพูเด็กไปก่อน ฮ่าๆ
โดย: พ่อมดน้อย IP: 112.143.12.113 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:23:31:15 น.
  
ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ที่ดีมากเลยครับ จะลองนำไปใช้ดู
ขอบคุณคุณปูเป้มาก ๆ เลย

ปล. เคยใช้ยี่ห้อนี้แต่แพ้ครับ เสียดาย ได้แต่มองตาปริบ ๆ T_T
โดย: Pawit IP: 172.16.5.85, 202.28.54.175 วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:9:22:25 น.
  
แวะมาเก็บข้อมูลค่พี่ปูเป้ แพนทีนตัวนี้หอม และผมนุ่มจริงๆ
โดย: KiRaRi วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:10:18:16 น.
  
กลับมาใช้เพราะคุณปูเป้นี่เหละ

โดยรวมถือว่าโอเคคะ โดยเฉพาะกลิ่นหอม
โดย: Jay IP: 115.87.107.101 วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:11:40:41 น.
  
ขอบคุณค่ะ ๐..
โดย: mssuchira วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:57:10 น.
  
****************************************************************
****************************************************************

***** Website: //bit.ly/2DrWpVn *****
Like us on Facebook: //bit.ly/2SAzGQx
Subscribe on our Youtube Channel: //bit.ly/2SP3RjC
Instagram: //bit.ly/2RRwWcW
Twitter: //bit.ly/2WVbozN
Tumblr: //bit.ly/2GjbjRG

****************************************************************
****************************************************************
โดย: Tammie Shuman IP: 163.172.136.205 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:9:39:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pupesosweet.BlogGang.com

PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [?]

บทความทั้งหมด